เจตต์พูดอย่างนี้ไป ทั้งนรมนและขวัญตาก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้น
“ที่รัก คุณแบล็กเมล์พี่ชายฉันยังไงคะ?”
นรมนแหงนใบหน้าเล็ก ๆ ขึ้นจ้องมองบุริศร์
บุริศร์ยิ้มอ่อน ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “คนบางคนฉลาดน้อยเกินไป ก็ไม่มีทางเลือก จะโทษก็โทษได้แต่ว่าคุณมีสามีที่ฉลาดมากเกินไป”
“นี่ นี่ นี่ บุริศร์คุณนี่ยังจะเอาหน้าอยู่อีกไหม?”
เจตต์รู้สึกว่าการช้อปปิ้งนี้ไม่มีทางช้อปต่อได้แล้ว
พอขวัญตาเห็นว่าสามีตัวเองโดนคนอื่นกลั่นแกล้ง ก็รีบพูดกับนรมนขึ้นว่า “นรมน สามีของคุณรังแกสามีของฉัน จะทำยังไง?”
“เอ่อ”
นรมนโดนถามจนอึ้งไป แต่ว่าวินาทีต่อมาเธอก็คล้องแขนของบุริศร์เอาไว้ และยิ้มแล้วก็พูดว่า “ขอโทษด้วยนะ ฉันเลือกอยู่ข้างสามีฉัน พวกคุณก็ให้เขารังแกต่อไปเถอะ มากสุดก็อีกเดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวพวกคุณก็แล้วกัน?”
“ฮื้อ”
ขวัญตาสะบัดหน้าไปทันที
เจตต์กัดฟันพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้พูดแล้วบุริศร์ก็ไม่น่าภาคภูมิมากนักหรอก”
“ยังไงคะ?”
ผู้หญิงสองคนนี้เงี่ยหูฟังขึ้นมาทันที
เจตต์สูดหายใจเข้าแรง ๆ ทีหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “ตอนนั้นผมชอบผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หญิงคนหนึ่งเข้า กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันดีอยู่ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็บอกผมว่าพ่อของเธอได้ข่าวมาจากวงในว่า คุณภาพของร้านค้าทำเลทองแถบนี้มีปัญหา คาดว่าน่าจะขายไม่ออก ตอนนี้แถบนี้ยังไม่เป็นถนนห้วยยางเลย”
ตอนที่พูดถึงตรงนี้นั้น เจตต์ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางที่กัดฟันกรอกของขวัญตา แต่นรมนกับบุริศร์กลับยิ้มจนใบหน้าเต็มไปด้วยความได้ใจ
เจ้าโง่นี่ อยู่ต่อหน้าขวัญตายังกล้าพูดเรื่องของแฟนเก่าอีก และที่น่ารังเกียจที่สุดคือ แฟนเก่าของเจตต์คงจะมีเป็นคันรถสิบล้อได้แล้ว
เจตต์ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าตัวเองทำให้ท่านภรรยาที่เป็นใหญ่โกรธแล้ว ยังคงพูดต่อว่า “ตอนนั้นร้างค้าทำเลทองแถบนี้ผมซื้อไว้ได้ครึ่งหนึ่ง พอได้ยินว่ามีปัญหาด้านคุณภาพ แล้วก็เป็นข่าวจากวงในอีกด้วย ผมก็เลยชิงลงมือก่อนเลย พอผมแขวนป้ายประกาศขายปุ๊บ คนบางคนก็รีบมาซื้อไปหมดอย่างอดทนรอไม่ไหวเลย ตอนนั้นผมยังรู้สึกว่าคนคนนี้โง่อยู่หน่อยหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าพอผ่านไปไม่กี่วัน ผู้หญิงคนนี้ก็หายตัวไปแล้ว ผมลองไปสืบดู ผู้หญิงคนนี้ออกนอกประเทศไปแล้ว และที่สำคัญคือออกนอกประเทศไปภายใต้การจัดแจงของใครบางคนด้วย แล้วผมก็รู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมาทันทีเลย แล้วก็รีบหาคนไปสืบข่าวมา แล้วถึงได้รู้ว่าบุริศร์รวมหัวกับผู้หญิงคนนั้นมาหลอกผม เป้าหมายก็เพื่อร้านค้าทำเลทองครึ่งหนึ่งที่อยู่ในมือผม พวกคุณว่า เขาชั่วร้ายหรือเปล่าล่ะ?”
เจตต์ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ ไม่ได้สังเกตเห็นว่าขวัญตากำลังหักข้อนิ้วมือดังกรอกอยู่เลยสักนิด
นรมนพยายามกะพริบตาให้เจตต์อย่างเต็มที่ แต่เจตต์กลับดูไม่รู้เรื่อง
“นรมน ตาของคุณเป็นอะไรไปเหรอ?”
คำพูดของเขาเพิ่งพูดจบ ขวัญตาก็หยิกลงตรงเอวของเจตต์ทีหนึ่งเลย
“โอ๊ย……”
เจตต์เจ็บจนร้องตะโกนขึ้นมาทันทีเลย
“ที่รัก คุณทำอะไรนะ?”
ขวัญตากัดฟันกรอกพูดขึ้นว่า “ดีเลยนี่เจตต์ เมื่อก่อนเคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนเลยนี่ จะเล่าให้ฉันฟังไหมล่ะว่าคุณกับแฟนสาวผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์คนนั้นรักกันยังไง? หึ? แถมยังสามารถทำให้คุณยกทรัพย์สินในบ้านออกไปโดยที่ไม่ตรวจสอบเลยสักนิดด้วย ห๊ะ?”
แล้วเจตต์ถึงรู้ตัวขึ้นมา
“ไม่ใช่นะ พวกคุณต่างหากที่พยายามจะรู้เรื่องพวกนี้ให้ได้ ผมถึงได้พูดออกมาไม่ใช่เหรอ? แล้วอีกอย่าง นั่นมันก็เป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วด้วย ไม่ได้มีแฟนเก่ามาตั้งนานแล้ว คุณ คือว่าอะไรนะ……”
“อะไร อะไร? ร้านค้าทำเลทองตั้งครึ่งถนนเลยนะ เจตต์ คุณนี่มันไอ้คนล้างผลาญ! ถ้าคุณไม่ขายออกไป ตอนนี้แม่ก็เป็นเจ้าของร้านค้าทำเลทองครึ่งถนนแล้ว!”
ขวัญตาเอามือเท้าเอวไว้แล้วจ้องเจตต์เขม็ง
ความเกลียดในใจเจตต์นั้นมัน!
ไอ้บุริศร์ตัวดี!
แกรอฉันไปก่อนเถอะ!
แต่ว่าตอนนี้ก็จะต้องปลอบใจคุณภรรยาให้ดีก่อน สำคัญที่สุด
บุริศร์เห็นว่าเจตต์เริ่มง้อขวัญตาแล้ว ถึงได้ยื่นแขนออกไปโอบกอดนรมนไว้ แล้วยิ้มและพูดขึ้นว่า “พวกเราไปกันก่อนเถอะ”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ เผื่อว่าพวกเราอยู่ด้วย เจตต์จะไม่กล้าจูบขวัญตา”
บุริศร์ได้ยินนรมนพูดแบบนี้แล้ว ก็พูดประชดประชันขึ้นว่า “ผู้ชายคนนี้จะไม่กล้าด้วยเหรอ? คุณยกย่องเขาเกินไปแล้ว”
คำพูดนี้ทำให้นรมนไม่มีทางที่จะโต้เถียงกลับได้
ทั้งสองคนสิบนิ้วประสานกันแล้วก็ค่อย ๆ เดินออกไป
นรมนถามขึ้นอย่างรู้สึกสงสัยอยู่บ้างว่า “ตอนนั้นทำไมคุณจะต้องวางหลุมพรางแบบนี้กับเจตต์ด้วยคะ?”
“ถ้าหากเขาไม่เอาร้านค้าขายให้ผม เขาก็จะมีสิทธิ์ในการพูดครึ่งหนึ่ง แล้วตอนนั้นผมอยากจะทำให้ถนนเส้นนี้กลายเป็นถนนห้วยยางถนนเส้นที่หรูหราที่สุดในเมืองชลธี แต่ว่าความคิดของเจตต์ในตอนนั้นคืออยากจะทำที่นี่ให้กลายเป็นย่านธุรกิจ ในขณะที่ความคิดเห็นสวนทางกัน ผมก็เลยต้องใช้ความฉลาดเพื่อให้ได้มา แล้วอีกอย่าง ผมก็ยังเหลือไว้ให้เขาสองร้านไม่ใช่เหรอ? ก็ถือได้ว่าเป็นการดูแลเขาแล้ว ไม่งั้นละก็ เขาจะไม่เหลือสักร้านเลย”
บุริศร์พูดไปอย่างเรียบเฉยและมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก จนทำให้นรมนไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว
เอาเถอะ เจตต์เขาเจ้าชู้เอง ตัวเองโง่เอง โทษคนอื่นไม่ได้จริง ๆ แต่ว่านรมนเองก็มองบุริศร์ชัดเจนแล้ว
ผู้ชายคนนี้ปฏิบัติต่อคนอื่นแล้ว ไม่ไว้หน้าสักนิดเลยจริง ๆ
ทั้งสองคนเดินเล่นไปอย่างช้า ๆ เจตต์และขวัญตาที่อยู่ข้างหลังตามมาทันอย่างรวดเร็ว แต่ว่าสีหน้าของขวัญตายังคงแดงอยู่บ้าง เจตต์กลับมีสภาพพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ชายคนนี้นี่
นรมนส่ายหน้าเล็กน้อย แต่ว่ามุมปากกลับคลี่ขึ้นอยู่
เป็นแบบนี้แล้วรู้สึกดีจริง ๆ เลย
ทั้งสี่คนได้เข้าไปที่ร้านทอง
พวกแหวนอะไรพวกนั้นของขวัญตา เจตต์ล้วนตั้งใจสั่งทำมาจากต่างประเทศ นรมนเองก็ไม่แย่งหน้าที่นี้
เธอลากตัวขวัญตาไป แล้วก็เดินดูไปรอบหนึ่ง แล้วก็ดูไปแค่ต่างหูหยกคู่หนึ่ง
ต่างหูหยกคู่นี้ทั้งสีและน้ำล้วนไม่เลว ขวัญตาชื่นชอบเป็นอย่างมาก
แล้วในตอนที่เจตต์จะล้วงเงินออกมาจ่ายนั้น นรมนก็ห้ามเข้าไว้ซะก่อน
“บิลนี้ฉันจะจ่ายเอง”
“ทำไมล่ะ?”
เจตต์รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง
นรมนหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “นี่เป็นของขวัญที่ฉันให้พี่สะใภ้ ไม่เกี่ยวกับคุณ”
พอเห็นนรมนพูดแบบนี้แล้ว เจตต์ก็บ่ายเบี่ยงอีก
“ก็ดีเหมือนกัน ในเมื่อทั้งถนนห้วยยางเป็นของบ้านคุณอยู่แล้ว เงินแค่นี้พวกคุณก็จ่ายไหวอยู่”
คำพูดนี้พูดได้แบบอิจฉาสุด ๆ
บุริศร์ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “ร้านค้าทำเลทองที่เคยอยู่ภายใต้ชื่อของคุณ ผมจะให้ทนายโอนไปเป็นชื่อของขวัญตา ถือว่าเป็นสินสอดให้เธอ”
“หมายความว่าไง?”
ทั้งเจตต์และขวัญตาต่างก็นิ่งอึ้งไปเลย
นรมนกลับยิ้มแฉ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันกับบุริศร์ปรึกษากันแล้ว ร้านค้าพวกนี้ถึงแม้ว่าจะเคยเป็นของพี่เจตต์มาก่อน แต่ว่าเป็นเพราะว่าตัวเขาเองไม่ฉลาดพอ ถึงได้สูญเสียทรัพย์ไปก้อนใหญ่ และมากพอที่จะบอกได้แล้วว่าเขาไม่คุ้นเคยกับด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่ว่าพวกคุณจะแต่งงานกันแล้ว ยังไงพวกเราก็จะต้องให้ของขวัญสักหน่อย พวกเราก็เลยปรึกษากันแล้ว จะเอาร้านค้าที่เคยเป็นของพี่เจตต์โอนชื่อไปเป็นของพี่สะใภ้ พอถึงตอนนั้นพี่สะใภ้จะได้มีของพวกนี้แต่งเข้าบ้านตระกูลรัตติกรวรกุล และเพราะว่าพี่ชายฉันเคยมีแฟนเก่าเยอะมาก เพื่อไม่ให้พี่สะใภ้คุณต้องเสียเปรียบหรือว่าโดนรังแก สิทธิ์ในการครอบครองร้านค้าพวกนี้ก็จะมอบให้คุณ ไว้พอวันไหนที่เขาทำผิดต่อคุณแล้ว คุณก็จะได้เอาร้านค้าพวกนี้ไปแล้วหย่ากับเขาได้ จากนั้นค่อยหาหนุ่มน้อยสักคน ไม่ซิ หาหนุ่มน้อยสักสองสามคน แล้วมีชีวิตอย่างอิสรเสรีไปเลย”
ไม่ว่ายังไงขวัญตากคิดไม่ถึงว่านรมนทำปฏิบัติกับตัวเองแบบนี้
ของขวัญแต่งงานที่เธอกับบุริศร์จะให้ก็ได้ให้ไปแล้ว และของวันนี้ถือว่าเป็นของอย่างอื่น และยังตั้งใจคิดคำนึงถึงเธออีกด้วย
นรมนเป็นน้องสาวของเจตต์ แต่ว่าวินาทีนี้กลับช่วยเธอวางแผนในฐานะลูกผู้หญิง เพื่อให้เธอมีหลักประกัน จมูกของขวัญตารู้สึกจี๊ดขึ้นมาทันที
“นรมน คุณจะให้ฉันว่าอะไรคุณดี?”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ต่อไปก็เป็นคนบ้านเดียวกันแล้ว ทุกคนต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เมืองชลธีนี้จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่มาก จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก ทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนเป็นดีขึ้นแน่ ๆ”
นรมนตบไหล่ขวัญตาเบา ๆ
เจตต์เองก็รู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาบ้าง แต่ว่าเขาเป็นผู้ชาย แน่นอนว่าเลียนแบบผู้หญิงแบบนั้นไม่ได้แน่ เพียงแต่พูดขึ้นอย่างเซ็ง ๆ ว่า “ขอร้องล่ะ นรมน คุณเป็นน้องสาวของผมนะ คุณช่วยพี่สะใภ้คุณมารังแกผมแบบนี้มันจะดีจริง ๆ เหรอ?”
“นี่เรียกว่ารังแกซะที่ไหน? นี่เรียกว่าช่วยคุณวางแผนการเงิน เผื่อว่าคนล้างผลาญอย่างคุณจะได้ไม่ต้องทำให้สูญเสียบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลไป”
นรมนพูดจบก็แลบลิ้นใส่เจตต์เล็กน้อย
เจตต์รู้สึกว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง
“บุริศร์ เมียคุณพูดอย่างนี้คุณก็ยืนดูเฉย ๆ แบบนี้เลยเหรอ?”
“ไม่งั้นล่ะ? ฉันยังอยากจะขึ้นไปนอนบนเตียงทุกคืนอยู่นะ”
บุริศร์พูดจบอย่างมีความเอาตัวรอดสูงมาก แล้วก็รวบตัวนรมนมาแล้วก็ไปจ่ายเงินเลย
ในดวงตาของขวัญตามีแววน้ำตาระยิบระยับอยู่
เธอเป็นลูกสาวของเจ้าแห่งเส้นทางเดินเรือ แน่นอนว่าไม่ขาดเงินอยู่แล้ว ถึงแม้ว่ากำไรของร้านค้าทำเลทองนี้จะน่าชื่นชมเป็นอย่างมาก แต่ว่าสิ่งที่ขวัญตาซาบซึ้งนั้นไม่ใช่เงิน แต่เป็นความจริงใจที่นรมนมีต่อตัวเอง
ไม่ว่าใครจะมีเงินมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางเอาร้านค้าทำเลทองที่มีกำไรเป็นอย่างมากมาเป็นของขวัญมอบให้คนอื่นหรอก แต่ว่าคนคนนี้กลับเป็นบุริศร์ เป็นนรมน อยู่ ๆ ขวัญตาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขเป็นอย่างมากเลย
ใครบอกว่าแต่งงานกับเจตต์จะต้องลำบากในกัน?
ความลำบากใจของเธอนี้ช่างคุ้มค่าจริง ๆ เลย!
เจตต์เดินมาอยู่ข้างกายขวัญตา และจับมือของเธอขึ้นมา แล้วพูดเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า “ถ้าหากว่าคุณพอใจ ต่อไปผมจะเอาบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลมอบให้อยู่ในมือคุณเลย”
“ฉันไม่ได้อยากจะเป็นผู้หญิงเกร่งสักหน่อย ฉันจะเอาบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลมาทำอะไร? บ้านฉันยังมีธุรกิจอีกมากมายมารอให้ฉันสืบทอดอยู่นะ เจตต์ ที่ฉันชอบไม่ใช่เงินของคุณ”
ขวัญตารีบพูดอธิบายขึ้นมา
เจตต์ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ผมรู้ ผมแค่รู้สึกว่าคุณเป็นคนดีขนาดนี้ แต่ว่าเมื่อก่อนผมเคยเหลวแหลกขนาดนั้น เหมือนจะไม่คู่ควรกบคุณเท่าไหร่ ผมจะเอาทั้งชีวิตและทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลมอบให้กับคุณ หวังว่าของพวกนี้จะสามารถผูกมัดคุณไว้ได้”
“สิ่งที่สามารถผูกมัดฉันไว้ได้ไม่เคยเป็นเงิน แต่เป็นตัวคุณต่างหาก ที่ฉันชอบคือตัวเจตต์คนนี้ ถึงแม้ว่าคุณจะจนเป็นขอทาน ฉันก็จะยังชอบคุณอยู่”
คำพูดของขวัญตาทำให้หัวใจของเจตต์อบอุ่นขึ้นมาทันที ความเหงาที่เคยโดนแม่แท้ ๆ ทอดทิ้งไปได้มีขวัญตามาเติมเต็มขึ้นมาทันที
เขารวบตัวขวัญตามากอดไว้ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ขวัญตา ขอบคุณที่คุณชอบผม ขอบคุณ”
“เจ้าโง่”
ขวัญตาจ้องมองเจตต์ที่มีความรักลึกซึ้ง แล้วก็รู้สึกว่าความสุขกำลังกวักมือให้ตัวเองอยู่ เธอมีความเชื่อมั่นมากพอว่า หลังแต่งงานแล้วจะต้องมีความสุขอยู่กับเจตต์ตลอดไปได้แน่
นรมนใช้หางตามองเห็นพวกเขารักใคร่กันมากขนาดนี้ ก็ยิ้มขึ้นมาทันทีเลย
เธอจูงมือของบุริศร์ไว้แล้วพูดขึ้นว่า “ที่รัก ร้านค้าทำเลทองในถนนห้วยยางที่ทำเงินขนาดนี้เอามาเป็นของขวัญมอบให้กับเจตต์ คุณไม่ปวดใจเหรอคะ?”
“ขอแต่คุณดีใจก็พอแล้ว คำนวณดูแล้วก็แค่ร้านค้าในถนนห้วยยางไม่กี่ร้าน ตระกูลโตเล็กเราไม่มีเงินเหรอ?”
ท่าทางที่ใจป้ำยอมทุ่มของบุริศร์แบบนี้ทำให้คนหลงมากจริง ๆ!
นรมนยิ้มแล้วก่นด่าขึ้นว่า “ผู้ชายล้างผลาญ ถึงแม้ว่าบ้านเราจะมีเงิน แต่ว่าก็ให้คุณมาล้างผลาญแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ ต่อไปคุณจะต้องหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวให้ดี ๆ ไม่งั้นละก็ ฉันก็จะไม่เอาคุณแล้ว”
“คุณจะไม่เอาผมไม่ได้นะ ถ้าคุณไม่เอาผม ผมก็กลายเป็นยาจกแล้ว”
อยู่ ๆ บุริศร์ก็ลากนรมนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง แต่ว่าแสงกะพริบครั้งหนึ่งทำให้ดวงตาของเขาหรี่ลงมาทันที บรรยากาศทั้งตัวก็เย็นลงมาหลายส่วนเลย