หลังจากบุริศร์เข้ามา นรมนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสมองเขา แต่สีหน้านั้นมีความหมายอื่นอย่างชัดเจน
“คุณบาดเจ็บ ทำไมเจอไปซะทุกคนเลยล่ะ?”
บุริศร์เหมือนไม่เห็นความหมายในดวงตานรมน จึงเอ่ยปากทันที
นรมนยิ้มแย้มแจ่มใสถามขึ้น “คุณรู้จักราเชน!”
ประโยคนี้ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการยืนยัน
“อืม รู้จัก”
บุริศร์ก็ไม่ปฏิเสธ กลับทำให้นรมนตกตะลึง
“รู้จักตั้งแต่เมื่อไร?”
“รู้จักตอนที่เขาส่งผลไม้ไปที่กองถ่ายด้วยชื่อของคุณ”
คำพูดบุริศร์ทำให้นรมนตกตะลึงอีกครั้ง
“ว่าไงนะ?”
“เอาล่ะ หยุดสมองคุณที่คิดเกี่ยวกับคำถามน่าเบื่อพวกนี้เถอะ ฉันรู้จักหรือไม่รู้จักเขามันสำคัญอะไร? คุณแค่จำไว้ว่ารักษาระยะห่างกับคนที่มีเจตนาไม่ดีแอบแฝงกับคุณแบบนี้ก็พอ”
บุริศร์ลูบศีรษะนรมน แล้วนำโจ๊กที่ตัวเองทำเสร็จแล้วออกมา
กลิ่นหอมของอาหารทำให้ในท้องนรมนร้องโครกคราก แต่เธอก็ยังยิ้มขณะพูดขึ้น “ทำไมฉันรู้สึกได้กลิ่นคนหึง?”
“อืม ฉันหึง ชาตินี้มีผู้ชายอย่างฉันคนเดียวคอยเอาอกเอาใจคุณก็พอแล้ว คนอื่นยืนข้างๆ ดีกว่า”
บุริศร์ไม่ได้ซ่อนความหึงหวงของตัวเองไว้สักนิด แต่กลับทำให้นรมนไม่รู้ว่าจะตอบรับอย่างไร
วันนี้ไม่มีทางคุยกันดีๆ ได้จริงๆ
“กินโจ๊กหน่อย ฉันถามหมอแล้ว ตอนนี้คุณยังกินอย่างอื่นไม่ได้ รองท้องไปก่อน เที่ยงคืนฉันจะทำอาหารว่างยามดึกให้คุณกิน”
“อืม”
นรมนหิวจริงๆ
เธอรับโจ๊กมา ทานติดต่อกันสามชาม ถึงได้รู้สึกว่าในท้องอิ่มมาก
บุริศร์ยื่นทิชชูให้อย่างเอาอกเอาใจ
“เช็ดปากหน่อย”
“คุณช่วยฉันหน่อย”
นรมนยื่นปากไปข้างหน้าเหมือนเด็ก
บุริศร์แค่รู้สึกก้นบึ้งหัวใจเกิดกระแสคลื่นลมซัดมา มีความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างถูกกระตุ้นขึ้นมา
ดวงตาเขามืดลงเล็กน้อย แรงในมือกลับอ่อนโยนอย่างมาก
นรมนมองเขาเช็ดปากให้ตนเสร็จแล้วด้วยความพอใจ ชี้ไปที่น้ำข้างกายแล้วพูดขึ้น “น้ำ”
บุริศร์ลุกขึ้นรินน้ำร้อนหนึ่งแก้วให้เธอ กลัวเธอจะโดนลวก เลยหาอีกแก้วแล้วรินพอประมาณ รู้สึกอุณหภูมิพอได้แล้ว ก็ยื่นให้มือนรมน
นรมนไม่ได้รับมัน แต่พูดอย่างออดอ้อน “ฉันเจ็บอยู่ คุณป้อนฉันดื่มสิ”
บุริศร์เห็นนรมนเป็นแบบนี้ ก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้
เขานำแก้วน้ำวางข้างริมฝีปากนรมนอย่างเอาอกเอาใจ เห็นเธอดื่มไม่กี่จิบแล้วก็วางแก้วน้ำลง
“บุริศร์ จับจอชได้แล้วเหรอ?”
“อืม”
บุริศร์ชะงักไป แล้วพยักหน้า
ราเชนคนนี้มันพูดอะไรกับนรมนกันแน่?
ในใจเขาอวยพรราเชนหนึ่งครั้ง
นรมนกลับถามต่อ “กันยกาตายไปแล้ว มันเกี่ยวอะไรกับฉัน? ทำไมจอชต้องลักพาตัวฉันด้วย? พูดให้ถูกคือ กันยกาชอบคุณ วางแผนอยากเป็นคุณนายบุริศร์ของคุณ คนที่จอชควรเกลียดต้องเป็นคุณไม่ใช่เหรอ?”
บุริศร์ปวดหัวกับเรื่องนี้แล้ว
ราเชนไอ้ตัวสร้างปัญหา มือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำอีกจริงๆ
เขามองนรมน ถามด้วยเสียงอ่อนโยน “อยากรู้จริงๆ เหรอ?”
“อยาก”
นรมนพยักหน้าอย่างจริงจัง
บุริศร์กระแอมไอหนึ่งที นั่งข้างๆ นรมน
“กันยกาและจอชเป็นคนรักกันในวัยเด็ก จอชคิดมาตลอดว่ากันยกาเข้าวงการบันเทิงแล้วไม่สนใจผู้อื่น แต่วงการบันเทิงมันน้ำลึกมาก เธอเป็นดาราไม่ดัง ต้องการทรัพยากรที่ดี จะไม่โดนพวกคนใหญ่คนโตเคลมได้ยังไง? แต่เรื่องพวกนี้เธอไม่สามารถบอก” จอชได้ แต่เพราะตัวเองไม่ได้โด่งดังขึ้นมา ซึ่งทำให้จอชเชื่อจริงๆ ว่ากันยกาไม่สนใจผู้อื่น ทรัพยากรก็เลยไม่ดีอยู่ตลอด แบบนี้จอชก็เลยยิ่งไม่ย่อท้อกับกันยกา”
“กันยกาคือลูกสาวแม่บ้านครอบครัวราเชน มีผู้สนับสนุนอย่างราเชน ตอนแรกนึกว่าจะได้ทรัพยากรที่ดีบางอย่าง แต่ราเชนคนนี้ นำเธอเข้ามาก็เพราะเห็นแก่หน้าแม่บ้าน ส่วนเรื่องอื่นๆ ราเชนไม่สนใจเลย ดังนั้นตอนที่ฉันไปพบกันยกาเพราะบางเรื่อง เธอรู้สถานะของฉัน ต้องการไต่เต้าขึ้นมาหาฉันเพื่อได้รับทรัพยากร ให้ตัวเองได้โด่งดัง แต่เธอไม่ได้พูดแบบนี้กับทางด้านจอชแน่นอน หลังจากที่วางแผนกับฉันล้มเหลว เธอบอกจอชว่าฉันชอบเธอ ต้องการบังคับเธอ แต่เธอปฏิเสธ ด้วยเหตุนี้จึงหงุดหงิดฉัน เรื่องนี้ไม่รู้ว่าคุณรู้มันได้ยังไง คุณคิดว่าเธอเป็นนังจิ้งจอก อยากล่อลวงฉัน ก็เลยมีการตายของกันยกา พูดแบบนี้คุณเข้าใจไหม?”
แน่นอนว่านรมนฟังเข้าใจแล้ว แต่รู้สึกว่าตัวเองโดนใส่ร้ายอย่างมาก
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยสักนิดเลยโอเคไหม?”
“ไม่เกี่ยว แต่สำหรับจอชที่ไม่ยอมย่อท้อกับกันยกา เขาไม่อาจเชื่อว่ามันไม่เกี่ยวกับคุณ ยังไงแล้วดาราไม่ดังคนหนึ่ง ถึงฉันจะไม่ได้เธอมา และไม่ถึงกับต้องฆ่าเธอ คำอธิบายเดียวที่สมเหตุสมผลก็คือความอิจฉาริษยาของผู้หญิง”
บุริศร์พูดแบบนี้ นรมนก็ยิ่งโดนใส่ร้าย
“ฉันอิจฉาเธอเหรอ? ล้อเล่นหรือเปล่า? อีกอย่างการตายของกันยกาก็ไม่เกี่ยวกับฉันโอเคไหม”
“เอาล่ะ จอชนึกว่าเป็นแบบนี้ คุณจะทำอะไรได้ล่ะ?”
คำพูดบุริศร์ทำให้นรมนค่อนข้างหดหู่
“เรื่องนี้ต้องโทษคุณทั้งหมด”
“ใช่ ต้องโทษฉัน ฉันจัดการไม่ดีเอง ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้จักจอช ทำให้คุณได้รับความไม่ยุติธรรม แต่เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะแสวงหาความยุติธรรมให้คุณแน่นอน”
ความหมายที่บุริศร์พูดแบบนี้ แน่นอนว่าไม่อยากให้นรมนเข้ามาแทรกแซงเรื่องของจอช
นรมนก็ฟังออกเช่นกัน
ถ้าบุริศร์พูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ถ้าอย่างนั้นจอชก็คิดว่ากันยกาคือผู้หญิงที่ดีบริสุทธิ์ผุดผ่องตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าเป็นเช่นนั้นแน่นอนว่าคงไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากปากเขา
คิดถึงตรงนี้ นรมนก็พยักหน้า
ทั้งสองคุยกันอีกสักพักหนึ่ง นรมนก็เจ็บจนรู้สึกแย่นิดหน่อย
บุริศร์เห็นเธอเป็นแบบนี้ไม่ไหว ก็พูดเสียงทุ้ม “ถ้าคุณเจ็บทนไม่ไหวให้กัดฉัน”
“ฉันไม่ใช่หมานะ ไม่เป็นไร ทนหน่อยเดี๋ยวก็ผ่านไป”
นรมนกัดฟัน ด้านหลังเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ
มันเหนียวเหนอะหนะ ร่างกายรู้สึกไม่สบาย
บุริศร์เห็นเธอบิดร่างกายอย่างไม่ค่อยสบาย ก็รีบเข้าไปในห้องน้ำเอาน้ำร้อนถังหนึ่งออกมา หยิบผ้าขนหนูมาบิด และจะเปลื้องผ้านรมน
“คุณจะทำอะไร?”
นรมนถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างระแวง สีหน้านั้นเหมือนระวังพวกบ้ากาม
บุริศร์หลุดขำเล็กน้อย
“เช็ดตัวให้คุณ”
“ฉันทำเอง”
“ร่างกายคุณมีตรงไหนฉันไม่เคยเห็นบ้าง? ยังเขินอายอะไร?”
บุริศร์ชอบเห็นหน้าเล็กของนรมนขาวอมชมพูแบบนี้มากที่สุด
นรมนกัดปากเหลือบมองเขา แต่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจอีก
หลังจากบุริศร์เช็ดตัวให้เธอรอบหนึ่ง ก็พบว่านรมนนอนหลับอยู่บนเตียง
เขาสวมเสื้อผ้าให้นรมนด้วยความสงสารเสร็จแล้ว ก็ไม่ได้รบกวนเธออีก
นรมนหลับสนิทจนตื่นขึ้นมาโดยธรรมชาติ ก็เป็นเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว
เมื่อแสงแดดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา นรมนก็ลืมตา
บุริศร์ไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าไปทำอาหารให้นรมนทาน หรือไปทำอย่างอื่น
นรมนอยากลุกจากเตียง แต่เจ็บจนรู้สึกไม่สบาย เธอทำได้แค่นอนบนเตียงอย่างเชื่อฟังรอบุริศร์กลับมา
อีกด้านหนึ่ง หลังจากราเชนออกมาจากห้องผู้ป่วย ซินดี้ก็บอกผลสรุปที่ตัวเองสืบเรียบร้อยแล้วกับเขา
“คนที่ทำร้ายนรมนคือเนตรา เป็นคนของกล้าณรงค์ ปัจจุบันถูกส่งไปต่างประเทศแล้ว ฉันสืบมาแล้ว เนตราคือลูกสาวแท้ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมนรมน เพราะตอนนั้นนรมนถูกพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนเอากลับมาเลี้ยงเป็นลูกแท้ๆ ผิดคน ทำให้เนตราเติบโตที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอเป็นศัตรูกับนรมนอยู่แล้ว ต่อมาเพราะเหตุการณ์ครั้งหนึ่งถูกนรมนส่งเข้าคุก ถูกหัวหน้าเรือนจำบางคนรังแกในคุก โทษทุกอย่างนี้ที่นรมน ครั้งนี้ถ้าบุริศร์มาไม่ทันเวลา เนตราเกรงว่าจะฆ่านรมนไปแล้ว”
ได้ยินทั้งหมดนี้ ดวงตาราเชนก็หรี่ขึ้นมาทันที
“เนตราอยู่ที่ประเทศไหน?”
“ประเทศF”
ดวงตาราเชนหรี่ขึ้นมาทันที
“เธอซ่อนเก่งจริงๆ มีตั้งหลายประเทศไม่ซ่อน ดันไปที่ประเทศF”
ยิ้มเยาะของราเชนทำให้ซินดี้รู้สึกขนพองสยองเกล้า
“ราเชน คุณ……”
“มีเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่ได้บอกนายมาโดยตลอด”
ทันใดนั้นราเชนก็มองซินดี้ ท่าทางที่จริงจังนั้นทำให้ซินดี้กังวลใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“อะไร เรื่องอะไร?”
“ประวัติชีวิตของฉัน”
ราเชนจุดบุหรี่หนึ่งมวน สูบมันอย่างแรง แล้วพูดขึ้น “ฉันคือเจ้าชายประเทศF!”
“ว่าไงนะ?”
ซินดี้ตกใจไปทั้งร่าง
ถึงประเทศFจะเป็นประเทศเล็กๆ ชายแดน แต่ประเทศนี้พัฒนาอย่างรวดเร็ว หลายๆ ประเทศแข่งขันกันทำมิตรภาพ
อย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่าราเชนจะเป็นเจ้าชายของประเทศนี้!
“ได้ยังไง? สถานะคุณโดดเด่นขนาดนี้ ทำไมมาก้าวหน้าในวงการบันเทิง?”
ราเชนได้ยินคำถามของซินดี้ ก็หัวเราะขมขื่นอย่างอดไม่ได้
“เจ้าชายจะต้องมีความสุขใช่ไหม? ราชวงศ์นั้นโหดเหี้ยมที่สุด ที่ฉันเข้าวงการบันเทิง แน่นอนว่าไม่อยากเข้าร่วมสงครามสืบทอดบัลลังก์ เป็นผู้นำของตำแหน่งนี้ มีกี่คนที่อิจฉา มีกี่คนที่จับจ้อง? ยิ่งไปกว่านั้นมีหลายคนที่ฆ่ากันโดยไม่ลังเลเพื่อตำแหน่งนี้ สามีภรรยาบาดหมางกัน ถึงขนาดบ้านแตกสาแหรกขาดด้วยซ้ำ ฉันไม่อยากมีชีวิตแบบนี้ แต่ฉันเกิดมาในครอบครัวราชวงศ์ เป็นชะตากรรมที่เลี่ยงไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนการดำเนินชีวิตดีกว่า ถ้าเข้าสู่วงการบันเทิง ฉันก็สูญเสียคุณสมบัติในการสืบทอดบัลลังก์ สำหรับคนอื่นอาจจะเป็นการแสดงออกที่โง่เขลา แต่สำหรับฉัน ฉันรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้”
ความทุกข์เหล่านี้ คนอื่นไม่รู้
ซินดี้มองราเชน จู่ๆ ก็สงสารเล็กน้อย
เขาอยากกอดราเชน ให้ความอบอุ่นกับเขาบ้าง แต่ทันทีที่รู้สถานะอันโดดเด่นของเขา ซินดี้ก็ค่อนข้างลังเล
ราเชนที่เป็นแบบนี้ ตัวเองยังสามารถปรารถนาได้อยู่ไหม?
คนธรรมดาก็ใช่ว่าจะยอมรับความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชายได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานะเช่นนี้ของราเชน!
ดวงตาซินดี้มีความเศร้าเล็กน้อย
เขากลัวถูกราเชนมองเห็น จึงรีบถามขึ้น “ฉันคิดว่าฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมบุริศร์ถึงไม่อยากให้นรมนรู้ประวัติชีวิตของตัวเอง”
“ลองพูดมา”
ราเชนเหลือบมองเขา ยิ้มเรียบๆ
ซินดี้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้คือปีศาจแท้ๆ เขายิ้มอย่างไม่สนใจไยดี ก็สามารถล่อลวงสามจิตเจ็ดวิญญาณได้ เป็นเกย์ที่มีเสน่ห์จริงๆ!
“ถ้าคุณบอกว่าสงครามสืบทอดบัลลังก์มันโหดเหี้ยมขนาดนั้นจริงๆ นรมนปรากฏตัวที่นี่ ไม่ใช่ประเทศF สันนิษฐานว่าจะต้องเป็นเครื่องสังเวยหรือไม่ก็เหยื่อสงครามสืบทอดบัลลังก์ ถ้าเธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น เป็นแค่คนธรรมดา เป็นแค่ภรรยาของบุริศร์ แบบนั้นเธอก็จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากๆ ถ้าสถานะเธอเปิดเผย ก็อาจจะดึงดูดหายนะฆ่าชีวิตตัวเอง ถูกไหม?”
ราเชนพยักหน้า
ซินดี้กลับขมวดคิ้วพูดขึ้น “แต่บนโลกใบนี้จะมีกำแพงที่ลมผ่านไม่ได้เหรอ? คุณรู้สถานะที่แท้จริงของนรมนแล้ว แสดงว่าวันที่สถานะของเธอถูกเปิดเผยก็อยู่ไม่ไกลแล้วไหม?”