แค้นรักสามีตัวร้าย – ตอนที่ 1183

ตอนที่ 1183

“นรมน?”

คนแรกที่บุริศร์นึกถึงก็คือนรมน

เข้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นนรมนสีหน้าขาวซีดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องวาดรูป เห็นได้ชัดว่าได้ยินคำพูดที่ธรณีและบุริศร์พูดคุยกันแล้ว และแก้วชาสีขาวที่อยู่ที่ปลายเท้าเธอ ก็ได้แตกไปแล้ว

“อย่าขยับ เดี๋ยวผมมาเก็บเอง”

บุริศร์รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย แล้วก็รีบร้องขึ้นมาคำหนึ่ง จากนั้นก็ช้อนตัวนรมนอุ้มขึ้นมา แล้วก็อุ้มตัวไปนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขกข้างนอก

ท่าทีของนรมนมีความเหม่อลอยเล็กน้อย

ข้อมูลเมื่อกี้มันน่าตกใจมากจริง ๆ

เธอก็แค่คอแห้งนิดหน่อย พอตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นบุริศร์ก็เลยลุกเดินลงมา แล้วเห็นทางนี้ไฟสว่างอยู่ ก็เลยมาดูสักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาได้ยินข่าวที่ช็อกโลกมากขนาดนี้

อารองเหรอ?

เหมือนกับว่าเธอจะไม่เคยได้ยินชื่อคนคนนี้ หรือว่าเห็นคนคนนี้ที่บ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดามาก่อนจริง ๆ

และรู้สึกมาตลอดว่าเหมือนจะขาดอะไรไปหน่อยหนึ่ง ตอนนี้ถึงพบว่าขาดอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไปนั่นเอง

ใช่ซิ พ่อเป็นพี่ใหญ่ แล้วก็มีอาสามกับอาเล็ก ทำไมถึงได้ขาดอารองไปคนหนึ่งล่ะ?

นึกมาตลอดว่าตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเป็นตระกูลวีรบุรุษผู้กล้า เมื่อก่อนใคร ๆ ต่างก็พูดว่าผู้กล้าคนรองของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาได้พลีชีพไปในสนามรบ แม้แต่ธรณีก็ยังปลดประจำการกลับมาเพราะขาทั้งสองข้าง เพราะฉะนั้นเธอก็เลยคิดว่าอารองก็เป็นวีรบุรุษผู้กล้า เหมือนกับบิดาที่พลีชีพไปเหมือนกัน พอมาตอนนี้ถึงได้รู้ว่า คนที่พลีชีพในตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็มีแค่พ่อคนเดียวเท่านั้น

ความรู้สึกแบบนี้ทำให้นรมนรู้สึกไม่มีเอามาก ๆ เลย

ก็ไม่ใช่ว่าอารองยังมีชีวิตอยู่จะทำให้เธอทุกข์ใจ แต่เป็นเพราะว่าทั้งอาสามและอาเล็กตระกูลทวีทรัพย์ธาดาต่างก็ยังมีชีวิตอยู่ มีเพียงแต่พ่อของตัวเองเท่านั้นที่เป็นคนพลีชีพไป นี่มันรู้สึกน่าเสียดายมากเลย แล้วก็มาได้ยินเรื่องความรักความเกลียดของพ่อกับอารองและแม่กับป้าใหญ่เข้า ในใจของเธอก็ยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้นไปอีก

บุริศร์กลัวว่าเศษแก้วจะบาดนรมนเข้า พออุ้มเธอไปนั่งลงบนโซฟาแล้วก็พูดเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า “คุณนั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวผมไปเก็บกวาดเศษแก้วแป๊บหนึ่ง อย่างคิดมากล่ะ เรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแล้วก็คือเกิดขึ้นแล้ว พวกเราเป็นรุ่นลูกหลาน รู้แค่ความจริงก็พอแล้ว ไม่มีทางที่จะไปตัดสินได้ว่าตอนนั้นใครผิดใครถูก ผมรู้ว่าคุณสงสารพ่อตา แต่ว่าตอนนี้ผมก็สงสารคุณเหมือนกัน รู้ไหม?”

นรมนจ้องมองผู้ชายที่เป็นกังวลไม่หยุดคนนี้ แล้วใจที่เป็นทุกข์อยู่ก็ค่อย ๆ เต็มไปด้วยความอบอุ่น ความซาบซึ้ง จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย

พอบุริศร์เห็นเธอเป็นเช่นนี้ แล้วถึงได้ลุกขึ้นไปหาไม้กวาดมากวาดเศษแก้วที่ตกแตกอยู่ให้เรียบร้อย

ในเวลาแบบนี้แล้ว พวกคนรับใช้ต่างก็เข้านอนแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปปลุกพวกเขาตื่นเพื่อแก้วที่แตกใบเดียว

ธรณีเห็นว่านรมนได้ยินแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วก็เข็นรถเข็นออกมาจากห้องวาดรูป

“นรมน ที่จริงเรื่องพวกนี้ฉันไม่อยากจะให้เธอรู้เลยนะ”

“แต่ไม่ว่ายังไงหนูก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้นี่คะ อาเล็ก”

นรมนจ้องมองธรณี

เธอสามารถที่จะรับรู้ได้ถึงความเสียใจของธรณี แต่ไม่รู้ว่าธรณียังปิดปังอะไรอยู่อีก?

เมื่อกี้บุริศร์ถามได้อย่างจี้จุดมาก แต่ธรณีก็ไม่ตอบ เห็นได้ชัดว่าเรื่องบางอย่างนั้นเป็นความจริง

อย่างเช่นเรื่องที่อารองยังมีชีวิตอยู่

อย่างเช่นตอนนี้อารองอยู่ที่ประเทศF

ข่าวแบบนี้สำหรับนรมนแล้วถือได้ว่าเป็นความสะเทือนใจอย่างหนึ่ง

ประโยคที่สำคัญที่สุดคือประโยคนั้นที่บุริศร์พูดว่า “สถานะของอารองอยู่ที่ประเทศFนั้นไม่ต่ำต้อยเลยใช่ไหม?”

สถานะไม่ต่ำงั้นเหรอ?

แล้วคือสถานะอะไรล่ะ?

ผู้นำประเทศเหรอ?

พอคิดถึงความเป็นไปได้แบบนี้ ร่างกายของนรมนก็สั่นไปทีหนึ่ง

จะเป็นไปได้ไหมว่า?

ราเชนจะเป็นลูกของอารอง?

นรมนโดนการคาดเดาของตัวเองทำให้ตกใจจนสะดุ้ง แล้วรู้สึกว่าการคาดเดานี้อาจจะเป็นจริงได้ แต่ก็อาจจะไม่ใช่

ธรณีจ้องมองใบหน้าของนรมนที่เดี๋ยวมืดขรึมเดี๋ยวสว่าง ก็เงียบขรึมไปเลยทันที

นรมนมีสิทธิ์ที่จะได้รู้ แต่ว่ามีเรื่องบางเรื่องเขาไม่อยากจะพูดจริง ๆ

หลังจากที่บุริศร์เก็บกวาดเศษแก้วไปอย่างเรียบง่ายแล้วก็กลับมา

พอเห็นว่านรมนใส่เสื้อผ้าบาง ๆ อยู่ เขาก็ขึ้นไปชั้นบนไปเอาเสื้อคลุมมาคลุมลงบนตัวนรมน

บุริศร์จ้องมองธรณีทีหนึ่ง แล้วก็พูดเรียบ ๆ ขึ้นว่า “อาเล็ก คืนนี้อายังอยากจะพูดอะไรอีกไหมครับ? อากาศหนาวเกินไปแล้ว อาก็รู้ว่าร่างกายของนรมนเป็นยังไง เธอรับไม่ไหวหรอกครับ”

คำพูดนี้มีความตำหนิติเตียนอยู่ไม่มากก็น้อย

ธรณีจ้องมองนรมนทีหนึ่ง และรู้ว่าในใจนรมนนั้นอยากจะรู้ความจริงเป็นอย่างมาก แต่ทำยังไงได้เล่าในเมื่อเขาพูดไม่ได้

“ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงก็รีบกลับห้องไปพักผ่อนเถอะ ฉันก็แค่อยู่ ๆ ก็คิดถึงพี่รองเท่านั้น ก็เลยมาดูที่ห้องวาดรูปสักหน่อย ฉันเองก็รู้ว่าพวกเธออยากจะรู้เรื่องอะไร แต่ว่าสิ่งที่สามารถให้พวกเธอรู้เรื่องได้ ฉันก็จะให้พวกเธอรู้เรื่องแน่ ที่ให้พวกเธอรู้ไม่ได้ ฉันเองก็พูดไม่ได้ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

พูดจบธรณีก็เข็นรถเข็นจากไปเลย

“อาเล็ก”

นรมนยังอยากจะถามอะไรต่ออีก แต่กลับโดนบุริศร์ห้ามไว้

“ถ้าหากเขาไม่อยากพูด คุณถามไปอีกก็ไม่มีประโยชน์หรอก ไหนนอนหลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมอยู่ ๆ ถึงลงมาล่ะ? ดูมือเย็นซะขนาดนี้ ผมอุ้มคุณขึ้นไปดีกว่า”

พูดจบ บุริศร์ก็อุ้มนรมนขึ้นมาแล้วก็ขึ้นไปข้างบนเลย

พอกลับมาถึงห้องนอน อารมณ์ของนรมนก็ยังไม่ดีเท่าไหร่นัก

“ฉันนึกมาตลอดว่าตอนนั้นที่พ่อทิ้งแม่ไปเป็นทหารเพราะเป็นการเสียสละเพื่อคุณปู่ ฉันยังเคยโกรธเคืองพ่อมาก่อนว่า การไปเป็นทหารเพื่อคุณปู่ดูแล้วเป็นการปกป้องประเทศ แต่ว่าสำหรับคุณแม่แล้วกลับเป็นการทารุณอย่างหนึ่งไม่ใช่เหรอ? แต่ว่าเขาก็เป็นพ่อฉันนี่ แล้วตอนนี้ตัวก็ไม่อยู่แล้ว ฉันยังจะพูดอะไรได้อีก? แล้วสุดท้ายแม่ก็ยังเลือกที่จะตายไปในกองเพลิงพร้อมกับเขา ถึงแม้จะกลายเป็นศพ แม่ก็ยังเลือกที่จะอยู่กับเขา ฉันก็เลยไม่โกรธเคืองแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพอมาวันนี้ได้ยินคำพูดของอาเล็กแล้ว มันยังมีเรื่องแบบนี้อีกชั้นหนึ่งอยู่ในนี้อีก”

อารมณ์ของนรมนตกต่ำเป็นอย่างมาก

เธอเป็นผู้หญิง และเป็นลูกสาวด้วยเหมือนกัน แล้วก็เจ็บปวดกับชีวิตที่ไม่ราบเรียบของคิมมาตลอด สำหรับเรื่องที่ชินทรทิ้งแม่แล้วไปเป็นทหารนั้น เธอก็โกรธเคืองมาตลอด แต่กลับข่มไว้ไม่พูดเท่านั้น

นั่นคือความเคารพแบบหนึ่งต่อพ่อที่ตายไปแล้ว

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ทุกอย่างจะจบลงแบบนี้

ตอนนั้นชินทรเองก็คงจะเจ็บปวดอย่างสุดซึ้งเลยละมั้ง?

ผู้หญิงที่ตัวเองรักสุดดวงใจแต่กลับนึกว่าไปมีความสัมพันธ์ทางกายกับน้องรอง ด้านหนึ่งคือน้องชายแท้ ๆ ของตัวเอง อีกด้านหนึ่งคือผู้หญิงที่ตัวเองรักมาก เขาจะต้องรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน? แล้วเขาทำอะไรได้อีก?

ตอนแรกนึกว่ายอมถอยออกมาเพื่อให้พวกเขาสมหวัง แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่อารองรักกลับเป็นผู้หญิงอีกคน

ตอนนั้นชินทรไปเป็นทหารด้วยจิตใจเศร้าหมอง เพราะฉะนั้นถึงได้เข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่คิดชีวิต หรือว่าความรู้สึกในตอนนั้นอาจจะเหมือนตายทั้งเป็นก็ได้

ถ้าหากไม่มีเรื่องวุ่นวายใจพวกนี้ ถึงชินทรจะไปเป็นทหารแล้ว ก็คงจะไม่โดนคนวางหลุมพรางให้ตั้งแต่อายุยังน้อย คนหนุ่มที่อายุน้อยขนาดนั้นต้องมาตายเร็วสักขนาดนั้น

นรมนรู้สึกเกลียดขึ้นมาบ้าง

แต่ว่าจะเกลียดใครล่ะ?

เกลียดคนที่ลักพาตัวป้าใหญ่ไปในตอนนั้นเหรอ?

หรือว่าจะเกลียดโชคชะตาที่นำทางผิดเพี้ยนไป?

นรมนไม่รู้ รู้สึกแต่เพียงว่าหัวใจเจ็บปวดอยู่ในอกมาก

เธอยังสามารถนึกถึงสายตาที่มารดาจ้องมองตัวเองครั้งสุดท้ายได้ นั่นเป็นความเชื่อมั่นในความรักอย่างหนึ่ง เป็นความรักที่มีต่อพ่อ

ทั้ง ๆ ที่เป็นคนที่มีความรักต่อกันคู่หนึ่ง แต่กลับต้องมาแยกกันไปทั้งชีวิตอย่างไร้วาสนาต่อกัน

ความเจ็บปวดและโศกเศร้าแบบนี้ปกคลุมนรมนอยู่ ทำให้เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้

บุริศร์รู้ว่าภรรยาตัวเองนึกถึงอะไรขึ้นมาแล้ว แล้วก็รวบตัวเธอมากอดไว้ในอกอย่างรู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก

“อย่าเสียใจไปเลย คนก็ตายไปแล้วอย่าไปยึดติดเลย เรื่องบางอย่างพวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ อย่างน้อยวันนี้ก็รู้ความสัมพันธ์ของอารองกับนงลักษณ์และพ่อตากับแม่ยายแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะเก็บเกี่ยวอะไรไม่ได้เลย นรมน ผมรู้ว่าคุณสงสารแม่ยาย แต่ว่าเธอก็ได้จากไปพร้อมกับพ่อตาแล้ว ความรักของพวกเขาพวกเราว่าอะไรไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือใช้ชีวิตของตัวเองไปให้ดี ทำให้ตัวเองมีความสุขไปทุกวัน นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่พวกเขาอยากจะเห็น”

“ฉันรู้ค่ะ แต่ว่าในใจของฉันก็ยังเจ็บปวดอยู่ พ่อกับแม่ฉันไม่ได้มีมือที่สามเข้ามาแทรก แต่กลับต้องมาพรากจากกันทั้งชีวิต พ่อฉันจนถึงตายก็ยังไม่รู้ว่ามีลูกสาวอย่างฉันอยู่คนหนึ่ง แม่ฉันต้องเคยโกรธพ่อฉันมาก่อนแน่ ไม่งั้นเธอคงไม่คลอดฉันออกมาปุ๊บก็เอาฉันไปแลกให้กับพ่อแม่บ้านตระกูลธนาศักดิ์ธนไปเลย แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นพ่อฉันหรือว่าแม่ฉัน พวกเขาต่างก็รักอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้งอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

ดวงตาของนรมนรู้สึกขมขื่นและเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย

บุริศร์เห็นว่าภรรยาไม่สามารถเดินออกมาได้ ก็อดไม่ได้ที่จะประคองใบหน้าของเธอขึ้นมา แล้วค่อย ๆ ประกบจูบลงบนดวงตาของเธอ แล้วพูดเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า “ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว นรมน”

“ฉันรู้ค่ะ”

นรมนหรี่ตาลงต่ำ ไม่ได้ห้ามปรามการจูบของบุริศร์ แต่กลับรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมายังไงไม่รู้

“เพราะอะไร? เพราะอะไรทำไมถึงได้เป็นแบบนี้? ฉันหวังมาตลอดว่าตัวเองจะสามารถมีคนในครอบครัวได้ แต่ว่าทำไมคนในครอบครัวบางคนถึงได้ทำให้คนเจ็บปวดและเป็นทุกข์ล่ะ?”

“อย่าคิดอีกเลย”

บุริศร์เองก็รู้สึกปวดใจ รู้สึกสงสารนรมน

นรมนกลับส่ายหน้า จนในที่สุดแล้วน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมา

“นงลักษณ์ตั้งใจใช่ไหม?”

คำพูดนี้ของเธอพูดได้อย่างจิตใจเหนื่อยล้า แฝงไว้ด้วยความทุกข์ใจและความเจ็บปวดเสี้ยวหนึ่ง

นรมนเป็นคนฉลาด และบุริศร์ก็รู้มาตลอด

ถ้าหากว่านรมนไม่ปรากฏตัวออกมา เขาก็จะถามคำถามนี้กับธรณีเหมือนกัน

บนโลกใบนี้ไม่ได้มีเรื่องบังเอิญเยอะขนาดนั้นหรอก

ครั้งสองครั้งอาจจะมีได้ แต่ว่าความบังเอิญมากขนาดนั้นรวมอยู่ด้วยกันก็ไม่ถือว่าเป็นความบังเอิญแล้ว

ตอนนั้นทำไมอารองถึงได้ออกนอกประเทศนั้นเขาไม่รู้ แต่ว่าพอออกนอกประเทศแล้วเจอเข้ากับนงลักษณ์ นี่คือความบังเอิญครั้งหนึ่ง

แต่หลังจากที่กลับมาประเทศมา แล้วอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดามาเห็นชินทรกำลังรักกับคิมอยู่ ในตอนที่คิดว่าคิมเป็นนงลักษณ์นั้นไม่มีทางที่จะไม่พบช่องโหว่แน่

แต่ว่าอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดากับชินทรและคิมต่างก็ไม่รู้สึกถึงช่องโหว่นี้ ทั้ง ๆ ที่นี่มันเป็นช่องโหว่ที่ใหญ่มากอันหนึ่งไม่ใช่เหรอ?

ต่อมาอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาออกนอกประเทศไป แล้วเจอกับนงลักษณ์อีกครั้ง บุริศร์ไม่เชื่อหรอกว่าอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจะไม่เอ่ยเรื่องที่พบเจอคิมกับพี่ใหญ่ในประเทศเลยสักคำ

ถ้าหากอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาถามไปแล้ว นงลักษณ์ก็จะต้องรู้แน่ว่าในประเทศยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกับตัวเองเปี๊ยบ ถ้าเป็นโดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงทั่วไปถ้ารู้ว่ามีผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนกับตัวเองเปี๊ยบปรากฏตัวขึ้นมา ก็จะต้องกลับประเทศมาดูสักหน่อย หรือไม่ก็อาจจะสืบหาดูด้วยซ้ำ ไม่ใช่เหรอ?

แต่ว่าธรณีพูดว่ายังไงนะ?

เขาบอกว่าอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไม่เอ่ยอะไรสักคำกับเรื่องที่เจอชินทรและคิมในประเทศ

พอสถานการณ์เป็นอย่างนี้ สถานการณ์แรกที่เป็นได้คืออารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาถามไปแล้ว แต่นงลักษณ์ที่รู้ว่าคิมมีตัวตนอยู่ ก็ปิดบังอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไว้ แล้วใช้คำพูดศิลปะวาจาหลอกล่ออารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ทำให้อารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาค้นหาความจริงไม่เจอ และลุ่มหลงอยู่ในความอ่อนโยนของเธอ อีกสถานการณ์หนึ่งที่เป็นไปได้ก็คืออารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาพบเห็นความผิดปกติแล้ว แต่กลับไม่ถามให้ชัดเจน

แต่บุริศร์คิดไม่ออกว่าอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจะมีเหตุผลอะไรที่พบว่านงลักษณ์และคิมเป็นพี่น้องฝาแฝดกันแล้วแต่ก็ยังเงียบอยู่ไม่ยอมพูดออกมา

เขาบีบบังคับให้พี่ชายแท้ ๆ ของตัวเองต้องยอมเลิกกับคิม บีบบังคับให้พี่ชายต้องไปเป็นทหาร จ้องมองดูพี่ชายต้องตายไปในสนามรบ สำหรับเขาแล้วมันมีผลดีอะไรกัน?

ไม่มีเลย!

เพราะฉะนั้นความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือสถานการณ์แบบแรก

คือนงลักษณ์ปิดบังอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไว้ แล้วชักนำให้ความเข้าใจผิดทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ถึงขนาดตัดขาดความรักของคิมและชินทร หนำซ้ำยังบีบบังคับให้ชินทรไปเป็นทหารอีกด้วย

แต่ว่าทำไมเธอจะต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ?

นี่มันถือได้ว่าไม่สนใจความเป็นพี่น้องเลย แล้วทำไมจะต้องให้ชินทรไปเป็นทหารให้ได้ด้วยล่ะ?

แล้วที่ชินทรไปปฏิบัติหน้าที่แล้วพลีชีพไปยังไง?

หัวสมองของบุริศร์สั่นคลอนขึ้นมาทีหนึ่ง

เป็นเพราะเชษฐ์

หรือว่านงลักษณ์กับเชษฐ์ยังมีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก?

พอนึกถึงสถานะของอชิระและแพรวา ก็เหมือนกับว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับประเทศFทั้งนั้นเลย แล้วร่างกายของบุริศร์เย็นลงไปหลายองศาทันทีเลย

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท