“ความยุติธรรม?ถ้าเขาไม่ยุยงพี่สาวของฉัน พี่สาวของฉันจะตายเพื่อเขาได้อย่างไร?เธอเป็นคนที่ขี้ขลาดขนาดนั้น เป็นคนที่กลัวเจ็บขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าจะยกชีวิตให้บุริศร์ นี่มันชีวิตหนึ่งเลยนะ!ครอบครัวของฉันไม่มีพี่สาวของฉัน ทุกอย่างพังทลาย บุริศร์มีสิทธิ์อะไรถึงได้มีชีวิตใหม่?มีสิทธิ์อะไรถึงได้เป็นอิสระแบบนี้?นี่มันยุติธรรมเหรอ?”
ชัยณรงค์อารมณ์ฉุนเฉียว
นรมนมองเห็นความอคติจากสายตาของเขา เธอรู้ว่าตนเองพูดไปก็เปล่าประโยชน์
ชัยณรงค์ฉุนเฉียวอยากหาคนทะเลาะด้วย แต่นรมนไม่ต้องการ
หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น
“อะไรกัน?แกจะไม่พูดแก้ตัวให้บุริศร์เลยเหรอ?”
“พูดแล้วจะมีประโยชน์อะไร?สำหรับแก แกเชื่อว่าเขาฆ่าพี่สาวของแก ฉันพูดอะไรก็เปลืองน้ำลายเปล่า ๆ ”
นรมนนั่งลงข้างกิจจาทันที
นภดลได้รักษาบาดแผลให้กิจจาเสร็จแล้ว กิจจาเพียงแค่โดนกระสุนเฉียดผิวหนังไป ไม่ได้บาดเจ็บถึงกระดูก นับว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดี
ชัยณรงค์เห็นนรมนเอาแต่ให้ความสนใจกับกิจจาอย่างเดียว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าไอ้เด็กคนนี้ขัดหูขัดตาเล็กน้อย
“จับมันโยนเข้าไปในห้อง”
ชัยณรงค์พูดจบ ลูกน้องก็พาตัวของกิจจาเข้าไป นรมนส่งสัญญาณให้นภดลตามเข้าไปชัยณรงค์ก็ไม่ได้ห้าม
เมื่อภายในห้องโถงใหญ่เหลือเพียงนรมนกับชัยณรงค์ เขาก็โยนมือถือเครื่องหนึ่งให้นรมนทันที
“ต้องทำอย่างไรแกน่าจะรู้ ทางที่ดีอย่ามีลูกไม้อะไร ฉันจะไม่ทำอะไรแก แต่ถ้าแกคิดตุกติกล่ะก็ ถึงแม้ฉันจะชอบแก ฉันก็จะไม่ปล่อยแกเอาไว้”
ชัยณรงค์พูดว่าชอบ นรมนทำได้เพียงแค่ฟัง
ผู้ชายคนนี้ถูกความเกลียดชังครอบงำ เกรงว่าชอบก็จะมีจุดประสงค์บางอย่างตามมาด้วย บุริศร์ของพวกเขาน่าจะดีกว่า
นรมนรับมือถือมา กดเบอร์ของบุริศร์อย่างคุ้นเคย
คิดไม่ถึงว่าจะมีสัญญาณ!
ดูเหมือนว่าสัญญาณในนี้จะเป็นสายเฉพาะ
ตอนนี้นรมนสงบนิ่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ทางฝั่งนั้นแทบจะรับสายทันทีหลังจากเสียงดังขึ้นสองครั้ง
“นั่นใคร?”
“บุริศร์ ฉันเอง”
นรมนเห็นว่าชัยณรงค์ต้องการให้ตนเองเปิดลำโพง
เธอก็ไม่พูดอะไร กดเปิดลำโพงทันที
เมื่อบุริศร์ได้ยินเสียงของนรมนก็แปลกใจเล็กน้อย
“มือถือของคุณล่ะ?”
นรมนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เซอร์ไพรส์”
“อย่าบอกนะว่าคุณอยู่ที่แอฟริกาใต้!”
หัวใจของบุริศร์เต้นแรงขึ้นมาทันที
“แทนแทนแท้น ยินดีด้วย คุณตอบถูก”
นรมนหัวเราะอย่างอารมณ์ขัน
มุมปากของบุริศร์ยกขึ้นมาทันที
“มาคนเดียวเหรอ?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?ฉันพานภดลมาด้วย เพียงแต่ดวงไม่ค่อยดี มาถึงก็ถูกชัยณรงค์ลักพาตัว เพียงแต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีฉันบังเอิญได้เจอกับกิจจา คุณสบายใจได้ ลูกสบายดี”
นรมนเล่าสถานการณ์ในตอนนี้ให้ฟังอย่างสั้น ๆ
หัวใจของบุริศร์เต้นแรงขึ้น
ชัยณรงค์เป็นใคร?
เขารู้ดีกว่าใคร
สำหรับชัยณรงค์การตายของรมัยเป็นสิ่งที่ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้
เดิมคิดว่าเขาสามารถหาโอกาสคุยกับชัยณรงค์ คิดไม่ถึงว่านรมนจะส่งตัวเองไปหาชัยณรงค์โดยตรงอย่างไม่คาดคิด
บุริศร์ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่านรมนกล้าหาญ หรือจะพูดว่าเธอโง่กันแน่ แน่นอน โง่คำนี้ไม่สามารถพูดได้ ถึงแม้จะคิดแบบนี้ก็ตาม ก็ทำได้เพียงแค่พูดอยู่ในใจเท่านั้น
เขายังไม่ทันได้พูดอะไรกับนรมน ก็ได้ยินเธอพูดต่อว่า “คุณตาให้ปืนฉันกับนภดลมาคนละกระบอก น่าเสียดายที่ไม่ได้ใช้ความสามารถ ถูกคนยึดไปแล้ว ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ฉันน่าจะเอาปืนซ่อนเอาไว้แถว ๆ สนามบิน ถ้าเป็นแบบนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามยังมีสิ่งของเอาไว้ปกป้องตนเอง”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อย
ไม่รู้ว่ากานต์มาอยู่ข้าง ๆ บุริศร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ คิ้วขมวดแน่น
“แถว ๆ สนามบิน?”
เขาขยับริมฝีปากถามบุริศร์
บุริศร์พยักหน้า
กานต์ออกคำสั่งให้คนกลุ่มหนึ่งไปแถว ๆ สนามบินทันที ส่วนเขาอยู่ที่นี่ เปิดคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว ค้นหาตำแหน่งมือถือที่นรมนใช้อย่างละเอียด
ชัยณรงค์ได้ยินนรมนพูดไร้สาระ จึงอดกระวนกระวายใจไม่ได้ แย่งมือถือมา
“อย่าพูดจาไร้สาระ บุริศร์ ทางที่ดีแกมาที่นี่คนเดียว ไม่อย่างงั้นฉันจะฆ่าเมียของแกซะ”
“ชัยณรงค์ คนที่แกต้องการมีแค่ฉันเพียงเท่านั้น ทำไมจะต้องเอาคนอื่นที่ไม่ได้ผิดอะไรมาเกี่ยวข้องด้วย ?แกปล่อยเมียของฉันไป ฉันจะปล่อยให้แกจัดการตามที่ต้องการ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้ชัยณรงค์หัวเราะขึ้นมาทันที
“ปล่อยให้ฉันจัดการตามที่ต้องการ?แกเอาคนมากี่คนคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ?กองทัพที่อยู่ข้างหลังแกมีกี่คนฉันก็รู้ บุริศร์ ฉันเฝ้าติดตามดูคนของแก ฉันเตือนแกนะ แกต้องมาคนเดียว ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ มาหาฉันทันที คนของแก คนของกองทัพที่อยู่ข้างหลังแกห้ามทำอะไรทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าผู้หญิงที่แกรักที่สุดตรงหน้าให้ตายไปกับพี่สาวของฉันด้วย”
ชัยณรงค์พูดจบก็วางสาย
กานต์กล่าวเบา ๆ “หาตำแหน่งโดยละเอียดได้แล้ว ผมส่งไปในมือถือของคุณแล้ว”
“ฉันจะไปหาชัยณรงค์ ทำตามที่เขาบอกนะ คนทางนี้ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
คำพูดของบุริศร์ทำให้กานต์หน้านิ่วคิ้วขมวด
“แต่ความปลอดภัยของคุณ……”
“ไม่ต้องสนเรื่องความปลอดภัยของฉัน หม่ามี้ของแกไม่มีทางพลาด เมื่อสักครู่เธอพูดชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ?แม่ของแกพาคนมาด้วย ถ้าฉันเดาไม่ผิด น่าจะนั่งเฮลิคอปเตอร์ตามหลังแม่ของแกมา รอคำสั่งอยู่แถวสนามบิน”
บุริศร์ถอนหายใจและกล่าวว่า “ตอนนี้หม่ามี้ของแกเก่งแล้วยังกล้าหาญอีก บุกเข้าถ้ำเสือคนเดียว ล่อให้ศัตรูออกจากถ้ำ ปล่อยให้การช่วยเหลือและการจัดการด้านนอกเป็นของพวกเราสองคน ดังนั้นภารกิจในครั้งนี้จะมีความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยไม่ได้”
กานต์พยักหน้าและกล่าวว่า “มีคนไปแถวสนามบินแล้ว ผมให้พวกเขานำตราประทับของหม่ามี้ไปด้วย น่าจะสามารถระดมกำลังได้ และอีกอย่าง ผมเจอมิลินหมดสติอยู่แถวทะเล ผมได้ให้คนพาเธอไปข้างนอกแล้ว ส่วนกิจจาอยู่ข้างใน ก่อนผมมามิลินฟื้นขึ้น เธอบอกว่าเธอมีกลุ่มคนอยู่ในมือสามารถระดมกำลังได้ ถามว่าพวกเราต้องการใช้ไหม?”
บุริศร์แปลกใจเล็กน้อย
มิลินมีกำลังคนในมือ?
คนของใคร?
คนของขุนอินเหรอ?
แต่ขุนอินตายไปนานแล้ว คนเหล่านั้นในมือของเขาไม่ถูกยิงตายก็ถูกจับกุม แล้วมิลินไปเอากำลังคนมาจากไหน?
กานต์รู้ดีว่าบุริศร์กำลังคิดอะไรอยู่
เขาโบกข้อมือที่เจ็บปวดของตนเอง กล่าวเสียงเบาว่า “ผมจำได้ว่ามิลินมีตราสัญลักษณ์รูปดอกลิลลี่แมงมุมอยู่ในมือ”
“แกสืบเจออะไรบ้าง?”
“ตราสัญลักษณ์นี้มีความคล้ายคลึงกับสัญลักษณ์ประจำประเทศ F ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็จะสามารถเอาของปลอมปนกับของจริงได้ ผมแฮกเข้าไปในระบบของรัฐบาลประเทศ F ตรวจเจอว่าตราสัญลักษณ์นี้ผู้หญิงที่มีชื่อว่านงลักษณ์ เป็นคนสร้าง และตราสัญลักษณ์นี้ก่อตั้งองค์กรลับ เรียกว่าองค์กร HG”
บุริศร์ขมวดคิ้วทันที
ประเทศ F?
ทำไมถึงเป็นประเทศ F อีกแล้ว?
หรือว่ามิลินเป็นคนประเทศ F ?
“HG หมายความว่าอะไร?”
“การถอยกลับ”
คำตอบของกานต์ทำให้บุริศร์ประหลาดใจเล็กน้อย
“การถอยกลับ?คำนี้ค่อนข้างน่าสนใจ”
“ยังมีสิ่งที่น่าสนใจกว่านี้อีกครับ ผู้หญิงที่ชื่อ นงลักษณ์ เป็นแม่ของราเชน ซึ่งจากโลกนี้ไปแล้ว เพียงแต่เธอกลับไม่ยกองค์กรนี้ให้แก่ราเชนลูกชายของเธอ แต่ยกให้ลูกน้องที่ตนเองไว้วางใจที่สุด จากการตายของนงลักษณ์ องค์กร HG ก็หายเข้ากลีบเมฆในประเทศ F ไปโดยสิ้นเชิง ทุกคนกลับคืนสู่ที่ของใครของมัน ไม่มีร่องรอยใด ๆ หลายปีผ่านไป องค์กรนี้ก็ค่อย ๆ หายไปจากสายตาของผู้คน ในปัจจุบันมีคนจำนวนไม่มากที่รู้ว่ามีองค์กรนี้อยู่ เดาว่าแม้แต่ราเชนก็ไม่รู้ว่ามีองค์กรนี้อยู่ด้วย ดังนั้นมิลินจึงมีตราสัญลักษณ์ประจำองค์กรนี้อยู่ในมือ ผมเดาว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าเธอคือลูกน้องที่นงลักษณ์ไว้วางใจที่สุดในตอนนั้น ถ้าสิ่งที่คาดเดาเป็นความจริง พวกเราสามารถยืมคนของเธอมาได้ชั่วคราว”
กานต์พูดสิ่งที่ตนเองรู้ทั้งหมดออกมา
ถึงแม้เขาจะอยู่ในเขตทหาร แต่ยังมีวิธีที่จะรู้เรื่องเกี่ยวกับนรมน เมื่อทราบว่าราเชนกับนรมนอาจจะมีความเกี่ยวข้องกัน กานต์แทบจะตรวจสอบบรรพบุรุษแปดชั่วอายุคนของราเชน และแฮกเข้าไปในระบบของประเทศ F ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่มีใครกล้าขัดขวาง ส่วนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของประเทศ F จะร้องไห้หรือเปล่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในการพิจารณาของเขา
บุริศร์เงียบไปสักพักจึงกล่าวว่า “ได้ แกไปคุยกับมิลิน ส่วนฉันจะไปหาหม่ามี้ของแกก่อน ฉันคิดว่าในเมื่อหม่ามี้ของแกกล้าบุกเข้าไปคนเดียว แน่นอนว่าจะต้องมีทางหนีทีไล่ ดังนั้นตอนนี้แกไม่ต้องเป็นห่วง”
“ไม่ต้องมาปลอบโยนผมหรอก ผมไม่ได้เป็นเด็กเมื่อวานซืนที่ไม่รู้เรื่องอะไร การฝึกซ้อมในเขตทหารค่อนข้างโหด ผมควรจะเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจ”
กานต์พูดจบก็ลุกขึ้นเดินไป ทำเอาบุริศร์รู้สึกพูดไม่ออก
นี่ถูกลูกชายแท้ ๆ ของตนเองเหยียดหยามเหรอเนี่ย?
เขารู้สึกผิดด้วยซ้ำที่ตนเองส่งกานต์ไปที่เขตทหาร
เจ้าเด็กคนนี้นับวันยิ่งไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
เมื่อกานต์เดินมาถึงประตูก็นิ่งไปสักพัก เขากล่าวเบา ๆ โดยไม่ได้หันกลับไป “คุณบุริศร์”
“หือ?”
“กลับไปใช้ชีวิตกับหม่ามี้ของผมเถอะ ผมยังไม่อยากเป็นลูกของแม่เลี้ยงเดี่ยว”
หลังจากพูดจบกานต์ก็เดินจากไปไม่หยุดอยู่กับที่
“ไอ้เด็กคนนี้”
มุมปากของบุริศร์ยกขึ้นเบา ๆ แววตามีความพอใจและความภูมิใจต่อลูกชายคนนี้
เขารีบจัดการตนเองให้เรียบร้อย กระโดดขึ้นรถ ปฏิเสธการติดตามของทุกคน มาที่เมืองของชัยณรงค์เพียงคนเดียว
สายสืบของชัยณรงค์รายงานการติดตามบุริศร์ได้อย่างทันสถานการณ์มาก
“ลูกพี่ บุริศร์มาที่นี่คนเดียวจริง ๆ ครับ”
ชัยณรงค์มองนรมน กล่าวด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “แหม่ ผู้ชายของแกยังถือว่ามีความกล้า เพียงแต่ฉันดูออกว่าแกคือจุดอ่อนของเขา แต่ฉันไม่รู้ว่า เพื่อแกเขาจะเต็มใจสละชีวิตตนเองหรือเปล่า”
“ผู้ชายของฉันแข็งแกร่ง สบายใจได้ ก่อนที่แกจะหลับตาก็จะเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้าแกอย่างปลอดภัยหายห่วง”
นรมนพูดอย่างเหน็บแนม จากนั้นก็ไม่อยากจะสนใจเขา
สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ภาพบนหน้าจอขนาดใหญ่ที่กล้องวงจรปิดส่งมา
วันเดียวที่ไม่ได้เจอเธอก็คิดถึงเขา
ผู้ชายคนนี้ดูชั่วร้าย เพียงแต่เหมือนจะยิ่งหล่อขึ้น
วันนี้เขาสวมชุดลายพรางอย่างเท่ ถึงแม้จะไม่มียศทหารติดบนไหล่ แต่ยังคงทำให้นรมนละสายตาไม่ได้
สมกับที่เป็นสามีของเธอ!
ใส่อะไรก็ดูดี
นรมนมองหน้าจอและยิ้มเหมือนคนโง่ ความรู้สึกในแววตานั้นเห็นแล้วขวางหูขวางตา
“ยิ้มไปเถอะ รอเขามาฉันจะให้เขาตายต่อหน้าแก ถึงตอนนั้นฉันอยากจะเห็นว่าแกยังจะยิ้มออกมาได้อีกไหม”
คำพูดของชัยณรงค์ทำอะไรนรมนไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สามีของฉันหล่อจริง ๆ ฉันเชื่อว่าตอนเขาจับคนร้ายได้จะยิ่งหล่อ”
“หุบปาก!”
นัยน์ตาของชัยณรงค์มืดมนลงทันทีหลายเท่า มือวางเอาไว้บนปืนที่แนบข้างเอวอย่างไม่รู้ตัว