บุริศร์คิดจะเดินเข้าไป ได้ยินกมลพึมพำ “หม่ามี้ กอด ๆ ”
นรมนกึ่งหลับกึ่งตื่น ดึงกมลมาไว้ในอ้อมแขนอย่างไม่รู้ตัว หลับต่อไป
บุริศร์เห็นเช่นนี้ เขาถอนหายใจ จากนั้นกลับห้องนอนอย่างยอมรับชะตากรรม ยากที่จะนอนหลับลง
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเตียงกว้างเกินไป กว้างจนทำให้รู้สึกโล่ง เดียวดาย
นรมนนอนกอดกมลหลับฝันหวาน เพียงแต่ตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความหนาว เมื่อมองดู พบว่าผ้าห่มถูกกมลม้วนไปอยู่ท่อนล่าง ส่วนเธอตัวเปล่า หนาวมาก
เธอส่ายหน้าอย่างจนปัญญา นอนกับสามีดีกว่า
นรมนรู้สึกคอแห้ง จึงลุกไปกินน้ำเงียบ ๆ กลับพบว่าห้องของกานต์ไฟเปิดอยู่
เธอหยุดเดินชั่วคราวอย่างอดไม่ได้
นึกถึงสถานการณ์ของกานต์ นรมนเป็นกังวลอย่างห้ามไม่ได้
เธอรีบเดินเข้าไป แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ประตู ก็ถูกแขนที่แข็งแรงดึงไป พร้อมกับปิดปาก
นรมนตกใจเกือบร้องกรี๊ด
เมื่อเห็นว่าเป็นบุริศร์ จึงอดโล่งอกไม่ได้
“คุณทำอะไร?”
“ชวู่——”
บุริศร์ส่งสัญญาณให้เธอเงียบ
นรมนหมอบข้างประตู เห็นกานต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ ถอดกำไลออก และ เปิดมัน ภายใต้แสงที่ปรากฏขึ้น สะท้อนเป็นหน้าจอคอมพิวเตอร์และแป้นพิมพ์ทันที
“นี่มัน……”
“เอาไว้ผมจะเล่าให้ฟัง”
บุริศร์ใช้เสียงที่ได้ยินแค่เพียงสองคน
นรมนกลั้นหายใจดู
หลังจากกานต์เปิดคอมพิวเตอร์ก็เริ่มเข้าสู่เว็บผู้ใหญ่ แคปวิดีโอสั้น ๆ ส่งให้คอมพิวเตอร์ของบุริศร์
มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มซุกซนนั้นเห็นแล้วน่าตกใจ
ถ้ากานต์อยู่ในสภาพปกติ ไม่มีทางเป็นเช่นนี้แน่นอน แต่กานต์ในตอนนี้ กลับทำให้นรมนไม่สบายใจมาก
กิจจาเดินมาจากด้านหลัง กระซิบถาม “ นี่นายส่งอะไร?”
กานต์ตอบโดยไม่หันไปมอง “เด็กเมื่อวานซืนอย่างนายไม่เข้าใจหรอก รีบไปนอนเถอะ”
ท่าทางการพูดนั้น เหมือนกับผู้ใหญ่มาก!
กิจจาถามอย่างไม่รู้ “แต่ฉันอยากรู้นี่หน่า เหมือนนายจะดูอย่างสนุกมาก”
“ที่ไหนกันล่ะ ของอุจาดตาแบบนี้ ฉันจะชอบได้ยังไง?ฉันแค่จะส่งให้คุณบุริศร์”
กานต์พูดพร้อมกับส่งต่อไป
กิจจาย้ายเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งข้างเขาทันที และถามต่อ “ทำไมต้องส่งให้คุณบุริศร์ดู?ทำไมนายไม่ส่งให้คนอื่น?”
มือของกานต์หยุดลงทันที
“จริงด้วย ทำไมฉันไม่ส่งให้คนอื่น? ว่าแต่ ฉันจะส่งให้ใครดีนะ?”
เขาเท้าคาง ท่าทางกังวล
บุริศร์กลุ้มใจทันที
นอกจากตนเองเด็กคนนี้จะส่งให้ใครอีกนะ
ทันใดนั้นก็ได้ยินกิจจาพูด “นายชอบคุณบุริศร์มากใช่ไหม?ไม่อย่างนั้น นายจะส่งให้เขาทำไม?”
“ชอบเขา?”
กานต์ชะงักงันอีกครั้ง จากนั้นพยักหน้า “อืม ฉันชอบเขามาก เขาแข็งแกร่ง ตอนอยู่ในเขตทหารได้ยินแต่คุณงามความดีของเขาทุกที่ ทุกวันได้ยินคนอื่นพูดเรื่องของเขา ฉันทั้งดีใจและไม่ดีใจ”
“ทำไมล่ะ?”
“ดีใจที่เขาคือแด๊ดดี้ของฉัน ฉันรู้สึกเป็นเกียรติ แต่ก็ไม่ดีใจที่เขาคือแด๊ดดี้ของฉัน จุดเริ่มต้นของเขาสูงเกินไป ฉันกลัวว่าจะไม่มีทางอยู่เหนือเขาได้ พูดความจริงฉันค่อนข้างกดดัน”
กานต์พูดไปพยักหน้าไป มีท่าทางยุ่งเหยิงและหงุดหงิดมาก
บุริศร์ไม่เคยคิดว่าตนเองสร้างความกดดันอย่างมากให้กับลูกชาย นี่ทำให้เขารู้สึกผิดในใจ จนแม้แต่คิดว่าการส่งกานต์ไปเขตทหารคือสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า
ดูเหมือนนรมนจะรู้ว่าเขาคิดอะไร บีบมือเขาแน่นเพื่อปลอบใจเขา
กานต์พูดจบก็โบกมือทันที “โธ่เอ๊ย ไม่คิดแล้ว ยิ่งคิดยิ่งกลุ้มใจ ฉันส่งนี้ให้คุณบุริศร์ต่อดีกว่า”
“ทำไมนายถึงยืนกรานส่งของสิ่งนี้ให้คุณบุริศร์?”
กิจจาถือโอกาสถามต่อ
คำถามนี้ถามออกไปสามครั้ง แต่กานต์ไม่ได้ตอบ เห็นได้ว่าบุคลิกที่สองของกานต์ฉลาดมาก และเจ้าเล่ห์มาก เขาไม่อยากสนใจคำถามนี้
กิจจาหน้าเคร่งขรึม
กานต์หันหน้ามาทันที จ้องกิจจาและถามออกไป “ ทำไมนายถึงอยากรู้คำตอบนี้?”
“ก็อยากรู้ไงล่ะ ไม่งั้นจะเป็นอะไรไปได้อีก?”
กิจจายิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มของเขาอ่อนโยน เหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ ทำให้คนผ่อนคลายมาก
จู่ ๆ กานต์ก็รู้สึกหนักเปลือกตา จากนั้นฟุบหลับไปบนโต๊ะทันที
กิจจาเห็นเขาไม่มีการตอบสนอง ถึงจะโล่งอก แทบจะเป็นอัมพาตไปทั้งตัว แผ่นหลังเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
นรมนกับบุริศร์รีบเข้ามา
“กิจจา ลูกเป็นอะไรไหม?”
นรมนถามอย่างเป็นห่วงมาก
กิจจาส่ายหน้า ตอบอย่างเหนื่อยล้า “จิตของกานต์แข็งแกร่งมาก ผมเก็บจะควบคุมเขาไม่ไหว แด๊ดดี้ หม่ามี้ บุคลิกที่สองของกานต์ฉลาดมาก”
“พวกเราได้เห็นสิ่งนี้แล้ว ขอบคุณนะกิจจา”
บุริศร์ตบไหล่กิจจาเบา ๆ ลูกคนนี้ยังเด็ก แต่เมื่อสักครู่กลับแสดงออกอย่างกล้าหาญ ทำให้เขาปลื้มอกปลื้มใจมาก
กิจจากลับส่ายหน้า ทิ้งร่างกายลงบนตัวบุริศร์
เห็นว่าเขาเหนื่อยมาก บุริศร์อุ้มกิจจา วางไว้บนตักของตนเอง
นรมนก็อุ้มกานต์ไปนอนบนเตียง
กิจจามองกานต์และพูดว่า “อันที่จริงบุคลิกที่สองของกานต์สามารถหลับสนิทได้แบบนี้ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับกานต์ บุคลิกหลักของเขายับยั้งบุคลิกที่สองตลอดเวลา เหมือนเมื่อกี้ ถึงแม้บุคลิกหลักจะหลับอยู่ บุคลิกที่สองฟื้นขึ้นมา แต่ในช่วงเวลาสำคัญ ตอนพูดถึงคุณบุริศร์ บุคลิกหลักยังคงยับยั้งบุคลิกที่สอง”
นรมนฟังสิ่งนี้ไม่เข้าใจ แต่กลับได้ยินคีย์เวิร์ดที่กิจจาพูด
“คุณบุริศร์!”
นี่เป็นชื่อที่กานต์เรียกบุริศร์ กิจจาจะเรียกบุริศร์ว่าแด๊ดดี้เสมอ แต่วันนี้กลับเรียกคุณบุริศร์ตามกานต์
กิจจาดึงดูดให้บุคลิกหลักของกานต์ปรากฏขึ้น
“โรคนี้รักษาหายได้ไหม?”
นรมนไม่ค่อยแน่ใจ
เธอรับไม่ได้ที่ลูกชายกลายเป็นแบบนี้ แต่กลับต้องรับมันให้ได้
ก่อนหน้านั้นบุริศร์กลัวคนในเขตทหารรู้แล้วกานต์ต้องออกจากเขตทหาร ตอนนี้นรมนคิดแค่เพียงให้กานต์กลับมาเป็นเหมือนเดิมก็พอ ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไร การบ่มเพาะในเขตทหารอะไรนั่น เธอไม่อยากสนใจแล้ว
กิจจามองนรมน “หม่ามี้ บุคลิกที่สองตื่นขึ้นมาเพราะกดดันมากเกินไป ต้องการระบาย จิตใต้สำนึกแบ่งวิธีคลายความกดดันออกมา เพียงแค่กดดันน้อยลง จะฟื้นคืนสู่สภาพเดิมแน่นอน นี่ไม่ถือว่าเป็นโรค เพียงแค่เพียงการตอบสนองต่อความเครียดหลังจากการยิงของกานต์ อีกอย่างคือ เขาเพิ่งจะพูดว่า ในเขตทหารกดดันเกินไป น่าจะเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของแด๊ดดี้ ผมเข้าใจกานต์ เขาหยิ่งในศักดิ์ศรี เขาคือลูกชายของบุริศร์ ในเขตทหารบุริศร์คือตำนาน เขาจึงแบกรับมากเกินไป”
คำพูดเหล่านี้ทำให้บุริศร์จมดิ่งอยู่ในความคิด
นรมนก็ทุกข์ใจมาก
“เอาล่ะกิจจา ลูกอย่านอนดึกนะ คืนนี้กานต์คงจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก หม่ามี้รู้ การสะกดจิตขึ้นอยู่กับพลังจิต ลูกต้องเหนื่อยแน่นอน หม่ามี้จะไปทำอะไรให้กิน ลูกกินแล้วค่อยนอน”
นรมนกำลังจะลุก กิจจาก็ดึงมือเอาไว้
“หม่ามี้ ผมไม่หิว อีกสักพักจะนอนหลับแล้ว แต่ผมอยากแนะนำหม่ามี้สักเรื่องครับ”
แววตาของกิจจาร้องขอ
นรมนใจอ่อนยวบทันที
“ลูกพูดมา หม่ามี้จะฟัง”
กิจจาครุ่นคิด เหลือบมองบุริศร์อีกครั้ง จากนั้นกล่าวเสียงเบา “ผมรู้ว่าความใฝ่ฝันสูงสุดของกานต์คือการเป็นทหารที่ยอดเยี่ยมเหมือนแด๊ดดี้ แต่ตอนนี้เขาไม่เหมาะที่จะอยู่ในเขตทหาร ถ้าต้องเดินบนเส้นทางการรับราชการทหาร ก็ต้องจัดการปัญหาผลสืบเนื่องจากการยิงนี้ ไม่อย่างนั้น ผมเกรงว่าจะยิ่งลำบาก”
หัวใจของนรมนกระตุก จากนั้นมองไปทางบุริศร์
บุริศร์คิ้วขมวดแน่น
เขากล่าวเสียงเบา “พวกเราตระกูลโตเล็กไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงอะไร ผมก็เสียใจกับสถานการณ์ตอนนี้ของกานต์มาก พรุ่งนี้ผมจะปรึกษากับกานต์ ถ้าเขายอม ผมจะทำเรื่องขอผ่อนผันปีครึ่งให้เขา รอเขาหายแล้วค่อยกลับไป หรืออาจจะให้เขาตัดขาดจากเส้นทางทหาร”
คำพูดนี้บุริศร์ใคร่ครวญอย่างรอบคอบถึงพูดออกมา
ลูกชายของเขาแน่นอนว่าเขาสงสาร
ในเขตทหารเขาได้รับเกียรติและชื่อเสียงมากมาย แน่นอนว่าเขารู้ เกียรติและชื่อเสียงเหล่านั้นมาได้อย่างไร เขายิ่งรู้ดี เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เกียรติและชื่อเสียงเหล่านี้กลายเป็นความกดดันของกานต์
วันนี้มองเห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ บุริศร์เจ็บปวดใจสุด ๆ
กิจจาเห็นบุริศร์พูดแบบนี้ เขาก็ไม่พูดอะไรอีก ปีนขึ้นเตียงไปนอนทันที
เมื่อนรมนกับบุริศร์ออกมาจากห้องของพวกเขากลับไม่ไปห้องนอน แต่ตรงไปที่ห้องหนังสือ
บุริศร์เปิดคอมพิวเตอร์ เป็นสิ่งของเหล่านั้นที่กานต์ส่งมาให้อย่างที่คาดเอาไว้
มองดูสิ่งของเหล่านี้ ทั้งสองคนเงียบ
นรมนนึกถึงเมื่อสักครู่ที่ลูกชายกลายเป็นบุคลิกที่สอง เธอไม่สบายใจอย่างยิ่ง
ลูกชายของเธอเพิ่งจะสี่ขวบเองนะ!
นรมนกัดริมฝีปากล่าง “บุริศร์ อันที่จริงกานต์สามารถทำธุรกิจได้ คุณคิดดูสิ ทรัพย์สินที่มากมายของตระกูลโตเล็กต้องมีคนสืบทอดจริงไหม?การเป็นทหารคือความฝัน ถ้าเขาชอบ รอเขาโตขึ้น ส่งไปฝึกในเขตทหารสองปี จากนั้นกลับมาสืบทอดธุรกิจครอบครัวก็ไม่มีปัญหา พูดอีกอย่าง ลูกชายแค่ค่อนข้างโดดเด่นเรื่องคอมพิวเตอร์ อีกหน่อยเขาอาจจะไม่ชอบแล้วก็ได้?จริงไหม?”
บุริศร์มองนรมนพูดจาสะเปะสะปะ แน่นอนว่าเข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะบอก
นรมนต้องการตัดขาดเส้นทางการเป็นทหารของกานต์
ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครคิดว่ากานต์จะได้สัมผัสกับความโหดร้ายของสงครามตั้งแต่เนิ่น ๆ
เด็กสี่ขวบคนหนึ่ง ยิงคนตายด้วยน้ำมือของตนเอง จะต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งแค่ไหนถึงจะรับได้?
จิตใจของกานต์ไม่แตกสลายก็ดีมากแล้ว
เขาจะเป็นอัจฉริยะแค่ไหน สุดท้ายเขาก็เป็นเพียงเด็กสี่ขวบเท่านั้น
คนที่อายุเท่าเขา ยังเล่นโคลนอยู่เลย
คิดถึงตรงนี้ บุริศร์ก็ทุกข์ใจไม่น้อย ในใจเห็นด้วยไม่น้อยกับข้อเสนอของนรมน
ในขณะที่เขากำลังจะตอบตกลง “โครม” ด้านนอกมีเสียงดังอย่างกะทันหัน ทำเอานรมนกับบุริศร์ตกใจ