“สืบได้แล้วครับ อุบัติเหตุนั่นเกี่ยวข้องกับเนตรา”
คำพูดของนภดลกลับไม่ทำให้นรมนมีท่าทีอะไรมากนัก
“คุณนายครับ ได้ยินที่ผมพูดมั้ยครับ”
“ฉันต้องการหลักฐาน ฉันเดาได้แต่แรกแล้ว ตอนนั้นฉันเพิ่งไปเจอกับเนตราคุยเรื่องสิทธิ์เจ้าของบ้านกับเธอ จากนั้นฉันก็เกิดเรื่อง เรื่องนี้จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับเธอ ฆ่าให้ตายฉันก็ไม่เชื่อ แต่ฉันต้องการหลักฐานต่างหาก”
คำพูดของนรมนทำให้นภดลอึ้ง จากนั้นก็พูดเสียงเบา “หาคนขับรถที่ก่อเหตุเจอก็จริง แต่เขาตายแล้ว คืนวันที่เกิดเหตุเขาขับรถชนหินข้างทาง รถพลิกคว่ำ ตายในที่เกิดเหตุครับ”
“ตายไร้หลักฐานใช่มั้ย”
นรมนอดไม่ได้ที่จะโมโห
นภดลไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี เขาสืบได้เพียงเท่านี้
“เอาล่ะ ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ฉันอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”
นรมนรู้สึกกลุ้มใจมาก
นภดลกับปาณีไม่กล้ารบกวนเธอ รู้สึกว่าหลังเกิดเรื่องครั้งนี้ นรมนไม่ค่อยพูด และเงียบขรึมไปมาก คาดเดาไม่ถูกเธอกำลังคิดอะไร
หลังจากปาณีออกจากห้อง ก็หาที่ปลอดคนโทรไปหาบุริศร์
“ประธานบุริศร์ คุณอย่าส่งของให้ฉันอีก คุณนายรู้แล้ว เธอเตือนว่าถ้าคุณส่งของให้อีกจะไล่ฉันออกค่ะ”
บุริศร์ได้ยินแล้ว ก็เงียบขรึมไม่พูดอะไร สายตาเศร้าสร้อย
“รู้แล้ว”
หลังจากวางสายแล้ว บุริศร์อยากสูบบุหรี่
หมู่นี้เขาสูบบุหรี่เยอะขึ้นเรื่อยๆ
เขาจุดบุหรี่มวนหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงชัยยศเดินเข้ามา
“ประธานบุริศร์ ได้เรื่องแล้วครับ คนขับรถที่ก่อเหตุวันนั้นเกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง ตายคาที่แล้วครับ”
บุริศร์ขมวดคิ้ว
“บังเอิญขนาดนี้หรือ”
“ครับ ญาติมารับศพไปเผาแล้ว วันรุ่งขึ้นก็เผาเลย รีบเร่งมาก พอวันที่สามเมียก็พาลูกไปต่างเมือง บอกว่าจะไปเยี่ยมญาติ แต่ถึงตอนนี้ยังไม่กลับมาเลยครับ”
บุริศร์หรี่ตานิดหนึ่ง
“เมียเขาตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“หาเจอแล้วครับ อยู่ที่ชนบท ผมยังรู้จากปากเธอด้วย คนขับรถนั่นเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย อยู่ได้อีกไม่นาน บัญชีพวกเขามีเงินเพิ่มมาก้อนหนึ่ง หลังเขาตายเมียก็พาลูกหนี กลัวคนจะจับได้ ไม่ได้เอาของอะไรติดตัวไปเลย บอกแต่จะไปเยี่ยมญาติ”
ชัยยศเล่าเรื่องที่ตัวเองรู้ให้บุริศร์ฟัง
บุริศร์รับข้อมูลมาดูแวบหนึ่ง ถามเสียงเย็น “เธอบอกมั้ยใครให้เงินเธอ”
“ครับ เป็นเนตราเธอมีหลักฐานโอนเงินของเนตราถึงแม้เนตราจะใช้บัญชีอื่นลงทะเบียน แต่หมายเลขมือถือที่ลงทะเบียนเป็นของเธอ”
“คุ้มครองคนให้ดี บอกเธอด้วย ถ้าเธอยอมให้หลักฐานกับศาล ผมจะให้ค่าตอบแทนเท่าหนึ่ง และยังรับประกันด้วยลูกเธอจะได้เข้ามหาลัยดีๆ ต่อไปจะให้งานลูกเธอทำด้วย ขอแค่ให้เนตราถูกลงโทษตามกฎหมาย”
เสียงบุริศร์เย็นเยือก ทำให้รู้สึกหวาดหวั่น
ชัยยศพยักหน้า รีบออกไปจัดการตามที่เขาสั่ง
บุริศร์มองไปทางบ้านเช่าของนรมน รู้สึกปวดร้าวใจ
ไม่รู้ว่าเธอผอมไปมากแค่ไหน กินข้าวตรงเวลาหรือเปล่า
ต่อจากนี้ปาณีส่งข่าวให้เขาไม่ได้แล้ว เขาอยากจะรู้ข่าวของเธอก็ยากขึ้นแล้ว
นรมนกลับไม่รู้บุริศร์ทำอะไรมากมายขนาดนี้ รู้สึกว่าร่างกายยังไม่ค่อยดีขึ้น แต่เมื่อนึกถึงว่าการแข่งขันกับเนตราเหลืออีกไม่กี่วันแล้ว
ระดับฝีมือของเธอตอนนี้ แน่นอนว่าไม่มีทางแข่งกับเนตราได้
จิตใจกลัดกลุ้ม เธอให้ปาณีซื้อไวโอลินให้ เริ่มลงมือฝึกฝนไวโอลิน
ตั้งแต่นรมนเริ่มฝึกไวโอลิน บุริศร์อยู่ไม่ไกล ฟังจนถึงสองสามชั่วโมง
ระดับฝีมือสีไวโอลินของนรมนดีมาก เพื่อยกระดับตัวเอง เธอแทบจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกซ้อม
บุริศร์กังวล แต่ก็ไม่รู้จะห้ามอย่างไร ได้แต่รู้สึกเป็นห่วง
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
การแข่งขันที่นรมนนัดหมายกับเนตราใกล้จะมาถึงแล้ว
เนตราคิดว่านรมนไม่มีทางมาร่วมการแข่งขัน คาดไม่ถึงจะเห็นนรมนที่สถานที่แข่งขัน
ดวงตาของเธอเคร่งขรึมขึ้นนิดหนึ่ง
“นรมน เธอกล้ามาจริงๆ หรือ”
นรมนไม่แยแส การยั่วยุของเนตรา แต่โค้งทำความเคารพครูกวินทร์ ที่มาชมการแข่งขันครั้งนี้
“อาจารย์ สวัสดีค่ะ”
กวินทร์มองลูกศิษย์พอใจ พูดอย่างสงสาร “ผอมไปนะ”
“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ แค่ผอมไปหน่อย”
“รักษาสุขภาพด้วยนะ ไม่ต้องสนใจการแข่งขันจะแพ้หรือชนะมากจนเกินไป อาจารย์แค่อยากรู้ตอนนี้เธอพัฒนาไปถึงระดับไหนแล้ว”
กวินทร์ ไม่ได้เข้มงวดเหมือนอาจารย์คนอื่น ใจกว้างกับนรมนมาก แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ นรมนยิ่งรู้สึกว่าตัวเองผิดต่ออาจารย์คนนี้
“ฉันจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังค่ะ”
“ทำให้ดีล่ะ”
“ค่ะ”
นรมนหยิบไวโอลินเดินเข้าไปในงาน
เนตราถึงเพิ่งรู้ว่านรมนเป็นลูกศิษย์ของ กวินทร์อดไม่ได้ที่จะอิจฉาริษยา
“นรมน เธอเสแสร้งเก่งจัง”
“ไม่เก่งเท่าเธอหรอก”
สีหน้าของนรมนยังคงซีดเซียว แต่ก็มีชีวิตชีวา ทำให้เนตราแปลกใจ
เธออึ้งนิดหนึ่ง ยิ้มเย็น “แท้งแล้ว เธอกลับปากจัดขึ้นนะ”
นรมนกำมือทันที เล็บจิกเนื้อโดยไม่รู้ตัว
เธอยังกล้าพูดเรื่องลูก!
“เนตราเธอหยิ่งผยองต่อไปให้ถึงที่สุดละกัน”
นรมนกัดฟันพูด
เนตรากลับยิ้มมีความสุขเหลือเกิน
“เอ๊ะ เธอพูดอะไรฉันไม่เข้าใจ คุณนายบุริศร์หมายความว่าไงหรือคะ”
นรมนอยากจะตบใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอ แต่ตอนนี้มีอาจารย์อยู่ด้วย เธอจึงอดกลั้นไว้
การแข่งขันไวโอลินมีมาตรฐาน
เนตราคิดว่าตัวเองระดับฝีมือสูงกว่านรมน จึงกระหยิ่มยิ้มย่อง เพลงที่บรรเลงออกมาไม่เลวก็จริง แต่เทียบกับระดับสูงแล้วก็ยังห่างมาก
นรมนแม้ว่าจะไม่ได้สอบวัดระดับอีก แต่หลายวันนี้ก็ฝึกซ้อมที่บ้านอย่างหนัก เมื่อเธอใช้เทคนิคที่ยากมาก ทุกคนถึงกับตกตะลึง
กวินทร์ปรากฏรอยยิ้มชื่นชม
เขารู้ว่าศิษย์ของเขาไม่ใช่คนที่ไม่มีความทะเยอทะยาน
บุริศร์ก็กำลังดูการแสดงบนเวที
เขาเห็นนรมนหน้าตาซีดเซียวก็สงสารจับใจ แต่ถูกพรสวรรค์ดนตรีของนรมนทำให้ผ่อนคลาย
ภรรยาของเขาเหมือนหยกล้ำค่า สร้างความประหลาดใจให้เขาได้เสมอ แต่เบื้องหลังความประหลาดใจนี้ต้องทุ่มเทมากมาย ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าบุริศร์
ผลการแข่งขันแน่นอนว่านรมนเป็นฝ่ายชนะ
เนตราไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ อยากจะแข่งกับนรมนอีกครั้ง แต่ถูกนรมนปฏิเสธ
เธอไม่ยอมแพ้จึงพังไวโอลินของนรมน
สีหน้ากวินทร์ ไม่พอใจมาก
“คนแบบนี้เหมาะจะอยู่ในวงการไวโอลินอีกหรือ”
กวินทร์มีน้ำหนักในเทศกาลดนตรีมาก เมื่อพูดเช่นนี้ออกไปเนตราจึงถูกใส่ชื่อเข้าไปอยู่ในแบล็กลิสต์
อาจารย์ของเธอรีบช่วยแก้สถานการณ์
“ท่านอาจารย์กวินทร์ เธอแค่อารมณ์ไม่ดี ไม่ได้มีเจตนาร้าย”
“ใช่เหรอ ผู้หญิงที่ใช้เงินจ้างคนอื่นเกือบขับรถชนภรรยาผมตาย แล้วยังทำให้เธอแท้งอีกยังบอกว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายได้หรือ”
เสียงทุ้มต่ำของบุริศร์ดังขึ้น สร้างความตกตะลึงให้ทุกคนในที่นั้น
เนตราสีหน้าซีดเผือด
“บุริศร์ คุณพูดบ้าอะไร”
“ผมพูดมั่วหรือ งั้นให้หลักฐานพูดเองละกัน”
เพราะการแข่งขันไวโอลินครั้งนี้ดึงดูดคนจำนวนมาก คนมีชื่อเสียงในเมืองจึงมาร่วมงานไม่น้อย บุริศร์จึงเลือกใช้งานนี้เปิดโปงเนตราไม่มีอะไรดีกว่านี้แล้ว
นรมนขมวดคิ้วนิดหนึ่ง
ไม่น่าเชื่อเขามีหลักฐานด้วยหรือ
เธอมองบุริศร์ ขณะที่บุริศร์ให้ชัยยศพาคนเข้ามา
หญิงวัยกลางคน ชื่อชญานิน เธอเล่าเรื่องที่เนตราจ้างสามีของเธอขับรถชนนรมน
“แกบ้าไปแล้ว! แกใส่ร้ายฉัน!”
เนตราอยากจะเข้าไปตบหน้า แต่ถูกชัยยศขวางไว้
“คุณเนตราร้อนใจอะไร ยังไม่จบแค่นี้นะ”
ชัยยศเพิ่งพูดจบ ชญานินก็หยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมา
เล่าเรื่องทั้งหมดที่เนตราหาสามีเธอเจอได้อย่างไร ใช้ประโยชน์จากการที่สามีกลัวว่าตัวเองตายแล้วเมียกับลูกจะไม่มีคนดูแลมาล่อลวง รวมทั้งใช้เงินห้าล้านจ้างสามีของเธอขับรถชนนรมน
ทุกคนในที่นั้นแตกตื่นอื้ออึง
“ผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมจริงๆ”
“ใช่แล้ว ดูแล้วยังสาวๆ ทำไมเหี้ยมขนาดนี้ ผู้หญิงอย่างนี้ใครแต่งงานด้วยต้องซวยไปแปดชาติแน่”
“ตัวเป็นคนแต่ใจหมา รีบส่งเธอไปสถานีตำรวจเถอะ ไวโอลินถูกเธอแตะต้องคือการดูหมิ่น”
คนรอบข้างพากันถกเถียง ทำให้เนตราโกรธจนกระทืบเท้า
“เรื่องนี้พวกเธอโยนความผิดให้ฉัน นรมน เธอร้ายใช้ได้ คิดจะแย่งบ้านของแม่ชั้น ถึงกับใช้บุริศร์ใส่ร้ายฉัน กลางวันแสกๆ เธอไม่กลัวถูกฟ้าผ่าหรือไง”
นรมนเลือกที่จะไม่สนใจเนตราที่ไม่ยอมรับแล้วกลับมาด่าเธอ
เธอหยิบไวโอลินของตัวเองขึ้นมา เดินมาหากวินทร์ พูดอย่างเคารพ “อาจารย์คะ ตอนนี้ฉันสอบวัดระดับได้หรือยังคะ”
“ได้สิ อาจารย์รอเธอก้าวหน้ามากขึ้น แต่ต้องรักษาสุขภาพนะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะอาจารย์ ฉันไปก่อนนะคะ”
นรมนเดินออกไป ไม่มองบุริศร์แม้แต่หางตา
บุริศร์เห็นเธอไปแล้ว ก็สั่งให้ชัยยศจัดการเรื่องต่อ ตัวเองรีบตามเธอไป
“นรมน”
“มีธุระอะไรคะ”
นรมนหยุดฝีเท้า
สายตาของเธอไม่มีความรักเปี่ยมล้นอีก เศร้าสร้อยจนรู้สึกสงสาร
“ผมจะกลับเมืองชลธีแล้ว”
เมื่อบุริศร์พูดออกไป นรมนชะงักนิดหนึ่ง
เขาจะไปแล้วหรือ
ลึกๆ ในใจของเธอรู้สึกอาลัยอาวรณ์ ถึงกับเกือบหลุดปากขอให้เขาอยู่ต่อ แต่เธอยังคงควบคุมตัวเองไว้ได้
สถานะตอนนี้ พวกเขาแยกกันอยู่คนละที่ถึงจะดีที่สุด
“อึม เดินทางปลอดภัยค่ะ”
นรมนไม่กล้าหันไปมองบุริศร์
เขาผอมลงไป ขอบตาลึก
นรมนไม่รู้ว่าเขาผ่ายผอมลงเพราะตรอมใจหรือเปล่า เธอไม่กล้าถาม จะเดินจากไป
บุริศร์เห็นเธอในตอนนี้ รู้สึกไม่วางใจ แต่เขาก็รู้ดี ถ้าเขาอยู่ที่นี่ต่อ นรมนมีแต่จะยิ่งเสียใจ
เขาถอนหายใจ พูดแผ่วเบา “ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ”
นรมนชะงักเท้านิดหนึ่ง พยักหน้าแล้วเดินจากไป
เธอเดินรวดเดียวไปขึ้นรถ ด้านหลังมีเหงื่อเย็นผุด
ความรู้สึกที่ทุ่มเททุกอย่างโดยไม่สนใจอะไรทำไมถึงพูดว่าเลิกก็เลิกล่ะ
นรมนมองท่าทางบุริศร์สั่งงานชัยยศ สลักท่าทางของเขาลึกลงในก้นบึ้งหัวใจ
ลาก่อน บุริศร์