“ใครอยากได้ยานอนหลับ? นายเหรอ? เกิดอะไรขึ้น? นอนไม่หลับ?”
กิจจาถามคำถามออกมาเป็นชุด
กานต์ลูบศีรษะของเขาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะพูดว่า “นอนไม่หลับ เหนื่อยมาก แต่เมื่อหลับตามันก็เห็นแค่ศพของพี่ทิวา อย่างไรก็นอนไม่หลับ”
เขาพูดพลางนั่งลงข้างกิจจา ก่อนพูดน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อยว่า “ไม่รู้สิ พ่อของพี่ทิวายังได้รับการช่วยชีวิตในโรงพยาบาล แม่ก็ร้องไห้เจียนตายหลายต่อหลายครั้ง ฉันไม่เคยรู้ว่าความรับผิดชอบของฉันคืออะไร? เมื่อก่อนฉันก็คิดมาตลอดว่าอยากจะเป็นอย่างแดแด๊ดดี้ เป็นคนที่มีอิทธิพลในเขตทหาร แต่ตอนนี้ฉันเพิ่งรู้ ทหารเองเป็นอาชีพศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มีอิทธิพล หรือทหารธรรมดา ทุกคนก็ต้องปกป้องบ้านเมืองเหมือนกัน เราไม่มีวิธีลดจำนวนผู้บาดเจ็บและตายได้ และกลับไม่มีวิธีให้ความสำคัญแก่จำนวนผู้เสียชีวิต พี่ทิวาดูราวกับเพิ่งยิ้มและหัวเราะกับเราไปเมื่อวันก่อน ตอนนี้เธอตายไปเสียแล้ว ตอนนี้ได้ยินเสียงประทัดข้างนอก และทุกครัวเรือนต่างล่ำลาของเก่าและต้อนรับอะไรใหม่ๆ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข แล้วทหารละ? พวกเราปกป้องบ้านเมือง บ้างก็อยู่ในแนวชายแดน บ้างก็กำลังรักษาสันติภาพในต่างแดน ละบ้างก็ยังคงยุ่งอยู่กับแนวด่านหน้า ไม่รู้ว่าทำไมฉันอยากกลับมา ฉันเหนื่อยมาก แค่อยากจะหลับเท่านั้น อยากจะหลับให้สนิทจริงๆ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่กานต์พูด หัวใจของกิจจาก็รัดแน่นขึ้นทันที
เขาไม่ได้เข้าไปใช้ชีวิตในแบบของทหาร และไม่เข้าใจถึงความรู้สึกระหว่างสหายร่วมรบ แต่เขารู้ดีถึงความเศร้าและอารมณ์ของกานต์ตอนนี้
กิจจาจับมือเขาเบาๆ และกระซิบ “หลังจากวันนี้เราทุกคนจะโตขึ้นอีกหนึ่งปี”
“ใช่ โตขึ้นหนึ่งปี”
กานต์ยิ้ม
กิจจายื่นขวดเล็กๆ ให้กานต์
“นี่คือน้ำหอมนอนหลับ ฉันเพิ่งพัฒนามัน กลับไปแล้ววางไว้ข้างเตียง ใส่ดอกไม้สักสองสามดอก ทั้งห้องจะเต็มไปด้วยกลิ่นหอม มันจะทำให้นายนอนหลับอย่างสงบสุข ส่วนผสมของยานอนหลับไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นายเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง ตอนนี้กินยานอนหลับไม่ดีต่อสุขภาพนะ”
กานต์รับมัน ก่อนจะพยักหน้า
“พี่ชาย อย่าบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้นะ ฉันไม่อยากให้พวกเขากังวลเรื่องนี้”
“ฉันจะไม่พูด แต่นายต้องสัญญากับฉัน ว่าจะดูแลร่างกายของนายให้ดี ถ้าทำไม่ได้ ฉันจะบอดแด๊ดดี้กับหม่ามี้ ถึงตอนนั้นแล้วฉันก็ไม่รู้นะว่าพวกเขาจะทำอะไร”
การข่มขู่ของกิจจา ทำให้กานต์ทำอะไรไม่ถูก
“ไปเถอะ ลงไปข้ามปีกัน จะเที่ยงคืนแล้ว”
กานต์ยัดขวดน้ำหอมลงในกระเป๋าของตัวเอง แล้วเดินลงไปข้างล่าง
กิจจาก็เก็บของ ก่อนจะลงไปด้วย
เนื่องจากวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ทุกคนจึงมารวมตัวกันรอบโต๊ะในห้องนั่งเล่นและมองดูคุณท่านตนุวรพูดคำมงคลด้วยความปีติยินดี
นรมนและบุริศร์นั่งอยู่ด้านข้าง มองดูพวกเด็กๆ เดินลงมา อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดว่า “พี่ชาย พี่สะใภ้ ฉันหวังว่าคุณจะเติมเต็มเด็กรุ่นต่อไปสำหรับพวกเราทุกคนในเวลานี้ของปีหน้านะ”
ใบหน้าของขวัญตาแดงก่ำเล็กน้อย
“เรื่องนี้ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ”
เจตต์จับมือขวัญตาไว้แน่น
เสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนดังขึ้นข้างนอก
ทุกคนกล่าวสวัสดีปีใหม่แก่คุณท่านตนุวร
คุณท่านตนุวรยิ้มอย่างมีความสุข
“ขอให้มีความสุขกันถ้วนหน้า! มามามา มาเอาซองแดง”
คุณท่านตนุวรหยิบซองแดงที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้าออกมา แล้วแจกจ่ายให้โดยไม่คำนึงว่าพวกเขาเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก
นรมนและบุริศร์ก็ได้มาเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่นรมนได้รับซองแดงจากผู้ใหญ่หลังจากแต่งงาน และเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นเล็กน้อย
“สามี ดูสิ คุณตาให้ซองแดงฉัน”
นรมนยิ้มอย่างมีความสุข
บุริศร์หยิบซองสีแดงอีกอันออกมาจากกระเป๋าของเขา ก่อนมอบให้นรมน พร้อมกับซองที่คุณท่านตนุวรมอบให้เธอ
“สามีก็ให้ซองแดงกับคุณนะ”
“ขอบคุณค่ะสามี”
นรมนเป็นคนที่มีความสุข
กานต์และกิจจามาถึงแล้ว ก็รีบเข้าไปอวยพรปีใหม่ และแน่นอนว่าพวกเขายังได้รับซองแดงจากบุริศร์
“ไป ไปอวยพรปีใหม่คุณอาคุณน้า”
บุริศร์ชี้ไปที่พวกเจตต์
เด็กทั้งสองรีบวิ่งไปอย่างมีความสุข
“คุณน้าคุณอา สวัสดีปีใหม่!”
“โอเค”
เจตต์มีความสุขมาก ก่อนจะให้ซองแดงแก่พวกเขา
ขวัญตาก็ให้ซองแดงแก่พวกเขาเช่นกัน
เดิมทีเขาคิดว่าเมื่อทั้งสองได้ซองแดงแล้วก็จะไป ไม่คิดว่ากานต์จะพูดต่อ “คุณน้าคุณอา ผมจะสวัสดีปีใหม่พวกคุณแทนกมลนะ”
“ดี โอเค”
เจตต์และขวัญตาให้ซองไปอีกฉบับ
เมื่อเสร็จแล้ว กานต์จึงยิ้มหยีตาก่อนพูด “เมื่อวานเป็นงานแต่งของพวกคุณ พวกเรามาไม่ทันเข้าร่วมด้วย วันนี้ขออวนพรให้คุณน้ากับคุณอารักกันไปนานๆ อยู่ไปจนแก่เฒ่านะครับ”
เจตต์นิ่งไปชั่วครู่
ขวัญตาหัวเราะออกมา
“เอาละ เอาไปเลย น้าให้ซองเพิ่ม ปากหวานจริงๆเลยนะ”
ตอนนี้กานต์และกิจจา ได้รับซองแดงจำนวนมากจากเจตต์
จากนั้นกานต์และกิจจาก็เปลี่ยนตำแหน่ง และไปอวยพรวันปีใหม่กับคนอื่นๆ
นรมนอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นเด็กๆมีความสุขและซุกซนไปกับเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันในตอนนี้
หลังอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่า ทุกคนก็กลับเข้าห้องและนอนหลับพักผ่อน
นรมนและบุริศร์เหนื่อยกว่าคนทั่วไปเล็กน้อยเพราะพวกเขาขึ้นเครื่องบินไปเกาะบุริศร์นรมน
หลังจากนอนหลับกันไปแล้ว ค่ำคืนนี้ก็ดูเงียบสงบเป็นพิเศษ
เมื่อเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นมาถึง คนตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็มาอวยพรวันปีใหม่แก่คุณท่านตนุวร
ธรณีและธรรศมานั่งข้างคุณท่านตนุวร หลังจากอวยพรปีใหม่คุณท่านตนุวรเสร็จ พวกนรมนก็ตื่นแล้ว
เมื่อเด็กๆ ตื่นขึ้นมา ก็ได้รับซองแดง เด็กที่มีความสุขทั้งสองจึงออกไปเล่นข้างนอกอย่างสดใสร่าเริง
ธรณีและธรรศมองดูพวกเขาอย่างมีความสุข ก่อนจะหัวเราะขึ้นมา
“พวกนายอายุก็ไม่ได้เด็กแล้ว รีบหาหญิงสาวมาแต่งงาน อย่าไม่ใส่ใจคิดว่าไม่สำคัญ”
คำพูดของคุณท่านตนุวรทำให้พี่น้องตระกูลทวีทรัพย์ธาดาพยักหน้า แต่เรื่องความรักเรื่องพรหมลิขิต ใครก็จำไม่ได้
ธรรศรับสายโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนจะยืนขึ้นและพูดว่า “ท่านหัวหน้าตนุวร เขตทหารผมมีเรื่อง ผมไปก่อนนะครับ”
“โอเค ไปเถอะ”
คุณท่านตนุวรรู้ว่าเรื่องของในเขตทหารนั่นสำคัญ
เมื่อเห็นเขาลุกขึ้น บุริศร์ก็รีบพูดว่า “ผมจะไปส่งอาสาม”
หลังจากพูดจบทั้งสองก็เดินออกไป
เมื่อถึงที่หน้าประตู บุริศร์จึงค่อยพูดเสียงต่ำว่า “พี่ใหญ่ของผมยังโอเคไหม?”
“ไม่ค่อยดี หลักฐานที่พบไม่เอื้อผลต่อเขามาก ฉันได้ยินมาว่าอาณาจักรรัตติกาลของนรมนตรวจสอบไม่เจออะไร ระวังหน่อย อย่าหาเรื่องให้ตัวเอง”
เสียงของธรรศต่ำมาก ต่ำเสียจนมีเพียงบุริศร์ที่ได้ยิน
“ปีนี้น่าจะเป็นฤดูกาลสำคัญ ตอนนี้นายยังไม่เกษียณ ขั้นตอนทั้งหมดแนบอยู่กับฉัน ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากให้นายทำ แต่เบื้องบนไม่อนุญาต บุริศร์ ช่วงนี้ทางที่ดีอย่าทำอะไร แม้คำพูดนี้จะดูใจเย็น แต่ฉันก็อยากจะพูด ครั้งนี้เรื่องของคริชณะมันใหญ่มาก ฉันรู้ว่าความสัมพันธ์ของนายกับเขามันดี แต่บางครั้งก็ต้องปกป้องตัวเองบ้าง รู้ไหม? เมื่อนายผ่านเข้าไป เขาก็ยิ่งไม่มีความหวัง”
คำพูดของธรรศมีความหมายบางอย่าง แต่มันทำให้ใบหน้าของบุริศร์ดูแย่เล็กน้อย
“จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่? โดนถอดออกจากตำแหน่งหรือครับ?”
“ไม่แน่ หากหลักฐานทั้งหมดพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง ก็มีแนวโน้มว่าจะถูกไล่ออกจากกองทัพ”
ร่องรอยของความโศกเศร้าส่องประกายผ่านดวงตาของธรรศ
คริชณะอยู่ในเขตทหารมาตลอดชีวิต มีอุทิศตัวทำคุณงามความดีต่อเขตทหารอย่างใหญ่หลวง แต่เรื่องครั้งนี้กลับทำให้คุณงามความดีของเขาทั้งหมดถูกมองข้ามไป
“คดีอะไรกันแน่?”
บุริศร์ร้อนใจ
เขารู้ดีถึงความรู้สึกของคริชณะที่มีต่อเขตทหารดีกว่าใครๆ
“ไม่ต้องถามแล้ว นายก็รู้ แม้ว่าจะถาม ฉันก็บอกนายไม่ได้ บางครั้งในตำแหน่งของพวกเรา เรื่องอะไรที่ควรถามหรือไม่ควรถาม นายควรรู้ดี ฉันไปก่อนนะ ดูแลนรมนให้ดีๆละ”
พูดจบธรรศก็ขึ้นรถและขับออกไป
บุริศร์มองแผ่นหลังของเขาที่จากไป พลันในใจรู้สึกอึดอัดมาก
นรมนไม่ได้รอจนกระทั่งบุริศร์กลับมา อดไม่ได้ที่จะหาข้ออ้างออกมาข้างนอก
เธอเห็นบุริศร์ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างนอก ด้วยท่าทางทุกข์ใจ
“ทำไมถึงสูบอีกละคะ?”
นรมนดับบุหรี่ในมือของบุริศร์
บุริศร์นิ่งไปสักพัก ก่อนจะเห็นว่านรมนออกมา
“ทำไมคุณถึงออกมาละ?”
“เห็นว่าคุณไม่กลับมา เลยออกมาดูค่ะ อาสามไปแล้วเหรอ?”
“ไปแล้วละ”
บุริศร์ยิ้มบางๆ แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
“เรื่องของพี่ใหญ่ยากที่จะจัดการเหรอคะ?”
เธอก็รู้เรื่องของคริชณะ
บุริศร์พยักหน้า
“เหตุผลหลักคือเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่ รู้แค่ว่าเขาถูกลงโทษทางวินัยภาย อาสามไม่ให้ผมสอดมือเข้าไปช่วย แต่นั่นคือพี่ใหญ่ของผมนะ”
เธอเข้าใจหัวอกของบุริศร์
“เดี๋ยวพาเด็กๆไป อวยพรปีใหม่กับคริชณะ”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์นิ่งไปนิด
“คุณไม่กลัวถูกคนสงสัยเหรอ?”
“ฉันจะกลัวอะไร? สามีของฉันเป็นคนซื่อตรง ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ทั่วทั้งเมืองชลธีก็รู้ความสัมพันธ์ของเรากับตระกูลทวาทสินดี ตอนนี้ถ้าแค่ไปอวยพรปีใหม่ก็จะถูกคนระแวง ถ้าอย่างนั้นก็ระแวงไปเถอะ ฉันไม่สนหรอกค่ะ”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์อบอุ่นใจมาก
“กลับไปบอกคุณตาเสียหน่อย เราพาเด็กๆไปกัน”
“โอเค”
นรมนพยักหน้า ทั้งสองพากันเข้าไปในบ้าน
หลังจากพูดกับคุณท่านตนุวรเสร็จแล้ว นรมนและบุริศร์ก็พากานต์กับกิจจาไปบ้านตระกูลทวาทสิน
บุริศร์ระมัดระวังอย่างมากมาตลอดทาง และนรมนที่มองดูก็อยากจะหัวเราะเล็กน้อย
“คุณหวาดกลัวเหรอ? ทำไมขับอย่างระแวดระวังขนาดนั้น”
แต่บุริศร์กลับพูดเสียงต่ำ “คุณจำได้ไหม? มีคนบอกเราว่ากล้าณรงค์จะลงมือกับเราในวันส่งท้ายปีเก่า แต่วันนี้เป็นวันแรกของปี นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่ทำ!”
“ทำไมจะไม่ทำ กิจจาถูกลักพาตัว ปาณีถูกยิงนั่นไม่ใช่ลูกน้องของเขาเหรอ? แต่มันน่าแปลกที่เขาไม่ลงมือกับฉัน”
นรมนขมวดคิ้ว
ทันใดเธอก็นึกไปถึงนงลักษณ์
ที่นงลักษณ์กลับมาจะเกี่ยวข้องกับกล้าณรงค์ไหม?
กล้าณรงค์เป็นคนที่ต้องการให้เธอตาย เขาได้มุ่งเป้ามาที่เธอหลายต่อหลายครั้ง และจะไม่ยกเลิกภารกิจการลอบสังหารนี้แน่ เว้นเสียแต่มีบางอย่างเกิดขึ้นที่ทำให้เขาต้องเพิกถอนการโจมตีเธอ
มันคืออะไรกันนะ?
เกี่ยวข้องกับนงลักษณ์ไหม?
นงลักษร์มาเมืองชลธีคนเดียวทำไม?
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของนรมนแต่เธอกลับหาคำตอบและคำอธิบายที่สมเหตุสมผลไม่เจอ
“เมื่อวานที่นงลักษณ์กลับมาเธอไปไหน? ชัยยศรายงานหรือยังคะ?”
คำถามของนรมนทำให้ใบหน้าของบุริศร์มืดครึ้มลงเล็กน้อย