และประโยคนี้ก็ทำให้นรมนขมวดคิ้วแน่นทันที
เจ้าเด็กหมีคนนี้ ช่างทำให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ
“บุริศร์ไม่ได้อยู่ด้วยเหรอ? เขามองดูโดยไม่ทำอะไรงั้นเหรอ?”
คำพูดของนรมนทำให้โตษิณเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“คุณหนูนรมน อย่าพูดถึงเลย ประธานบุริศร์ให้กำลังใจกมลอยู่ด้านข้าง”
ประโยคนี้ของโตษิณทำเอานรมนอึ้งไปทันที
ให้กำลังใจเหรอ?
บุริศร์สนับสนุนให้กมลใช้กำลังเหรอ?
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
นรมนหมอบครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้น
คุณท่านตนุวรรีบพูดขึ้นทันที“นรมน เด็กคนนี้ยังเล็ก มีอะไรก็ต้องพูดกันดีๆ อย่าได้ลงไม้ลงมือเลยเข้าใจไหม? อีกอย่าง ลูกหลานตระกูลเราไม่มีทางทำอะไรใครก่อน ต้องเป็นเพราะคนอื่นทำไม่ถูก”
“คุณตา”
นรมนพูดอะไรไม่ออกทันที
ตอนนี้คุณตากำลังเขาข้างลูกหลานตัวเอง
ยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นก็บอกว่าเป็นความผิดคนอื่นแล้วเหรอ?
“คุณตาไม่ต้องไปหรอกนะ ให้ผู้ใหญ่มาดูเด็กตีกัน มันดูไม่ค่อยดี โตษิณ อยู่เป็นเพื่อนคุณตาที่นี่”
นรมนพึ่งจะพูดจบ โตษิณก็รีบตอบรับทันที จึงโดนคุณท่านตนุวรมองด้วยสายตาเขม่น แล้วรีบออกไปทันที
“กลัวอะไร ตอนนี้คุณตาก็เป็นแค่เสือกระดาษเท่านั้น”
นรมนลูบไหล่โตษิณ แล้วรีบเดินออกไปทันที
ยังไม่ทันจะออกมาจากประตูนรมนก็ได้ยินเสียงร้องของกมลดังขึ้น
“ไม่ลงมือกับแกแกก็ไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
นรมนขมวดคิ้วเข้าหากันทันที
นี่คือกมล ของพวกเขาเหรอ?
ทำไมรู้สึกว่าคล้ายกับไอรา!
บุคลิก เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่กมลแน่นอน
แม้ว่าจะคิดได้แบบนี้ แต่ว่านรมนก็ยังเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
ด้านนอกมีคนล้อมสองสามคน ดนัยกับเวธนีก็อยู่ พวกเขาไม่ได้ลงมืออะไร และนอกจากนั้นก็ยังมีเด็กใหญ่อีกสองสามคน มีทั้งอายุมากและอายุน้อย มากหน่อยก็เจ็ดถึงแปดขวบ ถ้าอายุน้อยก็ราวรุ่นเดียวกับกมล
และในตอนนี้กมลเองก็อยู่บนหลังของเด็กผู้ชายอายุเจ็ดแปดขวบที่ทั้งชกทั้งเตะ
เหตุการณ์นี้เป็นที่ดึงดูดสายตามาก
นรมนกำลังจะเข้าไป ก็พลางมองเห็นบุริศร์ที่อยู่ข้างๆ เขากอดอกมองอยู่นิ่งๆ แม้จะช้าไปนิด แต่ว่าดูจากบรรยากาศที่เยือกเย็นแบบนั้นแล้ว
บุริศร์โมโหแล้ว!
นรมนมั่นใจในเรื่องนี้มาก
กมลก็กำลังจัดการ ก็พลันได้ยินเสียงบุริศร์พูดขึ้น“ตีลงไปที่หน้าอก และก็ตรงก้น หัวเข่าก็ตีได้”
นรมนเป่าปากทันที
บุริศร์ก็ดูจะนิสัยไม่ดีเลย ที่สอนให้กมลตีตรงที่มองไม่เห็น
เธอจึงเดินเข้าไป
แม้ว่าบุริศร์จะเป็นคนตามใจลูก แต่ไม่น่าจะถึงขนาดนี้ ในเมื่อบุริศร์อยู่ที่นี่ แล้วยังยอมให้กมลลงไม้ลงมือ อย่างนั้นแสดงว่ากมลต้องมีเหตุผล
แต่ว่านรมนรู้สึกอยากรู้แล้ว ว่าเรื่องอะไรถึงทำให้กมลโมโหขนาดนี้
บุริศร์เห็นว่าเธอมาแล้ว เขาก็ไม่พูดอะไร เพียงแค่สยบสายตาอาฆาตลงนิดหน่อย
กมลเริ่มเหนื่อยแล้ว พอเห็นนรมนมา ก็ชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ว่าก็ไม่ได้ยอมหยุดตี และสุดท้ายก็จัดการอัดไปที่ตูดของฝั่งตรงข้ามไปหนึ่งที
ในที่สุดแม่ของเด็กคนนั้นก็ตามมาถึง
“พวกแกทำอะไร? รีบปล่อยลูกชายฉันเดี๋ยวนี้! มีที่ไหนเป็นผู้หญิงแท้ๆ กลับหน้าไม่อายขี่บนหลังผู้ชาย ดูแล้วเหมือนอะไร?”
แม่ของเด็กชายคนนั้นเขย่าตัวกมลออกทันที พร้อมกับออกแรงจนกมลเกือบล้มลงไปที่พื้น
นรมนรีบเข้ามารับกมลไว้ทันที พร้อมกับสีหน้าที่ไม่ดีแล้ว
“คุณผู้หญิงท่านนี้ เด็กทะเลาะกัน คุณเป็นผู้ใหญ่ไม่สมควรเข้ามายุ่งนะ?”
“นี่เป็นคุณหนูบ้านเธอเหรอ?”
แม่เด็กคนนั้นหันมาชักสีหน้าใส่นรมน
“ใช่”
หลังจากที่นรมนเข้ามารับตัวกมล สีหน้าของเธอก็เริ่มโมโหแล้ว
“ช่างเป็นเหมือนแม่จริงๆ ที่สอนยังไงลูกก็เป็นแบบนั้น ดูท่าทางยั่วยวนผู้ชายแบบนี้สิ มิน่าล่ะลูกสาวของเธออายุน้อยๆ แค่นี้ก็ขึ้นมาขี่บนตัวผู้ชายแล้ว ถ้าหากว่าโตไป คงจะชอบเที่ยวเล่นไม่เบา”
คำพูดของหล่อนทำให้นรมนสีหน้านรมนโมโหมาก
“ปากของคุณกรุณาพูดจาดีๆ หน่อยนะ”
เธอคิดว่ายังไงที่นี่ก็เป็นลานใหญ่ คนที่อยู่ที่นี่ก็น่าจะเป็นผู้ดีบ้าง แต่ไม่นึกเลยว่าที่นี่จะมีคนแบบนี้อยู่
เพราะนรมนไม่ได้โตจากที่นี่ มาที่นี่ก็แค่มาเยี่ยมคุณตาเท่านั้น ไม่เคยเดินออกไปไหนเลย ดังนั้นในลานใหญ่เขตทหารจึงไม่มีใครรู้จักเท่าไหร่
อีกฝั่งก็ดูจากสีหน้าของนรมนเหมือนกันถึงได้กล้าพูดขนาดนี้
สายตาของบุริศร์เริ่มเล็กลงเรื่อยๆ
“เสนาธิการเขมทัตก็สอนลูกได้ดีจริงๆ แค่พูดออกมาแบบนี้แล้ว หรือว่าตัวคุณเองก็เป็น? ไม่อย่างงั้นจะรู้ละเอียดขนาดนี้เลยเหรอ”
คำพูดนี้ของบุริศร์ทำให้หล่อนหน้าเสียทันที
“แกพูดเหลวไหล แกเป็นใคร? ถึงกล้าพูดบาตรใหญ่ที่นี่? ในเมื่อรู้แล้วฉันเป็นเสนาธิการเขมทัต ก็ควรจะคิดได้แล้ว รีบมาขอโทษลูกชายฉันเดี๋ยวนี้”
“ขอโทษเหรอ? ผมไม่ทำให้ลูกชายคุณหมดทางสืบทอดสกุลก็บุญแล้ว วันนี้โชคดีที่ลูกสาวผมออกโรงเอง ถ้าหากว่าเป็นผมลงมือ ผมจัดการลูกชายคุณพิการแน่ คุณเชื่อไหม?”
บุริศร์ก็ขี้เกียจพูดกับหล่อนอย่างไร้สาระแล้ว จึงรีบหยิบโทรศัพท์โทรหาเสนาธิการเขมทัต
“ผมคือบุริศร์ มาที่หน้าบ้านของตระกูลทวาทสินหน่อย ผมคิดว่าคุณต้องสั่งสอนภรรยากับลูกชายคุณบ้าง”
บุริศร์พูดจบก็ตัดสายทันที
ที่นี่คือลานใหญ่เขตทหาร คนที่อยู่ที่นี่ก็เป็นพวกทหาร
เสนาธิการเขมทัตเองก็พอจะรู้ชื่อเสียงของบุริศร์อยู่
ชื่อเสียงของเขาในวงการทหารถือว่าดังราวสายฟ้าฟาด เรื่องในวันนี้ที่เกิดขึ้นทำให้เขาตกใจจนสั่นไปทั้งตัว
ภรรยากับลูกสร้างเรื่องแล้วเหรอ?
เสนาธิการเขมทัตรีบขับรถมาที่นี่ทันที
นรมนเห็นบุริศร์ออกโรงแล้ว เธอจึงไม่ถามอะไรลูกสาวอีก เพียงแค่กอดลูกไว้ แล้วถามด้วยความเจ็บปวดใจ “มีบาดแผลอะไรไหม?”
“แผลอยู่ที่ลูกชายฉันนี่ พวกแกรอไปก่อน รอให้เขมทัตกลับมาถึงก่อน”
ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยท่าทางดุ
เด็กผู้ชายคนนั้นหลบหลังแม่ตัวเองแล้วร้องไห้ออกมา
“หม่ามี้ หม่ามี้ผมเจ็บ”
“ไม่ต้องกลัวลูก รอให้พ่อมาก่อน แล้วรอให้พ่อจัดการพวกมัน”
คำพูดของหล่อนทำให้นรมนอยากจะหัวเราะออกมา
ไม่นานเสนาธิการเขมทัตก็กลับมาถึง
ภรรยาคุณเขมทัตมองเห็นสามีตัวเองก็พลันตะโกนเรียกสุดเสียง
“เขมทัต พวกมันรังแกลูกชายเรา! แล้วยังตีลูกชายเราด้วย!”
เขมทัตผลักภรรยาเขาออกไป แล้วเดินเข้ามาหาบุริศร์ พร้อมกับพูดขึ้นเพื่อแสดงความจริงใจ “คุณบุริศร์ ต้องขอโทษด้วยครับ ภรรยาของผมมาจากบ้านนอก ไม่รู้สัมมาคารวะ ขอให้คุณอย่าได้ถือสาเลยนะครับ”
ภรรยาคุณเขมทัตอึ้งไปทันที
แถบยศของบุริศร์ดูใหญ่กว่าสามีตัวเอง ตอนนี้หล่อนเริ่มไม่เป็นตัวเองแล้ว
“เขมทัต คุณจำคนผิดหรือเปล่า? ฉันอยู่ที่นี่มาไม่เคยเจอพวกมันเลย”
“คุณหุบปากเดี๋ยวนี้!”
เขมทัตตอนนี้แทบอยากจะเอาเข็มมาเย็บปากของภรรยาคุณเขมทัตเอาไว้ให้รู้แล้วรู้รอด
บุริศร์จึงพูดขึ้นเสียงเย็นชา “ลูกชายคุณใช้ได้เลยนะ อายุแค่นี้ก็ทำลามกเป็นแล้ว แถมยังทำลามกกับลูกสาวผม ตอนแรกผมว่าจะดำเนินตามกฎหมาย แต่ว่าลูกสาวผมต้องการจัดการเอง ผมเลยไม่เข้าไปยุ่ง และถ้าดูจากการกระทำของลูกชายคุณในวันนี้ ผมตัดมือสองข้างลูกคุณยังถือว่าเมตตา พอภรรยาคุณมาถึงก็ด่าลูกสาวผมเสียๆ หายๆ เสนาธิการเขมทัต ผมอยากรู้จริง ว่าคุณจะจัดการเรื่องนี้ยังไง?”
เขมทัต เริ่มมีเหงื่อผุดออกมา
“พวกคุณมีอำนาจมาก ปล่อยพวกเขาไปเถอะนะ”
“คุณบอกว่าลูกชายฉันลามก ทำอนาจาร ทำแล้วเหรอ? ใครเห็นบ้าง?”
“พวกเราเห็นมดแล้ว”
เสียงของภรรยาคุณเขมทัต พึ่งจบลง ดนัยกับเวธนีก็พูดออกมาพร้อมกัน ด้วยใบหน้าโมโห และเวธนียิ่งมีสีหน้ารังเกียจ
เด็กทั้งสองคนนี้เป็นลูกสาวลูกชายของคริชณะ ภรรยาคุณเขมทัตบอก ใครก็ไม่กล้าพูดให้พวกเขา และเงียบในทันที
เขมทัตโมโหจนหันกลับมา พร้อมกับเตะไปที่ตูดของลูกชายตัวเองไปหนึ่งที
“แก ไอ้ลูกที่รู้จักแต่เล่นไปวันๆ แกคิดว่าใครก็สามารถล้อเล่นได้เหรอ?”
เขาพูดออกมาประโยคนี้ก็สื่อถึงว่าลูกชายตัวเองทำไปเพียงแค่ล้อเล่น ถ้าหากบุริศร์ยังจะเอาเรื่องต่อก็ดูจะไม่ดีเท่าไหร่แล้ว
ในขณะนั้นนรมนรู้สึกไม่ยอมแล้ว
“ล้อเล่นงั้นเหรอ? การล้อเล่นของครอบครัวเขมทัตทำให้ฉันตาสว่างเลย เอาแบบนี้ละกัน งั้นฉันก็จะให้ลูกสาวของฉันล้อเล่นบ้างเป็นยังไง? กาลเขาทำอะไรกับลูก?”
กมลจึงพูดขึ้นด้วยเสียงเจ็บใจ“เขาถลกกางเกงหนู”
นรมนโมโหจนถึงขีดสุด
“ลูกชายคุณพึ่งจะอายุเท่าไหร่เอง? อายุเจ็ดแปดขวบก็เปิดถลกกางเกงผู้หญิงแล้ว แบบนี้กล้าเรียกว่าล้อเล่นเหรอ? อยากจะลวนลามลูกสาวของฉันใช่ไหม หลักฐานก็เห็นชัดแล้วว่าไม่ใช่เหรอการล้อเล่น? บุริศร์ เรื่องนี้คุณตัดสินใจว่าจะทำยังไง ถ้าไม่ทวงความยุติธรรมาให้ลูก วันนี้คุณไม่ต้องกลับบ้าน”
นรมนพูดจบ ก็อุ้มกมลออกไปทันที
บุริศร์หันไปมองหน้าเขมทัต พร้อมกับพูดเสียงแข็ง“คุณเห็นแล้วใช่ไหม? ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ดี ผมก็ขึ้นไปนอนบนเตียงไม่ได้ ทุกคนล้วนเป็นผู้ชาย คุณคิดว่าควรทำยังไง”
ตอนนี้เขมทัตแทบอยากจะจัดการลูกชายตัวเองให้ตายๆ ไปเลย
นรมนไม่สนใจว่าพวกผู้ชายจะจัดการยังไง แล้วรีบอุ้มลูกกลับเข้าไปในบ้านทันที
“บอกหม่ามี้มา เขาทำอย่างอื่นกับลูกอีกหรือเปล่า?”
นรมนรู้สึกเสียใจมาก
ลูกสาวสุดที่รักของตัวเองพึ่งจะอายุสี่ขวบ ถ้าหากว่าเกิดใครลวนลามจริงๆ เธอจะร้องยังไม่รู้จะไปร้องที่ไหนเลย
กมลส่ายหน้าพร้อมพูดขึ้น“ไม่มีค่ะ รอบก่อนเขาลูบตัวหนู ก็ถูกหนูจัดการไปครั้งหนึ่ง เมื่อกี้เขาเข้ามาแล้วเปิดกระโปรงหนู พี่ดนัยก็ไม่อยู่ เวธนีก็ตกใจจนช็อกไป หนูก็เลยจัดการผลักไหล่เขาออกไป หลังจากนั้นคุณพ่อก็มา แล้วให้หนูจัดการ หนูเลยจัดการแบบนั้น หม่ามี้ สบายใจได้ หนูไม่ได้เสียเปรียบเลยค่ะ”
นรมนหมดคำพูดแล้ว
“ขนาดกางเกงยังโดนคนอื่นถลก ยังจะบอกไม่เสียเปรียบเหรอ? ถ้าหากว่าต่อไปเจอเขาอีกต้องจัดการทุกครั้ง เข้าใจไหม?”
“แต่ว่าหม่ามี้บอกว่าการทะเลาะกันไม่ดีไม่ใช่เหรอ?”
กมลถามขึ้นด้วยความสงสัย
นรมนจึงพูดตามตรง“ใครไม่ทำเรา เราก็ไม่ทำเขา ถ้าหากใครมาทำเราก่อน เราก็จัดการเอาให้ตายไปข้างหนึ่งเลย”
ประโยคนี้ถูกฝังเข้าไปในหัวใจลึกๆ ของกมลทันที
คุณท่านตนุวรเองก็ได้ยินทุกอย่างชัดเจน
ไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้าทำกับหลานสาวตัวเองแบบนี้?
คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วสินะ!
คุณท่านตนุวรเดินออกไปด้วยความโมโห
นรมนไม่สนใจว่าคุณตากับบุริศร์จะจัดการพวกนั้นยังไง เธอพาลูกสาวของเธอไปอาบน้ำ สิ่งสำคัญคือต้องการสำรวจดูตามเนื้อตัวของกมลว่ามีอะไรหรือไม่ พอไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติเธอถึงได้โล่งใจ
โชคยังดีโชคยังดี!
เธอลูกบหน้าอกตัวเองพลาง และตัดสินใจให้กมลเรียนวิชาการป้องกันตัว
สังคมแบบนี้นั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว!
กมลกลับไปที่ห้องเพื่อนเปลี่ยนชุด เสียงโทรศัพท์นรมนก็ดังขึ้น
เธอก้มลงไปดู เห็นเป็นข้อความเข้าหนึ่งข้อความ
จึงเปิดอ่าน สีหน้าของนรมนเปลี่ยนไปทันที