คิดแบบนี้ นรมนกำลังจะวางสาย แต่คมทิพย์รับสายพอดี
“นรมน? มีอะไรหรือเปล่า?”
ทางฝั่งคมทิพย์หอบแฮก ๆ
นรมนอิจฉาความกระปรี้กระเปร่าของคมทิพย์ทันที ดูเหมือนนานแล้วที่ตนเองไม่ได้เหงื่อออกแบบนี้
“เธอทำอะไรอยู่? ฟังเหมือนกำลังออกกำลังกายอยู่เลย”
นรมนยิ้มถาม
คมทิพย์ตอบด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ฉันกำลังฝึกเต้นอยู่ ครูริชาร์ดบอกว่ารูปร่างของฉันไม่ค่อยดี เพิ่งเพิ่มคลาสร่างกายให้ฉัน ช่วงนี้เธอเป็นไงบ้าง ?ฉันยุ่งเหมือนลูกข่างเลย ไม่มีเวลาโทรหาเธอ”
นรมนไม่สบอารมณ์
“อืม ฉันก็ยุ่งเหมือนกัน”
“เอาล่ะ ๆ อย่าโกรธนะ อีกไม่กี่วันฉันจะกลับไปเลี้ยงข้าวเธอ ใกล้จะปีใหม่แล้ว ปีนี้ฉันกับพฤกษ์อาจจะไปร่วมกับครอบครัวพวกเธอด้วย เธอก็รู้ พวกเราไม่มีญาติที่ไหน ถ้าพวกเธอไม่ว่าอะไร ฉลองปีใหม่ด้วยกันไหม?”
คมทิพย์ยังคงหัวเราะ แต่ฟังออกว่า คมทิพย์ชอบชีวิตในตอนนี้มาก และกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา
นรมนยิ้ม “ตกลง แต่พวกเราจะย้ายไปฉลองปีใหม่ที่คฤหาสน์ของคุณตา ทุกคนอยู่กันครบ พวกเธอก็มา คนเยอะคึกคักดี”
“โอเค อย่ารังเกียจที่ฉันรบกวนก็พอ แค่นี้ก่อนนะ ครูสอนเต้นเรียกฉันแล้ว วางก่อนนะ เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่ บาย——”
นรมนได้ยินเสียงตู๊ด ๆ ยิ่งอดรู้สึกว่างเปล่าและหดหู่ไม่ได้
เธอก็อยากเป็นผู้หญิงแกร่ง!
นรมนปฏิญาณในใจ ก็เห็นบุริศร์ออกมาจากห้องของป้อง
“เป็นไงบ้าง?”
เธอรีบถาม
บุริศร์กับป้องตอบ “ ไม่มีอะไร ผมสอบถามความชำนาญทางการแพทย์ของกิจจาแล้ว สามารถช่วยกานต์ได้”
“นั่นก็ดีเลย”
นรมนวางใจลง
ทั้งสามคนคุยกันต่อ กานต์กับปวีราเดินออกมา
เห็นได้ชัดว่าปวีราอาลัยอาวรณ์กานต์มาก ส่วนกานต์ก็ปลอบโยนเธอเหมือนสุภาพบุรุษตัวน้อย ท่าทางอ่อนโยนเป็นพิเศษ
นรมนรู้สึกว่ากานต์ไม่เคยอ่อนโยนแบบนี้กับตนเอง
เฮ้อ ทำไมจู่ ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนลูกชายที่ตนเองเลี้ยงมาจะถูกคนอื่นแย่งไป?
บุริศร์เห็นนรมนหดหู่ จึงรีบกุมมือของเธอ “คุณมีผมนะ”
เสียงของเขาไม่ดัง แต่เพียงพอให้นรมนได้ยินชัดเจน
ความหดหู่ของนรมนได้รับการปลอบโยนทันที
หลังจากกานต์ร่ำลากับปวีรา นรมนกับบุริศร์ก็พาเขากลับบ้าน
กิจจาก็รับกมลกลับมา
ในขณะนี้ บ้านตระกูลโตเล็กมีความครึกครื้น
“พี่ ช่วยฉันหน่อยสิ”
เมื่อกมลเห็นกานต์ก็รีบเข้าไปหา ตื๊อให้เขาช่วย
นรมนคิดถึงสถานการณ์ของกานต์ตอนนี้ จึงอดพูดกับกมลไม่ได้ “กมล พี่เขาเหนื่อยอยู่ ลูกให้พี่เขากลับห้องไปพักก่อนดีไหม?”
“หา พี่ไม่สบายเหรอ? ทำไมหน้าตาดูแย่แบบนี้?”
กมลเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าสีหน้าของกานต์ดูไม่ดี
กานต์กลับพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร แค่เหนื่อยนิดหน่อย”
“งั้นพี่ไปนอนก่อนเถอะ รอพี่ตื่นแล้วฉันค่อยไปหา”
กมลพูดแล้วก็ผลักกานต์เข้าไปพักผ่อนในห้อง
สำหรับการบังคับด้วยความหวังดีของน้องสาว กานต์ไม่อาจปฏิเสธได้ ทำได้เพียงไปพักผ่อนในห้องนอน
กิจจาถูกบุริศร์เรียกไปที่ห้องหนังสือ
หลังจากกมลออกมา ไม่เห็นกิจจา จึงรีบถาม “หม่ามี้ พี่กิจจาล่ะ?”
“แด๊ดดี้มีธุระคุยกับพี่กิจจา มา เล่าให้หม่ามี้ฟังหน่อย เล่นที่บ้านคุณอาอรรณพสนุกไหม?”
“ไม่สนุก”
กมลนั่งลงบนโซฟาอย่างหดหู่ ทำปากมุ่ย “ไอราคนนั้นป่าเถื่อนเกินไป หนูไม่ชอบเธอ”
“ทำไมถึงไม่ชอบเหรอ?หม่ามี้กลับคิดว่าไอราตรงไปตรงมา น่ารักมากเลยนะ”
นรมนนั่งลงข้างกมล
เธอไม่ได้รับความสนใจจากกานต์แล้ว จะไม่ได้รับความสนใจจากกมลอีกไม่ได้
กมลได้ยินนรมนพูดชมไอรา ปากยิ่งมุ่ยกว่าเดิม
“แต่หนูไม่ชอบเธอ”
นรมนเห็นลูกสาวไม่สบอารมณ์ จึงอดกล่าวด้วยรอยยิ้มไม่ได้ “ให้แม่เดานะ เป็นเพราะไอรามีทักษะป้องกันตัวดีกว่า กมลเลยไม่ชอบเธอใช่ไหม?เพราะตนเองสู้ไม่ได้เลยไม่ชอบเขาใช่ไหม?”
“หม่ามี้ หม่ามี้พูดแบบนี้กับลูกสาวตัวเองได้ยังไง?”
กมลถูกพูดแทงใจ เธอหดหู่มาก
นรมนลูบศีรษะของกมล “ลูกรัก ความถนัดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ลูกไม่จำเป็นต้องเอาจุดอ่อนของตัวเองไปเปรียบเทียบกับจุดแข็งของคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โลกใบนี้มีคนเก่งมากมาย พวกเราแค่ทำตัวเองให้ดี รักษาจิตใจให้สงบ อย่าอิจฉา อย่าให้ความอิจฉาทำให้ตนเองแย่ หนูคือเจ้าหญิงน้อยที่เป็นเด็กผู้หญิงที่สวยที่สุดในสายตาของหม่ามี้”
“จริงเหรอคะ?ในสายตาของหม่ามี้ หนูคือเจ้าหญิงน้อยที่สวยที่สุด?”
กมลเอียงคอถามนรมน
“แน่นอนจ้ะ ลูกคือลูกรักของหม่ามี้ เป็นลูกรักตลอดไป”
คำพูดของนรมนเอาใจกมลอย่างเห็นได้ชัด
เธอก้มหน้าลงอย่างอาย ๆ “ขอโทษค่ะหม่ามี้ หนูผิดไปแล้ว หนูไม่ควรอิจฉาไอรา เธอเก่งมากจริง ๆ ส่วนพริมาก็เก่งมาก คิดไม่ถึงว่าเธอจะเก่งคอมพิวเตอร์เหมือนกับพี่ชาย หนูอยากรู้ว่าถ้าเธออยู่กับพี่ชาย อยากรู้ว่าใครจะเก่งกว่ากัน”
“เมื่อกี้หม่ามี้ไม่ได้พูดกับลูกหรือไง?อย่าเปรียบเทียบกับคนอื่น ทำตัวเองให้ดีก็พอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกมลของบ้านเราน่ารักที่สุด เฉลียวฉลาด นี่คือจุดแข็งของกมล จริงไหม?”
“ใช่แล้ว หนูยังกินเก่งมาก! กินจุมาก!ไอรากับพริมากินได้ไม่เก่งเท่าหนู!”
กมลพูดออกมา นรมนอยากร้องไห้ทันที
ลูกสาว การกินจุก็นับว่าเป็นจุดเด่นเหรอ?
แต่เห็นท่าทางมีความสุขของกมล จนแม้แต่มีท่าทางตะกละด้วยซ้ำ นรมนใจไม่แข็งพอที่จะห้ามปรามเธอ
แม่ลูกคุยกันสักพัก กมลหาวง่วงนอน
“ง่วงเหรอ หม่ามี้อุ้มไปนอนที่ห้องไหม?”
กมลได้ยินก็พยักหน้าดีใจ
“ค่ะ หม่ามี้เล่านิทานให้หนูฟังก่อนนอนด้วย หม่ามี้ไม่ได้เล่าให้ฟังนานแล้ว ตั้งแต่อยู่กับแด๊ดดี้อีกครั้ง หม่ามี้ไม่ชอบนอนกับหนูเลย”
กมลมุ่ยปากฟ้องอย่างเศร้าโศก
นรมนกระอักกระอ่วนทันที
ช่วงนี้ดูเหมือนจะพลอดรักกับบุริศร์นานเกินไป ไม่ได้สนใจลูกเลย
“ได้ หม่ามี้จะเล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง”
นรมนอุ้มกมลไปที่ห้องของเธอ
กมลกอดคอนรมนอย่างมีความสุข ใบหน้าแนบชิดกับนรมน จากนั้นจึงกล่าวอย่างอิ่มเอมใจ “หม่ามี้ ชอบตอนนี้จังเลย หนูจะเป็นเจ้าหญิงน้อยของหม่ามี้ตลอดไป”
“จ้ะ”
นรมนใจละลายทันที
ยังจำตอนเพิ่งจะคลอดได้ เธอหายใจรวยริน นรมนยากที่จะจินตนาการว่าในอนาคตจะสามารถมีชีวิตที่สมบูรณ์กับกมลได้
เธอขอบคุณบุริศร์ และดีใจที่ตอนแรกตนเองไม่ทิ้งกมลไป
หลังจากทั้งสองเข้ามาในห้อง กมลง่วงมาก แต่ยังคงฝืนความง่วงให้นรมนเล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง
ความจริงนรมนรู้ เธออยากฟังนิทานซะที่ไหน?เพียงแค่อยากอยู่กับตนเองให้นาน
นรมนถอดรองเท้าขึ้นไปบนเตียง กอดกมลเอาไว้ กล่าวอย่างอ่อนโยน “คืนนี้หม่ามี้จะนอนกับลูกนะ”
“จริงเหรอคะ?”
แววตาของกมลเปล่งประกายอย่างมีความสุข
นรมนเพิ่งจะค้นพบว่า ตนเองอยู่เป็นเพื่อนลูกคือเรื่องที่มีความสุขมากเช่นนี้
“อืม จริงจ้ะ หลับตา หม่ามี้จะเล่านิทานให้ฟัง”
“ค่ะ”
กมลเกาะแขนนรมนอย่างมีความสุข
เมื่อเสียงที่น่าฟังของนรมนดังขึ้น ในไม่ช้ากมลก็หลับไป
นรมนมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างพอใจของลูกสาว อดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้
บุริศร์เล่าสถานการณ์ของกานต์ให้กิจจาฟัง กิจจามีสีหน้าเคร่งขรึมมาก
“แด๊ดดี้ แด๊ดดี้แน่ใจนะว่ากานต์เป็นโรคหลายบุคลิกจริง ๆ ?”
“แน่ใจและมั่นใจ ดังนั้นกิจจา เรื่องนี้ต้องขอร้องลูก ไม่สามารถให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ได้ ถ้าเป็นไปได้ ทางที่ดีลูกอย่าบอกเขา ตั้งแต่วันนี้ลูกต้องพักอยู่ห้องเดียวกับเขา ใช้โอกาสสะกดจิตรักษาให้เขา ลูกทำได้ไหม?”
กิจจาปฏิเสธข้อเสนอของบุริศร์ทันที
“แด๊ดดี้ นี่เป็นไปไม่ได้ แด๊ดดี้กับผมต่างรู้ว่าบุคลิกหลักของกานต์มีจิตใจที่แข็งแกร่งมาก ถ้าผมต้องสะกดจิตเขา แล้วเขาไม่ร่วมมือผมก็ทำไม่ได้นะครับ”
ถึงแม้บุริศร์ก็กังวลแบบนี้เช่นกัน แต่หลังจากได้ยินกิจจาพูดออกมา เขาก็ยังกลุ้มใจ
“แด๊ดดี้ วางใจเถอะ ส่งเรื่องนี้ให้ผม”
กิจจากลับพูดอย่างมั่นใจ
เป็นครั้งแรกที่บุริศร์รู้สึกว่ากิจจาโตแล้ว
เขายังตัวสูงขนาดนี้ แต่เห็นได้ชัดว่า นิสัยกับด้านอื่น ๆ เปลี่ยนไป
“กิจจา ขอบคุณนะลูก”
“แด๊ดดี้ไม่ต้องเกรงใจครับ”
กิจจายิ้มบาง ๆ จากนั้นหยิบขวดสีขาวออกมาจากกระเป๋า
“นี่คืออะไร?”
บุริศร์แปลกใจ
กิจจากระซิบตอบ “นี่คือยารักษาอาการเจ็บเส้นประสาทที่ผมศึกษาและคิดค้นให้แก่แด๊ดดี้ ลองกินดูนะครับ ถ้าแด๊ดดี้ไม่สบายใจ สามารถเอาให้อาป้องไปตรวจสอบได้”
“ไม่ต้องหรอก ลูกชายของแด๊ดดี้ตั้งใจผลิตยาให้ แด๊ดดี้เชื่อใจอยู่แล้ว”
บุริศร์ยิ้มเล็กน้อย กินเข้าไปหนึ่งเม็ดต่อหน้ากิจจา
กิจจาอึ้งไป
เขาคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย ในเมื่อตนเองยังเป็นเด็ก เป็นปกติที่จะถูกคนคาดเดาและไม่เชื่อใจ และยังเป็นยาที่ต้องกินเข้าไป ถ้าคนอื่นจะระมัดระวังก็เป็นเรื่องปกติ แต่บุริศร์กลับไม่พูดอะไร ไม่สงสัยสักนิดเดียว กินลงไปตรงหน้าเขาทันที
กิจจารู้สึกอบอุ่นหัวใจ
“แด๊ดดี้ ……”
“อร่อยดีนะ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้กิจจาไม่รู้จะพูดอะไร นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนพูดว่ายาอร่อย เขารู้สึกประทับใจ
“แด๊ดดี้ วางใจได้ครับ ผมจะต้องรักษากานต์ให้หาย”
“อืม แด๊ดดี้เชื่อลูก”
บุริศร์มอบความไว้วางใจกับกิจจาอย่างแท้จริง
เมื่อทั้งสองออกมาจากห้องหนังสือ กานต์ กมลและนรมนต่างไม่อยู่แล้ว
กิจจาไปที่ห้องของกานต์ ส่วนบุริศร์กลับไปที่ห้องนอน เมื่อไม่เห็นนรมน จึงไปที่ห้องของกมล กลับเห็นสองแม่ลูกกอดกันนอนหลับฝันหวาน
ทันใดนั้นเอง บุริศร์ก็หดหู่ใจ
ดูเหมือนเขาจะถูกภรรยาทอดทิ้ง
ทำไงดี?
คืนนี้คงจะต้องนอนคนเดียวเหงา ๆ ใช่ไหม?