ตอนที่นภดลได้รับสายของนรมนนั้น เขากำลังล้างเท้าให้แม่ของฉัตรยาอยู่ เขาเห็นเบอร์ของนรมนก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็คิดถึงท่าทางนรมนที่โดนหนอนพิษเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “คุณน้าครับ ผมไปรับโทรศัพท์สักครู่นะครับ”
พูดแล้วนภดลก็ยืนขึ้นมา แต่ว่ายังไม่ทันได้เดินออกไป คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ก็เตะน้ำในกะละมังล้มคว่ำไปเลย
“วัน ๆ แกมีเรื่องอะไรต้องมายุ่งขนาดนั้น? แค่เวลาที่จะล้างเท้าให้ฉันหน่อยก็ไม่มีเหรอ? ถ้าหากฉัตรยายังมีชีวิตอยู่ละก็ อย่าว่าแต่ล้างเท้าเลย ถึงจะเป็นทำอาหารให้ฉันเธอก็จะไปทำให้ ไหนแกบอกว่าจะปฏิบัติกับฉันเหมือนที่ฉัตรยาทำ แล้วตอนนี้ล่ะ? หรือจะบอกว่าพูดง่ายกว่าทำ นภดล ฉันจะบอกแกไว้นะ อยู่ที่นี่ก็จะต้องฟังที่ฉันพูด ถึงแม้ว่าบ้านนี้แกจะเป็นคนซื้อ แต่ว่าแกอย่าลืมนะว่าฉัตรยาต้องตายเพราะใคร!”
น้ำเสียงของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์แหลมสูง
ใจที่ยังรักษาไม่หายนภดลฉีกขาดเป็นแผลใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง
การตายของฉัตรยาสำหรับนภดลแล้วก็คือข้อห้ามอันหนึ่ง ถ้าหากคนนอกพูดถึงละก็ เขาคงจะให้คนคนนั้นหุบปากแน่ แต่ว่าคนคนนี้คือแม่ของฉัตรยา นภดลจึงได้แต่อดทนไว้
“คุณน้า ผมมีธุระจริง ๆ อีกเดี๋ยวผมค่อยตักน้ำมาให้คุณใหม่นะครับ”
นภดลพูดไปอย่างไม่โต้ไม่แย้ง
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์เป็นท่าทางแบบนี้ของนภดลแล้วก็โมโหขึ้นมา
ผู้ชายคนนี้มีสิทธิ์อะไรยังมีชีวิตอยู่?
เขาก็เป็นแค่หนูทดลองตัวหนึ่งเท่านั้น มีสิทธิ์อะไรมาให้ลูกสาวของเธอไปตายแทนเขา?
พอเห็นหน้านภดล คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ก็คิดถึงลูกสาวของตัวเองฉัตรยา ถ้าหากสามารถใช้ชีวิตแลกชีวิตได้ละก็ เธออยากจะให้นภดลไปตายแทบแย่
“ไสหัวไป อย่ามาขัดหูขัดตาอยู่หน้าฉัน แค่เห็นหน้าแกก็อารมณ์เสียแล้ว!”
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ตะคอกออกมาประโยคหนึ่ง จากนั้นก็เอาของที่อยู่ในมือโยนไปที่ตัวนภดล
ความเจ็บปวดบนร่างกายเทียบไม่ได้กับบาดแผลที่อยู่ในใจ
นภดลอดทนไปอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็หมุนตัวแล้วเดินออกไปจากห้อง
ที่ข้างหลังเสียงด่าทอของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ยังคงดำเนินต่อไป
นภดลกลัวว่านรมนได้ยินแล้วจะคิดมาก ก็เลยอดไม่ได้ที่จะถือโทรศัพท์ไว้แล้วเดินห่างไประยะหนึ่งแล้ว ถึงโทรกลับไป
“คุณนาย โทรหาผมมีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
น้ำเสียงของนภดลยังคงเยือกเย็นอย่างปกติ
นรมนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วถามเสียงต่ำขึ้นว่า “ทำไมตั้งนานถึงเพิ่งรับโทรศัพท์?”
“เมื่อกี้มีเรื่องนิดหน่อย”
นภดลพูดผ่าน ๆ ไปเลย
“เรื่องด่วนมากหรือเปล่า? หรือไม่เดี๋ยวฉันค่อยโทรหานายใหม่ละกัน”
อยู่ ๆ นรมนก็รู้สึกเกรงใจขึ้นมา
ถึงแม้ว่านภดลจะเป็นผู้ช่วยของตัวเอง แต่ว่าระบบภายในของอาณาจักรรัตติกาลใหม่ก็มีเรื่องมากมายที่จะต้องจัดการ ไม่มีทางที่จะให้เธอเรียกหาตอนไหนก็ได้ นี่เป็นส่วนที่เธอลืมนึกถึงไป
นภดลกลับพูดเรียบ ๆ ขึ้นว่า “ไม่เป็นไรครับ จัดการหมดแล้ว คุณนายมีเรื่องอะไรต้องใช้ผมก็พูดมาเลยครับ”
นรมนถอนหายใจทีหนึ่ง
นภดลมักจะเป็นอย่างนี้ ตั้งแต่ที่ฉัตรยาตายไปแล้ว เขาก็สร้างคุกไว้ในใจตัวเอง แล้วขังตัวเองไว้ในนั้นแล้ว ใครก็เข้าไปไม่ได้ ตัวเขาเองก็ออกมาไม่ได้เหมือนกัน
ที่จริงนภดลที่เป็นแบบนี้นั้นน่าสงสารมากเลย
น้ำเสียงของนรมนอดไม่ได้ที่จะอ่อนลงเยอะมาก
“ไม่มีอะไร ก็แค่อยากจะให้นายเตรียมกองกำลังพิเศษไว้สักหน่อย เลือกคนออกมาอาณาจักรรัตติกาลสักหน่อย ฉันอาจจะต้องใช้คนตอนวันตรุษจีน”
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ?”
นภดลเป็นคนที่ละเอียดอ่อนคนหนึ่ง ปกติแล้วนรมนจะไม่ขอคน แล้วตอนนี้อยู่ ๆ มาทำอย่างนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ
นรมนพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “อืม มีข่าวที่น่าเชื่อถือได้ บอกว่าตอนวันตรุษจีนกล้าณรงค์อาจจะกระทำบางอย่าง เตรียมไว้ก่อนก็ดี”
“ได้ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ”
นภดลรีบพูดขึ้น
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับนรมนทุกอย่าง เขาจะหละหลวมไม่ได้
นรมนกลับรีบพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ยังไม่รีบ นภดล จะตรุษจีนแล้ว นายให้ตัวเองหยุดพักหน่อยเถอะ คนเราจะทำงานตลอดไม่ได้ ฉันเห็นปาณีช่วงนี้ก็ยุ่งมากเกินไปแล้ว หรือไม่พวกนายสองคนนัดกันไปดูหนังหรืออะไรสักหน่อยเถอะ”
“คุณนาย ผมยุ่งมากเลย มีเรื่องของอาณาจักรรัตติกาลใหม่ตั้งมากมายต้องจัดการ ไม่มีเวลาที่จะไปมีความรักจริง ๆ และอีกอย่างปาณีกับผมก็ไม่เหมาะสมกัน เธอน่าจะได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าผม มารักและทะนุถนอมเธอแล้วมีชีวิตดี ๆ ต่อไป แต่ผมไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเธอ”
นภดลพูดขัดคำพูดของนรมนทันที
“นายไม่ไปลองดูแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ใช่ของเธอ? ฉันกลับรู้สึกว่าปาณีเป็นคนไม่เลวเลย นายกับเธอดูเหมาะสมกันออก”
จะตรุษจีนแล้ว อยู่ ๆ นรมนก็รู้สึกอยากจะเป็นแม่สื่อขึ้นมา
นภดลพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณนาย คุณก็รู้ ว่าในใจผมมีแต่ฉัตรยาเท่านั้น”
“แต่ว่าฉัตรยาตายไปแล้วนะ ถ้าหากว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ก็คงจะหวังว่านายสามารถมีชีวิตที่มีความสุขได้”
“เรื่องนี้ต่อไปค่อยว่ากันเถอะ ผมวางสายแล้วนะครับ”
นภดลวางสายไปเลย พอหันหน้ามาก็เจอคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตาคู่นั้นจดจ้องเขาราวกับว่าโดนพิษเข้าไป
“ดีนี่ ฉันก็ว่าทำไมตอนนี้แกปฏิบัติกับฉันไม่จริงใจแล้ว ที่แท้มีคนอื่นอยู่ข้างนอกนี่เอง เพื่อแกแล้ว ลูกสาวของฉันยอมไม่เอาแม้กระทั่งชีวิต แต่แกกลับหาบ้านใหม่ได้ในระยะเวลาที่เธอตายไปไม่ถึงปีเหรอ? นภดล ต่อไปแกคงจะคิดอยู่ใช่ไหมว่าจะทำให้ฉันกับฐานทัตตายยังไง? หรือว่าจะไล่เราออกไป?”
น้ำเสียงของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์แหลมสูง เหมือนกับของมีคมบาดลงบนกระจก แสบหูมาก
นภดลแค่ขมวดคิ้วขึ้นเบา ๆ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณน้า คุณคิดมากไปแล้ว ผมจะไม่มีความรักหรอก นอกจากฉัตรยาแล้ว ผมจะไม่เอาใครทั้งนั้น”
“อย่ามาพูดให้ดูดี! ผู้หญิงคนเมื่อกี้ชื่อว่าอะไรนะ? แกบอกฉันมา ฉันจะไปดูสักหน่อยว่าหล่อนสวยกว่าลูกสาวของฉันใช่ไหม? ไม่งั้นละก็ ทำไมถึงได้มาดึงดูดวิญญาณของแกไป?”
พอได้ยินคุณนายตระกูลจันทรวงศ์พูดอย่างนี้ หัวคิ้วของนภดลก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมาทีหนึ่ง
“คุณน้า ไม่มีใครจริง ๆ ครับ คุณฟังผิดแล้ว”
“นี่แกกำลังจะหาว่าฉันหูหนวกเหรอ? นภดล ตอนนี้แกเริ่มรังเกียจฉันแล้วใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ครับ คุณน้า ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น!”
นภดลยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่กลับโดนคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ตบฉาดหนึ่งจนหน้าหัน
“ฉันให้แกอธิบายเหรอ? ฉันให้แกพูดเหรอ? นภดล แกอย่านึกนะว่ามีตระกูลโตเล็กหนุนหลังแกอยู่ มีนรมนหนุนหลังแกอยู่ แกก็คิดว่าตัวแกเป็นมนุษย์คนหนึ่งแล้วจริง ๆ ที่ฉันตบแกนี่เพราะจะตบแกให้ตื่น ให้แกเข้าใจชัดเจนว่าแกเป็นตัวอะไร แกมันก็เป็นแค่หนูทดลองตัวหนึ่งที่ฐานทัตทดลองออกมาเท่านั้น แค่สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งเท่านั้น แกดูดวงตาของแก สีผมของแก เลือดของแก มีส่วนไหนที่เหมือนคนบ้าง? คนอย่างแก มันควรโดนขังอยู่ในกรง โดนดูดเลือดออกมาทำการทดลองทุกวัน ยังจะสามารถทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมได้บ้าง ถ้าปล่อยแกออกไป แกทำให้ฉัตรยาตายไปแล้วคนหนึ่งยังไม่พอ ยังอยากจะไปทำร้ายคนอื่นอีกเหรอ? นภดล แกนี่มันเป็นตัวอะไร!”
หลังจากที่คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ระบายออกมาหมดแล้ว ก็ถุยน้ำลายใส่นภดลคำหนึ่ง จากนั้นก็จากไปอย่างโกรธเคืองมาก
การด่าทอแบบนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตมานภดลได้ฟังไปเยอะมาก ตอนแรกนึกว่าตัวเองจะชินชาแล้ว แต่ว่าก็ยังมีความโศกเศร้าเสียใจอยู่อีก
ที่แท้เป็นเพราะเขาคิดมากไปจริง ๆ
เป็นเพราะว่าบุริศร์และนรมนให้ความเคารพในตัวเขามากเกินไป ถึงได้ทำให้เขาลืมความจริงที่ตัวเองเป็นสัตว์ประหลาดมาตั้งแต่แรกไปเหรอ?
เป็นเพราะว่าตัวเองพัฒนาอาณาจักรรัตติกาลขึ้นมาใหม่ เขาถึงได้รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นที่ต้องการอยู่?
ที่จริงบนโลกในนี้ไม่มีใครต้องการเขาเลยไม่ใช่เหรอ?
นอกจากฉัตรยา ก็ไม่มีใครต้องการเขา
บนท้องฟ้ามีหิมะล่องลอยลงมา แต่ว่านภดลกลับรู้สึกว่าจิตใจก็หนาวขึ้นมาแล้ว
เขาหงุดหงิดว่าทำไมตอนนั้นฉัตรยาไม่พาเขาไปด้วย มาตอนนี้เหลือแค่เขาตัวคนเดียว ต้องมามีชีวิตอยู่ราวกับซากศพที่เดินได้อยู่บนโลกที่หนาวเหน็บนี้
เกล็ดหิมะตกลงมาบดบังเส้นผมของเขาอย่างรวดเร็ว มีเส้นผมบาง ๆ เส้นหนึ่งงอตัวลงมา แล้วมาบดบังสายตาของเขาไว้พอดี
เส้นผมสีน้ำเงิน……
อยู่ ๆ นภดลก็รู้สึกว่าขัดตามาก
ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าฉัตรยาเคยพูดว่าชอบผมสีน้ำเงินทั้งหัวนี้ของเขา เขาก็มีความบุ่มบ่ามอยากจะโกนผมทั้งหัวนี้ทิ้งไปจริง ๆ
นภดลปวดใจอย่างเจ็บปวด แต่ว่าก็ยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
ไม่ต้องเพื่ออย่างอื่น แค่เพื่อคำสั่งเสียก่อนตายของฉัตรยา เขาก็จะต้องเลี้ยงดูคนชราทั้งสองท่านของตระกูลจันทรวงศ์ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แค่เพื่อความเคารพที่บุริศร์และนรมนมีต่อเขา เขาก็จะต้องพยายามทำให้ดีที่สุด จนกว่าจะตายไป
ชีวิตของเขานี้ไม่ได้เป็นของตัวเองมาตั้งนานแล้ว
เอาแต่ใจไม่ได้ และก็สิ้นเปลืองไม่ได้
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์พูดได้ถูกต้อง เขาได้ทำให้ฉัตรยาติดร่างแหจนเสียชีวิตไปแล้ว จะมาทำให้ปาณีเสียเวลาอีกไม่ได้แล้ว
พอนึกถึงปาณี ดวงตาของนภดลก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง
ความอบอุ่นเสี้ยวหนึ่งไหลออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่กลับโดนเขาขับไล่ออกไปจากร่างกายอย่างไม่ไยดี
เขาเป็นคนที่อาศัยอยู่ในหิมะน้ำแข็ง ไม่คู่ควรที่จะได้รับความอบอุ่น ไม่คู่ควรที่จะมีความสุข ยิ่งไม่คู่ควรให้ผู้หญิงอย่างปาณีมาเสียเวลา เสียความเยาว์วัยไปด้วย
นภดลสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวแล้วจากไป
นรมนไม่รู้สถานการณ์ทางด้านนภดล พอโทรศัพท์เสร็จแล้วก็กะว่าจะไปพูดคุยเรื่องของนภดลกับบุริศร์สักหน่อย แต่อยู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าบุริศร์กำลังทำงานอยู่
เธอจึงได้แต่กลับไปนั่งที่เตียงใหม่อีกครั้ง แล้วรู้สึกเบื่อหน่ายมาก
ละครที่อยู่ในมือก็ไม่น่าดูแล้ว
นรมนนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองยังมีบริษัทนักแสดงอยู่อีกบริษัทหนึ่ง ถึงแม้พริมาจะควบคุมดูแลอยู่ไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่าเธอที่เป็นเจ้านายที่ไม่สนใจงานคนนี้ ก็ควรจะแจกของขวัญปีใหม่หรือโบนัสให้กับคนอื่นหน่อยไหม
พอคิดมาถึงตรงนี้ นรมนก็เปิดโทรศัพท์ออกแล้วติดต่อพริมาขึ้นมาทันที
ทางด้านบุริศร์นั้นพอมาถึงห้องหนังสือแล้ว ก็เปิดโทรศัพท์ออกอย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นอีเมลนั้น
นี่น่าจะเป็นอีเมลที่ลูกน้องพูดถึงอันนั้นแน่
คนอื่น ๆ มีคนน้อยมากที่รู้ว่าบุริศร์มีความชำนาญทางด้านคอมพิวเตอร์สูงมาก บุริศร์เองก็ขี้เกียจที่จะพูดเรื่องนี้
เขาพิมพ์คำสั่งชุดหนึ่งลงไปในคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นานก็ปรากฏตำแหน่งที่อีเมลล็อกอินเมื่อไม่นานนี้ขึ้นมา
เป็นประเทศFจริง ๆ ด้วย!
หัวคิ้วของบุริศร์ค่อย ๆ ขมวดกันขึ้นมา
หรือว่าจะเป็นกล้าณรงค์จริง ๆ?
เป็นไปไม่ได้!
ถ้าหากว่าเป็นกล้าณรงค์ละก็ จะต้องไม่มีทางให้ตัวเองปรากฏมาอยู่ในมุมกล้องของอีกฝ่ายแน่ นี่มันเป็นการเปิดเผยตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัยเลย คนคนนั้นบอกว่าต้องโพสต์เรื่องราวกิจวัตรประจำวันของเขากับนรมนทุกวัน ถ้าเป็นกล้าณรงค์จริง ๆ ไม่มีทางที่จะไม่เห็นรูปที่ถ่ายติดตัวเองหรอก
แต่ว่าถ้าไม่ใช่กล้าณรงค์ ยังจะเป็นใครได้อีกล่ะ?
นงลักษณ์เหรอ?
นงลักษณ์เฝ้าสังเกตตัวเองกับนรมนทำไม เป็นเพราะว่าเป็นห่วงหรือว่าเพราะเป้าหมายอื่นล่ะ?
บุริศร์รู้สึกเบื่อหน่ายคนพวกนี้แล้วจริง ๆ
อันตรายที่แอบซ่อนอยู่รอบข้างนรมนเหมือนกับว่าขจัดไปไม่หมดสักที นี่มันทำให้บุริศร์รู้สึกเบื่อหน่ายและรำคาญมากเลย
เขาเข้าสู่การตรวจสอบตำแหน่งที่ล็อกอินอีเมลนี้อย่างรวดเร็ว แต่ว่าทางด้านโน้นได้ตั้งค่าการป้องกันไว้แล้ว และเป็นแบบที่ป้องกันสูงมากด้วย
บุริศร์ไม่ได้เจอกับการท้าทายแบบนี้มานานแล้ว
ดูท่าอีกฝ่ายจะเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งเลย
ถึงว่าถึงได้กล้าส่งอีเมลให้คนคนนั้นมาอย่างไม่กังวลอะไรเลย
มุมปากของบุริศร์คลี่ขึ้นเล็กน้อย นิ้วมือเคาะไปบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปสองนาที ระบบป้องกันก็โดนเจาะทะลุแล้ว
พอเห็นตำแหน่งIPที่แท้จริงที่แสดงออกมาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สีหน้าของบุริศร์ก็เปลี่ยนไปทันทีเลย