“ไม่ได้นะ ไม่ว่าแกจะกลายเป็นแบบไหน แกคือแก้วตาดวงใจของฉันกับหม่ามี้ของแก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันกับหม่ามี้ของแกจะไม่ทอดทิ้งแกไป”
บุริศร์กอดกานต์ไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง รู้สึกว่าลูกชายช่างบอบบาง ทำไมถึงเคยคิดว่าลูกชายสามารถกลายเป็นอัจฉริยะอยู่ในเขตทหารที่มีสภาพแวดล้อมโหดร้ายเช่นนั้นได้?
เขาเสียใจ โทษตัวเอง และยิ่งอยากช่วยให้กานต์ผ่านช่วงเวลายากลำบากนี้ไปให้ได้
กานต์ยังคงคิดจะพูดอะไร ก็ได้ยินบุริศร์พูดเสียงเบาว่า “หม่ามี้ของแกอยากให้แกพักสักช่วงหนึ่ง ถ้าแกชอบเป็นทหารจริง ๆ รออายุครบสิบแปดปี พวกเราจะส่งแกไปฝึกที่เขตทหารสองปี กานต์ ตระกูลของพวกเรามีธุรกิจมากมาย ไม่สามารถไร้คนสืบทอดได้ กิจจาเลือกเรียนหมอ แกคือคนดูแลครอบครัวรุ่นต่อไป”
บุริศร์รู้ว่าพูดแบบนี้กับกานต์โหดร้ายไปหน่อย แต่เขาไม่อยากเสี่ยงสูญเสียลูกชายไปอีกแล้ว
ตอนแรกเขาก็เข้าร่วมกองทัพอย่างเลือดร้อน ไม่ใช่การเสียสละ แต่หลังจากมีลูกเขาถึงรู้ว่า เขาทนเห็นลูกบาดเจ็บไม่ได้ ทนเห็นภรรยาเสียใจไม่ได้
ถึงแม้การจะอยากเข้าร่วมกองทัพ รอให้อายุถึงค่อยส่งไป
ลูกชายของเขาไม่สามารถทนต่อความสะเทือนใจขนาดนั้นได้
ส่วนกานต์ก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้พูดว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
สองคนไม่ได้สนิทกันกลับกอดกันกลมอยู่นานสองนาน นรมนทำโจ๊กไข่เยี่ยวม้าใส่เนื้อไม่ติดมันเสร็จ กลับไม่เห็นกานต์ รีบวิ่งมาหาบุริศร์อย่างกังวลจึงเห็นภาพสองพ่อลูกกอดกันอยู่ อดน้ำตาคลอไม่ได้
“เอาล่ะ ในเมื่อตื่นแล้ว ลุกขึ้นไปกินโจ๊กเถอะ ฉันทำเอาไว้เยอะเลย”
นรมนตั้งใจทำเสียงผ่อนคลาย
กานต์ออกมาจากอ้อมแขนของบุริศร์ เมื่อเห็นนรมน แววตามีความละอายใจมาก
นรมนหัวใจแหลกละเอียด
“มา ลูก หม่ามี้จะอุ้มลงไป”
“ผมเดินเองได้ครับ”
กานต์หลบแขนของนรมน จนแม้แต่หลีกเลี่ยงขอบเขตที่ปลอดภัยของเธอ
เขากลัว
กลัวเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตนเองจะกลายเป็นอีกคนหนึ่ง กลัวตนเองทำร้ายหม่ามี้อย่างไม่รู้ตัว
มองเห็นกานต์เป็นแบบนี้ นรมนน้ำตาไหลออกมาทันที
“หม่ามี้ อย่าร้องไห้นะครับ ไม่ใช่แบบนั้น ผม……”
กานต์เห็นนรมนร้องไห้ ลุกลี้ลุกลนทันที
เขาตื่นตระหนกขอความช่วยเหลือจากบุริศร์
บุริศร์ก้าวขึ้นมา อุ้มกานต์เอาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นลุกขึ้น พูดกับนรมนด้านข้าง “เอาล่ะ ลูกหิวแล้ว พวกเราลงไปกินโจ๊กกันเถอะ”
“ค่ะ”
นรมนเช็ดน้ำตา ลงไปข้างล่างกับบุริศร์
กิจจาตื่นแล้ว และไม่กล้าหลับ ตอนนี้ทั้งบ้านมีแค่กมลที่นอนหลับฝันหวาน
เธอบิดขี้เกียจ ได้กลิ่นหอม ๆ รีบพูดทันที “เอ๋?หม่ามี้ทำอะไรกินนะ?หอมจังเลย”
นรมนยิ้ม แต่กลับฝืนใจเล็กน้อย
พวกเขานั่งลงที่โต๊ะ
นรมนยังทำเครื่องเคียงเล็กน้อย ต่างเป็นสิ่งที่ลูก ๆ ชอบกิน
นัยน์ตาของกมลเป็นประกายทันที
“ว้าว วันนี้หม่ามี้น่ารักที่สุด”
กมลชมเชยอย่างเต็มที่
กานต์กลับเลือกนั่งห่างออกไป
นรมนเห็นลูกชายเป็นแบบนี้ อดรู้สึกเป็นห่วงอีกครั้งไม่ได้
เธอยังไม่ทันพูดอะไร กมลก็เดินเข้าไปทันที จับแขนของกานต์เอาไว้ “พี่ ทำไมนั่งไกลจังเลย?พี่มาช่วยฉันแกะเปลือกไข่หน่อยสิ”
กานต์คิดจะสะบัดกมลออกทันที แต่ไม่รู้ว่าตนเองเข้าใจผิดหรือเปล่า กมลหลบเทคนิคแยบยลของเขาอย่างเจ้าเล่ห์มาก ใบหน้าเล็ก ๆ ขาวกระจ่างใสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “พี่อย่าขี้เกียจ ฉันรู้นะ พี่หยุดแล้ว แต่ก่อนพี่ก็ช่วยฉันแกะเปลือกไข่กิน ตอนนี้หยุดแล้วอย่าคิดหนี เร็วเข้า!”
กมลพูดแล้วก็ดึงมือของกานต์ ลากบังคับเขามานั่งลงไปข้างตนเอง
“นี่ โจ๊กไข่เยี่ยวม้าใส่เนื้อไม่ติดมันของพี่ ฉันไม่แย่ง ฉันอยากกินไข่ไก่ ช่วยฉันแกะเปลือกหน่อย ยังมีกุ้งนั่นอีก ยุ่งยากไปหน่อย พี่ช่วยฉันแกะด้วยนะ”
กมลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กลับทำให้กานต์ไม่อาจปฏิเสธได้
นึกถึงว่าตนเองไม่ได้กินข้าวกับน้องสาวนานมากแล้ว จึงหยิบไข่ไก่มาแกะเปลือกให้เธออย่างเชื่อฟัง
นรมนกับบุริศร์เห็นฉากนี้ อดโล่งใจไม่ได้
กิจจาก็โล่งอกเล็กน้อย
กลัวกานต์ไม่ไว้หน้ากมลจริง ๆ
กมลแกว่งขาสองข้าง มองนรมนกับบุริศร์ “แด๊ดดี้หม่ามี้ วันนี้ต้องไปบ้านคุณตาทวดใช่ไหมคะ?”
“อืม”
นรมนพยักหน้า
กมลถามอีก “งั้นหนูกับพี่ไปช้าหน่อยได้ไหม?”
“ลูกจะทำอะไร?”
บุริศร์แปลกใจเล็กน้อย
ตอนนี้กานต์เหมือนระเบิดเวลา เขากลัวเหลือเกินว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวคนนี้อีก จึงอดถามออกไปไม่ได้
กมลยิ้ม “ไม่ได้ทำอะไร แค่อยากออกไปเดินเล่น ไม่ได้อยู่กับพี่ชายนานแล้ว วันนี้พวกเราทุกคนออกไปเดินเล่นกันนะคะ”
น้อยครั้งมากที่นอกจากกินกมลยังมีอารมณ์สุนทรีย์อยากเดินเล่น แต่ไม่มีใครพูดอะไร
บุริศร์ก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
ขณะนั้นกานต์ก็เอ่ยขึ้น
“ผมเหนื่อยนิดหน่อย ไม่อยากไป ทุกคนไปเถอะ ผมอยากพักผ่อน”
ไม่เอา พี่ไม่ได้อยู่กับคนในบ้านมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้สิ้นปีแล้ว ข้างนอกมีคนไม่ดีเยอะ พี่ไม่อยากปกป้องฉันเหรอ?”
คำพูดของกมลทำให้กานต์อดคิ้วขมวดไม่ได้
“ฉัน……”
โธ่เอ๊ย เลิกฉันอย่างนู้นฉันอย่างนี้ได้แล้ว รีบกินให้เสร็จ ออกไปซื้อของให้คุณตาทวดเป็นเพื่อนฉัน คุณตาทวดไม่ได้เจอพี่กับพี่กิจจานานแล้ว พวกพี่ไปมือเปล่า มันใช่เรื่องเหรอ?”
กมลด่าจนกานต์ปฏิเสธไม่ได้
ครอบครัวรับประทานอาหารเช้ามื้อนี้อย่างอบอุ่นภายใต้ความกระตือรือร้นของกมล
ถึงแม้ทุกคนจะค่อนข้างเหนื่อย แต่ก็ไม่ใจแข็งพอที่จะทำลายความสนใจของกมล
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ กมลตามบุริศร์ไปที่ห้องนอน เพื่อขอเงินค่าขนม
กานต์ยังคงลังเลว่าจะไปกับพวกเขาดีไหม
เกิดคลุ้มคลั่งในบ้านก็แล้วไป ถ้าเกิดปัญหาอะไรข้างนอก ถึงตอนนั้นชื่อเสียงของตระกูลโตเลี้ยงคงจะถูกตนเองทำให้อับอาย
เหมือนรู้ว่ากานต์กำลังคิดอะไร กิจจากล่าวเสียงเบา “มีฉันอยู่ นายสบายใจได้ ถ้าไม่ได้จริง ๆ ฉันจะฝังเข็มให้นายสลบและแบกกลับมา”
“เอาตามที่นายพูด ถ้าเกิดฉันคนนั้นออกมา นายอย่าเกรงใจ ทำให้ฉันสลบแบกกลับมามัดเอาไว้”
กานต์พูดอย่างไร้เยื่อใยมาก นรมนปวดใจไม่ไหว
“ลูก อย่าคิดมากเกินไป แค่ออกไปข้างนอกไม่นาน ไม่มีอะไรหรอก”
กานต์ไม่อาจเผชิญหน้ากับนรมนที่มีท่าทางเสียใจได้จริง ๆ รู้ว่าตนเองไม่ออกไปคือสิ่งที่ดีที่สุด กลับยังคงพยักหน้า
ในไม่ช้ากมลกับบุริศร์ก็ออกมา
มองเห็นกมลสวมชุดเจ้าหญิงสีขาว กานต์อดตาเป็นประกายไม่ได้
“กมลเธอสวยจริง ๆ ”
“ขอบคุณค่ะพี่”
กมลยิ้มสวยสดงดงาม เข้าไปควงแขนกานต์
กานต์ตัวแข็ง คิดจะดิ้นออก กลับทำไมได้
เขายิ้มเจื่อน ๆ
กมลก็เรียนเทคนิคการป้องกันตัวมาสองสามวัน แต่ยังไม่อาจทำให้เขาขยับตัวไม่ได้ เพียงแต่ยังใจไม่แข็งพอ ดังนั้นจึงพออดทนต่อกมลได้
เนื่องจากคนในบ้านต่างหยุดหมด บุริศร์จึงทำหน้าที่เป็นคนขับรถ
ครอบครัวห้าคนออกไปข้างนอก
เดิมทีกมลอยากไปเดินเล่น แต่บังเอิญเห็นโฆษณาแสดงโคมน้ำแข็งที่ชานเมืองก่อน จึงอยากไปดูมาก
ไม่มีทางเลือก นี่คือเจ้าหญิงตัวน้อยของครอบครัว แน่นอนจึงเปลี่ยนเส้นทางทันที
เพียงแต่ตอนนี้ใกล้สิ้นปีแล้ว คนส่วนมากไปซื้อของปีใหม่ในเมือง ตรงกันข้ามงานแสดงโคมน้ำแข็งที่ชานเมืองจึงคนน้อยอย่างเห็นได้ชัด
กมลกลับตื่นเต้นมาก
เธอไม่กลัวหนาว หลังจากลงรถ กระโดดโลดเต้นไปที่แสดงโคมน้ำแข็ง
“กมล อย่าวิ่งเร็ว”
กานต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เตือนออกไปอย่างไม่รู้ตัว แต่กมลไม่ฟัง แถมยังวิ่งเร็วขึ้น
ทันใดนั้นเธอสะดุดอะไรเข้าสักอย่าง
กานต์เครียดทันที
เขาวิ่งไปหากมล แต่ยังไม่ทันจะวิ่งไปถึงตัวเธอ กมลถูกคนสวมหน้ากากอุ้มขึ้น จากนั้นรีบวิ่งไปที่รถด้านข้าง
เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้ทำให้บุริศร์กับนรมนต่างตกใจ
“หยุดนะ! แกเป็นใคร ?ปล่อยลูกสาวของฉัน!”
เพราะกมลอยู่ในมือของอีกฝ่าย บุริศร์จึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
นรมนหน้ายิ่งซีด
กมลตกใจร้องไห้ออกมา
“พี่ชาย! แด๊ดดี้ หม่ามี้ ช่วยด้วย!”
กมลพยายามดิ้น คนสวมหน้ากากกลับควักปืนออกมา จ่อไปที่ขมับของกมล
“พวกแกอย่าเข้ามานะ ถ้าเข้ามาฉันยิงนังเด็กนี่แน่!”
เหตุการณ์ที่คล้ายกันทำให้สมองของกานต์เกิดเสียงหึ่ง ๆ มีอะไรแตก
ราวกับเขามองเห็นคนลอบยิงแด๊ดดี้กับหม่ามี้ที่แอฟริกาใต้
ไม่!
ไม่ได้!
แววตาของกานต์บ้าคลั่งขึ้นมาทันที
“ปล่อยเธอนะ! ถ้าแกกล้าทำอะไรเธอ รับรองว่าแกจะต้องชดใช้!”
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันของกานต์ทำให้นรมนกับกิจจาตกใจหน้าซีด
“กิจจา!”
นรมนไม่อยากให้ลูกคลุ้มคลั่ง แต่เธอรู้ว่ากานต์ในเวลานี้ไม่ใช่ลูกชายที่เป็นเด็กดีรู้จักคิดของเธอ
กิจจาก็ตกใจกลัว
นี่เป็นเหตุการณ์ที่เขาไม่ได้คาดคิด ตอนนี้เขาสามารถแน่ใจว่าบุคลิกที่ซ่อนอยู่ของกานต์ได้ปรากฏตัวแล้ว
กิจจารีบหยิบเข็มคิดจะปักไปที่ตำแหน่งบนร่างกายของกานต์ แต่เหมือนกานต์จะมีตาด้านหลัง ในชั่วพริบตาที่กิจจาจะลงมือ ก็หมุนตัวเตะทันที เตะเข็มในมือของกานต์ออกไป
เพราะมีแรงมาก กิจจาแทบจะล้มลง
เขารีบตรงเข้ามาลงมือกับกานต์
แต่เป้าหมายของกานต์ไม่ใช่เขา
กานต์พุ่งตรงไปที่โจรเรียกค่าไถ่ที่จี้ตัวกมลอยู่อย่างบ้าคลั่ง
“กานต์!”
นรมนตกใจจนหัวใจแทบจะกระเด็นออกมา เธอกำลังจะวิ่งไปก็ถูกบุริศร์กอดเอาไว้
“อย่าเข้าไป! อีกฝ่ายมีปืน”
“แต่พวกเราจะไม่สนใจกานต์กับกมลไม่ได้นะ”
นรมนร้องไห้ตะโกน ก็ได้ยินเสียง “ ปัง ” ปืนในมือของคนสวมหน้ากากลั่นขึ้น
“พี่——”
เลือดสีแดงกระเด็นออกมาจากชุดเจ้าหญิงสีขาวของกมล ราวกับดอกเหมย สายตาของทุกคนเลือนรางทันที