“อย่าร้อง!”
ในใจของบุริศร์ก็ทนไม่ได้ เขาโมโห เขาโกรธ แต่ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนก็ไม่ทำให้เขาปวดใจเท่ากับน้ำตาของนรมน
เขาถอนหายใจ ก้าวเข้าไปกอดนรมนเอาไว้ แต่ในทันทีกลับโดนนรมนสะบัดออก
เธออยากจะจับเขาทุ่มอย่างชัดเจน แต่ทักษะของบุริศร์ดีเกินไป ตอนที่สะบัดออกตนเองก็ร่วงลงมาที่พื้นโดยสวัสดิภาพ
“นรมน!”
เขาเรียกเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ แววตาเจ็บปวดเล็กน้อย
แต่นรมนกลับไม่สามารถยับยั้งอารมณ์ของตนเอง
“คุณไม่ต้องมาเรียกฉัน! ไม่ชอบที่ฉันทำโดยพลการไม่ใช่หรือไง? คิดว่าตอนนั้นฉันไม่ควรวางยาแล้วทิ้งคุณไว้ใช่ไหม? ใช่ ฉันมันก็แค่ผู้หญิงที่ชอบหาเรื่อง รู้อยู่แล้วว่าถ้าคุณเป็นออกหน้าจัดการคงทำได้ดีกว่าฉันแน่ๆ คงสร้างความหวาดกลัวได้มากกว่าฉัน ยิ่งคล่องแคล่วรวดเร็วกว่าฉัน แต่ยังไงฉันก็แค่ชอบหาเรื่องไม่เหมือนคุณที่ต้องเปื้อนเลือดของคนในครอบครัว ฉันแค่หวังว่าบางเรื่องที่คุณไม่สะดวกจัดการฉันก็จะทำแทนคุณได้ ใช่! ฉันคิดไม่ถึงว่าธิดาวีร์จะเสียสติจนถึงขั้นนี้ แม้กระทั่งหลานแท้ๆของตัวเองก็แทงจนบาดเจ็บได้ ฉันยิ่งไม่รู้เลยว่าเธอจะอยากฆ่าฉัน! เป็นฉันเองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เป็นฉันที่คิดไปเองว่าตัวเองทำถูกต้อง เป็นฉันที่ทำผิดพอใจไหม? คุณจะลงโทษฉันก็ได้ ด่าฉันก็ได้ โกรธฉันก็ได้ แต่คุณไม่มีคุณสมบัติ แล้วก็ไม่มีสิทธิ์มาช่วงชิงสิทธิ์การเป็นแม่ของฉัน!”
นรมนยืนขึ้นมาจากบนพื้น ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าอย่างไม่ใส่ใจ แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งเสียใจ ยิ่งเช็ดก็ยิ่งน้อยใจ เหมือนเช็ดเท่าไหร่ก็ไม่สะอาดสักที สุดท้ายจึงขี้เกียจจะสนใจแล้ว ปล่อยให้น้ำตาไหลตามอำเภอใจ
บุริศร์รู้ว่าการกระทำกับคำพูดเมื่อครู่ของตนเองทำร้ายนรมนเข้าแล้ว พูดตามความจริงในใจของเขาก็ทนไม่ได้
เขาทำขนาดนั้นเพราะกลัวจะควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้แล้วไปทำร้ายนรมนเข้า ถึงได้ผลักเธอออกมาจากห้องผ่าตัด
ตั้งแต่ที่พิษกู่ทองคำเข้ามาในร่างกาย เขารู้ดีกว่าใครๆว่านิสัยของตนเองฉุนเฉียวโมโหง่าย เขาไม่รู้ว่าตนเองจะควบคุมอารมณ์ร้ายของตนเองได้หรือเปล่า ถ้าหากนรมนโดนทำร้ายไปด้วยมันเป็นเรื่องที่เขาไม่คิดจะให้เกิดขึ้นเลยตลอดชีวิต
แต่ตอนนี้การอธิบายมีประโยชน์ไหม?
ไม่มี!
เมื่อครู่เขาดึงแขนของนรมนผลักเธอออกไปจากห้องผ่าตัดอย่างมุทะลุอย่างนั้น เรื่องนี้เขาปฏิเสธไม่ได้เลย
“นรมน ผม……”
“คุณไม่ต้องเข้ามา!”
นรมนเห็นบุริศร์ก้าวเท้า จึงรีบคำรามออกมาเบาๆ
น้ำตาของเธอก็เหมือนกับการใช้มีดประหารหัวใจของบุริศร์อย่างนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้อารมณ์ที่ฉุนเฉียวโมโหง่ายของเขายิ่งหนักขึ้นอย่างชัดเจน
แต่เขาไม่สามารถระเบิดอารมณ์ได้ ตอนนี้นรมนเสียใจมาก เขาโกรธไม่ได้!
บุริศร์พยายามอดกลั้น แต่กลับควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่ได้ ภายในร่างกายราวกับมีแมลงที่มองไม่เห็นตัวหนึ่งกำลังกัดกินหัวใจของเขา ความรู้สึกเจ็บปวดกับความฉุนเฉียวนั้นยิ่งรุนแรงมากขึ้น
เขากำหมัดแน่น พูดเบาๆ “ผมจะออกไปซื้อน้ำ คุณสงบจิตสงบใจหน่อยแล้วกัน”
พูดจบบุริศร์ก็เดินไปโดยที่ไม่หันกลับมามอง
นรมนเห็นแผ่นหลังที่เด็ดเดี่ยวของเขา จู่ๆก็ยิ่งน้อยใจ
เขาก็ไปอย่างนี้น่ะเหรอ?
เขายังโทษตนเองอยู่อีกใช่ไหม?
ในใจของนรมนแสนเศร้า เธอนั่งอยู่ที่เก้าอี้ยาวบนทางเดิน กัดริมฝีปากแน่น แต่ยังไงก็อดน้อยใจไม่ได้
แล้วตอนนี้เองเจตต์ก็โทรเข้ามา
นรมนบอกตนเองให้อดกลั้นเอาไว้ ไม่งั้นเจตต์จะเป็นห่วง แต่หลังจากเธอรับสาย หลังจากได้ยินเสียงของเจตต์ นรมนก็น้อยใจขึ้นมาทันที
“พี่……”
“เป็นอะไรไป? เธอร้องไห้เหรอ? บุริศร์รังแกเธอเหรอ?”
เสียงของเจตต์สูงขึ้นเล็กน้อยทันที
แต่นรมนกลับรีบพูด “ไม่ใช่ กานต์ต่างหาก กานต์ได้รับบาดเจ็บ โดนธิดาวีร์แทง ตอนนี้กำลังช่วยชีวิตอยู่ พี่ ฉันกลัว กานต์เป็นเด็กที่ฉลาดมาตั้งแต่เล็กๆ ถ้าครั้งนี้เขาเกิดเรื่องอะไร ฉัน……”
ความน้อยใจสุดขีดถึงข้างปากแล้ว แต่ตอนที่ได้ยินเจตต์ถามว่าบุริศร์รังแกเธอใช่ไหม สุดท้าย นรมนก็ไม่ได้พูดความน้อยใจพวกนั้นออกไป
สุดท้ายบุริศร์ยังคงเป็นคนที่เธอใส่ใจ แม้ว่าเขาจะทำให้เธอน้อยใจ เธอก็ไม่ยอมให้คนอื่นมาว่าเขาไม่ดี
คำพูดของนรมนทำให้เจตต์พูดขึ้นอย่างปวดใจ “ให้ฉันส่งคนไปไหม? นรมน พอดีตอนนี้ฉันไปไม่ได้ ขวัญตาเธอ ท้องแล้ว”
คำพูดนี้ทำให้นรมนชะงักไปทันที
ท้องแล้ว?
ขวัญตาท้องแล้ว? !
นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาหวังว่าจะไม่เกิดขึ้น
สุขภาพของเจตต์มีปัญหา แต่ตอนนี้ขวัญตาท้อง นี่เป็นข่าวที่แย่มากชัดๆ
เด็กคนนี้ไม่ควรเก็บเอาไว้เด็ดขาด
แต่ขวัญตารักเจตต์ขนาดนั้น
นรมนพอจะเข้าใจความรู้สึกของเจตต์ตอนนี้ ที่เขาโทรหาตนเอง ก็คงเพราะทนไม่ไหวสินะ
พรรษาเพิ่งจะตายไปไม่นาน เดิมทีเจตต์ก็มีญาติแค่ไม่กี่คน แต่วันนี้สายเลือดของตนเองที่ยังไม่มีโอกาสได้เจอกันบนโลกใบนี้ก็กำลังจะโดนช่วงชิงสิทธิ์ในการเกิดออกไปอีก ในฐานะที่เป็นสามี ในฐานะที่เป็นพ่อ ตอนนี้เจตต์คงจะใจสลายแน่ๆ
แต่เขาก็ทรุดไม่ได้
เพราะตอนนี้ขวัญตาต้องการเขา!
เขาทำได้เพียงอดกลั้นความเสียใจโทรมาหานรมน แล้วนรมนจะเอาเรื่องของตนเองมาทำให้เจตต์รู้สึกแย่อีกได้ยังไง?
“พี่ พี่สะใภ้หมายความว่าไง?”
นรมนเป็นผู้หญิง เข้าใจความเสียใจและความเจ็บปวดของผู้หญิงในตอนนี้ที่สุด
เจตต์พูดอย่างทุกข์ใจ “ขวัญตารู้ว่าเก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้ พวกเราติดต่อหมอไว้แล้ว เพียงแต่ โพนี่ใกล้จะคลอด น่าจะผ่าตัดไม่ได้ ถ้าให้คนอื่นผ่าตัดฉันไม่ค่อยสบายใจ อันที่จริงขวัญตาก็อายุยังน้อย ฉัน……”
“พี่ เดี๋ยวฉันจะโทรหารมิดา เธอได้ชื่อว่าเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งระดับโลก ในด้านแผนกสูตินรีเวชถึงจะไม่ได้โดดเด่น แต่จะผ่าตัดให้พี่สะใภ้อย่างดี”
คำพูดของนรมนทำให้เจตต์ตื้นตันใจ
“นรมน ขอบคุณมากนะ ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอกับบุริศร์ก็มีเรื่องต้องทำ ถ้าไม่ใช่ว่าทนไม่ไหวจริงๆ ฉันคงไม่โทรมารบกวน อีกอย่างตอนนี้กานต์ก็บาดเจ็บด้วย ฉัน……”
“พี่ ครอบครัวเดียวกันอย่าพูดอย่างนี้สิ ฉันก็หวังว่าสุขภาพของพี่สะใภ้จะดีขึ้น รมิดาเป็นคนลงมือ ฉันก็สบายใจบ้างแล้ว”
“ขอบคุณมากนะ”
เจตต์วางสาย
นรมนก็ไม่กล้าล่าช้า รีบโทรหารมิดา เล่าเรื่องของเจตต์ให้ฟังหนึ่งรอบ ด้านนั้นก็ตอบตกลงอย่างสบายใจ
หลังจากทำเรื่องพวกนี้เสร็จ อารมณ์ของนรมนก็สงบลงแล้ว
ไม่มีอาการน้อยใจอย่างเมื่อครู่ ก็ครุ่นคิดอย่างรอบคอบ เหมือนตนเองจะทำผิดในเรื่องเดิมๆอีกแล้วสินะ
ยังจำก่อนหน้านี้ที่ตนเองลงมือจัดการเพียงคนเดียวได้ ผลลัพธ์หลังจากวางยาบุริศร์เหมือนจะไม่ได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่คาดการณ์เอาไว้เลย ตนเองก็พูดแล้วว่าต่อไปจะไม่ทำเรื่องใดๆตามลำพังอีก ทำไมถึงทำเรื่องโง่ๆอย่างนี้ออกมาอีกแล้วล่ะ?
มิน่าบุริศร์ถึงได้โกรธ
ถ้าเปลี่ยนกัน ถ้ามีเรื่องอะไรแล้วตนเองโดนบุริศร์ทิ้งไว้ข้างนอกบ้าง เธอจะโกรธไหมล่ะ?
นรมนถามตนเองกลับ แล้วก็ได้คำตอบในทันที
แต่ว่าเข้าใจก็เรื่องหนึ่ง พอนึกถึงความโมโหกับการกระทำของบุริศร์เมื่อครู่ นรมนกลับยังคงเสียใจอยู่
เธอรู้ว่านิสัยของบุริศร์ได้รับผลกระทบจากพิษกู่ทองคำจึงเปลี่ยนไปมาก เขาทำอย่างนั้นเพราะกลัวควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้แล้วทำร้ายเธอสินะ?
หลังจากนรมนเข้าใจเรื่องพวกนี้ก็ถอนหายใจออกมา
ผู้ชายคนนั้นไปซื้อน้ำถึงไหน?
ทำไมยังไม่กลับมาอีก?
หรือเขาคิดว่าตนเองยังโกรธอยู่ ตอนนี้จึงกำลังหลบตนเองงั้นสิ?
นรมนคิดถูกแล้ว
ตอนนี้บุริศร์นั่งอยู่ที่บันไดหน้าโรงพยาบาล ไม่ใส่ใจกางเกงราคาหลายพันบนร่างกายเลยว่าจะเปื้อนดินหรือเปล่า
เขาไม่ได้สูบบุหรี่มานานแล้ว ตอนนี้นั่งอยู่ที่บันได ซื้อบุหรี่มาหนึ่งซอง หยิบออกมาจุดไฟมวนหนึ่ง แล้วสูดเข้าไปอย่างเต็มที่
ควรทำยังไงดีล่ะ?
ความเดือดดาลอย่างนี้ของตนเองเขาก็ไม่ชอบ
จะทำให้นรมนตกใจหรือเปล่านะ?
คงจะตกใจอยู่แล้ว
แต่ก่อนเขาไม่เคยแม้แต่จะพูดเสียงดังกับเธอ ตอนนี้ไม่นึกว่าเขาจะลงมือโยนเธอออกไปจากห้องผ่าตัดด้วยความบุ่มบ่าม
หลังของบุริศร์เย็นวาบ
วันนี้เขาเกือบจะลงมือกับนรมนแล้ว!
เขาเป็นแบบนี้ได้ยังไง?
เขาเก็บนรมนเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจด้วยความระมัดระวังขนาดนั้น แต่วันนี้กลับควบคุมตนเองไม่ได้จนอยากจะลงมือกับนรมนงั้นเหรอ?
ทำยังไงดี?
ตนเองที่เป็นอย่างนี้ เขาควรทำยังไงดี?
บุริศร์สูดควันบุหรี่เข้าไปอย่างแรง จึงสำลักออกมา เสียงไอดังขึ้นต่อเนื่อง
ความรู้สึกแสบร้อนจากที่ลำคอราวกับเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจ แสบจนเบ้าตาของเขาบวมเป่ง เหมือนน้ำตากำลังจะทะลักออกมา
จู่ๆเขาก็หยิบมีดสั้นออกมาอย่างกับเสียสติ กรีดไปที่เส้นเลือดใหญ่บนข้อมือของตนเอง ในทันทีเลือดสีแดงสดจึงทะลักออกมา แต่ในดวงตาของเขากลับมีเพียงความบ้าคลั่งและไม่ใส่ใจ
ถ้าเลือดของเขาเป็นแหล่งสารอาหารของพิษกู่ทองคำ งั้นถ้าตนเองยอมละทิ้งเลือดของร่างกายนี้ก็จะสามารถบีบให้พิษกู่ทองคำออกมาได้ใช่ไหม?
เขาเห็นเลือดที่ข้อมือทะลักออกมาไม่หยุด จ้องตาไม่กระพริบ อยากเห็นว่าจะมีพยาธิตัวกลมสีเหลืองอะไรนั่นปีนออกมาจากเลือดหรือเปล่า
เขารู้สึกว่าตอนที่นรมนโดนพิษ กิจจาก็เคยถ่ายเลือดออกให้นรมน
แต่เลือดไหลเยอะเกินไป ดวงตาของบุริศร์ที่จ้องอยู่มองจนพอแล้ว ก็ไม่เห็นมีพยาธิตัวกลมออกมาสักนิดเลย
เขารู้ว่าถ้าปล่อยต่อไป เป็นไปได้ว่าเขาจะเสียเลือดจนตายจริงๆ
ความบ้าคลั่งเมื่อครู่ค่อยๆระงับเอาไว้ได้ สติเพียงเล็กน้อยก็กลับมา บุริศร์สำนึกได้ทันทีว่าเขายังตายไม่ได้
ถ้าเขาตายนรมนจะทำยังไง?
เพราะพวกเขาทะเลาะกันเขาจึงออกมา ถ้าเป็นอะไรไป กลัวว่านรมนจะโทษตัวเองแล้วรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ
ไหนจะกานต์อีก
ลูกชายของเขายังอยู่ข้างในเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ ถ้าเขาตาย เด็กๆจะทำยังไง?
ดวงตาของบุริษร์ประกายความโมโหกับความหงุดหงิดออกมาเล็กน้อย
พิษกู่ทองคำนี่เขาต้องหาทางกำจัดให้ได้ แต่ทว่ายังไม่ใช่ตอนนี้
บุริศร์รีบห้ามเลือดของเขาเอาไว้ แล้วเดินไปที่ห้องทำงานของหมอ
“ห้ามเลือดให้ผม ทำแผลให้เรียบร้อย”
ท่าทีที่เย็นชาของบุริศร์ทำให้หมอต้องปฏิบัติตามคำสั่งด้วยความตกใจ
หลังจากทำแผลอย่างดีแล้ว บุริศร์ถึงได้ออกไปซื้อน้ำสองขวด แล้วกลับไปที่หน้าห้องผ่าตัด
จากที่ไกลๆเขาก็เห็นนรมนนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาว สายตาจ้องไปที่ห้องผ่าตัดสักพัก แล้วอีกสักพักก็มองไปที่ทางเดินด้านนอก จนกระทั่งวินาทีนั้นที่เห็นบุริศร์ แววตาของเธอถึงได้สบายใจและคลายกังวลลงเล็กน้อย
ว่าแล้วเชียวเธอแคร์ตนเอง กำลังรอตนเองอยู่
แววตาของบุริศร์ประกายความอบอุ่นออกมาเล็กน้อย
เมื่อครู่ที่ทำร้ายตนเอง สงสัยว่าก็คงเป็นมือข้างนี้ที่ผลักนรมนสินะ
ไม่มีใครสามารถทำร้ายนรมนได้ แม้แต่ตัวเขาเอง!
คิดอย่างนี้ บุริศร์ก็ถือน้ำมาที่ข้างๆนรมนแล้วนั่งลงไป
“ดื่มน้ำหน่อย จะได้ชุ่มคอ ถ้ารู้สึกว่ายังไม่หายโกรธ คอไม่แห้งแล้วผมจะให้คุณด่าต่อ”