“เฮ้ย!”
โรคประสาทหลอนกรีดร้องออกมาทันที
“คอมพิวเตอร์ฉัน!”
ใครจะไปคิดว่าโรคประสาทหลอนคือเด็กผู้หญิงผิวขาวกระจ่างใสคนหนึ่ง
เพียงแค่ตอนนี้เธอโกรธจนหน้าเขียว
เธอเพิ่งจะเก็บค่าขนมซื้อคอมพิวเตอร์ ยังใช้ได้ไม่ถึงวัน เธอเพียงแค่ลองดูว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ใช้งานสะดวกหรือเปล่า และอีกอย่างก็เห็นว่าระบบป้องกันของคอมพิวเตอร์แถวนี้ที่เพิ่งจะปรากฏขึ้นมานั้นโคตรเจ๋งแค่นั้นเอง ทำไมถึงได้ถูกคนต่อต้าน?
ใคร?
ไอ้สารเลวที่ลอบกัดเธอ?
คิดไม่ถึงว่าจะมีฝีมือเก่งกว่าเธอมาก
เธอโมโหแทบแย่ ก็ได้ยินเสียงไถ่ถามอย่างอ่อนโยนจากด้านนอก
“ชมพู เกิดอะไรขึ้น?อะไรระเบิดเหรอ?”
ชมพูรีบกระโดดลงจากเก้าอี้ ขาสั้น ๆ วิ่งออกมา
“หม่ามี้ ไม่มีอะไรค่ะ หนูปวดหัวนิดหน่อย อาจจะเป็นหวัด หม่ามี้ หม่ามี้ซื้อยาให้หนูหน่อยได้ไหม”
“ปวดหัว?มาให้แม่ดูเร็วเข้า”
หญิงสาวก้มลงไปอุ้มชมพู และออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
ชมพูถึงจะถอนหายใจโล่งอก
ทางฝั่งของกานต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
จบแล้วเหรอ?
โรคประสาทหลอนอะไรนี้ก็กากเกินไปหรือเปล่า?
คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีอะไรตามหลังมา
เขาลุกขึ้นอย่างหดหู่ใจ ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ต่อจากนี้แฮกเกอร์ที่กาก ๆ แบบนี้ไม่ต้องเรียกฉันนะ”
มุมปากของนะโมที่เมื่อสักครู่เรียกกานต์ว่าหัวหน้าทีมลูกรักกระตุกอย่างห้ามไม่ได้
“ลูกรัก……”
เขาเพิ่งจะพูดออกมาสองคำ ก็สังเกตเห็นสายตาที่เหมือนมีดของกานต์ยิงตรงมา เขาจึงรีบแก้คำพูด
“หัวหน้าทีม เมื่อสักครู่คุณยังพูดอยู่เลยว่าแฮกเกอร์คนนี้เก่งมาก”
“ฉันเคยพูดเหรอ?ใครได้ยินบ้าง?นายมีเสียงบันทึกเป็นหลักฐานไหม?”
กานต์กลอกตาอย่างเฉยเมย ผู้คนโดยรอบแยกย้ายกันออกไปทันที
พูดเป็นเล่น ในเวลานี้ใครจะกล้าแตะความโชคร้ายของกานต์?
นะโมทำลายระดับความไร้ยางอายของกานต์อีกครั้ง
“ครั้งต่อไปผมจะไม่ลืมเอามือถือบันทึกเสียงไว้”
เขากัดฟันพูด
“อืม ครั้งต่อไปอย่าลืมนะ”
กานต์พูดจบอย่างจริงจัง ถึงจะเดินไปหากิจจา
จริง ๆ เลย ทุกวันมีแต่เรื่อง
กานต์รู้สึกกังขาในใจ เมื่อมาถึงห้องของกิจจา เขากำลังอ่านหนังสืออยู่
“จัดการธุระเสร็จแล้วเหรอ?”
กิจจาปิดหนังสือ
กานต์มองกิจจา จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ากิจจาเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ในเวลาเกือบจะหนึ่งปีที่ผ่านมา
ตอนเพิ่งจะกลับมาในประเทศ เขาเป็นเพียงแค่เด็กเมื่อวานซืนที่สามารถร้องไห้ได้คนหนึ่งเท่านั้นเอง ตอนนี้ดูใจเย็นมาก
“นายอ่านหนังสือการแพทย์ที่น่าเบื่อเหล่านี้ทั้งวันไม่เหนื่อยแย่เหรอ?”
กานต์เดินเข้าไปหาทันที
กิจจาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “แล้วนายอ่านหนังสือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทั้งวันไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?”
“ฉันชอบโปรแกรมคอมพิวเตอร์”
“ฉันก็เหมือนกัน”
คำพูดของกิจจาทำให้กานต์ชะงักไป
“นายไม่ได้ถูกบังคับเหรอ?”
“แต่ก่อนก็ใช่ แต่ตอนนี้ฉันชอบเรียนแพทย์จริง ๆ และมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นคุณหมอคนหนึ่ง กานต์ นายเลือกที่จะสมัครเป็นทหาร หน้าที่ของนายก็คือปกป้องบ้านเมืองและปกป้องประเทศ แต่ก่อนฉันไม่รู้ว่าตนเองอยากทำอะไร เห็นว่านายสมัครทหาร ฉันจึงดูแลบริษัทของตระกูลโตเล็กแทนนาย ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจะไม่ทำให้แด๊ดดี้กับหม่ามี้เหนื่อยเกินไป แต่หลังจากมาที่แอฟริกาฉันจึงรู้ว่า ฉันต้องการมีชีวิตแบบไหน คนที่นี่ต้องการหมอมาก”
นัยน์ตาของกิจจาเศร้าโศก
“นายอย่าบอกฉันนะว่าจะอยู่เป็นหมอที่แอฟริกา?”
กานต์ขมวดคิ้วแน่น
ถ้ากิจจาจะอยู่ที่แอฟริกาจริง ๆ จะเป็นไปได้เหรอ?
กลายเป็นคนผิวดำ?
เขาจินตนาการฉากนั้น อดตัวสั่นไม่ได้
กิจจากลับส่ายหน้าและกล่าวว่า “เป็นหมอไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ ฉันเชื่อว่าบนโลกใบนี้ยังมีสถานที่อีกมากมายที่ต้องการหมอ แต่ก่อนไม่ได้คิดว่าการช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บเป็นเรื่องที่ดีอะไร แต่หลังจากติดตามคุณครูในช่วงเวลาสั้น ๆ ฉันได้เรียนรู้หลายสิ่งจริง ๆ”
“มิลินล้างสมองนายสำเร็จแล้ว ไม่พูดเรื่องพวกนี้ดีกว่า เล่นเกมกันไหม?”
กานต์หยิบมือถือออกมา
กิจจากล่าวอย่างกลัดกลุ้ม “ไม่เอาเกมที่นายสร้างเอง ฉันเล่นไม่ชนะนาย”
“ช่วงนี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้น เล่นROVเถอะ”
คำพูดของกานต์ทำให้กิจจาถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขารู้ว่ากานต์อารมณ์ไม่ค่อยดี ตอนนี้การปลอบโยนเขาคือทางเลือกที่ดีที่สุด
เด็กสองคนหยิบมือถือออกมาเปิดเกม
เมื่อนรมนเข้ามาก็มองเห็นพวกเขากำลังเล่นอย่างมีความสุข จึงไม่ได้รบกวน เธอรู้สึกว่าท่าทางของกานต์ในตอนนี้ถึงจะเหมือนเด็กคนหนึ่ง
เธอค่อย ๆ ถอยหลังออกไป
ลูกน้องบอกว่าชัยณรงค์ฟื้นแล้ว
นรมนจึงเดินไปหา
ชัยณรงค์กากจริง ๆ ถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีอะไรทำ จึงไปดูสักหน่อยดีกว่า
เมื่อชัยณรงค์เห็นนรมนมา ก็แทบจะกระโดดขึ้นด้วยความโมโห
“ผู้หญิงอย่างแกมันหน้าเนื้อใจเสือเกินไป แกกล้าปล่อยฉันสิ พวกเรามาสู้ตัวต่อตัว”
นรมนเหลือบมองเขาอย่างเหยียดหยามและกล่าวว่า “นั่นก็หมายความว่าแกไม่ใช่ผู้ชาย ถึงแม้ฉันจะไม่เต็มใจ แต่แกฟังฉันอธิบายให้แกฟังนะ อันดับแรก ฉันเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีความกล้าได้อย่างไร?ถ้าฉันมีความกล้าแล้วจะทำอะไรกับผู้ชายอย่างพวกแก?อันดับที่สอง ผู้ชายไม่ทำร้ายร่างกายผู้หญิง คนที่ทำร้ายร่างกายผู้หญิงเป็นตุ๊ด แกเป็นหรือเปล่า?”
ชัยณรงค์รู้สึกว่าอะดรีนาลีนของตนเองพุ่งสูงขึ้น
เธอดีกว่าพี่สาวของตนเองตรงไหน
ชัยณรงค์กล่าวอย่างโมโห “บุริศร์ตาบอดจริง ๆ คนดี ๆ อย่างพี่สาวของฉันเขาไม่ชอบ กลับมาชอบผู้หญิงหยาบคายอย่างแก”
“ต่างคนต่างมีสเปคที่ชอบ พูดได้เพียงพี่สาวของแกไม่ใช่สเปคของบุริศร์ ดังนั้นสำหรับความรักที่ไม่สมหวังของพี่สาวแก แกมีสิทธิ์อะไรมาเรียกร้องให้บุริศร์รับผิดชอบ?ชัยณรงค์ แกตื่นเถอะ แกแค่เพียงแค้นเคืองที่ไม่สามารถช่วยพี่สาวกลับมาจากสนามรบได้ แต่คนอย่างแก ไม่มีทางโทษทุกอย่างนี้กับตัวเองหรอก เลยทำได้เพียงระบายลงที่บุริศร์ หรือจะพูดว่า แกแค่เพียงหาข้ออ้างให้ตัวเองทำเรื่องชั่ว ๆ แค่นั้นเอง”
เห็นได้ชัดเจนว่าคำพูดของนรมนแทงลงตรงจุดที่เจ็บปวดของชัยณรงค์
แววตาของเขาเย็นชาลงในชั่วพริบตา
“แกพูดจาไร้สาระ”
“ฉันพูดจาไร้สาระ?แกต้องการแก้แค้นบุริศร์ แกจะมาเผชิญหน้าหรือจะนัดบุริศร์มาดวลกันก็ไม่มีใครขัดขวางแก แต่แกทำหรือเปล่าล่ะ?ฉันแต่งงานกับบุริศร์มาแปดปี พี่สาวของแกตายไปมากกว่าแปดปีแล้วไม่ใช่เหรอ?แกไม่ได้แก้แค้นบุริศร์ในช่วงแปดปีที่ผ่านมา แต่กลับเป็นผู้ก่อการร้าย เผา ฆ่า ปล้น คร่าชีวิตผู้คน เรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับบุริศร์หรือเปล่า?แกเป็นคนกระหายเลือดและโหดร้าย กลับต้องการแก้แค้นให้พี่สาวของตนเอง แกมันหน้าซื่อใจคดหรือเปล่า?จะว่าไปความวุ่นวายในแอฟริกาครั้งนี้ บุริศร์อยู่ในแอฟริกา แกจะมาแก้แค้นก็เป็นเรื่องปกติ แต่บุริศร์ถูกแกดึงดูดความสนใจให้มาใช่ไหม?กิจจาลูกชายของฉันก็ถูกแกจงใจจับตัวมาใช่ไหม?งั้นฉันขอถามแกได้ไหม พี่สาวของแกตายไปนานแล้วตั้งแปดปี แกไม่แก้แค้น ทำไมตอนนี้อยู่ดี ๆ จึงลากบุริศร์มาที่นี่?”
นัยน์ตาของนรมนเปลี่ยนเป็นเฉียบคมอย่างรวดเร็ว
หัวคิ้วของชัยณรงค์ขมวดเล็กน้อย
“ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ แปดปีที่ผ่านมาฉันต้องสะสมกำลังคนและทรัพยากรถึงจะสามารถมีทุนในการแก้แค้นบุริศร์ได้ไม่ใช่เหรอ?อำนาจของเขาแข็งแกร่งขนาดนั้น……”
“ตอแหล ถ้าแกมีความเป็นลูกผู้ชายจริง ๆ แกจะมาหาบุริศร์ตัวต่อตัว ไม่จำเป็นต้องสามปี บุริศร์มีความละอายใจต่อพี่สาวของแก เขาไม่มีทางทำร้ายแกแน่นอน ดังนั้นแท้จริงแล้วแกคิดอะไรอยู่แกรู้ดีที่สุด ชัยณรงค์ อย่าเอาเรื่องส่วนตัวกับความโลภของตนเองมาพูดให้ดูสูงส่งเลย แกทำให้พี่สาวของแกขายหน้า และขายหน้าบุริศร์ด้วย”
นรมนพูดอย่างไม่มีความเกรงใจสุด ๆ
ครั้งนี้ชัยณรงค์ไม่ได้โต้แย้ง
“ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร แกจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ฉันเพียงแค่รู้สึกรับไม่ได้เล็กน้อยเพราะคิดไม่ถึงว่าจะพ่ายแพ้อยู่ในมือผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างแก แต่ก็ไม่เป็นไร ถึงแม้ฉันจะถูกส่งตัวกลับประเทศ ถูกตัดสินลงโทษแล้วจะเป็นยังไง?ฉันแค่ไม่เชื่อว่าในใจของแกจะไม่ได้รู้สึกรังเกียจพี่สาวของฉัน”
นรมนหัวเราะขึ้นมาทันที
“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้มีความรู้สึกนั้นจริง ๆ ตอนนี้ฉันคือภรรยาของบุริศร์ ได้รับการยอมรับทางกฎหมาย ประเทศยอมรับในฐานะคุณนายบุริศร์ ทำไมฉันจะต้องไปทะเลาะกับคนที่ตายไปแล้วด้วย?โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉันรู้สึกขอบคุณรมัย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ตอนนี้บุริศร์ก็คงไม่สามารถยืนอยู่ตรงหน้าฉันแบบนี้ได้ ดังนั้นเพื่อตอบแทนไมตรีจิตของพี่สาวแก ฉันขอแนะนำแกว่า ยอมจำนนซะเถอะ อย่าให้พี่สาวของแกตายตาไม่หลับเลย”
นรมนพูดจบก็หันตัวเดินไป
สิ่งที่เธอควรจะพูด เธอได้พูดทุกอย่างที่สามารถพูดได้ไปหมดแล้ว ส่วนชัยณรงค์จะทำอย่างไร เธอกำหนดไม่ได้ และไม่ได้สนใจ
“รอก่อน”
ชัยณรงค์เรียกนรมนเอาไว้ในตอนที่เธอกำลังจะจากไป
“ยังมีธุระอะไรอีก?”
ชัยณรงค์มองเห็นท่าทางไม่แยแสของนรมน จึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาฉับพลัน
“แกจัดเตรียมกำลังคนและเตรียมการเหล่านี้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่แกจะมาแอฟริกาใต้เหรอ?”
“ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ?ฉันจะส่งตัวเองมาคนเดียวเพื่อช่วยแกจัดการกับผู้ชายของฉันอย่างโง่ ๆ เหรอ?แกเห็นฉันปัญญาอ่อนหรือไง?”
นรมนรู้สึกว่าชัยณรงค์มีปัญหาทางสติปัญญา เธอกลุ้มใจมาก คนแบบนี้ทำไมถึงได้กลายเป็นลูกพี่ของผู้ก่อการร้าย
ชัยณรงค์หัวเราะอย่างดูถูกและกล่าวว่า “ฉันมันโง่เอง คิดไม่ถึงว่าฉันจะมองว่าแกเป็นผู้หญิงทั่วไป แต่เมียของบุริศร์จะเป็นผู้หญิงทั่วไปได้อย่างไร?”
“ประโยคนี้ฉันจะถือว่าแกชมเชยฉันแล้วกัน ขอบใจ ขอให้ไปสู่สุคติ”
นรมนโบกมือให้ชัยณรงค์
มุมปากของชัยณรงค์กระตุกอีกครั้ง
ขอให้ไปสู่สุคติ?
ผู้หญิงคนนี้ช่างกล้าพูดจริง ๆ
แต่เดาว่าหลังจากถูกส่งตัวกลับประเทศไป ตนเองคงจะได้ลงไปเจอกับพี่สาวข้างล่างจริง ๆ ?
หวนคิดถึงการกระทำและการเคลื่อนไหวของตนเองในหลายปีที่ผ่านมา จู่ ๆ ชัยณรงค์พบว่าบทสรุปของนรมนตรงประเด็นเป็นพิเศษ
เขาเพียงแค่ใช้การตายของรมัยมาเป็นข้ออ้างปล่อยให้ตนเองเดินบนเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ
ช่วงเวลาสั้น ๆ ยี่สิบกว่าปี เขากำลังจะถึงจุดสิ้นสุด กลับพบว่าเขาไม่หลงเหลืออะไรในชีวิตเลย
แม้แต่ความรักเขาก็ไม่เคยมีด้วยซ้ำ
ในสมองของชัยณรงค์อดคิดถึงนรมนไม่ได้
เธอเป็นคนสบาย ๆ สง่างาม และรักบุริศร์มาก
ถ้าชีวิตนี้มีผู้หญิงแบบนี้รักตนเอง เขาก็จะเลือกความสุขสบายใช่ไหม?
ชัยณรงค์ไม่รู้ และไม่มีโอกาสได้รับรู้
ทำเรื่องที่ผิดพลาดก็ต้องชดใช้ นี่คือกฎของผู้ใหญ่ เขาแพ้แล้ว แพ้อย่างราบคาบ แต่ว่าจู่ ๆ เขาก็ไม่มีความโกรธเคืองใด ๆ จนแม้แต่เกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้กับนรมน
ชัยณรงค์อดหัวเราะอย่างขมขื่นไม่ได้
“บอกนรมน ให้เธอระวังคนใกล้ตัว”
สิ่งที่ชัยณรงค์ทำได้มีเพียงแค่นี้
ขอเพียงแค่ชาติหน้าจะสามารถเกิดเป็นคนดี เจอผู้หญิงธรรมดาสักคน ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักที่เรียบง่าย จากนั้นแต่งงานมีลูก มีความสุขไปจนแก่เฒ่า
เขาหลับตาลงอย่างช้า ๆ
นรมนไม่ได้เดินออกไปไกล เธอได้ยินคำพูดของชัยณรงค์ชัดเจน
ระวังคนใกล้ตัว?
ใคร?
เธอยังต้องระวังคนใกล้ตัวคนไหนอีก?