กานต์ปิดตาของกมลอย่างเงียบๆ กิจจาจูงมือเล็กๆของกมลเดินต่อไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ มองข้ามพฤติกรรมของพ่อแม่ไปโดยอัตโนมัติ
นรมนโดยจูบจนหน้าแดง ดึงคอเสื้อของบุริศร์แล้วหอบ พูดขึ้นอย่างเขินอาย “อยู่ข้างนอกนายยับยั้งชั่งใจหน่อยได้ไหม?”
“ยับยั้งชั่งใจอะไร? ที่นี่มีแต่ครอบครัวเรา วันนี้ฉันเหมาภูเขาทั้งลูกไว้แล้ว วางใจได้ ไม่มีใครเห็น”
นรมนรู้สึกหดหู่
ความอวดรวยนี้ไปที่ไหนก็ไม่เปลี่ยนเลย
ทั้งสองเดินบนเส้นทางขึ้นเขาอีกครั้ง บุริศร์ซื่อตรงมากขึ้น นรมนเองก็ใช้เวลาชมวิวทิวทัศน์โดยรอบ
ที่นี่เป็นแหล่งออกซิเจนธรรมชาติอย่างแท้จริง อากาศสดชื่นจนทำให้คนอยากร้องเพลง แม้ว่าจะเป็นฤดูหนาว ที่นี่ก็ยังเขียวชอุ่ม มีแม้แต่เสียงนกร้องเพลง
“ฤดูนี้ควรจะไม่มีนกแล้วนะ มันเป็นความพิเศษของสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่นี่หรอ?
นรมนพบว่าอุณหภูมิที่นี่แตกต่างจากข้างนอก มีความอุ่น เสื้อกันหนาวที่ใส่อยู่บนตัวตอนนี้กลับกลายเป็นร้อนจนร้องขอชีวิต
บุริศร์พูยิ้ม “ใช่ ที่นี่เป็นหุบเขาบ่อน้ำพุร้อน อุณหภูมิจึงดีกว่าภายนอกมาก เดินขึ้นไปอีกซักพักก็จะเห็นบ่อน้ำพุร้อน ถึงตอนนั้นพวกเราไปแช่น้ำพุร้อนหน่อยไหม?”
“จริงหรอ?”
ร่างกายของนรมนค่อนข้างเย็น แม้ว่าจะทำการปรับสภาพมากแล้ว แต่ตอนนี้ร่างกายยังคงอ่อนแอ ตอนนี้มีหุบเขาน้ำพุร้อนตามธรรมชาติแล้ว บุริศร์จะปล่อยมันไปได้ยังไง? ที่นี่คือจุดประสงค์หลักในการมาเที่ยววันนี้
หลังจากไม่กี่คนมาถึงหุบเขาน้ำพุร้อนแล้ว ก็มีบริกรเข้ามาทันที
“ประธานบุริศร์ คุณนายบุริศร์ เชิญทางนี้”
เห็นได้ชัดว่า บุริศร์ได้สั่งการไว้แล้ว
นรมนกับบุริศร์เดินตามไป แต่กมลกลับถูกดึงดูดโดยสวนน้ำที่อยู่ใกล้เคียง
“ว้าว ที่นี่มีของเล่นเต็มเลย!”
กมลวิ่งตรงเข้าไปทันที
ที่นี่มีสไลเดอร์ ปราสาทน้ำ สำหรับเด็กคนนึงแล้ว ที่นี่ก็คือสรวงสวรรค์
แววตาของกานต์เองก็เผยความชื่นชอบ แต่นิสัยผู้ใหญ่ทำให้เค้าอดทนไว้ ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย
กิจจาเห็นกมลวิ่งเข้าไป ก็กลัวเธอจะลื่นล้ม จึงวิ่งตามไป
นรมนเห็นท่าทางงุ่นง่านของกานต์ อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหาแล้วพูดขึ้น “กานต์ ลูกเป็นเด็กห้าขวบคนนึง ไม่ใช่วัยรุ่นอายุสิบห้า ปล่อยมือแล้วไปเล่นก็พอแล้ว พูดอีกอย่าง ท่าทีหุนหันพลันแล่นนั้นของกมล ลูกไม่กลัวน้องหกล้มหรอ?”
คิ้วของกานต์ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
ในตอนนี้เอง กมลเพราะว่ารีบวิ่งเกินไป เสียงพรวดลื่นตกลงไปในน้ำ
“เห้ย!”
กมลด่าด้วยความโกรธ กิจจายังตามมาไม่ทัน ก็ถูกต้นน้ำเล็กๆตรงหน้าขัดขา ลื่นตกลงไปในน้ำเช่นกัน
กานต์อดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว รีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
นรมนมองดูท่าทางของลูกชาย ก็แอบยิ้มกริ่ม
เมื่อกี้เธอจงใจส่งสายตากับกิจจา ให้กิจจาลื่นล้ม แน่นอนว่ากานต์จะวิ่งเข้าไป
ลูกชายคนนี้ดูเย็นชา แต่สำหรับคนที่ตนเป็นห่วงก็จะแขวนเอาไว้ในใจ
บุริศร์โอบนรมนจากด้านหลัง พูดยิ้ม “เธอคิดว่ากานต์ไม่เห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆของเธอกับกิจจา? เขาก็แค่ไม่อยากเปิดโปงพวกเธอเท่านั้น”
“ฉันไม่เชื่อ”
นรมนรู้สึกว่าบุริศร์พูดให้ลูกดูฉลาดเกินไปหน่อย แม้เธอจะยอมรับว่ากานต์เป็นอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์ แต่ในด้านอื่นๆยังไงก็เป็นเด็ก จะเป็นคนช่างสังเกตด้วยหรอ?”
เหมือนรู้ว่านรมนกำลังคิดอะไร บุริศร์กระซิบเสียงเบาข้างหูเธอ “อย่าลืมสิ กานต์เรียนมาจากไหน ที่นั่นเป็นสถานที่ชำนาญการสอนทหารให้สังเกตการณ์ แบบนี้ถึงจะสามารถรับมือกับเหตุฉุกเฉินต่างๆ ได้”
นรมนรู้สึกแห้งเหี่ยว
ยิ่งกว่านั้นลมหายใจอุ่นๆของบุริศร์ก็พัดอยู่บนหู ทำให้เริ่มเกิดอาการชา ทำให้เธอหดตัวโดยไม่รู้ตัว
“พูดก็พูดเฉยๆพอ เข้ามาใกล้ทำไม?”
นรมนต้องการออกจากอ้อมกอด แต่ก็ถูกล็อคไว้อีกครั้ง
“เราไปห้องน้ำพุร้อนของเรากันไหม?”
“ไม่เอา ฉันชอบตรงนี้ อากาศเปิดโล่งดี”
นรมนไม่อยากอยู่ด้วยกันกับบุริศร์
ถ้าถูกขังอยู่กับหมาป่าตัวนี้แล้ว ตนจะถอยออกมาได้หรอ?
งั้นชีวิตแบบไหนถึงจะดี แต่ก็จะต้องการทุกวันไม่ได้นะ คนเหนื่อยแย่เลย
บุริศร์เห็นใบหน้าที่แดงก่ำของนรมนก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร หัวเราะพรวดออกมา จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาแล้วก้าวเท้าเดินไป
“อ้ะ นายปล่อยฉันนะ! วางฉันลง!”
นรมนกรีดร้อง กลับได้ยินบุริศร์พูดอย่างชั่วร้าย “เธอร้องไปเถอะ ร้องเท่าที่เธอต้องการ ต่อให้ร้องให้คอแตกก็ไร้ประโยชน์ ดูซิใครจะมาช่วยเธอได้”
คำพูดนี้ค่อนข้างคลาสสิกและล้าสมัย ตอนนี้ออกมาจากปากของบุริศร์กลับค่อนข้างตกใจ
นรมนตกตะลึงไปทั้งตัว พวกกานต์เองก็มองไปที่บุริศร์ด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่ากำลังฝันอยู่
“พี่ แด๊ดดี้โดนอะไรเข้าสิงหรือเปล่า?”
กมลขยี้ตาตัวเอง เอ่ยถามด้วยความสงสัย
กานต์กระตุกมุมปากเล็กน้อย
สิงร่าง?
เกรงว่าการชักจูงที่ชั่วร้ายที่สุดจะถูกดึงออกมาแล้ว
กิจจาส่งเสียงกระแอมแล้วพูด “พวกเราไปเล่นสไลเดอร์กันเถอะ”
“เอาสิ”
แรงจูงใจของกมลถูกดึงดูดไปทันที
กานต์มองดูแผ่นหลังของบุริศร์กับนรมน อดไม่ได้ที่จะโค้งมุมปากขึ้น
คุณบุริศร์อย่างตอนนี้ ขาดความกดดันและเฉยชาต่อหน้าคนนอกไป ทำไมมองดูแล้วรู้สึกไม่เลวเลยล่ะ?
เขาเลิกคิ้ว จากนั้นก็หันหน้าไปมองกิจจาและกมล เห็นพวกเขาปีนขึ้นสไลเดอร์อย่างร่าเริง กมลตีลังกาลงน้ำไป
เธอส่งเสียงเชียร์อย่างมีความสุข ท้ายที่สุดกานต์ก็ไม่สามารถทนได้ เดินตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว
หางตาของบุริศร์เหลือบมองไปที่ลูกชายของตน มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย
บรรยากาศแบบนี้ ลูกแบบนี้ ดีจริงๆ
นรมนเองก็เห็นท่าทางของกานต์ อดไม่ได้ที่จะยิ้มพูด “ท่าทางของกานต์แบบนี้ถึงจะเหมือนที่เด็กห้าขวบควรมี”
บุริศร์กลับไม่ได้พูดคุย อุ้มนรมนเข้าไปในห้องน้ำพุร้อนทันที”
ภายในห้องน้ำพุร้อนมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ น่าจะเชื่อมต่อกับด้านนอก แต่ถูกกั้นไว้เป็นห้องเดี่ยว ให้ความเป็นส่วนตัวหน่อย
บุริศร์อุ้มนรมนเข้ากระโดดเข้าไปอย่างทนไม่ไหว
น้ำที่อุ่นร้อนทำให้นรมนรู้สึกสบายจนส่งเสียงหื้มออกมา ดวงตาของบุริศร์มีความปั่นป่วนทันที
“สบาย?”
“เอ๋?”
นรมนหลับตาอยู่ สัมผัสน้ำที่อบอุ่นห้อมล้อมตัวเอง ค่อยๆผ่านผิวหนัง ทำให้แขนขาอุ่นขึ้น
บุริศร์ยิ้มอย่างชั่วร้าย กระชากเสื้อผ้าของเธอออก จูบริมฝีปากเชอร์รี่ของนรมนท่ามกลางเสียงร้องตกใจของเธอ
นรมนหลบเล็กน้อย แต่ก็หลบไม่พ้นแรงของบุริศร์ ตกอยู่ในเงื้อมมืออย่างรวดเร็ว
หลังจากทั้งสองพลอดรักกันอยู่ในน้ำพุร้อนแล้ว นรมนก็ซบอยู่ในอ้อมแขนของเขา กระดูกทั่วร่างแทบจะแตกสลาย สายตาที่มองไปที่บุริศร์ก็มีความขุ่นเคือง
“บุริศร์ นายบ้าไปแล้วหรอ? เหนื่อยมากเลยรู้ไหม? ไหนบอกมาที่นี่เพื่อพักผ่อน”
“อืม ครั้งต่อไปฉันจะยับยั้งชั่งใจ”
บุริศร์แม้ว่าปากจะพูดแบบนี้ แต่ความพึงพอใจตรงมุมปากทำให้นรมนเห็นแล้วขัดตา
“หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้แตะต้องฉันหนึ่งอาทิตย์”
“สามวัน”
บุริศร์ต่อรอง ทำให้นรมนยิ้มทันที
“อุ้ย ประธานบุริศร์ตอนนี้รู้จักต่อรองแล้ว? ฉันบอกว่าหนึ่งอาทิตย์ก็หนึ่งอาทิตย์ ไม่อย่างงั้นนายไปหาคนอื่น อุ้บ…..”
สิ้นคำพูดของนรมน บุริศร์ก็ปิดปากเธอโดยตรง จูบจนเธอแทบหอบ
ผู้ชายชั่วร้ายคนนี้!
จะต้องแก้แค้นเขา!
นรมนโกรธแทบตายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มือไปสัมผัสบางอย่างโดยไม่รู้ตัว ทำให้เธอชะงักเล็กน้อย
ตอนที่บุริศร์ปล่อยเธอ เธอก็มองสิ่งที่ถืออยู่ในมือทันที มันคือหยกโลหิตที่บุริศร์มีอยู่
ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับน้ำพุร้อนหรือไม่ เธอพบว่าหยกโลหิตนี้สีแดงฉูดฉาดเป็นพิเศษ ด้านในดูเหมือนมีบางอย่างไหลเวียนเป็นเส้น
“หยกนี่……”
“ทำไมหรอ?”
บุริศร์เหลือบมองตาม แต่ไม่ได้สนใจอะไร
นรมนรีบขยี้ตา พบว่าหยกโลหิตก็ยังเป็นหยกโลหิต มีของที่เป็นเส้นๆซะที่ไหน?
หรือว่าตนเองตาฝาดไป?
เธอมองดูอันที่อยู่บนตัวเอง ราวกับไม่ได้แดงฉูดฉาดเหมือนของบุริศร์
“หยกโลหิตนี้มักจะรังแกคน”
นรมนมุ่ยปากพูด
“เอ๋? ทำไมหรอ?”
บุริศร์มองไปที่เธออย่างไม่เข้าใจ
นรมนโบกมือพูด “เอาน่า ไม่มีอะไรแล้ว แค่รู้สึกว่าหัวน้ำนั้นของนายดีกว่า”
“ไม่เหมือนกันหมดหรอ? เอามาจากคลังทั้งนั้น นำมาพร้อมกัน ถ้าเธอชอบ อันนี้ฉันให้เธอ”
บุริศร์รู้สึกว่ายังไงก็ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะป้องบอกไว้ว่าใส่หยกไว้จะดีกว่า เขาไม่ชอบเลยที่จะใส่ของแบบนี้ไว้บนตัว
นรมนกลับรู้สึกดีใจ
“จริงหรอ? อันนี้นายให้ฉัน?”
“อื้ม ให้เธอ”
บุริศร์ปลอดหยกโลหิตบนคอออกทันที แลกเปลี่ยนกันกับของนรมน
หยกสีแดงเลือดสวมลงบนคอขาวนวลของนรมน ดูสง่างามเป็นพิเศษ ทำให้ดวงตาของบุริศร์นิ่งลงโดยไม่รู้ตัว
นรมนรีบผลักเขาออกด้วยความตกใจ จ้องเขม็งไปที่เขาเหมือนเป็นศัตรูตัวฉกาจแล้วพูด “ไม่อนุญาตให้นายเข้ามาแล้ว ไม่งั้นฉันโกรธจริงๆนะ”
เธอพูดอย่างจริงจังเคร่งขรึม ราวกับมีเรื่องใหญ่ที่สำคัญ ทำให้บุริศร์หลุดขำทันที
เดิมทีเขาก็หน้าตาหล่อเหลา ตอนนี้ภายใต้การส่งเสริมของหยกโลหิต รอยยิ้มราวกับให้ความรู้สึกที่ชั่วร้ายและมีเสน่ห์ ทำให้นรมนมองตาค้าง
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าบุริศร์หล่อขึ้นอีกแล้ว?
ไม่ใช่ความเย็นชาแต่เดิม แต่กลับเป็นความมีเสน่ห์ที่ชั่วร้าย ทุกการเคลื่อนไหวล้วนทำให้คนจมดิ่งไม่โดยไม่รู้ตัว นรมนส่ายหัว จ้องไปที่บุริศร์ด้วยความเตรียมพร้อม ท่าทางเตรียมตัวอย่างประหม่านั้นทำให้บุริศร์ทำอะไรไม่ได้
“โอเค ฉันไม่ทำอะไรเธอแล้ว ฉันสัญญา”
“ยอมเชื่อว่าบนโลกนี้ผี ยังดีกว่าให้เชื่อคำพูดจากปากผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายที่แรงกระตุ้นทางเพศอย่างนาย!”
เห็นได้ชัดว่านรมนไม่มีความเชื่อมั่นในตัวบุริศร์แล้ว
บุริศร์ไร้คำจะพูด
ภรรยาของเขาเข้าใจอะไรเขาผิดกันแน่?
เขาก็แค่คนที่โตเต็มวัย มีความต้องการในเรื่องนี้แปลกมากหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนออกมาท่องเที่ยว เดิมทีก็เพื่อมาผ่อนคลายร่างกายจิตใจไม่ใช่หรอ?
แต่เห็นนรมนเป็นแบบนี้ บุริศร์ก็ไม่แหย่เธอแล้ว คิดที่จะพูดอะไรเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของนรมน กลับได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตนที่อยู่บนบ่อน้ำดังขึ้น เพลงริงโทนที่มีความพิเศษทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย