เมื่อถามออกไป ปวีราชะงักงันอย่างห้ามไม่ได้
ป้องมองเห็นสีหน้านี้ก็รู้ว่าบุริศร์เดาถูก
หลังจากเขาทำการสะกดจิตเสร็จก็เหนื่อยมาก จึงเข้าไปหาอะไรกินในห้องนอน ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นในระหว่างนั้น?
ป้องละอายใจ “ขอโทษด้วย ฉันสะกดจิตเสร็จก็เหนื่อยมาก เลยไปหาอะไรกิน ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น”
“ฉันไม่โทษนายหรอก”
บุริศร์ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ในเวลานี้ป้องลำบากมาก นี่คือน้ำใจของเขา
เขามองปวีรา ถามต่อว่า “เขาทำอะไร?”
ปวีรามองป้อง ป้องรีบพูด “ฉันจะแปลให้นะ ช่วงนี้ปวีราเรียนอ่านปาก มองออกว่าคนอื่นพูดอะไร แต่การถ่ายทอดยังต้องให้คนช่วยแปล”
“ได้”
สายตาของบุริศร์ไม่มีการดูถูกใด ๆ ป้องอดโล่งอกไม่ได้
เธอกล่าว “กานต์เพิ่งถูกสะกดจิตได้ไม่นาน เมื่อคุณพ่อออกไป เขาก็ลุกขึ้นมานั่งทันที ถกแขนเสื้อขึ้น ข้อมือของเขามีกำไลที่สวยมาก ตอนนั้นหนูคิดว่ากำไลเกะกะ คิดจะเอาออกให้เขา แต่ถูกเขาผลัก จากนั้นก็ถอดกำไลออก กำไลนั้นมหัศจรรย์มาก ไม่รู้ว่าเขาแตะตรงไหน เกิดเสียงดังขึ้น และมีแสงจ้าจากด้านใน จากนั้นบนกำแพงตรงข้ามก็ปรากฏหน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นมา เป็นเพียงแค่ภาพรางๆ บนผ้าห่มของเขามีภาพแสงแป้นพิมพ์ เขาพิมพ์ลงไปบนแสงแป้นพิมพ์ ใส่รหัสที่หนูไม่เข้าใจ หนูกำลังจะถามว่าเขาทำอะไร อยู่ดี ๆ เขาก็ยิ้มแปลก ๆ จากนั้นก็เก็บกำไล นอนลงไปอย่างเรียบร้อย จนพวกคุณมาก็เป็นแบบนี้ค่ะ”
ปวีราพูดแบบนี้ บุริศร์กับป้องเข้าใจทันที
“โน๊ตบุ๊คสามมิติเสมือนจริง”
บุริศร์พยักหน้า
ในฐานะแฮกเกอร์ ไม่สามารถพกคอมพิวเตอร์ไว้กับตัวตลอดเวลา แต่สถานะของกานต์มีความพิเศษ หากพกโน๊ตบุ๊คจะดึงดูดความสนใจจากคนอื่น เขตทหารจึงได้ติดตั้งโน๊ตบุ๊คสามมิติเสมือนจริงแก่เขาเป็นพิเศษ พูดตามความจริงนี่คือสินค้าที่มีความไฮเทคมาก เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ความไวของแสงกับอุณหภูมิร่างกายสั่งงานโน๊ตบุ๊ค
ได้ฟังปวีราพูดเช่นนี้ บุริศร์แน่ใจว่ากานต์เป็นคนส่งคลิปนั้น
และบุคลิกอื่นของกานต์เป็นคนส่งมาให้เขา
แต่ลูกคนนี้ยังเด็กมาก จะส่งของแบบนั้นให้เขาได้อย่างไร?
บุคลิกภาพอย่างอื่นของเขาคงจะไม่ใช่เพลย์บอยหรือเป็นคนที่ไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงนะ
คิดถึงตรงนี้ บุริศร์ค่อนข้างหวาดกลัวและกังวล
ความโกรธเมื่อสักครู่หายไปนานแล้ว ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยความสงสารและห่วงใย
ป้องก็มีสีหน้าเคร่งขรึม
สถานการณ์แบบนี้อธิบายได้เพียงการสะกดจิตของเขาล้มเหลว
ระบบควบคุมตนเองของกานต์สร้างอีกคนขึ้นมาเพื่อบรรเทาผลที่ตามมาจากการยิงคนตาย ความรู้สึกแบบนี้ไม่ดี อันตรายมาก
“บุริศร์ ฉันขอโทษ ฉัน……”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก นายเป็นหมอไม่ใช่พระเจ้า ไม่มีใครคิดว่ากานต์จะเป็นแบบนี้ ช่วงนี้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับก่อนนะ ฉันจะกลับไปปรึกษากับนรมนแล้วค่อยว่ากันอีกที ให้กานต์อยู่ที่นี่กับนายไปก่อน อย่าบอกเขาเรื่องเหล่านี้ อย่างน้อยที่สุดช่วงนี้อย่าบอกเขา”
น้ำเสียงของบุริศร์กดดันมาก
“ได้”
ป้องพยักหน้า
ภายใต้เปลือกตาของตนเอง กานต์พบว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้เลย หดหู่ใจอย่างยิ่ง
ดังนั้นจึงพูดว่า อัจฉริยะที่ดีไม่ควรเกิดภาวะเร่งด่วนแบบนี้ ไม่อย่างนั้นโรคหลายบุคลิกที่เกิดขึ้นจะทำให้คนเหนื่อยมาก
บุริศร์เหลือบมองกานต์อีกครั้ง เขายังคงนอนหลับ แต่บุริศร์กลับรู้ว่า ตอนนี้เด็กคนนี้อาจเป็นบุคลิกอีกอย่างหนึ่ง
เพราะป้องสะกดจิตบุคลิกหลักของเขาอยู่ ควบคุมเอาไว้ บุคลิกที่สองจึงถือโอกาสออกมาสร้างความวุ่นวาย
บุริศร์รู้สึกหวาดกลัวด้วยซ้ำไป ถ้าเป็นอย่างนี้เรื่อย ๆ ไม่รู้ว่ากานต์จะเปลี่ยนไปอย่างไร
ยังดีที่วันนี้บุคลิกที่สองของเขาแฮกคอมพิวเตอร์ของตนเอง ถ้าเป็นคนอื่น……
บุริศร์อดหวาดกลัวไม่ได้
“ฝากนายด้วยนะ ป้อง ดูเขาให้หน่อย ฉันขอตัวกลับบ้านก่อน”
“ได้”
ปวีราได้ยินบทสนทนาของป้องกับบุริศร์ แววตามีความกังวล
กานต์จะหายไหม?
ปวีราไม่รู้ แต่ยังคงรีบกลับไปในห้อง บีบมือเล็ก ๆ ของกานต์ไว้แน่น
มือของเขาเย็นเล็กน้อย ปวีราสงสาร
หลังจากบุริศร์ออกมาจากตระกูลพรรณโรจน์ก็ขึ้นรถ ขับออกมาได้สักระยะก็จอดลง
เขาไม่รู้ว่าจะพูดกับนรมนอย่างไร แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องพูด ในเมื่อกานต์คือลูกของพวกเขาทั้งสองคน ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้น นรมนมีสิทธิ์รับรู้
เขาคิดมาตลอดว่ากานต์เป็นลูกที่วางใจได้ที่สุด กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ไม่ได้พูดต่อว่า เพียงแค่สงสาร ความสงสารจับใจปะทะใบหน้า บุริศร์เกือบจมลงไป
เขาจุดบุหรี่ สูดเข้าไปลึก
ไม่ได้ดูดมานานแล้ว วันนี้กลับต้องใช้นิโคตินระงับความทุกข์และความรู้สึกผิดข้างใน
ถ้าตอนนั้นที่แอฟริกาใต้เขาสังเกตเห็นว่ามีกานต์อยู่ด้วย สามารถปกป้องเขาได้ ไม่สิ ตอนแรกเขาไม่ควรปล่อยให้กานต์ไปแอฟริกาใต้
พูดตอนนี้ก็สายไปแล้ว
บุริศร์สูบบุหรี่ไม่หยุด สำลักจนไอออกมา แต่ยังคงไม่สามารถเยียวยาความทุกข์ในใจ
หลังจากเขารู้ความจริงก็เป็นแบบนี้ ถ้านรมนรู้บ้างไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร?
ทันใดนั้นเอง บุริศร์สงสารนรมน
สูบบุหรี่หมดไปมวนหนึ่ง หิมะตกลงบนศีรษะของบุริศร์ เหมือนผมหงอกก่อนวัย
เขาสูดหายใจลึก ทิ้งก้นบุหรี่ไป จากนั้นกดกระจกขึ้น ขับรถตรงกลับบ้าน
หลังจากนรมนแอบกินขนมเสร็จ เห็นว่าด้านนอกเงียบไป จึงรีบทำความสะอาดสนามรบอย่างรวดเร็ว ถึงจะเปิดประตูออกไป
“ป้าหวาน คุณผู้ชายล่ะ ?”
นรมนไม่เห็นบุริศร์อยู่ในห้องทำงาน หาที่อื่นก็ไม่เจอ จึงอดแปลกใจไม่ได้
เขาคงจะไม่โกรธใช่ไหม?
ความจริงผู้ชายดูของพวกนี้เป็นเรื่องปกติมาก เธอเองก็รู้ ตอนนั้นแค่แปลกใจและตกใจเกินไปหน่อย ในเมื่อคนที่ดูสุภาพและเย็นชามากอย่างบุริศร์ จะแอบดูของพวกนี้ได้อย่างไร?
แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดนั่นเพราะนรมนอยากแอบกินอาหารขยะแค่นั้นเอง
เธอคิดว่าบุริศร์จะรออยู่ข้างนอก หรืออาจจะรออยู่ในห้องหนังสือ ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะเหลิงไปหน่อย
ช่วงนี้บุริศร์เอาใจเธอมาก เลยทำให้เธอเหลิง จนแม้แต่ลืมไปว่าบุริศร์ที่เคยเป็นคนเด็ดขาดคนนั้นเป็นอย่างไร
บุริศร์ไปไหนนะ?
เธอทำได้เพียงถามป้าหวาน
ป้าหวานได้ยินนรมนถามตนเอง จึงรีบตอบ “คุณผู้ชายเพิ่งขับรถออกไปไม่นานค่ะ”
“ไปไหน?”
นรมนประหลาดใจ
เวลานี้บุริศร์จะออกไปทำอะไร?
หรือจะมีคนแฮกคอมพิวเตอร์ของเขาจริง ๆ ?
เขาออกไปหาคนคนนั้นเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองเหรอ?
สมองของนรมนทำงานอย่างรวดเร็ว
แค่คิดถึงเรื่องไร้สาระเช่นนี้ถูกบุริศร์เอาไปตรวจสอบ จนอาจจะลากคนคนนั้นมายืนยันความบริสุทธิ์ตรงหน้าเธอด้วยซ้ำ นรมนอยากร้องไห้
นี่เธอทำตัวเองใช่ไหม?
เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
นรมนร้องไห้ไม่ออก
“คุณผู้ชายออกไปนานหรือยัง?”
“เกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ”
นรมนร้องโหยหวนในใจอีกครั้ง
ครึ่งชั่วโมงยังไม่กลับมา ดูเหมือนตนเองจะเดาถูก
นรมนคิดว่าต้องไปหลบ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร บุริศร์ก็ขับรถกลับมา
“แย่แล้ว!”
นรมนหันตัววิ่งหนีทันที
“ป้าหวาน ถ้าคุณผู้ชายถาม บอกว่าฉันนอนอยู่นะ ไม่อยากให้ใครรบกวน เข้าใจไหม?”
“หา?”
ป้าหวานไม่เข้าใจนรมน เห็นเพียงเธอรีบวิ่งกลับไปที่ห้องนอน ปิดประตูทันที แถมยังล็อกกลอนด้วย
เธอรีบกระโดดขึ้นเตียง ดึงผ้าห่มมาคลุมไว้ พยายามแกล้งหลับ
หลังจากบุริศร์กลับมายังคงรู้สึกกดดันอยู่มาก เห็นป้าหวานอยู่ในห้องรับแขก มองไปทางห้องนอนอย่างมึนงง จึงอดถามไม่ได้ “ เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่คุณนายบอกว่าอยากนอนหลับ ไม่อยากเจอหน้าใครสักพักหนึ่ง ให้ฉันมาบอกคุณผู้ชาย”
ป้าหวานรีบพูด
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคุณนายเป็นอะไรไป แต่ป้าหวานเห็นความรักที่คุณผู้ชายมีต่อคุณนายด้วยตา การงอนของนรมนไม่ได้เป็นอันตรายใด ๆ ถึงจะชอบโมโหเอะอะ ป้าหวานก็ยังคงยืนอยู่ข้างคุณนาย อย่างไรเสียก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน
บุริศร์พยักหน้า กลับไม่ฟังนรมนเหมือนเดิม พูดกับป้าหวานทันที “เอากุญแจสำรองมา”
“คุณผู้ชาย คุณนายบอกว่า ไม่อยากให้ใครรบกวน คุณ……”
ป้าหวานพูดไม่ทันจบ ก็ตกใจสายตาเกรี้ยวกราดของบุริศร์ฉี่แทบราด
เธอไม่เห็นบุริศร์โกรธมานานมากแล้ว เนื่องจากในบ้านหลังนี้ ตราบใดที่มีนรมนอยู่ ท้องฟ้าจะปลอดโปร่งเสมอ วันนี้อยู่ดี ๆ บุริศร์ก็เกรี้ยวกราดเย็นชา ป้าหวานตกใจจริง ๆ
“ปะ ป้าจะไปเอามาค่ะ”
ป้าหวานวิ่งไปเอากุญแจเพื่อต้องการมีชีวิตรอด และเหลือบไปมองบุริศร์อย่างกังวล คิดว่าควรจะโทรหรือส่งข้อความหานรมนดีไหม ก็ได้ยินบุริศร์พูดอย่างเย็นชา “ถ้าไม่อยากโดนไล่ออกก็รีบไปเอามา ทำหน้าที่ของป้าให้ดี อีกอย่าง อีกสักพักไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่อนุญาตให้ใครขึ้นชั้นสอง”
เสียงของบุริศร์เยือกเย็นมาก เย็นเหมือนกับหิมะในฤดูหนาว แทงเข้าไปในไขกระดูก
ป้าหวานตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้ รีบวิ่งไปหยิบกุญแจสำรอง
บุริศร์ก็ไม่อยากแสดงอำนาจในบ้านตระกูลโตเล็ก อย่างไรเสียที่นี่คือรังรักของเขากับนรมน แต่เรื่องของกานต์ร้ายแรงมาก อย่างแรกเพราะตัวตนที่พิเศษของกานต์ เขาจำเป็นต้องป้องกันคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์ อีกอย่างก็เพื่อปกป้องลูกชาย ในเมื่อเรื่องส่วนตัวแบบนี้ไม่ควรให้คนอื่นรับรู้ ถึงแม้จะเป็นคนใช้ในบ้านของตนเองก็ไม่ควร
หลังจากป้าหวานส่งกุญแจให้ บุริศร์กล่าวอย่างเย็นชา “ป้าพาทุกคนไปซื้อของฉลองปีใหม่ให้ที่บ้าน กี่บาทกลับมาเบิกกับฉัน ถือว่าฉันให้โบนัสสิ้นปีแก่ทุกคน
บุริศร์พูดแบบนี้ ป้าหวานยิ่งเป็นห่วง แต่ไม่อาจฝ่าฝืนได้
เธอพาคนใช้ออกไป
เมื่อภายในบ้านเหลือแค่เพียงนรมนกับบุริศร์ เขาหยิบกุญแจสำรองขึ้นไปชั้นบน
เสียงฝีเท้าที่ชัดเจนทำให้นรมนใจเต้นแรงขึ้นทันที