“บุริศร์!”
ใจของนรมนหล่นตุ๊บขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วก็รีบตรวจเช็กดูสักหน่อย ถึงพบว่าบุริศร์ได้หมดสติไปแล้ว
เขาเป็นคนที่มีจิตใจแข็งแกร่งมากคนหนึ่ง ถึงแม้จะอยู่ภายใต้การโดนหนอนพิษทองคำควบคุมอยู่แต่ก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ได้ แต่ว่าในวินาทีนี้เขากลับหมดสติไป ก็เพียงพอที่จะพูดได้แล้วว่าในใจของบุริศร์นั้นเจ็บปวดมากเพียงไหน
ก็ใช่อยู่
เป็นลูกป้าโอเหมือนกัน แต่ว่ากลับถูกปฏิบัติแตกต่างกัน แล้วบุริศร์จะไม่โกรธเคืองไม่เสียใจได้ยังไงกัน?
นรมนรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก และรู้สึกเกลียดหนอนพิษแห่งความทรงจำนี้ขึ้นมาหน่อยแล้ว
เธอโทรศัพท์เรียกผู้ช่วยมา แล้วก็ยกตัวบุริศร์กลับไป
ตอนที่กมลและกิจจาเห็นบุริศร์โดนยกเข้ามานั้นก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็รีบถามขึ้นว่า “หม่ามี้ แด๊ดดี้เป็นอะไรเหรอคะ?”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ช่วงนี้เขาเหนื่อยไปหน่อย พวกหนูอย่ากวนเขานะรู้ไหม?”
“อืม”
กมลพยักหน้าเล็กน้อย
เธอเห็นในแววตาของนรมนมีแววเหนื่อยล้าและเจ็บปวด ปฏิกิริยาแบบนี้เมื่อห้าปีก่อนมักจะปรากฏขึ้นมาบนหน้าหม่ามี้บ่อยมาก แต่ว่าตอนนั้นคนที่เธอเป็นกังวลคือตัวเอง แต่ตอนนี้คือแด๊ดดี้
กมลดึงแขนของกิจจาขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบาขึ้นว่า “พี่กิจจา ตอนนี้ร่างกายของแด๊ดดี้ไม่มีปัญหาแล้วไม่ใช่เหรอคะ? หนูรู้สึกเป็นห่วงจังค่ะ”
จ้องมองกมลที่มักจะรู้จักแต่กิน ๆ เล่น ๆ แต่อยู่ ๆ ก็เกิดเคร่งขรึมขึ้นมาขนาดนี้ กิจจาก็อึ้งไปเล็กน้อย แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก น่าจะเป็นเพราะเกี่ยวกับหนอนพิษ แต่ว่าฉันเคยดูหนังสือโบราณมาแล้ว อาการของแด๊ดดี้จะต้องจะเป็นอย่างนี้อยู่ช่วงหนึ่งก็จะหายไปเอง ในเมื่อหนอนพิษจะยอมรับสายเดือด ในร่างกายของแด๊ดดี้มีสายเลือดของตระกูลดารายนอยู่”
“อยู่ ๆ ก็รู้สึกเกลียดหนอนพิษอะไรนั่นมากเลย ถ้าสามารถเอาไฟเผามันทีเดียวให้วอดไปเลยก็ดีซิ”
คำพูดของกมลทำให้กานต์ที่เพิ่งออกมาจากห้องอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่ห้องของบุริศร์อย่างครุ่นคิดขึ้นมา แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ถ้าเผาไปจริง ๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี”
“พี่ พี่ลงจากเตียงมาทำไมคะ? พี่เจ็บหนักสักขนาดนั้น ไม่เอาชีวิตแล้วเหรอ? รีบกลับไปนอนบนเตียงเถอะ อย่าให้หม่ามี้เป็นห่วงพี่ด้วยอีกคนเลย หนูรู้สึกว่าหม่ามี้จะต้องเหนื่อยไม่ทันแน่เลยค่ะ”
คำพูดของกมลทำให้กานต์หัวเราะขมขื่นเล็กน้อย
“นอนอย่างเดียวมันไม่สบายเลย”
“แต่ก็ยังต้องนอนนะ ใครใช้ให้พี่เป็นผู้ป่วยล่ะ? รีบกลับไปเถอะ”
พูดแล้ว กมลก็เดินเข้าไปประคองกานต์ไว้ การกระทำบางเบาจนทำให้คนรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง
นี่เป็นครั้งแรกที่กานต์ได้ลิ้มลองน้องสาวปฏิบัติแบบนี้กับเขา จึงอดไม่ได้ที่จะอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย
“กมลของเราเหมือนกับว่าอยู่ ๆ ก็เติบโตขึ้นมาแล้ว”
“เช้อ พี่ก็แค่เกิดก่อนหนูไม่กี่นาทีเท่านั้น อย่ามาพูดอย่างกับว่าตัวเองโตกว่าหนูสิบปียี่ปีได้ไหม?”
ถึงแม้กมลจะพูดไปแบบนี้ แต่ว่าการกระทำก็ยังเบามือมากอยู่ดี
กิจจาหัวเราะเล็กน้อย แล้วเดินเข้ามา แล้วเดินเข้าห้องกับกานต์ไป
บุริศร์นอนไปไม่นานก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
เขามองเห็นนรมนจับมือของตัวเองไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า “ทำให้คุณเป็นกังวลแล้ว”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันก็แค่รู้สึกว่าคุณเหนื่อยเกินไปแล้ว บางทีนอนสักตื่นอาจจะดีขึ้น”
นรมนยังคงเข้าใจหัวอกคนเหมือนอย่างเคย
เธอไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น และก็ไม่รู้ว่าโทรศัพท์สายนั้นธเนศพลได้พูดอะไรกับบุริศร์ไปบ้าง แต่ว่าดูจากระดับความเจ็บปวดของบุริศร์ในตอนนี้แล้ว นรมนสามารถเดาออกได้ว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาแล้วแน่ ๆ
แต่ว่าบุริศร์เพิ่งตื่นขึ้นมา เธอจึงไม่อยากถาม
“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? เดี๋ยวฉันจะให้คนไปตุ๋นซุปมาให้คุณสักหน่อย อีกเดี๋ยวดื่มสักหน่อยนะคะ?”
“ได้”
บุริศร์อยากจะลุกขึ้นมา นรมนกลับรีบเอาหมอนข้างยัดไว้ที่ข้างหลังเขา แล้วก็ประคองบุริศร์ลุกขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“นรมน คุณทำแบบนี้จะทำให้ผมนึกว่าตัวเองป่วยเป็นโรคร้ายแรงอะไรนะ”
“พูดไปเรื่อยทำไม?”
นรมนตีแขนของบุริศร์ขึ้นมาทีหนึ่งเลย ในใจก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมา
พอเห็นว่าตัวเองทำให้นรมนตกใจ บุริศร์ก็รีบจับมือของเธอเอาไว้ แล้วพูดขึ้นว่า “อย่าร้อนใจไป ร่างกายของผม ผมรู้ตัวเองดี ไม่มีทางที่จะอ่อนแอขนาดนั้นหรอก ผมเคยรับปากกับคุณแล้ว ต่อไปในชีวิตนี้จะอยู่กับคุณดี ๆ เพราะฉะนั้นผมจะดูแลตัวเองให้ดี ๆ เอง เชื่อผมซิ”
ใจที่แกว่งอยู่ของนรมนในที่สุดก็ค่อย ๆ กลับสู่ที่เดิมได้เล็กน้อยแล้ว
“คุณทำให้ฉันตกใจมากเลย คุณรู้หรือเปล่า ฉันสามารถแบกรับสถานการณ์ทุกอย่างได้ แล้วก็ไม่เกรงกลัวอันตรายและแผนการชั่วร้ายอะไร สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดก็คือคุณ ฉันกลัวคุณบาดเจ็บ กลัวคุณเกิดเรื่อง กลัวคุณไม่อยู่ข้างกายฉัน บุริศร์ พวกเราไปโรงพยาบาลใหญ่ทำการตรวจให้ทั่วร่างกายสักหน่อยดีไหม? ฉันมักจะรู้สึกว่าหนอนพิษทองคำที่อยู่ในตัวคุณนั้นเหมือนกับระเบิดเวลาอันหนึ่ง มักจะทำให้ฉันตื่นตระหนกอยู่ตลอดเลย ฉัน……”
“ได้”
ที่จริงบุริศร์รู้ว่าหนอนพิษทองคำไม่มีอะไรร้ายแรงต่อตัวเอง แต่ในเมื่อนรมนเป็นกังวล เขาก็จะถือซะว่าเสียเงินซื้อความสบายใจให้เธอก็แล้วกัน
พอได้ยินบุริศร์รับปากแล้ว นรมนถึงได้โล่งใจได้เปลาะหนึ่ง
“คุณอย่ามาโทษฉันว่าตื่นตูมเลยนะคะ ฉันเองก็ไม่วางใจจริง ๆ”
“ผมรู้ พรุ่งนี้ผมจะไปตรวจร่างกายให้ทั่วตัวเลย”
แววตาของบุริศร์อ่อนโยนราวกับสายน้ำ แล้วนรมนก็พุ่งเข้าไปในอกของเขาและกอดเอวของเขาไว้แน่น
“บุริศร์ คุณเป็นทุกอย่างของฉัน สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของฉัน ฉันเป็นห่วงคุณ เป็นห่วงมากจริง ๆ ก็ถือซะว่าฉันคิดไปเรื่อยก็แล้วกัน ฉันต้องการเห็นผลตัวเลขทางวิทยาศาสตร์ถึงจะวางใจได้”
บุริศร์กอดนรมนเอาไว้แน่น
นี่คือผู้หญิงที่ดีกับเขามากที่สุดในโลกใบนี้
ไม่ว่าจะเป็นมุมมองของคนในครอบครัว หรือสถานะคนรัก นรมนต่างก็ทำได้ดีจนเขาทำใจปล่อยมือไม่ได้
คือเธอที่ให้ความอบอุ่นในครอบครัวกับเขา ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ใช่เครื่องมือสำหรับการแก้แค้น
เขาเป็นคนที่มีเลือดมีเนื้อคนหนึ่ง เป็นคนที่สามารถโดนคนอื่นปกป้องและรักได้
ความรู้สึกแบบนี้ติดตามความจริงที่โดนเปิดเผยมา ยิ่งอยู่ก็ยิ่งลึกซึ้งซึมซับเข้าไปในร่างกาย ในสายเลือดของบุริศร์ หรือกระทั่งประทับตราลงบนจิตวิญญาณ
เพื่อเธอแล้ว เขาสามารถที่จะละทิ้งได้ทุกอย่าง และสามารถที่จะสูญเสียทุกอย่างได้ เพียงเพราะว่าความรักที่เธอมีให้เขานั้นคือรักบริสุทธิ์ ไม่แฝงเล่ห์กลหรือการหลอกใช้เลยสักนิด
เขาโชคดีมากแค่ไหน ที่ได้ภรรยาแบบนี้ เขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
“อย่าพูดแบบนี้ ขอแค่เป็นสิ่งที่คุณต้องการ ผมก็จะทำให้คุณสมหวัง นรมน ผมรู้สึกหิวแล้ว”
ดวงตาของบุริศร์แฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม ดวงตาที่อ่อนโยนราวกับน้ำทำให้ใจของนรมนอุ่นร้อนขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวฉันให้พวกเขาไปเตรียมของกิน”
“ได้”
บุริศร์จ้องมองนรมนออกไปจากห้องนอนอย่างรีบร้อน ดวงตาที่แฝงไว้ด้วยรอยยิ้มนั้นถึงได้ค่อย ๆ เย็นลงมา
ธนเดช!
ไม่ว่าตอนนี้ผู้ชายคนนี้จะหลบไปอยู่ที่ไหน เขาก็จะต้องตามหาตัวเขาออกมาให้ได้ จากนั้นก็จะให้เขาไปคุกเข่าสำนึกผิด และชดใช้ต่อหน้าหลุมศพของคนทั้งหมดในหมู่บ้านดารายน
บุริศร์โกรธเคืองที่ป้าโอวางแผนหลอกใช้ตัวเอง แต่ว่ากลับไม่มีไม่มีทางทนดูผู้คนบริสุทธิ์ในหมู่บ้านดารายนตายไปอย่างไม่สนใจได้
บางทีนี่อาจจะเป็นหน้าที่ที่เขามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ก็ได้
คนทุกคนมาถึงโลกใบนี้ต่างก็มีหน้าที่เป็นของตัวเองกันทั้งนั้น ส่วนเขาก็หนีไม่รอด และหลบไม่พ้น งั้นก็จะต้องเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ
พวกชาวบ้านของหมู่บ้านดารายนที่ต้องเผชิญกับความตายอย่างสิ้นหวัง ก็เหมือนกับเป็นคำสาปที่วนเวียนอยู่ในหัวสมองยังไงอย่างงั้น
ไม่ว่าจะเป็นเพราะการเกี่ยวข้องกับหนอนพิษ หรือว่าเป็นเพราะการมีคุณธรรมของการเป็นคน เขาก็ไม่มีทางที่จะผลักไสออกไปได้
แล้วบุริศร์ก็คิดถึงบุณพจน์ขึ้นมา
พี่ชายคนนั้นที่เป็นแม่เดียวกันแต่คนละพ่อกับตัวเอง
ไม่ว่าชีวิตของเขาจะเป็นยังไง ถ้าหากเขาไม่มาแหย่บุริศร์ บุริศร์ก็จะถือซะว่าคนคนนี้ไม่มีตัวตนอยู่ แต่ว่าเขาได้ล้ำเส้นเข้ามาแล้ว
เขาหลอกใช้เกวลินมาทำร้ายวินเซนต์ และวินเซนต์ก็เป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายของเขา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่มีทางจบแน่
ยังไงเขาก็จะต้องมีจุดจบกับบุณพจน์คนนั้นสักอันหนึ่งแน่
และพ่อของเขาพิรุณก็ไม่ได้เป็นผู้บริสุทธิ์
ตอนนั้นที่หมู่บ้านดารายนโดนทำลายล้าง ก็ยังต้องขอบคุณที่พิรุณรายงานข่าวให้กับธนเดช ชี้นำเส้นทางเข้าหมู่บ้านให้ถึงได้เกิดโศกนาฏกรรมแบบนั้นขึ้นมา
เพื่อให้ได้ผู้หญิงคนหนึ่งมาครอบครอง ถึงกับใช้ชีวิตของคนทั้งหมู่บ้านมาเป็นค่าแลกเปลี่ยน คนแบบนี้ไม่ใช่คนดีอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
บุริศร์คิดทบทวนเรื่องราวไปรอบหนึ่ง นรมนก็ยกน้ำซุปโสมกลับมาพอดี
“ดื่มน้ำซุปก่อนนะคะ เดี๋ยวอาหารเสร็จแล้วเราค่อยกินข้าวกัน”
วินาทีที่เห็นนรมนนั้น ความเยือกเย็นในแววตาของบุริศร์ก็สลายไปหมด
เขายิ้มแล้วรับน้ำซุปที่อยู่ในมือของนรมนไป จากนั้นก็พูดเสียงต่ำว่า “ด้านกานต์เป็นยังไงบ้าง?”
“กมลกับกิจจาอยู่ในห้องเขา ฉันได้ให้คนส่งของกินไปให้พวกเขาแล้ว คุณดื่มก่อนเถอะค่ะ”
“ได้”
บุริศร์ดื่มซุปโสมไปอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็ดึงมือนรมนให้เธอมานั่งลงข้างกายตัวเอง
“นรมน ผมจะพูดเรื่องหนึ่งกับคุณ”
“หึ?”
นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก็ได้ยินบุริศร์พูดขึ้นว่า “เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดา และเกี่ยวข้องกับหมู่บ้านดารายนด้วย”
พูดแล้ว บุริศร์ก็เอาเรื่องที่ได้ยินมาจากทางธเนศพลบอกกับนรมนไป
นรมนรู้สึกมึนงงไปทั้งตัวเลย
เธอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าบนโลกใบนี้จะมีผู้ชายที่โหดร้ายแบบนี้อยู่อีกด้วย?
แค่เพื่อผู้หญิงคนเดียวก็ทำลายล้างทั้งหมู่บ้านได้เลยเหรอ?
ธนเดชคนนี้นี่เป็นคนบ้าเหรอ?
ถ้าหากว่ารักอาหญิงตระกูลธนเกียรติโกศลจริงละก็ ทำไมเขาถึงไม่แต่งงานกับเธอล่ะ?
ทิ้งอาหญิงตระกูลธนเกียรติโกศลไว้ตั้งหลายปีแบบนั้น แถมตัวเองยังแต่งงานแล้วด้วย แต่กลับยังมารู้สึกว่าอาหญิงตระกูลธนเกียรติโกศลหักหลังตัวเองอีก แล้วก็มาใช้อำนาจที่อยู่ในมือให้คนทั้งหมดเข้าร่วมการฆ่าทำลายล้างในครั้งนั้น
ตกลงเขาทำลงไปได้กัน?
หัวใจของเขาไม่เจ็บปวดบ้างเหรอ?
นรมนตัวสั่นไปทั้งตัว
“แล้วตอนนี้เจ้าธนเดชนั่นอยู่ไหนเหรอคะ?”
“ตอนนั้นพอเรื่องเกิดขึ้นมาแล้วก็ลาออกไปเลย แล้วทั้งครอบครัวก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้แววตาของนรมนมีความเยือกเย็นขึ้นมาเล็กน้อย
“พวกเขาไปกันทั้งครอบครัวเหรอคะ? หรือว่าไปกันทั้งตระกูลนาคชำนานเลยคะ? ยังไงก็ต้องมีคนอยู่บ้างซิคะ? เรื่องนี้ธนเดชจำเป็นจะต้องให้คำตอบมาอันหนึ่ง แล้วเขาถึงกับจะฆ่าอารองของฉันเลยเหรอ!”
“นรมน คุณอย่าเพิ่งใจร้อนไป เรื่องนี้ยังเป็นความลับ ที่ธเนศพลบอกผม ก็เพราะอยากจะให้ผมช่วยตามหาอาหญิงตระกูลธนเกียรติโกศลและอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดา แล้วสิ่งที่ธเนศพลต้องการก็คือต้องการให้อาหญิงตระกูลธนเกียรติโกศลกลับมาอย่างปลอดภัย และสิ่งที่พวกเราต้องการก็คือขอให้อารองสามารถกลับบ้านได้ ธเนศพลบอกแล้วว่า อารองยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ว่าตอนนี้ต้องอยู่อย่างตามทั้งเป็นหน่อยเท่านั้น ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าคำพูดนี้หมายความว่ายังไง แต่ว่ายังไงก็ยังมีความหวังอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ใจที่โกรธเคืองของนรมนถือได้ว่าสงบนิ่งลงมาหน่อยแล้ว
เธอพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คนที่อารองชอบคือนงลักษณ์ หลายปีมานี้ หรือว่านงลักษณ์จะไม่รู้เบาะแสของอารองหน่อยเลยเหรอ? ยังมีอีก ทำไมตอนนั้นอารองถึงไปอยู่ที่หมู่บ้านดารายนได้ล่ะ? ถ้าตามเวลาที่คุณชายธเนศพลพูดมา ในเวลานั้นอารองน่าจะแตกหักกับนงลักษณ์แล้ว และยังผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว ถ้าตามที่นงลักษณ์พูด ในเวลานั้นอารองได้หายตัวไปแล้วนะ ทำไมอารองถึงปรากฏตัวขึ้นที่หมู่บ้านดารายนล่ะ?”
ตอนนั้นบุริศร์ได้ยินความจริงที่หมู่บ้านดารายนโดนทำลายล้าง ก็มัวแต่โกรธเคืองอยู่ ไม่ได้คิดถึงเลยว่าเวลาของเรื่องนี้มันเหมือนจะต่อเข้ากันไม่ค่อยได้ พอตอนนี้มาได้ยินนรมนพูดแบบนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปเล็กน้อย
“ความหมายของคุณคิดคุณชายธเนศพลพูดโกหกกับผมเหรอ? หรือว่าเขายังปิดบังเรื่องอะไรอีก?”