“เดี๋ยวผมให้ชัยยศไปตรวจเช็กเรื่องนี้ดูสักหน่อย”
แล้วบุริศร์ก็รีบโทรศัพท์ให้ชัยยศ
“ไปเก็บตัวอย่างเลือดของเนตรา แล้วก็คิดหาวิธีไปเก็บเลือดของสามีภรรยางามพลในคุกมา ใช้ระยะเวลาที่สั้นที่สุดเอาไปตรวจดีเอ็นเอ แล้วส่งผลมาให้ฉัน”
“ได้ครับ”
ตอนที่บุริศร์โทรศัพท์อยู่นั้น นรมนเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ ในหัวสมองของเธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงคุณป้าใหญ่คนนั้นที่คุณท่านตนุวรเคยพูดถึงเมื่อไม่นานมานี้
เรื่องมันคงจะไม่บังเอิญขนาดนี้หรอกมั้ง?
“บุริศร์คะ คุณว่าถ้าเป็นฝาแฝดชายหญิงที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน เปอร์เซ็นต์ความแม่นยำของดีเอ็นเอน่าจะเหมือนกันมากหรือเปล่า?”
“ถ้าพูดตามหลักแล้วก็เป็นไปได้ ทำไมถึงได้ถามอันนี้ล่ะ?”
บุริศร์รู้สึกไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย
นรมนบอกเรื่องคุณป้าใหญ่ของตัวเองให้บุริศร์ฟัง
หลังจากที่บุริศร์ฟังจบแล้วก็ขมวดคิ้วแน่น
“คุณสงสัยว่าแม่ของราเชนคือคุณป้าคนนั้นที่หายตัวไปตั้งแต่เด็กของคุณเหรอ?”
“ฉันเดาว่าเป็นอย่างนั้นค่ะ ในเมื่อฉันก็เคยทำการตรวจดีเอ็นเอกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดา แล้วก็เคยทำการตรวจกับแม่ของฉันแล้ว ฉันจะไปเป็นน้องสาวของราเชนได้ยังไงกัน? เขาเป็นใครฉันยังไม่รู้จักเลย”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์ต้องครุ่นคิดขึ้นเล็กน้อย
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอคะ? ฉันพูดผิดเหรอคะ?”
นรมนรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย
บุริศร์พูดเสียงต่ำขึ้น “ตอนนั้นตอนที่คุณตรวจดีเอ็นเอกับคิมและตรวจดีเอ็นเอกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดานั้นล้วนเป็นเพราะว่าต้องการให้สถานะใหม่กับคุณ ในเมื่อห้าก่อนคุณก็ได้ตายไปแล้ว ถ้าอยากจะมีทะเบียนบ้านใหม่อีกครั้ง ก็จำเป็นจะต้องมีสถานะใหม่ และการตรวจดีเอ็นเอในตอนนั้นตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็เป็นฝ่ายเอาไปตรวจเอง”
นรมนเข้าใจว่าบุริศร์อยากจะพูดอะไรขึ้นมาทันที
“เพราะฉะนั้นคุณคิดว่า เพื่อต้องการให้สถานะกับฉันอันหนึ่งแล้ว ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาได้ทำอะไรกับผลตรวจดีเอ็นเอไปเหรอ? เป้าหมายที่พวกเขาทำแบบนี้คืออะไรคะ? อยู่ดี ๆ จะให้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดามีลูกเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง? จำเป็นด้วยเหรอ”
คำพูดของนรมนไม่ได้ไร้เหตุผล
บุริศร์พูดอย่างทอดถอนใจขึ้นมาเล็กน้อยว่า “คุณพูดถูกแล้ว เพราะฉะนั้นเราไม่คิดกันแล้ว เอาไว้ต่อไปถ้าไปเมืองFแล้ว ไปเยี่ยมแม่ของราเชนแล้วค่อยว่ากัน ถ้าเกิดว่าเป็นคุณป้าใหญ่ของคุณจริง ๆ ก็น่าจะหน้าตาเหมือนกับแม่ของคุณเปี๊ยบ พอถึงตอนนั้นก็น่าจะพออธิบายได้แล้ว แต่ว่าคุณอย่าเพิ่งให้ความสัมพันธ์ของคุณกับราเชนถูกเปิดเผยไปนะ”
“เพราะอะไรคะ?”
นรมนรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ
บุริศร์พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ราเชนเป็นองค์ชายรองของประเทศF ช่วงนี้ประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรีของพวกเขากำลังมีความขัดแย้งกันเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับปัญหาเรื่องผู้สืบทอดตอนนี้ภายในประเทศได้แบ่งออกเป็นสองฝ่ายแล้ว การแก่งแย่งชิงดีกันในตอนนี้ก็มาถึงขั้นที่ดุเดือดที่สุดแล้ว ตั้งแต่แรกแม่ของราเชนนั้นก็เป็นเพียงแค่เมียคนที่ห้าของประธานาธิบดี หลังจากที่ได้รับความรักและเอาใจใส่อยู่ไม่กี่ปีก็ได้เสียชีวิตลง แล้วทิ้งราเชนไว้ให้ถูกรังแกอยู่ภายในนั้นคนเดียว และเพื่อต้องการลดจำนวนผู้มีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอดลงแล้ว เขาถึงกับต้องโดนลอบทำร้ายหลายครั้ง ที่สามารถมีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ได้ก็ไม่ง่ายแล้ว และเพื่อความอยู่รอดเขาจึงเลือกมาเข้าวงการบันเทิง และด้วยเหตุนี้คนพวกนั้นถึงได้เปิดทางให้เขาด้านหนึ่ง แต่ว่าความทะเยอทะยานของราเชนนั้นก็มีไม่น้อย เขาอาจจะมีเหตุผลอย่างอื่นด้วย จึงได้แอบสะสมกองกำลังไว้เองบางส่วน ตอนแรกกะว่าเอาไว้ใช้ป้องกันตัวเอง แต่ว่าตอนนี้ซินดี้ได้ตายไปแล้ว เขาก็เลยบ้าไปเลย และตอนนี้ก็ได้กลับไปเปิดศึกอย่างเป็นทางการกับองค์ชายสามแล้ว”
“ถ้าเบื้องหลังความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนวุ่นวายนี้มาเกี่ยวข้องกับคุณเข้าอีก ก็จะไม่เป็นผลดีเลย คุณลองคิดดูนะ เบื้องหลังของคุณมีตระกูลพรโสภณและตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอยู่ ซึ่งต่างก็เป็นกำลังทางทหาร แล้วรวมผมเข้าไปอีก ถ้าราเชนอยากจะดึงความเป็นญาติเข้ามาเกี่ยวข้อง แน่นอนว่าองค์ชายสามก็จะต้องเกรงกลัว พอถึงตอนนั้นไม่แน่อาจจะนำพาอันตรายถึงแก่ชีวิตมาให้คุณก็ได้ นรมน และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมผมไม่อยากจะให้คุณรู้เรื่องตั้งแต่แรก ผมแค่ต้องการให้คุณมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขและเรียบง่าย”
หัวคิ้วของนรมนขมวดเข้าหากันแน่น
เธอรู้ว่าสิ่งที่บุริศร์พูดมานั้นล้วนเป็นความจริง แต่ว่าคุณป้าใหญ่ก็เป็นแก้วตาดวงใจในจิตใจของคุณตาด้วยเหมือนกัน
ถ้าเกิดสามารถแน่ใจได้ว่าแม่ของราเชนคือคุณป้าใหญ่จริง ๆ ละก็ ก็ถือได้ว่าสามารถทำให้คุณตารู้ข่าวคราวลูกสาวคนโตของตัวเองได้แล้ว
“ทำไมราเชนถึงได้เชื่อมั่นว่าฉันกับเขามีความเกี่ยวข้องกันเป็นพี่น้องล่ะ?”
“ผมรู้สึกว่าเบื้องหลังของเรื่องนี้จะต้องไม่ใช่ง่าย ๆ แน่ หลายปีมานี้ราเชนอยู่ในวงการบันเทิงมาตลอด แต่เรื่องในประเทศกลับไม่มีเรื่องไหนที่เขาไม่รู้ นี่เพียงพอให้สามารถพูดได้แล้วว่าเขามีหน่วยข่าวกรองของตัวเองอยู่ และเขาสามารถเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของคุณไปตรวจได้อย่างไม่มีสุ้มเสียง เรื่องนี้เป็นความลับมากตั้งแต่แรก แต่ว่าทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนี้มาโดนกันยการู้เรื่องเข้าได้ล่ะ? แล้วแฟนของกันยกาก็เป็นคนของกล้าณรงค์ด้วย แล้วกล้าณรงค์กับองค์ชายสามก็เป็นพวกเดียวกัน คุณไม่รู้สึกว่าเรื่องพวกนี้มันช่างบังเอิญเกินไปเหรอ? ถ้าเกิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่วางแผนมาหมดแล้ว ใครจะรับประกันได้ว่าผลตรวจดีเอ็นเอนั่นไม่ได้โดนคนทำอะไรใส่ล่ะ? และที่สำคัญทำไมอยู่ ๆ ราเชนถึงรู้ว่าคุณมีตัวตนอยู่ด้วยล่ะ”
พอฟังคำพูดของบุริศร์แล้ว นรมนก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
คนพวกนี้วัน ๆ เอาแต่หลอกลวงกันไปมา เหนื่อยกันบ้างไหม
“ถ้าเกิดว่าผลตรวจดีเอ็นเอโดนคนทำอะไรใส่ละก็ แล้วถ้าแม่ของราเชนไม่ได้เป็นคุณป้าใหญ่ของฉันจริง ๆ แต่ว่าอีกฝ่ายกลับต้องการให้ราเชนเข้าใจว่าฉันเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขา แล้วเป้าหมายที่อยู่เบื้องหลังนี้คืออะไรล่ะ?”
ดวงตาของบุริศร์หรี่ลงมา แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คิดว่าคงอยากจะใช้สงครามภายในของประเทศFมากำจัดคุณกับผม”
“คุณหมายความว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นกลลวงเหรอคะ? แกล้งสร้างเรื่องขึ้นมาว่าฉันกับราเชนมีความเกี่ยวข้องกัน จู่ ๆ พวกเขาก็โยนเรื่องนี้ออกมาในเวลาแบบนี้ และอยากจะใช้สงครามแย่งอำนาจภายในของประเทศFมากำจัดพวกเราทิ้ง พวกเขาไม่กลัวว่าพวกเราจะค้นหาความจริงเจอเหรอ? ยังไงซะกระดาษก็ห่อไฟไว้ไม่อยู่ เรื่องโกหกก็ต้องเป็นเรื่องโกหก”
“เพราะฉะนั้นคุณกับราเชนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนอึ้งไปทันที
“หมายความว่าไงคะ?”
“ความหมายก็คือมีความเป็นไปได้สูงมากที่ราเชนจะเป็นลูกชายของคุณป้าใหญ่ของคุณ และคุณกับราเชนก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ว่าทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นเพียงแค่การคาดเดา ต้องรอให้เราให้ไปเจอแม่ของราเชนก่อนถึงจะรู้ว่าความจริงเป็นอย่างที่พวกเราคาดเดากันหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าเรื่องราวเป็นอย่างที่เราเดากันละก็ ถ้าอย่างงั้นคนที่อยู่เบื้องหลังคนนี้ก็จะต้องรู้เรื่องที่ลูกสาวคนโตของตระกูลพรโสภณหายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน เรื่องนี้ถึงแม้ว่าตอนนั้นอยู่ในเมืองชลธีจะโด่งดังเป็นอย่างมาก แต่ว่าคนส่วนใหญ่ต่างก็นึกว่าลูกสาวคนโตของตระกูลพรโสภณถูกผู้ก่อการร้ายฆ่าตายไปแล้ว ต่อมาเรื่องที่ลูกสาวของตระกูลพรโสภณหายตัวไปก็มีคนรู้เรื่องน้อยมากแล้ว แต่ว่าคนคนนี้กลับรู้เรื่องนี้ ก็มากพอที่จะบอกได้แล้วว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลพรโสภณเป็นอย่างมาก หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือใกล้ชิดกันมาก เพราะฉะนั้นการมีตัวตนอยู่ของคนคนนี้ถึงจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด”
บุริศร์ค่อย ๆ พูดเรื่องราวทีละขั้นทีละขั้นอย่างละเอียดกับนรมนรอบหนึ่ง
แล้วนรมนก็รู้สึกหงุดหงิดแทบตายขึ้นมาทันที
เธอมักจะรู้สึกว่าพอคู่แข่งคนหนึ่งโดนขจัดไปแล้ว และพอได้อยู่อย่างสงบสุขได้เพียงไม่กี่วัน ก็มีคนร้ายอีกคนมารอตัวเองแล้ว
วันเวลาแบบนี้เมื่อไหร่จะสิ้นสุดลงสักที
“อ๋ายหยา ไม่คิดแล้ว เซลล์สมองตายไปตั้งเยอะแล้ว ช่างเถอะว่าเขาจะเป็นใคร ปล่อยไปตามสถานการณ์อะไรมาก็รับมือกับสิ่งนั้น ตอนนี้ฉันแค่อยากจะมีชีวิตสงบสุขอยู่กับคุณ ทางที่ดีที่สุดคนพวกนั้นอย่างมารบกวนพวกเราในตอนนี้ ไม่งั้นละก็ ฉันจะไม่สนหรอกว่าเขาเป็นใคร จะฆ่าทิ้งให้หมดทั้งนั้น!”
นรมนพูดขึ้นอย่างวางอำนาจ และทำปากจู๋เหมือนอย่างกับเด็ก จนทำให้บุริศร์หัวเราะขึ้นมาทันที
“อืม ไม่ว่าเป้าหมายที่อยู่เบื้องหลังของคนคนนั้นจะคืออะไร พวกเราก็รอดูต่อไปก็พอแล้ว ตอนนี้ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น ถ้าเกิดคุณยังไม่วางใจอีก ก็สามารถทำการตรวจดีเอ็นเอกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอีกครั้งได้ ส่วนตัวผมรู้สึกว่า คุณเป็นลูกหลานของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาและตระกูลพรโสภณแน่ และไม่ได้เกิดมาจากแม่ท้องเดียวกันกับราเชนหรอก”
“ฉันเองก็คิดแบบนี้ แต่ว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ราเชนจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน พอคิดแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเก็บเกี่ยวอะไรไม่ได้เลย อย่างน้อยเรื่องของคุณป้าใหญ่ก็พอมีทิศทางขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้าคุณตารู้เรื่องเข้าละก็ จะต้องดีใจมากแน่ ๆ”
นรมนพูดขึ้นอย่างดีใจ
แล้วบุริศร์เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเหมือนตัวเองจะลืมบอกเรื่องอะไรอย่างหนึ่งกับนรมนไป
“นรมน เหมือนกับว่าผมจะลืมบอกคุณไป ว่าแม่ของราเชนเสียชีวิตไปแล้ว”
ทั้งตัวนรมนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
เธอทบทวนคำพูดที่สนทนากับบุริศร์เมื่อกี้ขึ้นรอบหนึ่ง แล้วถึงพบว่าตอนที่บุริศร์พูดถึงราเชนนั้น เคยพูดว่าแม่ของราเชนแต่งงานได้ไม่กี่ปีก็เสียชีวิตไปแล้ว
และก็หมายความว่าที่ราเชนอยากให้พวกเขาไปเจอก็คือป้ายหลุมศพของแม่เขาเหรอ?
ใจของนรมนรู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที
“ยังดีที่ยังไม่ได้บอกกับคุณตา ไม่งั้นก็จะต้องผิดหวังอีกแล้ว ฉันรู้สึกว่าสวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมกับคุณตาเลย ลูกสาวทั้งสองคนต่างก็จากไปก่อนท่าน คนผมหงอกต้องมาส่งคนผมดำ ทำให้ท่านต้องมาทนรับกับความสะเทือนใจ บุริศร์ คุณจะต้องรับปากกับฉันนะ ในอนาคตถ้าแก่แล้วคุณจะต้องตายหลังฉันนะ จะต้องรอให้ฉันตายแล้วคุณค่อยตายนะ ฉันไม่อยากจะเห็นคุณจากโลกนี้ไปกับตา ฉันต้องทนไม่ไหวแน่ ๆ”
อยู่ ๆ นรมนก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา
“ยัยโง่ ตายไม่ตายอะไรกัน พวกเราจะต้องมีชีวิตอยู่ดี ๆ เอาล่ะ ผมจะไปทำกับข้าวแล้ว อยากกินอะไร?”
“ฉันอยากจะกินคน ได้ไหมคะ?”
นรมนกะพริบตาปริบ ๆ อยู่
หว่างขาของบุริศร์รู้สึกร้อนขึ้นมา แต่ว่าพอคิดถึงการผ่าตัดเล็กเมื่อเช้า เขาก็กระแอมไอขึ้นมาทีหนึ่ง “คนมีพิษอยู่ กินไม่ได้ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเถอะ”
นรมนหัวเราะขึ้นมาทันที
“คิดอะไรน่ะ กินอะไรก็ได้ ไปดูว่าลูกสาวของคุณอยากจะกินอะไรก็กินอันนั้นเถอะ อ๋อ ใช่แล้ว กมลล่ะ?”
นรมนถึงเพิ่งจะนึกถึงกมลขึ้นมาได้ แค่ไปล้างผลไม้ทำไมถึงได้หายตัวไปเลย?
เธอรีบลุกขึ้นยืนทันที แล้วเดินไปทางห้องครัว
บุริศร์เดินตามมาอยู่ข้างหลัง
พอทั้งสองคนมาถึงห้องครัวแล้ว ถึงพบว่ากมลกำลังอุ้มถุงผลไม้ไว้ถุงหนึ่งแล้วนั่งกินเงียบ ๆ อยู่ในห้องครัว ท่าทางแบบนั้นเหมือนกับว่าหิวไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้วยังไงอย่างงั้น
มุมปากของนรมนกระตุกไปหลายที
“กมล หนูบอกหม่ามี้มาได้ไหม ว่าหนูกำลังทำอะไรอยู่?”
“กินผลไม้อยู่ค่ะ”
มุมปากของกมลเปื้อนน้ำสีแดงของแก้วมังกรอยู่ อยู่ ๆ มองไปยังทำให้คนตกใจอยู่บ้าง
“แด๊ดดี้ของหนูซื้อมากี่ลูก? หนูกินเป็นกองขนาดนี้เลยเหรอ? หนูไม่กลัวว่าจะท้องเสียกลางดึกเหรอ?”
“แต่ว่ามันอร่อยมากเลยค่ะ”
กมลขยับกรามไป พูดไปด้วยแล้วก็ยัดใส่ปากไปด้วย เพราะกลัวว่านรมนจะมาแย่งเอาไป
บุริศร์จ้องมองสองแม่ลูกไปอย่างรู้สึกขำ แล้วก็แย่งแก้วมังกรออกมาจากมือของกมล
“ของสิ่งนี้กินเยอะแล้วท้องไส้จะรับไม่ไหวนะ เด็กดี ไปล้างมือล้างหน้าสักหน่อยนะ เดี๋ยวแด๊ดดี้ทำปีกไก่ต้มโค้กให้หนูกิน”
“ได้ค่ะ รักแด๊ดดี้ที่สุดเลย ม๊วฟ!”
พอกมลได้ยินว่ามีของอร่อยกิน ก็ลุกขึ้นมาทันทีแล้วไปหอมแก้มบุริศร์ทีหนึ่ง แล้วก็หอมเป็นรูปรอยปากแดงพอดี จากนั้นก็หัวเราะแหะ ๆ แล้วก็วิ่งออกไปเลย
นรมนพูดขึ้นอย่างรู้สึกหมดคำพูดว่า “คุณดูซิ เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง วัน ๆ รู้จักแต่กิน นี่ถ้าอนาคตแต่งไม่ออกนี่จะทำยังไงล่ะ?”
“แต่งไม่ออกผมก็เลี้ยงเองซิ ลูกสาวผมของเอง ผมยังจะเลี้ยงไม่ไหวเลยเหรอ?”
บุริศร์พูดได้อย่างไม่อาย อยู่ ๆ ก็รู้สึกถึงสายตาที่เย็นเฉียบเหมือนมีดของนรมนมองมาทางตัวเอง
เขาถามขึ้นอย่างเหมือนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ “ทำไมเหรอ? ผมพูดอะไรผิดเหรอ?”
“หึ! เพื่อคนรักตัวเล็กของคุณแล้ว อะไรก็สามารถทำให้ได้จริง ๆ บุริศร์ ฉันจะบอกอะไรคุณนะ เงินพวกนั้นของคุณมันเป็นของฉันทั้งหมด! ของฉัน! คุณกล้าเอาเงินของฉันไปเลี้ยงคนรักตัวเล็กของคุณ คุณมันคนโลเล คุณมันคนลืมบุญคุณคน คุณมัน……หึ!”
นรมนโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงหมุนตัวแล้วก็จากไป
บุริศร์รู้สึกมึนงงไปทั้งหน้า
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?
คนรักตัวเล็กของเขาคือกลมเหรอ? กมลไม่ใช่ลูกสาวของเธอกับนรมนหรอกเหรอ? ทำไมถึงได้เป็นคนโลเล ทำไมถึงได้กลายเป็นคนลืมบุญคุณคนไปได้ล่ะ?
บุริศร์คิดไปประมาณเกือบห้านาที ในที่สุดก็รู้สึกถึงปัญหาอย่างหนึ่ง
ภรรยาของเขาหึงหวงแล้ว!
ที่หึงยังเป็นลูกสาวของตัวเองอีก!
บุริศร์รู้สึกไม่รู้จะทำยังไงอยู่บ้าง
นี่มันคือจะต้องให้เขาโอ๋เหรอ?
ทำไมแค่ไม่เจอกันไม่กี่วัน ภรรยาของเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งจะเป็นเจ้าหญิงน้อยที่เอาแต่ใจแล้วเหรอ?
บุริศร์ยิ้มจาง ๆ ขึ้น แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตัวเองดังขึ้น