“วอนหาที่ตาย!”
บุริศร์เตะเธออีกครั้ง
ตุลยากระอักเลือด จากนั้นจึงหอบหายใจเข้าลึก
รมิดากลัวว่าบุริศร์จะบันดาลโทสะจนฆ่าตุลยา เธอรีบก้าวไปข้างหน้า ก่อนพูด “พี่รอง พากลับไปก่อนเถอะค่ะ แล้วค่อยกลับมาถามอีกรอบ”
ดวงตาของเธอดูเคร่งขรึมเล็กน้อย
ในสถานการณ์หนึ่ง รมิดาเป็นหมอที่ช่วยชีวิตคนและรักษาคนบาดเจ็บ แต่อย่างไรเสียภูมิหลังฐานะของเธออยู่ที่ไหน อยากให้ใครพูดความจริงออกมา เธอมีวิธี
บุริศร์พยายามระงับความโกรธในใจ ก่อนจะสั่งให้คนนำตัวตุลยาออกไป
ตอนนี้คุณท่านตนุวรไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ตุลยาหาเหาใส่หัวเอง เขาห้ามไม่ได้และไม่คิดห้าม
เดิมทีเขารู้สึกว่าไม่ว่าอย่างไรตุลยาก็เป็นสายเลือดของคิม แต่ดูเหมือนตอนนี้ การมีอยู่ของเธอจะสามารถทำให้นรมนเจ็บปวดทุกข์ตรม ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่บุริศร์เถอะ
คุณท่านตนุวรหลับตาลง น้ำเสียงเหนื่อยล้าพูดขึ้นมาว่า “โตษิน เข็นพาฉันไปพักผ่อนหน่อย”
“ให้ฉันเข็นเถอะค่ะ คุณท่านตนุวร”
ปาณีรีบพูดอย่างรวดเร็ว
คุณท่านตนุวรส่ายหัวและพูดว่า “เธอไปค้นหาที่ห้องของตุลยา หาทุกจุดอย่างละเอียด เธอมักจะทิ้งเบาะแสเอาไว้ ในกรณีที่ทางฝั่งบุริศร์ไม่มีวิธีง้างปากเธอ อย่างน้อยที่สุดก็ให้โอกาสนรมนได้มีชีวิตอยู่”
ปาณีเข้าใจในทันใด
เธอไปที่ห้องของตุลยา
บุริศร์พาตุลยากลับไปที่บ้านเก่าตระกูลโตเล็กอย่างรวดเร็ว
กานต์รออยู่ที่ประตู ขมวดคิ้วแน่นเข้าด้วยกัน ทำให้หัวใจของบุริศร์เต้นระรัว
“หม่ามี้ของลูก เธอ… …”
เสียงของบุริศร์สั่นเทา
รมิดาก็กังวลเล็กน้อย
เมื่อกานต์มองมายังตุลยา ดวงตาเขาก็ส่อแววสังหาร
“แม่ของผมไม่เป็นอะไร”
“จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง?”
ตุลยาตะโกนออกมาก่อน!
ไม่!
ไม่มีทาง!
เป็นไปไม่ได้!
กล้าณรงค์เคยบอกว่า พิษนี้ไม่มีสีและรสชาติ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จะทำให้นรมนตายด้วยความเจ็บปวด
แล้วตอนนี้กานต์จะมาพูดว่าไม่เป็นอะไรได้ยังไง?
ร่องรอยความเย็นชาพาดผ่านดวงตาของกานต์
“หม่ามี้ของผมโชคดี ก็เลยไม่เป็นอะไร ส่วนคุณ… …”
เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ตุลยาตัวสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
นึกไม่ถึงว่าเด็กอายุ 4-5ขวบ จะมอบความรู้สึกกดดันให้เธอมากขนาดนี้
ไม่!
มันคือความหวาดกลัว!
ความกลัวที่แผ่ออกมาจากกระดูก!
ไม่มีใครสนใจท่าทางของตุลยา
บุริศร์โยนตุลยาไปทางลูกน้องของเขา ก่อนจะวิ่งไปทางห้องนอนอย่างรวดเร็ว
รมิดาก็ประหลาดใจเช่นกัน
โพนี่ได้ค้นคว้ายาแก้พิษ?
ความคิดนี่ทำให้เธอมีความสุขเล็กน้อย ก่อนจะวิ่งตามไป
กานต์ดึงเข็มเงินออกมาจากข้อมือ รังสีเย็นยะเยือกทำให้ตุลยาตกใจกลัวจนไม่คิดจะสู้ขัดขืนแต่อย่างใด
“แกจะทำอะไร?”
“เมื่อกี้ฉันเพิ่งโทรหากิจจามา เขาบอกกว่าถ้าเอาเข็มเงินแทงเข้าไปในจุดฝังเข็มบนร่างกายมนุษย์ จะทำให้ชีวิตเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย พูดไม่ได้ ขยับก็ไม่ได้ นี่คือครั้งแรกของฉัน ก็อาจจะหาตำแหน่งไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่ ถ้าหากแทงแกตายก็เตรียมใจไว้หน่อยแล้วกัน”
กานต์พูดอย่างเย็นชาและไม่แยแส แต่กลับทำให้สีหน้าของตุลยาซีดเผือด
“แกบ้าไปแล้วเหรอ? ฉันจะบอกให้นะ อย่าคิดว่าเป็นเด็กแล้วจะไม่ถูกตัดสินประหารชีวิต มันก็ตายเหมือนกัน”
“ใช่ ชดใช้กันด้วยชีวิต เหตุผลนี้แกก็เข้าใจนี่ แต่ทำไมแกถึงทำเรื่องโง่ๆ อยู่เสมอ? แกต้องการที่จะฆ่าหม่ามี้ของฉัน ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาบ้างเหรอ?”
จู่ๆกานต์ก็ยิ้ม
รอยยิ้มของเขาช่างงดงามเป็นพิเศษ แต่กลับทำให้ตุลยากลัวจนใจเต้นระรัว
“ไม่ แกทำไม่ได้!”
ก่อนที่เธอจะตะโกนจบ กานต์ก็แทงเข็มลงไปยังจุดฝังเข็มบนร่างกายของเธอโดยตรง
ทันใดเสียงตะโกนก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้ตัวของตุลยากระตุกสั่น ราวกับว่ามีมดหมื่นตัวกำลังกัดกินร่างกายของตัวเอง มันทั้งเจ็บและคัน
น้ำตาเธอไหลลงมาไม่ขาดสาย มองไปยังกานต์อย่างภาวนา หวังว่าเขาจะจัดการตัวเองอย่างตรงไปตรงมา แต่กานต์กลับยิ้มและพูดว่า “อย่างไรฉันก็เป็นแค่เด็ก รู้ว่าการฆ่าคนมันผิดกฎหมาย ดังนั้นฉันเลยฆ่าแกไม่ได้ ก่อนที่หม่ามี้ของฉันจะไม่เป็นไร แกก็ทนไปอย่างนี้แล้วกัน”
หลังจากพูดจบ เขาก็ให้ลูกน้องโยนตุลยาไปยังมุมห้อง ก่อนจะเดินไปยังห้องของนรมนด้วยความรวดเร็ว
เมื่อบุริศร์และรมิดามาถึงห้องของนรมน โพนี่ก็มองไปยังนรมนด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกและจิตวิญญาณ
“เป็นยังไงบ้าง?”
คำถามของบุริศร์ ดึงสติของโพนี่ให้กลับมา
“ไม่เป็นไร ไข้ลดแล้ว”
รมิดาเดินก้าวเข้ามาข้างหน้าอย่างเร็ว
“ตรวจเจอพิษอะไร? ทำไมถึงหายาแก้พิษได้เร็วละ?”
โพนี่ส่ายหัวและพูดว่า “ยังไม่เจอ ตอนที่ยังวิเคราะห์เลือดอยู่ จู่ๆ ข้อมูลก็เปลี่ยน พออยากตรวจดูใหม่ เลือดก็กลับมาเป็นปกติ พอฉันกลับมาที่ห้องของนรมนอีกครั้ง ไข้ของเธอก็ลดลงแล้ว ฉันเจาะเลือดอีกครั้งและตรวจสอบ แต่ละตัวชี้วัดก็เหมาะสมดี ราวกับไข้สูงเมื่อตอนแรกเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น”
“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?”
รมิดาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย แต่ในใจเธอกลับมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก
โพนี่ก็ไม่รู้ว่าทำไม
บุริศร์ถามอย่างรวดเร็ว “สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง?”
“ไข้ของเธอลดลงแล้ว ตัวชี้วัดแต่ละอย่างก็เป็นปกติ”
คำพูดของโพนี่ ทำให้บุริศร์นิ่งไปพลัน
เป็นไปได้ยังไงกัน?
กานต์เข้ามา ก่อนพูดเสียงต่ำ “ผมเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอด ไม่มีใครเข้ามา แล้วก็ไม่มีของอะไรมาเฉียดร่างกายของหม่ามี้ได้ อุณหภูมิร่างกายของหม่ามี้ลดลงเรื่อยๆ ตอนนี้หม่ามี้หลับอยู่ ลมหายใจก็สม่ำเสมอ ไม่มีท่าทางไม่สบายอะไรครับ”
บุริศร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ!
ไม่ว่าไข้ของนรมนจะลดลงอย่างกะทันหันอย่างไร ปรากฏการณ์นี้ก็ไม่ปกติ
“ไปโรงพยาบาล ไปโรงพยาบาลทหาร ไปตรวจร่างกายให้นรมน”
บุริศร์ตัดสินใจ
ทั้งโพนี่และรมิดาไม่มีความคิดเห็นใด
ทุกคนพานรมนไปยังโรงพยาบาลทหาร
ป้องและคนอื่นๆ ได้ทำการตรวจร่างกายเต็มรูปแบบให้กับนรมน
หลังจากทำการตรวจสอบแล้ว ทั่วทั้งร่างกายของนรมนไม่มีปัญหาอะไร แต่ละตัวชี้วัดของเธอก็ปกติ
เมื่อเห็นข้อมูลดังกล่าว รมิดา โพนี่และบุริศร์ต่างก็เงียบ
“ตุลยาอยู่ไหน?”
บุริศร์ถามอย่างเย็นชา
กานต์พูดเบาๆ “บ้านครับ ไม่ต้องกังวล เธอตายไม่ได้ ร่างกายของหม่ามี้ยังไม่เจอปัญหาอะไร ผมมักรู้สึกไม่สบายใจ เก็บเธอเอาไว้อาจจะมีประโยชน์”
บุริศร์มองไปที่กานต์
ความคิดของเด็กคนนี้ละเอียดรอบคอบขึ้นเรื่อยๆ
ป้องพูดเสียงต่ำ “ตอนนี้ยังตรวจไม่เจอปัญหาอะไร ทำได้แค่รอจนกว่าเธอจะตื่นเพื่อรอดูว่าจะมีอาการไม่สบายตรงไหน แต่ตอนนี้ฉันกลัวแค่ไม่รู้เธอจะตื่นตอนไหนนี่แหละ พูดตามหลักการหลังจากการตรวจร่างกายครั้งนี้ ไม่ว่าใครต่างก็ตื่น แต่พวกนายดูสิ สะใภ้สองไม่มีร่องรอยของการตื่นเลย”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ใจของบุริศร์กระตุก
ในที่สุดเขาก็รู้ว่ามีอะไรผิดปกติ
นรมนเงียบเกินไป เงียบจนน่ากลัว
เขารีบวางนิ้วไว้ใต้จมูกของนรมน ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากรู้สึกได้ถึงลมหายใจอันอบอุ่นของเธอ
“ฉันจะพานรนมกลับบ้าน”
บุริศร์อุ้มนรมนขึ้นมา ก่อนจะเดินออกไป
คิ้วของรมิดาขมวดแน่น
“นรมนเคยดื่มเลือดของนภดล เป็นไปได้ไหมที่จะเกี่ยวกับเลือดของนภดล? บางทีเลือดของนภดลอาจจะมีผลในการล้างพิษ?”
รมิดาก็รู้เช่นกันว่าตัวเองพูดแบบนี้ค่อนข้างจะฝืนใจ แต่นอกเหนือจากนี้ เธอไม่รู้จริงๆ ว่าจะอธิบายสถานการณ์ของนรมนว่าอย่างไร
โพนี่และป้องไม่ได้ตอบ
ถ้าไม่ได้รับการยืนยัน พวกเขาไม่สามารถสรุปได้
รมิดาพูดเสียงต่ำ “ไปหานภดลและตรวจเลือดเขาดีกว่า ถ้าเป็นเพราะเลือดของนภดลจริงๆ เราคงจะโล่งใจใช่ไหม?”
“ก็ดี”
ป้องพยักหน้า
กานต์รีบโทรหานภดล
เมื่อนภดลได้ยินว่าเป็นเรื่องของนรมน เขาก็รีบมาทันที
“คุณสามารถเจาะเลือดได้มากเท่าที่คุณต้องการ ผมเคยทำการทดลองด้วยเลือดของตัวเองมาก่อน ส่วนผลลัพธ์ผมไม่รู้ แต่คุณฐานทัตรู้ คุณไปถามเขาได้”
คำพูดของนภดลทำให้ทุกคนส่ายหัว
ไม่ว่าจะเป็นรมิดา โพนี่หรือป้องก็ตาม ก็หวังว่าจะได้ตรวจสอบด้วยตัวเอง ท้ายที่สุด ถึงอย่างไรคนนั้นก็คือนรมน เมื่อเกิดเรื่องอะไรกับนรมน บุริศร์ก็จบลงแล้ว
นภดลตามคนไปเพื่อเจาะเลือดของเขา
โพนี่นั่งคิดวิเคราะห์ ก่อนจะพูด “ฉันจะโทรหาอาจารย์อาของฉัน”
“อาจารย์อาของคุณ?”
รมิดารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและงุนงง
กานต์พูดเบาๆ ว่า “อาจารย์ของกิจจาครับ ยมราชมิลิน กิจจาโทรไปหาแล้ว แต่มิลินช่วงนี้มีเรื่องที่ประเทศF สลัดตัวมาไม่ได้ เกรงว่าจะมาไม่ได้ครับ”
คิ้วของโพนี่ขมวดเข้าหากันแน่น
หลังจากที่บุริศร์พานรมนกลับไปยังบ้านเก่าตระกูลโตเล็ก เขาเฝ้ามองนรมนที่หลับอย่างสงบ และกุมมือเธอเอาไว้
อุณหภูมิของมือเธอเหมาะสม ไม่ร้อนดั่งไฟ แต่หัวใจของบุริศร์ไม่มั่นคง
พิษของนรมนคืออะไรกันแน่?
เมื่อไหร่เธอจะตื่น?
ไม่มีใครสามารถให้คำตอบกับบุริศร์ได้
บุริศร์รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะบ้า
“นรมน ตื่นขึ้นมาได้ไหม? ถ้าคุณแค่เหนื่อย อย่างนั้นก็นอนให้เต็มอิ่มแล้วตื่นขึ้นมานะ โอเคไหม”
เสียงของบุริศร์แหบแห้ง คิ้วของเขาขมวดด้วยความกังวล
คนที่เป็นไข้สูงไม่ลดเป็นเวลานาน จู่ๆ อุณหภูมิร่างกายลดลง ก็จะรู้สึกเหนื่อย ง่วงนอน เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ว่าจะง่วงนอนหรือเหนื่อยแค่ไหน ตอนที่ใช้เข็มหรืออะไรก็ตามตรวจร่างกาย อย่างไรก็ต้องมีปฏิกิริยาบ้างสักนิด
ใบหน้าของนรมนแดงก่ำ ไม่ได้ดูซีดเลยสักนิด เหมือนไม่ใช่คนป่วย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ปกติ ต้องมีปีศาจ
ทั้งรมิดาและโพนี่ไม่พบสิ่งที่ผิดปกติกับร่างกายนรมน นี่คือสิ่งที่บุริศร์กังวลมากที่สุด
เขากอดนรมนไว้แนบแน่น
เห็นได้ชัดว่าเธออยู่ในอ้อมแขน แต่บุริศร์กลับกลัว
ความรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับผลได้ผลเสียของตัวเองทำให้บุริศร์ทรมาน เขากลัวที่จะหลับตา กลัวตัวเองหลับตาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับนรมน
การตรวจเลือดของนภดลยังคงดำเนินต่อไป
กานต์รอโดยไม่จากไปไหน
รมิดาและโพนี่ทำการทดลองหลายครั้ง และเพื่อพิสูจน์ความคิดของพวกเธอ พวกเธอเลยได้หายาพิษมาและผสมเข้ากับเลือดของนภดล เพื่อดูว่าจะมีปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง
ที่น่าเสียดายก็คือ เมื่อทุกพิษผสมเข้ากับเลือดของนภดล ดูเหมือนจะไม่มีความสามารถในการแก้พิษเลย
นรมนโดนพิษอะไรกันแน่?
รมิดาและโพนี่รู้สึกหดหู่ทันที