“ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา?”
บุริศร์ขมวดคิ้ว เขาไม่คาดคิด
เขาหันไปมองนรมน เมื่อเห็นว่านรมนมีสีหน้าแปลกใจ จึงอดพูดเสียงต่ำไม่ได้ว่า “ตามต่อไป”
“ครับ”
หลังจากวางสายไป ทั้งสองก็ตกอยู่ในความเงียบ
ร่างกายของนรมนสั่นเทาเล็กน้อย
จะเกี่ยวข้องกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไหม?
สิ่งสุดท้ายที่เธอต้องการคือเกี่ยวข้องกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดา
นั่นคือครอบครัวที่เธอสนใจมากที่สุด!
บุริศร์พูดขึ้นทันที “พวกเราไปบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดากันเถอะ”
“หืม?”
นรมนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เมื่อเห็นภรรยาของเขาเป็นเช่นนี้ บุริศร์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อย
“นรมน วันนี้เป็นวันแรกของปีนะ พวกเราแวะไปได้”
“แต่คุณอามาหาคุณตาที่บ้านแล้วนะคะ?”
นรมนสงสัย
บุริศร์ยิ้มก่อนจะโอบเธอมาไว้ในอ้อมกอด ก่อนพูดอย่างรักใคร่ว่า “นั่นคุณอามาอวยพรปีใหม่คุณตา ไม่ใช่เรานี่ ถูกไหม? นั่นเป็นครอบครัวเดิมของคุณ คุณพูดได้ว่าคุณคิดถึงบ้าน ต้องการกลับไปหาคุณอา ผมคิดว่าคุณอาไม่ปฏิเสธหรอก จะดีใจเสียอีกจริงไหม? หรือคืนนี้เรานอนที่นั่นเลยดี?”
เมื่อบุริศร์พูดอย่างนี้ นรมนก็รู้สึกเหมือนเห็นแสงสว่าง
“จริงสิ ฉันสามารถไปมาหาสู่บ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาได้นี่”
“เมียโง่เอ๋ย”
บุริศร์รู้ว่านรมนเป็นห่วงบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจากก้นบึ้งของหัวใจ เธอไม่ต้องการให้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดามีความเกี่ยวข้องกับนงลักษณ์ แต่มีบางครั้งที่กลัวอะไรก็จะได้อย่างนั้นจริงๆ
เขาทำได้เพียงกอดนรมนไว้แน่น
“นรมน”
“คะ?”
“ผมอยากจูบคุณ”
เมื่อบุริศร์พูดเช่นนี้ นรมนก็เขลาเล็กน้อย ราวกับไม่เข้าใจ ตั้งแต่รู้ว่านงลักษณ์จะไปบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดา สติของเธอก็ไม่อยู่กับตัว
นี่แหละที่เรียกว่าความห่วงใยที่มากเกินไป
บุริศร์ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะตรงเข้าไปจูบนรมน
นรมนตะลังงัน หลังจากนั้นจึงถูกจูบนี้ขโมยจิตใจไป
บุริศร์หอบต่ำ เมื่อปล่อยเขาก็เห็นภรรยาตัวน้อยหอบอย่างเร็ว ใบหน้าแดงก่ำน่าเอ็นดูทำให้อยากจะกระโจนเข้าไปหา
จู่ๆ เขาก็ต้องการมันเล็กน้อย
แต่ในสถานการณ์นี้ บุริศร์รู้ว่าตัวเองทำได้เพียงหอมปากหอมคอ
“ไปบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดา? อืม?”
เสียงของบุริศร์แหบพร่า สะกดเอาไว้
จู่ๆนรมนก็รู้สึกผ่อนคลาย
ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นยังไง จะมีผู้ชายคนนี้อยู่เคียงข้างเธอเสมอใช่ไหม?
ทันใดนั้นเธอก็มีพลัง
“โอเค”
การหลีกเลี่ยงไม่ใช่วิธี หากนงลักษณ์มีความสัมพันธ์กับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจริง เธอก็อยากรู้ว่ามันคือความสัมพันธ์อะไร
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเธอดีขึ้น บุริศร์ก็รู้สึกโล่งใจ
ทั้งสองขับรถตรงไปยังบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดา
บรรยากาศในรถยังค่อนข้างร้อนอยู่บ้าง
นรมนเหลือบมองบุริศร์ และเห็นว่าเขาเหงื่อออก เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“เป็นอะไรไป?”
บุริศร์หัวเราะอย่างลึกลับ
“เปล่า”
มุมปากนรมนยกขึ้นเล็กน้อย ดูท่าจะอารมณ์ดีขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
บุริศร์เอื้อมมือไปจับมือของนรมน นรมนต้องการดึงออก แต่ไม่สำเร็จ
“อย่าวุ่นวายนา ขับรถดีๆ”
บุริศร์ไม่ได้พูดอะไร แต่อารมณ์ของเขาดูอ่อนโยนลง
เมื่อทั้งสองมาถึงยังบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาแล้ว พ่อบ้านของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็ตะลึง
“คุณนรมน ลูกเขย พวกคุณกลับมา? ทำไมมาเวลานี้?”
“อะไรกัน? พวกเราจะมาเมื่อไหร่ต้องนัดล่วงหน้าเหรอคะ? คุณอายุ่งหรือ?”
แม้ว่านรมนจะพูดด้วยรอยยิ้ม แต่แววตากลับไม่ใช่แบบนั้น
พ่อบ้านชรานิ่งไปเล็กน้อย ไม่คิดว่านรมนจะเป็นอย่างนี้ อดจะพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “ไม่ใช่ว่าประธานจะยุ่งอยู่หรอกครับ แค่… …”
“แค่อะไร?”
ข้างนอกยังมีหิมะเล็กน้อย แต่ดวงตาของนรมนกลับยิ่งเย็นกว่า ทำให้พ่อบ้านชราตกใจกลัวจนไม่รู้จะตอบอย่างไรไปดี
บุริศร์พูดเสียงเบาว่า “เอาละ วันนี้เป็นแรกของปี อย่าทำให้พ่อบ้านตกใจเลย พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา พ่อบ้านชราก็ไม่กล้าขัด
บุริศร์และนรมนเดินเข้ามา
ธรณีนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เขาไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่านรมนเข้ามา
บุริศร์เหลือบมองบนโต๊ะ เขาเห็นถ้วยชาสองใบที่กำลังอุ่นอยู่ แน่นอนว่ามีแขกมาและเพิ่งจะออกไป หรือยังไม่ไป?
นรมนเห็นเช่นกัน
“คุณอา เป็นอะไรไปคะ? กำลังคิดอะไรอยู่? มีแขกไหม?”
นรมนนั่งตรงข้ามธรณีอย่างเป็นธรรมชาติ
ธรณีได้สติขึ้นมาทันที มองไปยังนรมนด้วยความงุนงง
“นรมน หนูมาเมื่อไหร่?”
“เพิ่งถึงค่ะ ทำไมคุณอาดูตื่นตระหนกจัง?”
นรมนสังเกตธรณี เห็นได้ชัดว่าธรณีไม่เหมือนเดิม
“โอ้ ไม่มีอะไร แค่นึกเรื่องบางเรื่องนะ บุริศร์ก็มาเหรอ? นั่งนั่ง! พ่อบ้าน ไปเอาชาชงใหม่มา”
ธรณีต้อนรับอย่างอบอุ่น
เขาชอบดื่มชา ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน
บุริศร์ไม่ได้ปฏิเสธ
นรมนมองไปที่ธรณี ก่อนถามด้วยรอยยิ้ม “คุณอา เมื่อกี้มีแขกเหรอคะ?”
“อา? อ้อ ใช่ มีแขกเพิ่งมานะ”
การแสดงออกของธรณีดูผิดธรรมชาติเล็กน้อย
“ใครคะ? หนูรู้จักไหม? ใครกันที่มาอวยพรปีใหม่คุณอาในวันแรกของปี หนูอยากรู้จัก อาก็รู้ ตอนนี้หนูกำลังบริหารบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ ต้องการเส้นสาย คุณอาช่วยหนูหน่อย”
นรมนพูดเป็นธรรมชาติมาก
ธรณีพูดอย่างไม่สบายใจว่า “คนนี้เป็นเพื่อนเก่านะ ไม่ได้อยู่ในกิจการงานห้าง หนูรู้จักก็ไม่มีประโยชน์ วันหลังมีเวลา อาจะแนะนำคนในห้องให้ รับประกันว่าขยายเส้นสายได้แน่ อีกอย่าง ยังมีบุริศร์นี่ไม่ใช่เหรอ?”
เขายิ้มขณะพูด
นรมนยังคงยิ้ม แต่ใจเธอเศร้าเล็กน้อย
ดูเหมือนว่านงลักษณ์จะมาที่นี่จริงๆ แต่เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ไปแล้วหรือยัง แต่เมื่อเห็นท่าทางของธรณีแล้ว ดูเหมือนไม่อยากจะพูดอะไรกับเธอสักนิด ไม่อยากพูด กระทั่งหลีกเลี่ยง
หัวใจของนรมนค่อนข้างอึดอัด
เธอคิดมาเสมอว่าธรณีกับตัวเองไม่ได้ห่างไกลกัน แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเป็นคนแรกที่ยืนเคียงข้างเธอ ไม่คิดว่าตัวเองจะโลกสวยเกินไป
บุริศร์จับมือเธอแน่นราวปลอบโยน
“คุณอา ผมพานรมนออกไปข้างนอกนะครับ ”
สิ่งที่บุริศร์พูดทำให้ธรณีตอบสนองกลับมา
“ออกไปข้างนอก? ข้างนอกหิมะยังตก วันที่หนาวขนาดนี้ดื่มชาแล้วอยู่ในบ้านเถอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของธรณี บุริศร์ก็ยิ้มและพูดว่า “ผมจะพานรมนไปนอกประเทศ”
“ไปต่างประเทศ ไปทำอะไรที่ต่างประเทศ?”
ธรณีมองนรมน ก่อนพูดอย่างเป็นห่วง “ปีนี้ด้านนอกไม่ค่อยสงบ ไม่มีอะไรก็อยู่ในบ้านเถอะ อย่าไปข้างนอก”
นรมนมองไปยังธรณี ก่อนยิ้มและพูดว่า “คุณอา หนูได้ยินมาว่าทิวทัศน์ประเทศF ไม่เลวเลย หนูรู้จักเพื่อนอยู่คนหนึ่งที่นั่น อยากจะไปเยี่ยมเยียนเสียหน่อยค่ะ”
“ไม่ได้!”
จู่ๆธรณีก็ตะโกนขึ้นมา และสีหน้าก็ดูแย่มาก ทำให้นรมนตกใจมาก
“คุณอาเป็นอะไรไปคะ?”
นรมนดูตกใจเล็กน้อย
ธรณีเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองมีปฏิกิริยาตอบสนองมากเกินไป
เขาหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นตรงหน้า และจิบ ก่อนจะพบว่ามันเย็นหมดแล้ว
“ไม่เข้าใจคำพูดของอาหรือ? อาบอกว่าปีนี้ข้างนอกมันไม่ค่อยสงบ อยู่ในบ้านก็ดีอยู่แล้ว ผ่านอะไรมาเสียเยอะ ไม่จำเลยหรือไง? บุริศร์สามารถปกป้องหนูได้ครั้งสองครั้ง คิดจริงๆหรือว่าจะปกป้องไปได้ตลอดชีวิต? หนูโตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ ฟังคำอา อยู่ในบ้านเสีย อาไม่อนุญาตให้ออกไปไหน”
เมื่อพูดคำเหล่านี้ ดวงตาของนรมนก็ยังคงจ้องไปที่ธรณี
แม้ว่าท่าทางของเขาจะค่อนข้างเป็นธรรมชาติ แต่ก็ไม่เป็นธรรมชาติ ดูเหมือนว่ามีความกังวลอยู่บ้าง แต่ยังคงเก็บมันเอาไว้
มีอะไรแน่นอน!
นงลักษณ์พูดอะไรกับธรณี?
นรมนอยากรู้จริงๆ
เมื่อเธอกำลังจะพูด ก็ได้ยินบุริศร์พูดมาว่า “คุณอา จริงๆแล้วนรมนก็ไม่ได้จู่ๆอยากจะไปประเทศF หรอกครับ แต่ก่อนหน้ามีคนมาหานรมน บอกว่าเป็นน้องสาวแท้ๆของ พวกเราสงสัย ก็เลยไปจะดูว่าเกิดอะไรขึ้น คุณพ่อเธอมีผู้หญิงอื่นนอกจากแม่ยายหรือไม่?”
“ไร้สาระนา! พี่ชายฉันมีเพียงสะใภ้ใหญ่คนเดียวชั่วชีวิตนี้! จะมีน้องสาวพี่สาวได้อย่างไร? มันเป็นคำพูดไร้สาระของคนอื่นทั้งเพ นรมนอย่าไปฟัง”
ใบหน้าของธรณีซีดเล็กน้อย
“แต่คนนั้นกับนรมนได้ทำการประเมินความเป็นญาติ ระดับความคล้ายคลึงสูงมากเลยนะครับ”
บุริศร์ขว้างระเบิดอีกครั้ง
ใบหน้าของธรณีซีดเผือด
“ฉันบอกว่าไม่ต้องเชื่อก็ไม่ต้องสิ พวกเธออยากคิดจะทำอะไรกัน? ตอนนี้ฐานะของพวกเธอคืออะไร? มีหมาป่าหิวโหยกี่ตัวจ้องเขม็งเนื้อ มันก็แค่การประเมิน ตราบใดที่คนที่มีความสามารถ อย่าพูดว่ามีความคล้ายคลึงกันสูงมาก แม้ว่าจะคล้ายถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ไอคิวของพวกเธออยู่ที่ไหน?”
ไม่มีอะไรจุดอ่อนเกี่ยวกับสิ่งที่พูด นรมนเพียงมองไปที่ธรณีและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ธรณีกังวลว่าเธอจะไม่มีผิดพลาดพอให้วิจารณ์ได้ แต่เขาก็ห้ามเธอไปประเทศF ทำไมกัน?
จุดประสงค์ของนงลักษณ์นั้นง่ายมาก หวังว่ากำลังของเธอและบุริศร์จะมากพอที่จะไปช่วยไปหามิลิน นี่เป็นสิ่งที่นงลักษณ์พูดกับเธอ
ถ้านงลักษณ์มาหาธรณี ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกัน แต่ทำไมหลังจากนงลักษณ์มาหา ธรณีถึงต่อต้านไม่ให้เธอไปประเทศF?
นรมนไม่เข้าใจ
บุริศร์เห็นได้ว่าธรณีเป็นห่วงนรมนแค่ไหนจากมือที่สั่นเทาของเขา
สิ่งนี้ไม่สามารถปิดบัง หรือปกปิดได้
ธรณีกังวลมากเกี่ยวกับนรมน
บางทีธรณีอาจจะรู้อะไรบางอย่าง เป็นเรื่องที่เขาและนรมนไม่รู้ นี่อาจจะเป็นความลับการแกล้งตายของนงลักษณ์เมื่อหลายปีก่อน แต่เรื่องความลับนี่เขาคงไม่วางแผนที่จะบอกเขาและนรมน
การรับรู้นี้ทำให้ดวงตาของบุริศร์หม่นลงเล็กน้อย
ความลับอะไรกันที่ทำให้นงลักษณ์แสร้งว่าตาย?
เรื่องอะไรกันถึงขนาดที่ธรณีไม่อยากบอกให้นรมนรู้?
บุริศร์ไม่เข้าใจ แต่เขาอยากรู้
ตอนนี้ นรมนจู่ๆก็หยิบถ้วยชาขึ้นมา มองดูมัน ก่อนจะยิ้ม “คุณอาคะ แขกของคุณอาคนนี้เป็นผู้หญิงเหรอ? เป็นแฟนของคุณอาหรือคะ? หรือว่ากำลังมีความรัก?”
เธอพูดพลางหมุนรอยลิปสติกบนถ้วยชาให้ธรณีดู เมื่อเห็นว่าสีหน้าของธรณีซีดขาวราวกระดาษ และแววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก