“คุณตา ทำแบบนี้มันทำให้หนูรู้สึกว่าตัวเองโง่มาก!”
นรมนทำปากขมุบขมิบอย่างงอแง
คุณท่านตนุวรกลับยิ้มขึ้นมา
“อย่างไรหลานก็ไม่เคยฉลาด คนที่ฉลาดจะไม่ทำให้ร่างกายตัวเองบาดเจ็บ ดูสิหลังกลับเข้าประเทศมา ไปโรงพยาบาลกี่ครั้งแล้ว? คิดว่าโรงพยาบาลคือบ้านหรือ? อย่าบอกว่าเงินหรือเงิน ร่างกายไม่ใช่ของตัวเองหรือ?”
เมื่อเห็นคุณท่านตนุพรเริ่มจะพูดเรื่อยเปื่อยอีกครั้ง นรมนจึงรีบพูดทันที “คุณตา หนูรู้สึกว่าแพรวามีปัญหา”
“แพรวา? แม่ของเด็กสาวนั่นหรือ? ที่ช่วยมาจากเชษฐ์?”
“อืม”
นรมนพยักหน้า
คุณท่านตนุวรยิ้มเยาะ “คนที่ถูกเชษฐ์ปฏิบัติมาอย่างโหดร้ายมาตลอดหลายปีแต่ยังไม่ตาย เดิมทีคงไม่ใช่ทองสัมฤทธิ์ ไม่แน่อาจจะเป็นราชาที่ซ่อนอยู่ หลานเป็นคนโง่ที่เก็บคนแบบนี้มาไว้ที่บ้าน เธอกับธิดาไม่เหมือนกัน ธิดาโตมากับบุริศร์ นิสัยใจคอนับว่าเป็นคนดีมีคุณธรรม แม้ว่าเธอจะถูกใช้เป็นครั้งคราว แต่ก็เข้าใจได้ ส่วนแม่ของเธอนั้น ไม่แน่ว่ารากอาจจะหักไปแล้วก็เป็นได้”
นรมนได้ยินคุณท่านตนุวรพูดอย่างนี้ จึงรีบพูดว่า “คุณตาคะ พูดอย่างนี้ได้ยังไงกัน?”
“ถ้าเธอไม่มีความสามารถ เธอจะสามารถมีชีวิตอยู่ในเงื้อมมือของเชษฐ์นานขนาดนี้ได้ไหม? สำหรับอชิระ แพรวาเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ ตาก็เป็นผู้ชาย ถ้าตาเป็นเชษฐ์ ตาจะไม่ให้เธอมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้แม้แต่วันเดียว แม้เพียงเธอจะทำร้ายลูกของตา แต่แพรวาไม่เพียงแต่จะให้กำเนิดลูกของเชษฐ์ แต่ยังสามารถอยู่ในที่ที่อชิระอาศัยอยู่ได้เป็นเวลาหลายปี แถมยังสามารถรอพวกหลานไปช่วยออกมาเพื่อพลิกสถานการณ์นี่ได้ ถ้าหากพูดว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือปาฏิหาริย์ หลานจะเชื่อไหม?”
เมื่อได้ยินคุณท่านตนุวรพูด นรมนพลันเข้าใจชัดแจ้ง
ใช่ เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยจริงๆ
“ว่าแต่เธอจะทำอะไรเหรอคะ?”
“กำจัดหลานและบุริศร์ เพื่อปูทางให้ธิดา”
คำพูดของคุณท่านตนุวร ทำให้นรมนตกตะลึง
“หนูไม่เข้าใจ”
คุณท่านตนุวรมองไปที่นรมน เขาถอนหายใจและพูดว่า “เด็กคนนี้สมองทำจากปูนซีเมนต์รึ? ถ้าหากชีวิตของธิดาไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน แสดงว่าเธอจะเป็นแค่เด็กกำพร้า และจะไม่เป็นอันตรายต่อหลานและบุริศร์ แต่ตอนนี้เธอเป็นลูกหลานตระกูลโตเล็ก ความปรารถนาสูงสุดของเชษฐ์ในชีวิตนี้คือการได้ทุกสิ่งจากตระกูลโตเล็กกลับคืนมา ธิดาเป็นลูกสาวเขา ตอนนี้ก็กลับเข้ามาแล้ว ย่อมมีสิทธิในการรับมรดกของตระกูลโตเล็กแน่นอน ตาไม่ได้บอกว่าธิดามีความคิดที่จะแก่งแย่งกับบุริศร์ แต่หลานจะรับประกันได้อย่างไรว่าแพรวาจะไม่ทำ? นี่คือเจตนารมณ์”
นรมนไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน
ไม่ง่ายเลยที่เธอและบุริศร์จะเสริมให้ตระกูลโตเล็กแข็งแกร่ง ตอนนี้ทุกอย่างกำลังไปทิศทางที่ดีขึ้น และแพรวาก็ได้รับการช่วยเหลือจากเธอ ภายในจิตใต้สำนึก นรมนรู้สึกว่าแพรวาควรจะขอบคุณตัวเองหน่อยไหม อย่างไรเธอก็ทำให้แม่และลูกสาวได้กลับมาพบกัน ไม่ใช่หรือ?
เธอไม่คาดคิดว่าหัวใจมนุษย์จะซับซ้อน หลังจากหลุดจากภยันตรายแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมีความคิดอื่นเข้ามาด้วย
“คุณตา แต่นี่เป็นการคาดเดา ไม่มีหลักฐาน”
นรมนพยายามเถียงข้างๆ คูๆ แต่ที่จริงภายในใจเธอยอมรับทุกคำของคุณท่านตนุวรไปแล้ว
คุณท่านตนุวรส่ายหัว ก่อนเอ่ย “ดื้อรั้นจริงๆเลยหลานเอ๋ย ในเมื่อสืบทราบว่าเธอน่าสงสัยแล้ว อย่าคิดคำนวณอย่างโง่เขลา และระมัดระวังตัวเอาไว้ รู้ไหม?”
“รู้แล้วค่ะ หนูไม่ใช่คนโง่สักหน่อย ก็แค่ไม่ชอบเรื่องหลอกลวงกันและกันแบบนี้”
คุณท่านตนุวร มองไปที่นรมน ก่อนจะลูบหัวเธออย่างรักใคร่และพูด “ถ้าหากไม่ชอบเรื่องหลอกลวง หลานไม่ควรแต่งงานเข้าไปในครอบครัวที่ร่ำรวยตั้งแต่แรก ภายนอกมันดูสวยงามก็จริง แต่ที่จริงแล้ว ภายในมันสกปรกโสมมนัก โธ่ หลานคงลำบากแย่”
“คุณตา หนูแค่อยากแต่งงานกับความรัก”
“อย่าทำให้ตาอิจฉาสิ ช่วงนี้หลานก็อยู่ที่นี่แหละ หลีกเลี่ยงแพรวาที่อาจทำอันตรายกับหลานได้ ถ้าหากแผลบนตัวไม่หายดี ตาก็ไม่อนุญาตให้ออกไปไหนก่อน”
นรมนทรุดตัวลงทันที
“คุณตา ไม่ได้สิคะ หนูกลับมามีเรื่องให้ทำมากมาย หนูไม่อยู่บ้านตระกูลโตเล็ก แล้วจะเปิดเผยข้อเท็จจริงได้อย่างไร? เอาละ หนูรู้ว่าคุณตาเป็นห่วง หนูจะรักษาตัวเองอย่างดี หนูสัญญา”
เธอยื่นมือออกมาสาบาน
แม้ว่าคุณท่านตนุวร จะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ต้องการแย้งความสนใจของนรมน
“ถ้าหากผมหลุดไปสักเส้น คอยดูเลยว่าตาจะลงโทษหนูอย่างไร”
คุณท่านตนุวรกล่าวอย่างมาดร้าย แต่นรมนกลับยิ้มอย่างมีความสุข
ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
นรมนก้มลงมอง โชว์ว่าเป็นเบอร์แปลก เธอเลยอดไม่ได้ที่จะนิ่งไปนิด
“ใครหรือ?”
คุณท่านตนุวรเหลือบมองเธอ
นรมนส่ายหัว แล้วกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“นี่คือคุณนรมน ใช่หรือเปล่า?”
อีกฝ่ายพูดทักอย่างเป็นสูตรนิยมมาก
“ใช่ค่ะ ฉันนรมน คุณคือใคร?”
ทันทีที่นรมนพูดจบ อีกฝั่งก็ตอบ
“คุณนรมน พวกเราคือสถานที่ที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย คืออย่างนี้ จู่ๆคุณงามพลมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายอย่างกะทันหัน ตอนนี้เขาถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลหัวเฉียวเพื่อรับการรักษาฉุกเฉินแล้ว ทางเราไม่สามารถติดต่อคุณนายธนาศักดิ์ธนได้ คุณงามพลให้เบอร์ติดต่อคุณมา คุณพอจะมีเวลามาสักครู่ไหม? ทางนี้ต้องการลายเซ็นของครอบครัวครับ”
นรมนชะงักไป
พ่อนรมนงามพล มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย?
ทำไมติดต่อแม่นรมนไม่ได้
คิ้วของเธอขมวดเล็กน้อย
“ตอนนี้ฉันอยู่ที่เมืองชลธี เกรงว่าจะไปไม่ได้ค่ะ”
“คุณนรมน พวกเราคือสถานที่ที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยของเมืองชลธี คุณงามพลได้ย้ายจากเมืองB ไปเมืองชลธีของเราเมื่อบ่ายวานนี้ครับ”
คำพูดของอีกฝ่าย ทำให้นรมนใจลอยไปครู่หนึ่ง
คดีของ งามพลเป็นเพียงการขโมยความคิด จิตรกรที่กล่าวหาเขามาจากภูมิภาคต่างกัน พูดให้ถูกคือ ในตอนที่งามพลถูกจับในเมืองB มีขั้นตอนต้องโอนย้ายกลับไปอยู่ในสถานที่คุมตัวนักโทษ แต่งามพลที่นี่ไม่มีที่อยู่อาศัยแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะโอนย้ายกลับมา หรือจะเป็นคำร้องขอของงามพล
แต่ทำไมเขาถึงกลับมา?
และตอนนี้คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณา แม้ว่าหลักฐานจะแน่นอน แต่ได้ยินมาว่า งามพลได้ว่าจ้างทนายความเพื่อต่อสู้คดีนี้แล้ว ในเวลานี้ งามพลมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายกะทันหัน นี่มันจะเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ นะเหรอ?
นรมนหลงทางอยู่ในความคิด
อีกฝ่ายไม่ได้ยินคำตอบของนรมน ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงถามออกไป
“คุณนรมน ยังอยู่ไหม?”
“อ่า? อยู่ค่ะ โอเค ฉันจะไป”
หลังจากที่นรมนวางสาย สมองก็ยังคงคิดถึงคำถามเมื่อครู่
คุณท่านตนุวรกลับพูดออกมาว่า “ไม่อนุญาตให้ไป! หลานและเขาไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว สำหรับสิ่งที่เนตราลูกสาวของเขาทำกับหลานทุกอย่าง ความเมตตาของพวกเขาที่ได้เลี้ยงดูหลานมาก็ชำระไปหมดแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับหลานกัน อีกอย่างนะ ใครจะรู้ว่าเขาจะทำอะไร? กล้ามเนื้อหัวใจตาย? เป็นเรื่องบังเอิญหรืออะไร?”
นรมนรู้ว่าคุณท่านตนุวรกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเธอ แต่บางเรื่องเธอก็ต้องทำให้ชัดเจน
“คุณตา ถ้าหนูไม่ไปหนูจะรู้ได้ยังไงคะว่าเขามีจุดประสงค์อะไร? อย่างไรหนูก็กลับมาเพื่อจับหนอนบ่อนไส้อยู่แล้ว หนูจะลองไปดู ไม่ต้องกังวลนะคะ หนูจะพาบอดี้การ์ดไปด้วยโอเคไหม?”
แม้ว่านรมนคนนี้จะดูอ่อนแอก็ตาม แต่เมื่อเธอได้ตัดสินใจจะทำอะไรแล้วละก็ เธอก็ต้องทำให้สำเร็จ ดั่งเช่นคุณยายของเธอ
ผู้หญิงคนนั้นก็ดูอ่อนแอปวกเปียก ผอมกะหร่องก่อง แต่หลังจากเรื่องที่หักหลังเขาไป และได้พาลูกออกไปจากบ้านตระกูลพรโสภณอย่างเด็ดเดี่ยว และไม่ติดต่อเขาอีกเลยจนกระทั่งเสียชีวิต
คุณท่านตนุวรพบว่าเขาคิดถึงหญิงชราที่ตายไปแล้วอีกครั้ง
เขาถอนหายใจและพูดว่า “ถ้าหลานไปก็ได้ ตาจะให้บอดี้การ์ดผู้หญิงไปกับหลาน เป็นทหารพิเศษที่ออกมาแล้ว ถ้าหลานไม่ตกลง ตาจะไม่ให้หลานไปไหนเลย”
“ค่ะ คุณตาพูดอะไรก็ทำตามนั้นเลยค่ะ”
สิ่งที่นรมนจะไม่ปฏิเสธเลยคือ ความเมตตาของคุณท่านตนุวร
คุณท่านตนุวรเตรียมพร้อมอยู่นานแล้ว เขาเพียงรอให้นรมนตอบรับ ตอนนี้เธอตอบรับแล้ว คุณท่านตนุวรดีดนิ้วอย่างรวดเร็ว ทันใดก็มีผู้หญิงเดินเข้ามาจากข้างนอก
“เคารพท่านผู้นำ!”
ผู้หญิงคนนั้นอายุประมาณ 25-26ปี หน้าตาธรรมดา แต่แค่มองก็รู้ว่าเคยเป็นทหาร ท่ายืนนั้นทำให้นรมนถอนหายใจอย่างด้อยกว่า
“นี่คือสมจิตตอนนี้เธอเกษียณแล้ว และตอนนี้เธอไม่มีงานทำพอดี ตาจะแนะนำให้หลานรู้จัก หลานต้องจำไว้ว่าต้องจ่ายเงินเดือนให้เธอทุกเดือน รู้ไหม?”
นรมนมองไปที่คุณท่านตนุวรด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“คุณตาคะ เงินเดือนนี่ไม่ใช่คุณตาต้องจ่ายเหรอคะ? ไม่ใช่ว่าคุณตาหาบอดี้การ์ดมาให้หนูเหรอ?”
“อย่าเลย ธุรกิจตระกูลโตเล็กของหนูก็ใหญ่โต นี่คิดจะให้ตาแก่อย่างตาจ่ายให้รึไง? คิดได้ดีนี่ รีบออกไปได้แล้ว!”
คุณท่านตนุวรทำราวกับจะขับไล่นรมนออกไปด้วยความรังเกียจ แต่นรมนกลับหัวเราะขำขันอย่างใสซื่อ
“คุณตา น่ารักจริงๆ!”
พูดจบ เธอก็ปรี่เข้าไปจูบที่แก้มของคุณท่านตนุวร จากนั้นจึงลุกขึ้นและเดินจากไป
“รอหนูทานข้าวก่อนนะคะ ตาแก่นิสัยไม่ดี”
นรมนโบกมือไปข้างหลัง
คุณท่านตนุวรตกตะลึงอยู่ตรงนั้น
กี่ปีแล้วที่เขาไม่ถูกคนจูบ?
แม้แต่ คิม ลูกสาวแท้ๆของตัวเองก็ไม่เคยชิดใกล้กับเขาขนาดนี้
คิมสืบทอดความเย็นชามาจากเขา ไม่แยแสใคร ไม่คิดว่าจะให้กำเนิดลูกสาวที่มีออร่าที่แข็งแกร่งและกล้าหาญเช่นนี้ แต่กลับทำให้เขาปล่อยไปไม่ได้
นรมนไม่เหมือนคิมเลย สักนิดก็ไม่ แต่มันกลับทำให้คุณท่านตนุวรรู้สึกเสียใจกับมัน
เขาส่ายหัว ก่อนจะรีบไปที่ห้องครัวเพื่อดูว่าปลาเปรี้ยวหวานที่เตรียมไว้สำหรับนรมนพร้อมหรือยัง
นรมนออกจากบ้านตระกูลพรโสภณ โดยมีสมจิตเดินตามออกมา
เธอสวมแว่นกันแดด ก่อนพูดเสียงแผ่วเบา “ขับรถได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ”
“ขับไปโรงพยาบาลหัวเฉียวค่ะ”
นรมนขึ้นไปบนรถ เธอนั่งที่เบาะหลังแล้วหลับตาลง
สมจิตขึ้นรถอย่างไม่รอช้า ก่อนจะสตาร์ท และขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลหัวเฉียว
หลังจากที่นรมนมาถึง เธอไม่ได้รีบร้อนที่จะขึ้นไป แต่มองไปที่สมจิตก่อนถาม “ถ้าคนสิบคนยิงมาพร้อมกัน คุณจะปกป้องความปลอดภัยของฉันได้ไหม”
“รายงาน ทำได้ค่ะ!”
สมจิตพูดเหมือนกับอยู่ในค่ายทหาร
นรมนยิ้มและพูดว่า “ทีหลังไม่ต้องพูดรายงานกับฉันก็ได้ค่ะ”
“ค่ะ”
“ไปกันเถอะ ฉันจะไปพบพ่อบุญธรรมที่นั่น ดูกันว่าชายชรานี่ต้องการเล่นลูกไม้ไหนอีก”
นรมนพูดจบก็เดินเข้าไปข้างใน
ตำรวจหลายคนยืนอยู่หน้าประตูห้องผ่าตัด สวมเครื่องแบบตำรวจ เพื่อไม่ให้บุคลากรที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปใกล้ ไฟในห้องผ่าตัดเปิดอยู่ ข้างในดูเหมือนกำลังทำการผ่าตัด
หลังจากที่นรมนมาถึง เธอจึงเปิดเผยตัวตนของตัวเองออกมาโดยตรง
“สวัสดีค่ะ ฉันนรมน”
ขณะพูด ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาต้อนรับนรมน
ในขณะนั้นไฟในห้องผ่าตัดก็ดับลง ทันทีที่หมอออกมา นรมนก็หรี่ตาลง
มันค่อนข้างจะบังเอิญไปหน่อยไหม?