“ติดต่อเนตราไม่ได้ เธออยู่กับคุณหรือเปล่า?”
งามพลไม่อ้อมค้อมตรงเข้าประเด็นทันที
กล้าณรงค์นิ่งไปสักพัก และตอบเสียงเบาว่า “ไม่อยู่ เพียงแต่เนตราถูกผมส่งไป ประเทศF ไม่มีอันตรายใด ๆ คุณสบายใจได้”
“ตอนนี้ติดต่อเธอไม่ได้ ผมจะสบายใจได้อย่างไรกัน?”
พ่อนรมนได้ฟังก็โมโห
กล้าณรงค์ก็อารมณ์ไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานะของเขาในวันนี้ มีสักกี่คนที่กล้าพูดจาแบบนี้กับเขา?
สีหน้าของเขาค่อนข้างน่าเกลียด
“คุณลุงงามพล ผมจะลองติดต่อดู”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่น้ำเสียงของกล้าณรงค์เย็นชามาก
งามพลไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าฟังออก
เขาพยายามทำจิตใจให้ผ่อนคลาย กล่าวว่า “บนอินเทอร์เน็ตมีข่าวลือเกี่ยวกับผม คุณสามารถใช้เส้นสายลบมันทิ้งไปได้ไหม?คุณก็รู้ แบบนี้มันกระทบชื่อเสียงของผมอย่างมาก”
มุมปากของกล้าณรงค์ยกขึ้น ปรากฏความถากถาง
บอกว่าต้องการความช่วยเหลือจากเขา แต่น้ำเสียงที่ขอความช่วยเหลือยังแย่มาก เหมือนกับเนตราจริง ๆ
“ได้ ผมจะลองดู เพียงแต่คุณลุงงามพลคุณก็รู้ดี เรื่องบนอินเทอร์เน็ต มาเร็วไปเร็ว คุณไม่สนใจมัน ไม่ถึงหนึ่งวันก็ถูกข่าวอื่นมาแทนที่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจมากเกินไป”
ทางฝั่งพ่อนรมนโมโหแทบแย่
รู้สึกว่าศูนย์กลางของข่าวนี้ไม่ใช่เขา
พ่อนรมนวางสายอย่างโมโห
นัยน์ตาของกล้าณรงค์เย็นชาลงหลายเท่า
ลูกน้องข้างกายมองเห็นท่าทางของเขา จึงรีบกล่าวว่า “พี่กล้าณรงค์ พ่อของซ้อใหญ่เย่อหยิ่งไปหน่อย อยากให้พวกเราไปจัดการเขาสักหน่อยไหมครับ?”
“พูดอะไรอย่างนั้น เขาเป็นพ่อของเนตรานะ พวกเราจะลงมือกับคนแก่ได้อย่างไร?เพียงแต่ไปดูหน่อยสิ ข่าวบนอินเทอร์เน็ตมันเรื่องอะไรกัน”
กล้าณรงค์พูดอย่างเจ้าเล่ห์
ลูกน้องรีบไปตรวจสอบ
ในไม่ช้าทางนั้นก็ส่งข่าวมา บอกว่ามีคนโจมตีงามพล ซึ่งน่าจะเป็นบุริศร์ ในเมื่อคนที่มีความสามารถนี้นอกจากบุริศร์แล้วไม่อาจหาใครอื่นได้
กล้าณรงค์ไม่ได้พูดอะไร เขากำลังครุ่นคิด
“หาเนตราเจอไหม?”
“ยังไม่เจอครับ คนของพวกเราตามหาทุกที่ จนแม้แต่ใช้อำนาจของเจ้าชาย ก็ยังหาไม่เจอ ดูเหมือนเธอจะหายไปในอากาศ”
การรายงานของลูกน้องทำให้หัวคิ้วของกล้าณรงค์ขมวดเข้าหากันเบา ๆ
คนที่มีชีวิตคนหนึ่งจะหายตัวไปจากโลกอย่างไม่มีเหตุผลได้อย่างไร?
“คนของบุริศร์มีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง?”
“ยังคงเหมือนเดิมครับ”
“ทางฝั่งนรมนล่ะ?”
“เพิ่งออกมาจากห้องฉุกเฉินครับ”
กล้าณรงค์กับลูกน้องถามตอบกันไปมา
เขาจุดบุหรี่ กล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “นรมนอายุยืนจริง ๆ ผงถั่วลิสงจำนวนมากขนาดนั้นยังเอาชีวิตเธอไปไม่ได้”
ครับ นรมนเพียงแค่กินไม่กี่คำก็สังเกตเห็นอาการแพ้ แถมยังอยู่ในโรงพยาบาลอีก จึงสามารถช่วยชีวิตได้ทันเวลา”
ลูกน้องตัวสั่น เรื่องนี้พวกเขาทำได้ไม่ค่อยเรียบร้อยนัก เกรงว่ากล้าณรงค์จะทำให้ตนเองลำบาก
กล้าณรงค์กลับไม่ได้รู้สึกโกรธ เพียงแค่พูดออกมาเบา ๆ “ไม่เป็นไร พวกเรายังมีโอกาสอีก ให้คนของพวกเราดูแลตนเองให้ดี อย่าให้บุริศร์จับได้”
“วางใจได้ครับ เขาออกไปจากที่นี่แล้ว บุริศร์ไม่มีทางหาเจอ”
“อืม ออกไปได้”
หลังจากกล้าณรงค์ให้ลูกน้องออกไป เขาสูบบุหรี่อย่างรุนแรง
นรมนไม่ตาย บุริศร์ไม่ตาย เขายังไม่มีความสุข
ตอนนี้พ่อบุญธรรมต้องมีจุดจบแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาจะไม่ปล่อยพวกมันไป
ควันลอยขึ้นเป็นเกลียว ใบหน้าที่ดุร้ายของกล้าณรงค์ยิ่งน่าหวาดกลัว
ข่าวบนอินเทอร์เน็ตทำให้งามพลเกิดความเสียหายอย่างมาก ลูกศิษย์ของเขาต่างพากันโทรเข้ามาสอบถามว่าจริงหรือไม่จริง
งามพลทำได้เพียงยืนกรานและพูดว่าทั้งหมดนี้ไร้สาระ แต่คำพูดเหล่านี้แม้แต่ตัวของเขาเองก็ไม่เชื่อ
ในไม่ช้า ทางฝั่งงามพลก็ถูกตำรวจมาตามถึงบ้าน
“คุณงามพล มีคนแจ้งความว่าคุณลอกเลียนแบบ กรุณาไปกับพวกเราด้วยครับ”
“ผมไม่ได้ลอกเลียนแบบ”
งามพลเริ่มเกรงกลัว
ไม่!
เขาจะติดคุกไม่ได้!
ถ้าติดคุก ลูกสาวของเขาจะทำอย่างไร?
เขาอายุมากขนาดนี้แล้ว คงจะตายอยู่ข้างใน!
เขามองแม่นรมน กล่าวเสียงเบาว่า “ไปขอร้องนรมนซะ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีอะไร ต้องทำให้เธอปล่อยพวกเราไป เรื่องนี้เป็นการวางแผนของเธอ สามารถรู้จักพวกเราขนาดนี้ได้นอกจากเธอแล้วจะเป็นใครไปได้?คิดไม่ถึงว่าฉันเหนื่อยยากมาหลายปีเพื่อเลี้ยงดูนังเนรคุณนั่น”
งามพลพูดไปด่าไป แต่ยังคงถูกตำรวจจับตัวไป
แม่นรมนร้องไห้แทบขาดใจ แต่รู้ว่าตนเองร้องไห้ต่อไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร จึงรีบลุกขึ้น เก็บข้าวของ รีบไปหานรมนที่ เมืองB
อันที่จริงการหาตัวนรมนเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ในเมื่อเรื่องที่นรมนถูกคนจับเรียกค่าไถ่ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ และนอกจากนี้แม่นรมนรู้ว่านรมนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคมทิพย์ เธอจึงติดตามคมทิพย์มาที่โรงพยาบาล
เนื่องจากร่างกายของนรมนอ่อนแอ คมทิพย์จึงกลับไปที่กองหยิบของเล็กน้อย และขอลาหยุดสองวัน ตั้งใจว่าจะดูแลนรมนอย่างดี คิดไม่ถึงว่าจะถูกแม่นรมนจับตามอง และแอบตามมาด้วย
เมื่อแม่นรมนมองเห็นบอดี้การ์ดเหล่านั้นตรงหน้าประตูจึงรู้ว่าตนเองไม่มีทางได้เข้าใกล้
ทำอย่างไรดีนะ?
เธอหน้านิ่วคิ้วขมวด
ทางฝั่งนรมนเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา รู้สึกไร้เรี่ยวแรง
“ดีจังเลย ยังได้เจอเธออีก”
นรมนมองคมทิพย์หยอกล้อ
“ไม่ต้องมาพูดเลย เธอไม่ได้เห็น บุริศร์ของเธอแทบจะกินคนเข้าไปแล้ว ถ้าเธอยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก เดาว่าเขาคงจะแหวกโรงพยาบาลออก”
คมทิพย์เห็นนรมนฟื้นขึ้นมาก็ดีใจมาก อดหยอกล้อไม่ได้
“แล้วบุริศร์ล่ะ?”
“ออกไปข้างนอก น่าจะไปแก้แค้นให้เธอ”
คมทิพย์นำสิ่งของมาวางเอาไว้ข้าง ๆ
“ฉันทำเองกับมือเลยนะ ไม่มีใครคนไหนมายุ่ง เธอสามารถกินได้อย่างสบายใจ”
“ขอบคุณนะ”
นรมนรู้สึกหิวจริง ๆ
เธอก็รู้ว่าคมทิพย์อาจจะตกใจกลัว จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ ไม่ได้ทำให้เธอตกใจใช่ไหม?”
“ไม่ตกใจซะที่ไหนกัน? พวกเธอร่ำรวยเงินทองและอำนาจแบบนี้ ใช้ชีวิตลำบากจริง ๆ จะกินข้าวทั้งทีต้องกลัวจนตัวสั่น โชคดีที่ฉันไม่ได้แต่งเข้าบ้านคนรวย”
นรมนหัวเราะเบา ๆ
“ความจริงแล้วไม่ได้เกี่ยวว่าจะรวยหรือไม่รวยหรอก สิ่งที่สำคัญคือคนที่ขุ่นเคือง”
“ใครขุ่นเคือง?เนตราเหรอ?งั้นต้องเป็นเธอที่ขุ่นเคืองหรือเปล่า?มันเป็นสิ่งที่เธอไม่ได้คาดคิดมาก่อน ใครจะไปรู้ว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเธอมายังมีลูกสาวอีกคน และไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน กำลังแอบจ้องมองเธอเพื่อคอยหาโอกาสลงมืออีกหรือเปล่า ผู้หญิงแบบนี้ไม่ตายง่าย ๆ หรอก”
คมทิพย์พูดอย่างโมโห
นรมนมองเห็นท่าทางมีศัตรูคู่แค้นร่วมกันของเธอ จึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“เอาล่ะ พูดเหมือนหล่อนทำอะไรเธออย่างนั้นแหละ รีบทำให้ฉันกินเร็ว หิวจะตายแล้วเนี่ย”
“เธอยังรู้จักหิวนะ เพียงแต่เธอนี่ใจกว้างจริง ๆ เป็นแบบนี้แล้ว เธอยังกินลงอีก?”
“ฉันไม่กินอะไรจะให้หิวตายหรือไง?อีกอย่าง เธอจะทำร้ายฉันได้ลงคอเหรอ?”
นรมนรู้สึกว่าในตอนนี้คมทิพย์น่ารักสุด ๆ
หลังจากคมทิพย์นำกับข้าวมาให้เธอ นรมนกินอย่างเบิกบาน คมทิพย์เห็นแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอค่อย ๆ กินสิ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเป็นถึงผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ถ้ามีคนมาเห็นเข้า เดี๋ยวจะเข้าใจว่าเธอกลับมาจากแอฟริกานะ”
“ที่นี่มีแค่เธอกับฉัน ใครจะมาเห็น?จริงสิ ไม่รู้ว่าบริษัทของฉันเป็นอย่างไรบ้าง”
นรมนรู้สึกกังวล ท้ายที่สุดมันก็เปลืองความพยายาม
คมทิพย์กลับยักไหล่กล่าวว่า “วางใจเถอะ มีสามีของเธออยู่ ไปไม่ถึงหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพริมาไม่ใช่คนที่สามีของเธอส่งมาให้เธอหรอกเหรอ?เธอไม่อยู่ หล่อนก็ดูแลบริษัทได้ดีเหมือนกัน ฉันได้ยินมาว่าบริษัทของเธอมีเด็กใหม่สองสามคน ช่วงนี้บทละครที่รับมาก็ไม่เลว ตอนนี้ฉันลาหยุดสองวัน วางใจเถอะ ทุกอย่างปกติดี เธอพักฟื้นได้อย่างสบายใจ”
นรมนได้ยินก็พยักหน้า
ในที่สุดก็รับประทานอาหารจนหมด เธอเรอออกมา จากนั้นจึงถามเสียงเบาว่า “สถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”
“พ่อนรมนถูกตำรวจจับตัวไปแล้ว ส่วนเนตรายังไม่มีข่าวคราว”
ด้วยความรวดเร็วแบบนี้ นรมนกลับรู้สึกประหลาดใจ
“ทำไมถึงได้ถูกจับตัวไปเร็วแบบนี้?”
“สามีของเธอสุดยอด ว่ากันว่าลูกน้องของเขาไม่ได้นอนทั้งวันทั้งคืน ทำตารางเปรียบเทียบจนเสร็จ จากนั้นจึงติดต่อจิตรกรสิบเอ็ดคนนั้นเพื่อร่วมกันยื่นอุทธรณ์ ชื่อเสียงพ่อนรมนของเธอนับว่าโดนทำลายย่อยยับ”
ได้ฟังคมทิพย์พูดแบบนี้ นรมนหรี่ตาลง
“เขาไม่มีทางยอมแพ้หรอก จะต้องให้แม่นรมนมาขอความเห็นใจจากฉันแน่นอน”
“ด้านนอกต่างเป็นคนของสามีเธอ แมลงวันตัวเดียวก็บินเข้ามาไม่ได้ เธอคิดจะเข้ามาเหรอ?ไม่มีทาง!เธอพักรักษาตัวได้อย่างสบายใจ ส่วนเรื่องด้านนอกเธอไม่ต้องสนใจ”
นรมนกลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นไม่ได้นะเนตราลงแส้กับฉันไว้สามครั้ง ไม่ว่าอย่างไรฉันต้องเอาคืนให้ได้ ส่วนพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน ตอนนี้ฉันไม่มีความเห็นใจพวกเขาสักนิดเดียว คนในครอบครัวที่คุ้นเคยกันขนาดนั้น ตอนนี้ทะเลาะจนกลายเป็นแบบนี้ ฉันรู้สึกค่อนข้างดูถูกตนเอง เธอคิดว่าฉันคงไม่มีวาสนาโดยเฉพาะเรื่องของพ่อแม่ใช่ไหม?ถึงแม้จะเป็นแม่แท้ ๆ ของฉัน ฉันก็ไม่ได้อยู่กับเขาถึงตอนสุดท้าย”
พูดถึงตรงนี้ นรมนรู้สึกเศร้าสลด
เธอไม่เคยกล้าคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งตนเองกับพ่อแม่ที่สนิทที่สุดจะทำจนกลายเป็นเช่นนี้
คมทิพย์ตบไหล่ของเธอ และกล่าวปลอบใจว่า “เรื่องราวบนโลกอยู่เหนือการควบคุมของเรา อย่าเสียใจมากเกินไปเลย เป็นพวกเขาเองที่ทำมากเกินไป จะเป็นลูกแท้ ๆ หรือลูกเลี้ยงก็เถอะ ต่างก็มีความผูกพันไม่ใช่เหรอ ?เป็นพวกเขาที่โยนความรู้สึกทิ้งไปก่อน”
“ความจริงการทำลายพวกเขา ฉันรู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดถึงลูก ๆ ของฉัน ถ้าพวกเขาไม่คิดจะลงมือกับลูก ๆ ของฉัน ฉันคงไม่ตัดขาดแบบนี้”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
คมทิพย์ยังไม่รู้เรื่องนี้
นรมนจึงเล่าเรื่องที่พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนหลอกกานต์ให้ไปหาพวกเขาให้ฟัง
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ!กานต์ยังเด็กมาก และยังเคยเป็นหลานที่พวกเขารักที่สุด ทำไมพวกเขาถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้?”
“ฉันถึงไม่สามารถยอมได้ไง !”
นรมนคิดถึงลูก ๆ มากเหลือเกิน
และไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง
อยากจะวิดีโอคอลหาพวกเขา ก็กลัวพวกเขารู้ว่าตนเองอยู่ในโรงพยาบาลแล้วจะยิ่งเป็นห่วง
คมทิพย์เห็นแววตาของนรมนก็รู้ว่าเธอคิดถึงเด็ก ๆ
“เอาล่ะ รอเธอหายดี แล้วกลับไปหาพวกเขานะ ตอนแรกเธอกับบุริศร์ทะเลาะจนจะหย่ากัน ไม่กลับไปเมืองชลธีถือว่าผ่านไปแล้ว ตอนนี้พวกเธอดีกันแล้ว ถ้ายังไม่กลับไปอีกเด็ก ๆ คงจะคิดถึงเธอแย่เลย”
นรมนพยักหน้า
ในขณะที่คุยกัน มีเสียงซักถามดังขึ้นจากด้านนอก
“คุณเป็นใคร?”
“ฉันมาทำความสะอาดค่ะ”
แม่นรมนใส่หน้ากาก ปลอมตัวให้ไม่มีใครจำได้ เธอไร้หนทางแล้วจริง ๆ จึงคิดใช้ช่องว่างในการทำความสะอาดเข้ามาอ้อนวอนนรมนให้ปล่อยตัวงามพลไป
คนอื่นฟังเสียงแม่นรมนไม่ออก แน่นอนว่านรมนจำได้
เธออึ้งไปเล็กน้อย ดึงมือของคมทิพย์ทันที “ คนขอความเมตตามาถึงแล้ว