“งานออกแบบเขตทหารเหรอ? ตอนนี้บริษัทเราเริ่มทำงานของเขตทหารแล้วเหรอ?”
นรมนเงยหน้าถามวิศวกรพงศ์ภร
วิศวกรพงศ์ภรมองซ้ายมองขวาแล้วพูดขึ้น“อันนี้เป็นแค่ต้นแบบ ประธานบุริศร์ต้องการให้เราออกแบบตอนนี้ เผื่อว่าต้องใช้งานจะได้เอาไปคุยกับเขตทหารในการร่วมงานกันได้ ถ้าหากว่าสามารถคุยกันได้จริงๆ กลุ่มนักออกแบบของพวกเราก็จะขึ้นกับทหารครึ่งหนึ่ง แบบนั้นจะดูสุดยอดมากเลย”
“ฉันว่าให้ผลงานพูดแทนเถอะ นักออกแบบของเขตทหารก็มีอยู่ไม่น้อย”
นรมนพูดให้พวกเขา เพื่อจะได้ไม่ให้หลงตัวเองมากเกินไป
“ใช่ใช่ใช่ แคทเธอรีพูดถูก”
นักออกแบบโค้ชแม้อายุจะเยอะแล้ว แต่ว่าก็ยังให้ความเคารพนรมนมาก ก็ใช้ไม่ได้ ใครใช้ให้นรมนมีความสามารถสูงล่ะ แม้ว่าช่วงนี้เธอจะยอมวางมือจากการแข่งออกแบบแล้ว แต่ว่าที่เนตราขโมยความคิดไปนั้นแสดงถึงว่าได้ยกให้นรมนอยู่ในระดับสูง
นรมนยกการออกแบบส่วนหนึ่งออกมาพูด“ตรงนี้ต้องทำให้สมบูรณ์หน่อย ฉันคิดแบบนี้ สำหรับรถทั่วไปจะทำยังไงก็ได้ แต่ถ้าเป็นรถในเขตทหารจะต้องมีการป้องกันการระเบิด เรื่องความปลอดภัยต้องมาก่อน การออกแบบในส่วนนี้ดูฉูดฉาดไป และไม่ค่อยเหมาะสม ดังนั้นฉันแนะนำว่าให้แก้ไขตรงนี้อีกหน่อย ส่วนรายละเอียดพวกคุณดูกันเองก็ได้”
นักออกแบบโค้ชหันมามองตรงส่วนที่นรมนแนะนำ พร้อมกับขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น“นักออกแบบแคทเธอรี ถ้าหากว่าต้องการเพิ่มความปลอดภัยตรงนี้ รูปแบบก็ต้องดูโดดเด่นหน่อย แต่ถ้าให้ตรงนี้โดดเด่น ความน่าดึงดูดของรถก็จะได้รับผลกระทบ คุณเองก็รู้ สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาก็คือสีสัน ถ้าหากสีสันไม่โดดเด่น ก็ไม่สามารถเทียบใครได้”
“แต่ว่าก็ไม่ควรเห็นแก่ความน่าสนใจจนลดความปลอดภัยลงนะ คุณดูแก้ตรงนี้อีกหน่อยก็ดูดีขึ้นแล้วจริงไหม? นรมนหยิบปากกาออกมาแล้ววงในแบบ รูปแบบรถทั้งคันดูเปลี่ยนไปทันที
“สุดยอดมาก”
นักออกแบบโค้ชพูดออกมาอย่างคาดไม่ถึง
นรมนเองก็รู้สึกดีไม่น้อย
เธอชอบการออกแบบรถเป็นที่สุด ตอนนี้เธอละทิ้งตรงนี้เพื่อไปเปิดบริษัท ถึงเธอจะบอกว่าไม่เสียดาย แต่พอกลับมาจับปากกาอีกครั้งก็ยังรู้สึกถึงความสุขในการทำอีกครั้ง
“โอเค ที่เหลือก็ยกให้เป็นหน้าที่ของพวกคุณค่อยๆ คิด ฉันขอตัวกลับก่อน เดี๋ยวคุณบุริศร์หาฉันไม่เจอก็จะเริ่มโทรมาแล้ว”
นรมนลุกขึ้นพร้อมเตรียมจะออกไป
แม้ว่าเธอจะรักในการออกแบบ แต่ว่าการออกแบบกลุ่มนี้ ตัวเองก็แค่แนะนำไปนิดหน่อย ถ้าหากว่ามันมากเกินไปอาจจะทำให้คนอื่นเกลียดได้
เธอรู้ดีว่าเวลาไหนควรไม่ควร
นักออกแบบโค้ชได้ออกมาส่งนรมนจากห้องออกแบบ
และพอออกมาเธอก็เห็นบุริศร์ยืนตรงทางเดินพร้อมกับยิ้มๆ แล้วจ้องเธออยู่
เธอแลบลิ้นใส่เขา แล้วก็เดินไปหาเขาทันที
“ทำไมรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่?”
“ในบริษัทฉันนอกจากที่นี่แล้ว เธอจะชอบไปไหนได้อีก?”
บุริศร์ยื่นแขนออกมา
นรมนก็ยื่นมือไปเกาะทันที
“คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเหรอ?”
“ใช่ ไมค์บอกว่าตอนบ่ายจะพาตุลยามาที่เมืองชลธี เธอคิดว่าจะทำยังไง?”
บุริศร์ไม่ได้กลัวว่านรมนจะขังตุลยาไว้ แต่การที่จะให้ตุลยาอยู่แต่ในที่ที่หนึ่ง ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องง่าย
นรมนกลับหัวเราะออกมา“อะไรคือทำยังไง? ก็พาไปหาตาของฉันที่ลานใหญ่เขตทหารก็สิ้นเรื่อง ไม่ว่าจะพูดยังไง ตุลยาก็เป็นหลานสาวคุณตา ไม่เจอกันนานหลายปี คุณตาต้องจัดการสั่งสอนหล่อนในเรื่องของกฎของตระกูลพรโสภณอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
บุริศร์นิ่งไปชั่วขณะ แต่ว่าจะไม่พูดไม่ได้ว่านี่ก็เป็นอีกวีธีหนึ่ง
ไม่ว่าใครที่เข้าไปในลานใหญ่แล้ว ถ้าไม่มีคำสั่งของท่านหัวหน้าตนุวร ถึงตุลยาอยากจะออกมาก็ออกมาไม่ได้ และยังบอกได้ว่าให้นางไปอยู่เป็นเพื่อนคุณตาด้วย
“แต่แบบนี้ควรจะไปบอกกล่าวคุณตาก่อนดีไหม?”
“ต้องไปบอกอยู่แล้ว ไม่อย่างงั้นคุณตาต้องไล่ตะเพิดหล่อนออกมาแน่”
นรมนหัวเราะแล้วเดินออกมาพร้อมกับบุริศร์
เป็นครั้งที่คนในบริษัทเห็นบุริศร์ยิ้ม แถมยังยิ้มออกมาด้วยความอ่อนโยน จนผู้หญิงบางคนหัวใจแทบจะกระโดดออกมา
ประธานบุริศร์หล่อมากเลย!
แต่บุริศร์กลับไม่ได้สนใจพวกหล่อน ในสายตาของเขามีเพียงนรมนคนเดียว แล้วหลังจากเดินขึ้นรถแล้ว นรมนก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาคุณท่านตนุวร
“คุณตา หนูกับคุณบุริศร์กำลังจะไปเยี่ยมนะคะ คุณตาอยากกินอะไรไหม? หนูจะซื้อเข้าไปให้”
นรมนพูดขึ้นด้วยนำเสียงหวานหยดย้อย
คุณท่านตนุวรแสยะยิ้มที่มุมปากทันที
“ซื้อกล้วยมาก็ได้ ช่วงนี้ตากินอะไรไม่ค่อยได้”
“ได้ค่ะ”
นรมนวางหูโทรศัพท์ บุริศร์ก็ขับรถมาถึงร้านขายผลไม้
พวกเขาไม่ได้ซื้อแค่กล้วย และยังซื้อผลไม้อื่นๆ ไปอีก และสุดท้ายบุริศร์ยังซื้อใบชาเกรดพรีเมี่ยมไปอีกหนึ่งกล่อง แล้วทั้งสองคนถึงได้ขับรถไปที่บ้านของคุณท่าตนุวร
โตษิณเห็นพวกเขามาแล้ว ก็รีบออกมารับทันที
“คุณหนูนรมน คุณหนูกมลตีคนแล้ว หัวหน้าไม่ยอมให้ดิฉันบอกคุณหนู แต่ว่าอีกฝั่งดูจะมีอำนาจ ในเมื่อคุณหนูมาแล้วก็ช่วยจัดการหน่อยนะคะ”
โตษิณพูดเสียงเบาๆ
ปากนรมนขมุบขมิบนิดหนึ่ง พร้อมกับหันไปมองบุริศร์
“น้องสาวผู้น่ารักของเธอไม่ใช่รู้จักแต่กินเหรอ? ทำไมถึงได้เรียนแบบลูกสาวคุณรมิดา ที่ชอบใช้กำลังแล้วล่ะ?”
“ฉันจัดการเอง”
บุริศร์รับฟังเรื่องพวกนี้ด้วยอารมณ์ดี
นรมนเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็พลางยิ้มออกมา
“คุณตา หนูมาถึงแล้วนะคะ”
นรมนเดินตรงไปที่ห้องรับแขกทันที
คุณท่านตนุวรกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ทหารอยู่ มองเห็นนรมนเดินเข้ามา ก็พลันหลี่ตาแล้วพูดขึ้น“โอ้ ซื้ออะไรมาให้เยอะแยะ? ตาเดาว่าคงจะมีเรื่องอะไรมาให้ช่วยล่ะสิ? ไม่อย่างงั้นตาคงไม่มีวาสนาได้ของพวกนี้”
“คุณตาก็ ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ? เหมือนกับว่าหนูเป็นคนอกตัญญูเลย”
นรมนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
เธอทั้งพูดและเดินเข้าไปกอดแขนเขาไว้
“ดูฝีปากสิ ตายังไม่ว่าอะไรเลย กลับพูดจนตาพูดไม่ออกแล้ว เด็กคนนี้อยู่บ้านคงไม่มีใครกล้ารังแกเลยสินะ?”
คุณท่านตนุวรรีบหันไปมองบุริศร์ทันที
เดิมทีคิดว่าบุริศร์จะหันมาคุยกับเขา แต่ไม่นึกเลยว่าคุณบุริศร์กลับหัวเราะออกมา“ก็ดีครับ นรมนเป็นแบบนี้ในบ้านถึงดูคึกคัก”
“คุณคงจะชินสินะ”
คุณท่านตนุวรส่ายหน้า แต่ดูท่าทางดูจะพอใจในคำตอบของบุริศร์อยู่พอสมควร
“คุณตา ท่านหมายความว่ายังไง? หรือว่าคุณตาต้องการให้คุณบุริศร์ทำไม่ดีกับหนูเหรอ?”
“ตาไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อย”
คุณท่าตนุวรหัวเราะอย่างชอบใจ และเพราะพวกเขามาหาจึงทำให้อารมณ์ดีไม่น้อย
“กลมล่ะ? ทำไมถึงไม่เห็นเด็กนั่นเลยคะ?”
นรมนทำเป็นถามขึ้นอย่างไม่รู้เรื่อง
คุณตาตนุวรจึงรีบพูดขึ้น“เด็กนั่นเอาแต่ทำอาหารที่ตระกูลทวาทสิน กมลของพวกเราจะกลายเป็นคนในตระกูลนั้นแล้ว บุริศร์ คุณลองไปดูสิ ถ้าไม่ได้ก็ให้คุยกับคริชณะ อย่าให้ลูกชายบ้านนั้นเอาแต่ล้อมกมลไว้ทั้งวันแบบนั้น ต่อไปกมลยังต้องแต่งงานออกเรือนอีก”
นรมนจึงหัวเราะขึ้นมาทันที
“คุณตา กมลเป็นคนรักการกิน ถ้ามีคนเอาอะไรให้กิน สิบวันหรือเป็นเดือนก็คงไม่มีทางกลับมา”
“ดูเธอพูดสิ กมลไม่ได้ไม่ดีขนาดนั้น”
บุริศร์ไม่ชอบฟัง
“ไปไปไป ไปตามคนรักของคุณไป”
นรมนโบกมือไล่เขาออกไปทันที
บุริศร์หัวเราะออกมา พร้อมกับเดินไปที่ตระกูลทวาทสิน
นรมนเห็นว่าบุริศร์ไปแล้ว ถึงได้ยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น“คุณตาคะ หนูมาขอให้คุณตาช่วยเรื่องหนึ่ง”
“ตาคิดไว้แล้วเชียวว่าผลไม้ของหลานไม่ได้กินง่ายขนาดนั้น และนี้ยังมีใบชาชั้นยอดอีก ดูแล้วเรื่องนี้ไม่น่าใช่เรื่องเล็ก”
คุณท่านตนุวรส่ายหน้าไปมา
นรมนเขย่าเขานิดหน่อย
“คุณตาจะช่วยหรือไม่ช่วยล่ะ?”
“ช่วยช่วยช่วย ตาก็มีแค่หนูเป็นหลานสาวคนเดียว ตาไม่ช่วยหนูแล้วจะให้ช่วยใครล่ะ?”
“มีแค่หนูคนเดียวที่ไหนล่ะ ไม่ใช่ยังมีตุลยาเหรอคะ?”
นรมนพูดชื่อตุลยาออกไปตรงๆ
สีหน้าของคุณท่านตนุวรเปลี่ยนไปทันที
“คนแบบนั้นยังเป็นหลานสาวตาเหรอ? ตาไม่เคยยอมรับ”
“คุณตา ขอร้องล่ะนะ คุณตายอมรับหน่อยนะ จะสิบวันหรือหนึ่งเดือนก็ได้”
“หมายความว่ายังไง?”
คุณท่านตนุวรขมวดคิ้วทันที
นรมนจึงได้เล่าเรื่องของชาวีที่ทำกับตัวเองและแผนการของตัวเองให้เขาฟัง
และคุณท่านตนุวรก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที
“หนูต้องการให้ตาดูหล่อนเอาไว้ แล้วให้ขังนางไว้ที่นี่ถูกไหม?”
“อย่าพูดแบบนั้นฟังดูไม่เพราะเลยค่ะ ก็แค่ให้หล่อนมาอยู่เป็นเพื่อนตา คุณตาคิดดู ยังไงตุลยาก็เป็นลูกของคุณแม่ จะพูดยังไงก็ยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลพรโสภณ หนูไปทำกับญาติหล่อนไว้ หล่อนจะไม่จัดการหนูได้ไงละ? คุณตาถือซะว่าช่วยหนูนะคะ”
นรมนพูดเสียงออดอ้อนพร้อมกับเขย่าแขนเขาไปมา
มีเหรอที่คุณท่านตนุวรจะทนกับท่าทางของนรมนแบบนี้ได้?
“ก็ได้ก็ได้ แต่ว่าตาบอกไว้ก่อนนะ ถ้าหล่อนมาแล้วตาจะทำอะไร หลานห้ามเข้ามายุ่งนะ”
“ไม่ยุ่งค่ะ ไม่ยุ่ง”
นรมนรีบทำท่าทางยืนยัน
และตอนนี้คุณท่านตนุวรถึงได้กลอกตาไปมา
“เออใช่ ได้ยินว่าเจตต์จดทะเบียนแล้วเหรอคะ?”
ข่าวของคุณท่านตนุวรถือว่าน่าเชื่อถือมาก
“ใช่ เขาแต่งงานกับขวัญตาแล้ว พิธีแต่งงานยังไม่ได้เตรียมเลย ไม่ว่าจะพูดยังไง ตอนนี้เขาก็ยังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล รอให้ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วก็จะเริ่มดูแลแล้ว”
นรมนรีบพูดขึ้นทันที
คุณท่านตนุวรหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้นรมน
“นี่มันคืออะไรคะ?”
นรมนรู้สึกสงสัย
คุณท่านตนุวรจึงพูดขึ้น“นี่เป็นห้องติดโรงเรียนที่ตาซื้อไว้ มอบให้ภรรยาของเจตต์ ถือซะว่าเป็นของขวัญที่ผู้อาวุโสมอบให้ รออีกสองวันตาจะไปเยี่ยมเจตต์ที่โรงพยาบาล แล้วจะกลับมาจัดงานแต่งงานให้พวกเขา”
“คุณตา จะยอมเป็นฝ่ายแม่ให้กับเจตต์เหรอคะ?”
“รู้จักพูดดีๆ บ้างไหม? อะไรคือยอมเป็น? เดิมทีตาก็เป็นตาของเจตต์ พ่อของเขาตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน แถมยังไม่สนใจเรื่องของเจตต์ ยังจะหวังอะไรจากเขาได้เหรอ? แม่ของเขาตอนนี้……เฮ้อ! ตาไม่สนใจแล้วใครจะสนใจล่ะ”
คุณท่านตนุวรถอนหายใจออกมา
แต่นรมนนั้นดูดีใจมาก ถ้ามีคุณตาออกหน้า การแต่งงานของเจตต์ในครั้งนี้ก็ถือว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว
“กุญแจนี้ ให้ตาเป็นคนเอาให้เขาเถอะ นี่ก็ใกล้ถึงวันเกิดบุริศร์แล้ว หนูว่าจะออกไปเที่ยวกับเขาสองสามวัน ลูกๆ ก็ต้องลำบากคุณตาแล้วนะคะ”
นรมนยัดกุญแจใส่มือเขากลับไป
เรื่องการมอบของแทนใจแบบนี้ให้คุณตาทำเองจะดีกว่า ตอนนี้เธอแทบจะอยากอยู่กันสองคนกับบุริศร์มาก
พอคุณท่านตนุวรได้ยินนรมนพูดแบบนั้น ก็ทำให้นึกถึงสองคนนี้ที่ค่อนข้างห่างกัน และยังเจอเรื่องลำบากทรมาน ก็อดไม่ได้จึงพูดขึ้น“วางแผนจะไปเที่ยวไหน? ต้องการให้ตาช่วยอะไรพวกเราไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว”
กำลังคุยกันอยู่ โตษิณก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก
“ท่านหัวหน้า คุณหนูนรมน รีบออกมาดูแลเร็ว กมลลงไม้ลงมือกับคนอื่นอีกแล้ว”