ดูเหมือนปีวราจะไม่คิดว่านรมนมีสายตาเฉียบแหลมเช่นนี้ จึงอดแปลกใจไม่ได้ และอาการแปลกใจเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้นรมนรู้ว่าตนเองเดาเกือบถูก
หลังจากนรมนพูดบุริศร์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ความช่วยเหลือจากภายนอกเริ่มขึ้น
นรมนกับบุริศร์ถูกดึงขึ้นมาด้านบน ปีวราก็ถูกพาขึ้นมาด้วย แต่เพิ่งจะขึ้นมาก็ควบคุมตัวเอาไว้
“ยาถอนพิษ”
เสียงของบุริศร์เยือกเย็นมาก เย็นจนไม่มีอุณหภูมิใดๆ
ปีวราหดตัวอย่างหวาดกลัว ถึงจะนำยาถอนพิษให้บุริศร์ และในตอนนี้เอง นรมนถึงจะเห็นว่านิ้วมือของบุริศร์มีสีดำ
“คุณโดนพิษ?”
นรมนไร้เรี่ยวแรง สายตาเป็นห่วง
บุริศร์กล่าวอย่างอ่อนโยน “ไม่มีอะไรหรอก ผมจะอุ้มคุณไปล้างตัวก่อน”
พูดจบเขาก็นำยาถอนพิษใส่ลงกระเป๋า พูดอย่างเย็นชา “ขังผู้หญิงคนนี้เอาไว้ ฉันอยากรู้ความลับทุกอย่างของเธอ”
“ครับ
บอดี้การ์ดก้าวขึ้นมาทันที ปีวราตกใจพยายามดิ้น
“เฮ้ๆ ๆ พวกคุณทำตัวเนรคุณแบบนี้สิ ฉันเพิ่งจะช่วยชีวิตภรรยาของคุณเองนะ”
“ไม่อย่างนั้นตอนนี้เธอคงกลายเป็นศพไปแล้ว”
บุริศร์พูดจบก็ไม่สนใจปีวราอีกต่อไป อุ้มนรมนออกจากศาลบรรพบุรุษ
กลับมาที่ละแวกที่พักอาศัยด้านหลัง กมลกับกิจจารีบวิ่งมาหา
“แด๊ดดี้ หม่ามี้เป็นอะไรไปคะ?”
“พวกลูกอย่าเข้ามา หม่ามี้ของลูกแค่โดนควันสลบ พักผ่อนสักหน่อยก็จะดีขึ้น พวกลูกไปนอนเถอะ กิจจา มาหาแด๊ดดี้หน่อย”
ในตอนท้ายบุริศร์ยังหยุดเว้นวรรคชั่วครู่ ให้กิจจาอยู่ก่อน
ถึงแม้กมลจะเป็นห่วง แต่เห็นบุริศร์เรียกกิจจาเข้าไป จึงไม่ค่อยเป็นห่วงมาก
เธอกลับไปที่ห้องของตนเอง
กิจจาเข้ามาในห้อง ขมวดคิ้วมองนรมน
“หม่ามี้ หม่ามี้ถูกคนอื่นวางยา?”
“สามารถถอนพิษได้ไหม?”
สีหน้าของบุริศร์ค่อนข้างเคร่งขรึม
กิจจาพยักหน้า “พิษนี้ไม่ร้ายแรงอะไร แค่เส้นประสาทชาชั่วคราวแค่นั้น ไม่ได้มีผลต่อร่างกายมาก ล้างออกก็หายแล้ว แต่หม่ามี้อยู่กับแด๊ดดี้ตลอดเวลาไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมถึงโดนพิษได้?”
“ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนทำ”
นัยน์ตาของบุริศร์เยือกเย็น
กิจจาก็ไม่ถามมาก ทำการตรวจให้นรมนอย่างละเอียด ถึงจะวางใจ
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ หม่ามี้พักผ่อนสักหน่อยก็หาย”
“อืม ลูกก็ไปพักผ่อนนะ”
บุริศร์พูดอย่างเรียบเฉย อุ้มนรมนไปห้องอาบน้ำ หลังจากล้างพิษบนร่างกายของเธอจนสะอาดถึงจะกินยาถอนพิษ
นรมนมองบุริศร์ ถอนหายใจเบาๆ “คุณนี่นะ ชอบไม่สนใจตัวเอง คุณไม่ว่ากลัวถูกพิษนานเกินไป แล้วจะมีผลกระทบอะไรต่อร่างกายขึ้นมาจริงๆ เหรอ?”
“สำหรับผม คุณสำคัญที่สุด ผมไม่ได้ไปช่วยคุณตั้งแต่ตอนแรกที่คุณตกลงไป ก็รู้สึกแย่พอแล้ว ผมจะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณอีก”
“ไม่ได้ไปช่วยฉันทันที เพราะต้องจัดการปัจจัยที่ยุ่งเหยิงภายนอกก่อนใช่ไหม?”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อย และหัวเราะขึ้นทันที แววตามีความอบอุ่น
“จัดการปัญหาหมดแล้ว วางใจได้”
เรื่องหลังจากถูกควันสลบบุริศร์ไม่ได้เล่าให้ฟังอย่างละเอียด และยิ่งไม่ได้เผยความลับเกี่ยวกับกิจจา สำหรับเขา ทั้งหมดจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาและใจของคน
“หิวไหม ผมจะไปทำอะไรให้คุณกิน?”
“ค่ะ”
นรมนก็หิวมากจริงๆ ตอนนี้ร่างกายเรี่ยวแรงยังไม่คืนกลับมา จึงถือโอกาสกินอะไรเล็กน้อยไปเลยก็ดี
บุริศร์ลูบศีรษะนรมน จัดแจงให้บอดี้การ์ดมาคุ้มกัน ส่วนตนเองไปห้องครัว
หลังจากกมลกลับไปที่ห้อง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งถูกบอดี้การ์ดสองสามคนลากไปด้านหลัง จึงอดแปลกใจไม่ได้
เพราะความอยากรู้อยากเห็น เธอจึงรีบตามไป
ปีวราถูกบอดี้การ์ดขังไว้ในถ้ำ และยังหยิบแส้ออกมา
บนแส้นั้นมีหนาม หากแส้ฟาดลงไปเนื้อจะต้องแตกแน่นอน แถมยังเพิ่มหนามเข้าไปอีก ถ้าไม่ตายหนังก็คงหลุดไปครึ่งหนึ่ง
ปีวราหน้าซีดทันที
“เฮ้ยๆ ๆ ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าทำแบบนี้กับฉัน ไม่อยากนั้นพวกแกจะเสียใจ!”
บอดี้การ์ดกลับเหมือนไม่ได้ยิน สายตาที่มองเห็นมีเพียงความเยือกเย็น
แส้ฟาดบนอากาศ สะบัดลงบนพื้น เกิดเสียงที่น่าตกใจ ปีวรากรีดร้องเสียงแหลมขึ้นมา
“ฆาตกร! ช่วยด้วย! มีใครหวังดีจะช่วยฉันบ้างไหม? คิดดูสิฉันเป็นผู้หญิงอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ตอนนี้ถูกคนเลวทรมานแบบนี้ ยังมีความยุติธรรมอยู่ไหม?”
ปีวราร้องไห้เสียงดัง เหมือนได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง
บอดี้การ์ดแสบแก้วหูกับเสียงแหลมๆ ของเธอ หยิบแส้ฟาดลงไป
“โอ๊ย!”
เสียงนี้ปีวราไม่ได้แกล้งทำ
ร่างกายของเธอสั่นเทา
“แกมันไอ้สารเลว!”
ปีวรากัดฟันด่าอย่างโกรธแค้น
ทันใดนั้นกิ๊บติดผมบนศีรษะของเธอทำให้กมลหรี่ตาลงเบาๆ จากนั้นรีบสั่ง “ช้าก่อน”
คำสั่งนี้ บอดี้การ์ดตกใจสะดุ้งโหยงทันที
“คุณหนู ?มาที่นี่ได้ยังไง? รีบกลับไปเถอะครับ นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คุณควรมา”
เขาส่งสายตา บอดี้การ์ดคนอื่นที่อยู่โดยรอบรีบบังตัวปีวราเอาไว้ทันที
ฉากนองเลือดแบบนี้ถ้าทำให้กมลตกใจ เดาว่าประธานบุริศร์คงจะเอาชีวิตพวกเขา
กมลกลับไม่พอใจ “ถึงยังไงฉันก็คือคุณหนูของตระกูลโตเล็ก ถ้าทนเห็นฉากแบบนี้ไม่ไหว ฉันจะทำอะไรได้? หลีกไปซะ ฉันอยากดูว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาเป็นยังไง? หน้าตาดูมีคารมคมคายจริงหรือเปล่า”
กมลก้าวเข้าไปในระหว่างพูด
บอดี้การ์ดคิดจะโทรหาบุริศร์ ก็ได้ยินกมลพูดอย่างเยือกเย็น “กล้าบอกแด๊ดดี้ของฉัน ฉันก็จะบอกว่าคุณคิดจะลวนลามฉัน คุณคิดว่าแด๊ดดี้ของฉันจะเชื่อคำพูดของใคร?”
มุมปากของกมลยกขึ้นเบาๆ ท่าทางชั่วร้ายเหมือนบุริศร์สุดๆ บอดี้การ์ดตกใจหน้าซีด มือไม้สั่น จับมือถือไม่อยู่ หล่นลงไปบนพื้น
“ดีมาก”
กมลเหยียบมือถือของเขา แตกเป็นเสี่ยงๆ
“สบายใจได้ ฉันจะซื้อเครื่องใหม่ให้คุณ แต่ต้องดูการกระทำของคุณก่อน”
รอยยิ้มที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาของกมล กลับเหมือนปีศาจสุดๆ
บอดี้การ์ดทั้งหมดที่นี่รู้สึกว่ากมลอาจถูกสิ่งอัปมงคลอะไรบางอย่างเข้าสิง
นี่จะเป็นคุณหนูที่เอาแต่กินทั้งวันได้ยังไง?
คุณหนูน่ารักน่าเอ็นดูแบบนั้น ไม่มีทางทำกับพวกเขาแบบนี้แน่นอน
น่าเสียดายที่กมลทำลายความเข้าใจของพวกเขาอีกครั้ง
เห็นเพียงกมลเดินไปตรงหน้าปีวรา เงยศีรษะเล็กๆ มองผู้หญิงตรงหน้า พูดอย่างกระหยิ่มใจ “รูปร่างไม่เลวเลยนะ แต่ใบหน้ารูปไข่มองเห็นไม่ค่อยชัด คุณขี้เหร่มากเลยรึไง จนไม่อยากให้ใครเห็น ถึงต้องทาสีแบบนี้?”
ปีวราไม่เคยเจอเด็กแบบนี้มาก่อน
กมลหน้าตาเหมือนนางฟ้า แววตาน่าเอ็นดู ใบหน้าเล็กขาวเนียนละเอียด ผิวหนังบอบบางราวกับดีดนิ้วก็แตกได้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็คือเด็กดี แต่ทำไมเมื่อพูดออกมาถึงทำให้คนไม่อยากฟังแบบนี้
ปีวราพยายามควบคุมความโกรธในใจ กัดฟันพูด “หนูจ๊ะ หนูช่วยพี่ได้ไหม?พวกเขาเป็นคนไม่ดี ตราบใดที่หนูช่วยพี่ พี่จะเลี้ยงของอร่อยเธอ”
ผู้คนโดยรอบตึงเครียดทันที
ทุกคนต่างรู้ว่ากมลชอบกินเป็นชีวิตจิตใจ หากปล่อยปีวราไปจริง พวกเขามีสิบชีวิตก็ชดใช้ไม่พอ
“คุณหนู……”
“หุบปาก!”
กมลถลึงตามองบอดี้การ์ดอย่างโมโห เมื่อหันกลับไปมองปีวรากลับเป็นรอยยิ้มที่สวยสดงดงาม
“จะเลี้ยงข้าวหนูเหรอ? พี่คิดจะเลี้ยงอะไรหนู?หนูอยากกินสิ่งที่บินอยู่บนฟ้า วิ่งอยู่บนพื้น และว่ายอยู่ในน้ำ พี่สามารถเลี้ยงฉหนูได้ไหม?”
สิ้นคำนี้ ปีวราชะงักงัน
เธอรีบก้มหน้าลง แววตาเผยอารมณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ขึ้นมาแวบหนึ่ง
“ฉันจะเลี้ยงเธอทีละส่วน เลี้ยงสิ่งที่บินอยู่บนฟ้าก่อน หลังจากนั้นครึ่งเดือนค่อยเลี้ยงสิ่งที่วิ่งอยู่บนพื้น และผ่านไปอีกครึ่งเดือนค่อยเลี้ยงสิ่งที่ว่ายอยู่ในน้ำ เป็นไง?”
ปีวราพูดจบ เงยหน้ามองกมล แววตาร้อนแผดเผาสุดๆ
มือเล็กๆ ของกมลยันคางเอาไว้ เหมือนกำลังครุ่นคิดอย่างจริงจัง
“ครึ่งเดือนเลย นานไปหน่อย หนึ่งอาทิตย์ได้ไหม?”
“ได้ แค่เธอสามารถปล่อยฉันไป ฉันจะเลี้ยงของอร่อยเธอ”
ปีวราไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมกมล
“ตกลง!”
กมลคิดจะตบไหล่ของปีวรา แต่ระดับความสูงจากน้ำทะเลของตนเองไม่มากพอ เธอชี้บอดี้การ์ดด้านหลัง “คุณมานี่หน่อย อุ้มฉันขึ้นไปบนไหล่”
บอดี้การ์ดไม่กล้าขัดคำสั่ง รีบอุ้มกมลขึ้นไปบนไหล่ตนเอง
กมลยิ้มตาหยีมองปีวรา จากนั้นใช้มือตบลงบนไหล่ของปีวรา ตรงจุดที่โดนแส้ฟาดพอดี
“โอ๊ย!”
ปีวราเจ็บจนแทบเป็นลม
“ลุงแกสิ!”
เธอเจ็บจนต้องสบถคำหยาบออกมา
กมลกลับยิ้มตาหยี “หนูไม่มีลุง แต่แด๊ดดี้ของหนูมีพี่ชายร่วมสาบานคนหนึ่ง น่าจะเรียกว่าลุงได้ เขานามสกุลทวาทสิน ชื่อคริชณะ เมื่อกี้พี่ด่าเขาใช่ไหม?”
สีหน้าของปีวราน่าเกลียดเหมือนกินอุจจาระขึ้นมาทันที
เธอสั่นเทาไปทั้งตัวด้วยความเจ็บปวด กลับพูดออกมาทีละคำอย่างชัดเจน “ไม่กล้าหรอก ฉันด่าตัวฉันเอง ฉันด่าลุงของฉัน”
“พี่นี่มันโง่จริงๆ เฮ้อ พูดกับคนโง่อยู่ตั้งนาน หนูก็มึนไปหมดแล้ว ช่างเถอะ ไม่เล่นต่อแล้ว หนูกลับล่ะ”
กมลโบกมือให้บอดี้การ์ด เขาเข้าใจทันที วางกมลลง จากนั้นมองดูเธอกระโดดโลดเต้นออกไป จึงอดถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่ได้ พบว่าเหงื่อเปียกชุ่มเต็มหลังตนเอง
ปีวรามองกมลจากไป แววตายุ่งเหยิงอย่างยิ่ง แต่กลับคืนสู่สภาพเดิมในตอนแรกเมื่อบอดี้การ์ดหันกลับมา
“ฉันเตือนพวกแกนะ ฉันเป็นคนดีจริงๆ ถ้าพวกแกกล้าฆ่าคนเป็นผักปลา กรรมจะตามสนอง”
ปีวรายังพูดไม่ทันจบ บอดี้การ์ดก็ฟาดแส้ลงมาเป็นครั้งที่สอง เสียงปีวราร้องอย่างน่าเวทนาดังก้องไปทั้งถ้ำ
กมลขมวดคิ้วเบาๆ หยิบมือถือออกมา รีบหาวีแชทของดนัย และส่งข้อความไป
“หนูส่งของเรียบร้อยแล้ว แต่คนของพวกพี่เหมือนกำลังจะโดนคนของแด๊ดดี้หนูฆ่าตาย ถ้าถูกคนของแด๊ดดี้ฆ่าตายจริง ของที่ให้เธอไปก็ไร้ประโยชน์?”
หลังจากส่งเสร็จ ดนัยตอบกลับมาทันที
“พี่จะให้หม่ามี้ของพี่โทรหาคุณอารอง”
กมลมองเห็นข้อความนี้ จัดการลบประวัติการสนทนาเมื่อสักครู่ทันที
เธอหันไปมองถ้ำอีกครั้ง เสียงร้องอันน่าเวทนาของปีวราดังออกมาอีกครั้ง เธอได้ยินแล้วขนลุกซู่
หยึย น่ากลัวจังเลย!