แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1278 เขาก็คือคนสารเลว

บทที่ 1278 เขาก็คือคนสารเลว

“Hi แด๊ดดี้!”

หลังจากที่เสียงของกานต์ลอยออกมาจากในมือถือ กมลกับกิจจาต่างก็รู้สึกคิดถึง

“พี่ พี่ เป็นยังไงบ้าง? แผลดีขึ้นเยอะหรือยัง?”

กมลกระโดดขึ้นไปบนรถของบุริศร์ คว้ามือถือของบุริศร์เข้ามาถาม

กานต์เห็นท่าทางคึกคักของกมล จึงหัวเราะออกมา “ดีขึ้นเยอะแล้ว หม่ามี้ติดต่อให้คุณน้ารมิดามาช่วยดูแผลให้พี่ใหม่ รับรองว่าจะไม่ทิ้งแผลเป็นแม้แต่นิดเดียว คุณน้ารมิดาบอกเอาไว้ ว่าจะทำการผ่าตัดอย่างไร้ร่องรอยให้พี่ วางใจเถอะ ถ้าพี่หายดีแล้ว ต่อไปรับรองเลยใครก็ดูไม่ออกว่าพี่เคยได้รับบาดเจ็บ”

ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ กมลถึงวางใจได้

“พี่ หนูคิดถึงพี่แล้ว”

กมลเบะปากเล็กๆ มองใบหน้าเล็กๆของกานต์ที่ผอมลงเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก

จู่ๆน้องสาวก็เศร้าขึ้นมาจึงทำให้กานต์แปลกใจ แต่ทว่ากลับยิ้มมุมปากมากขึ้น “พี่ก็คิดถึงเธอ ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนพี่เลย ทิ้งพี่ไว้คนเดียวที่นี่ ไร้ความรู้สึกกันเกินไปแล้วนะ”

“ไม่ใช่นะ พวกเรามีเรื่องต้องทำ ถึงต้องออกมาอย่างไม่มีทางเลือกต่างหาก”

กมลพูดอย่างได้รับความไม่เป็นธรรม

กานต์จึงยิ้มขึ้นมาทันที

“ก็ได้ๆๆ เธอไม่มีทางเลือก พี่ไม่โทษเธอหรอก ที่นั่นสนุกไหม?”

“สนุกมากๆ ที่สำคัญก็คือของอร่อยเยอะแยะเลย เมื่อกี้หนูเพิ่งซื้อมะม่วงสามลูกใหญ่ให้หม่ามี้ จ่ายไปแค่ห้าหยวนเองนะ! ถูกมากเลยใช่ไหม? แล้วก็ๆ หนูยังซื้อแก้วมังกรมาด้วย ถูกมากเหมือนกัน พี่ รอก่อนนะ หนูจะเอาของอร่อยกลับไปฝากพี่ด้วย”

ได้ยินกมลพูดอย่างนี้ กานต์จึงยิ้มอย่างเบิกบาน

“ได้ พี่จะรอ”

“เอ๊ะ? พี่ พี่ไอราก็อยู่ที่นั่นเหรอ? เหมือนหนูเห็นเธอเลยอะ”

ประโยคนี้ของกมลทำให้สีหน้าของกานต์หม่นหมองลง

“นี่เป็นเรื่องที่พี่อยากจะบอก แด๊ดดี้ หม่ามี้ โทรหาคุณอาอรรณพได้ไหมครับ? ให้ไอราออกไปจากที่นี่? เธออยู่ที่นี่ส่งผลกระทบต่อการพักผ่อนของผมจริงๆ!”

น้อยมากที่กานต์จะขอร้องนรมนกับบุริศร์ด้วยท่าทีเคร่งขรึมขนาดนี้ ใบหน้าเล็กๆของเขาในตอนนี้ยังมีความไม่พอใจกับความโมโหแนบมาด้วย จึงทำให้นรมนค่อนข้างแปลกใจ

“ไอราเป็นอะไร? ลูกทะเลาะกับเธอเหรอ?”

“หม่ามี้ คิดว่าผู้หญิงคนนั้นทะเลาะกันแล้วจะแก้ปัญหาได้เหรอครับ? ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อนเลย อีกอย่างเธอเป็นผู้หญิงตรงไหนกัน? นอกจากเพศแล้ว เธอแมนกว่าผู้ชายอีก”

ใบหน้าเล็กๆของกานต์แทบจะย่นรวมเข้าด้วยกันแล้ว

บุริศร์พูดเบาๆ “ช่วงนี้คุณอาอรรณพมีเรื่องต้องจัดการ ไอราอยู่ที่บ้านไม่ปลอดภัย อีกอย่างคุณน้ารมิดาไปจัดการบาดแผลให้ลูก ทั้งยังบำรุงรักษาสุขภาพให้ด้วย ไอราเป็นลูกสาวของเธอ ลูกจะให้คุณน้ารมิดาไม่ต้องการลูกสาวของตนเองเพื่อลูกงั้นเหรอ?”

คำพูดนี้ทำให้กานต์เงียบไปทันที

ความรู้สึกทั้งหมดของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็กลับมาสงบเหมือนเดิม

“ก็ได้ครับ งั้นพวกเขาจะกลับไปเมื่อไหร่?”

“เมื่อไหร่ที่ลูกคล่องตัวแล้ว พวกเขาก็จะกลับไปเมื่อนั้นแหละ กานต์ พวกเขาเป็นแขก อีกอย่างถึงยังไงไอราก็เป็นผู้หญิง อย่าแสดงความรู้สึกไม่ชอบเธอจนเกินไปได้ไหม? ลูกก็รู้ แด๊ดดี้กับหม่ามี้เราสองคนมีเรื่องต้องจัดการที่ด้านนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะลูกได้รับบาดเจ็บเคลื่อนไหวไม่สะดวก หม่ามี้กับแด๊ดดี้คงไม่ทิ้งลูกไว้คนเดียวอยู่แล้ว”

“ผมเข้าใจครับ แด๊ดดี้ ผมจะจัดการให้ดี”

กานต์กลับมาเย็นชาเหมือนเดิมแล้ว

“ใช่สิ แด๊ดดี้ ผมกับคุณอาจิ้งจอกเงินสืบดูแล้ว หลายปีก่อน คุณท่านรองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเหมือนจะไปหาของบางอย่างที่หมู่บ้านดารายน”

ได้ยินกานต์เริ่มพูดเรื่องสำคัญ กมลจึงรีบส่งมือถือไปให้บุริศร์

กิจจาให้กมลนั่งลงข้างๆ เขาส่งแก้วมังกรที่ปอกเสร็จแล้ว ไปให้กมล

เพื่อป้องกันไม่ให้โดนตัวของกมล กิจจาจึงถือเอาไว้ ให้กมลกินอย่างนั้น สบายใจเฉิบเลย

แต่บุริศร์กับนรมนกลับขมวดคิ้ว

“หาของ? หาของอะไร?”

“ไม่รู้ครับ สืบหาไม่เจอ แม้แต่เรื่องที่คุณท่านรองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไปหาของที่หมู่บ้าน ดารายนพวกผมยังต้องหาตั้งหลายรอบถึงจะหาออกมาได้ ข้อมูลที่หน่วยทหารไม่ได้บันทึกเอาไว้เลย การคาดเดาของผมกับคุณอาจิ้งจอกเงินก็คือหน่วยทหารอาจจะไม่รู้ว่าที่ด้านนั้นมีของอะไรอยู่ อาจจะมีแค่ธนเดชคนเดียวที่รู้ เขาคงอยากจะยึดเป็นของตนเอง ไม่ก็ทำลายทิ้งซะ ถึงได้ใช้ความสามารถพิเศษสร้างสิ่งที่ฆ่าคนตายได้เป็นเบือราวกับโรคระบาด แต่ทั้งหมดนี้เป็นแค่การคาดเดาของพวกผม อันที่จริงคุณลุงจิ้งจอกเงินบอกว่าดูจากท่าทีของธนเดชที่มีต่อคุณน้าธเนศพลแล้ว ถ้าเขาเกลียดคุณน้าธเนศพลจริง คงไม่ถึงกับต้องฆ่าคนตายเป็นจำนวนมากเพื่อคุณน้าธเนศพลกับคุณท่านรองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาสองคนนี้หรอก แค่ส่งคนไปจับเขาสองคนมาก็พอ ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้”

กานต์บอกสิ่งที่จิ้งจอกเงินคาดเดาให้บุริศร์ฟัง

บุริศร์กำลังครุ่นคิด ไม่ได้พูดอะไร แต่นรมนกลับค่อนข้างโมโห

“ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร ถ้าเพราะความเห็นแก่ตัวของตนเองถึงต้องชดเชยด้วยชีวิตของคนมากมายขนาดนี้ เขามันสารเลว!”

“ใช่ เขามันสารเลว! ดังนั้นผมถึงเดาว่าพี่คริชณะอาจจะเจออะไรเข้าแล้ว ถึงโดนพาตัวไป”

คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนตะลึงเล็กน้อย

“พี่คริชณะคงไม่โดนหน่วยทหาร……”

“ตระกูลนาคชำนานยังมีคนที่ทะเยอทะยานอยู่อีก”

แววตาของบุริศร์เย็นชาขึ้นเล็กน้อย เปล่งประกายความโหดร้ายออกมา

กานต์ถอนหายใจพูดขึ้น “แด๊ดดี้ เรื่องนี้สงสัยว่าทักษะคอมพิวเตอร์ของผมกับคุณอาจิ้งจอกเงินคงหาอะไรไม่เจอแล้ว เพราะร่องรอยทั้งหมดโดนลบไปแล้ว ฝีมือของอีกฝ่ายเทพใช้ได้เลย ผมกับคุณอาจิ้งจอกเงินพยายามจะกู้ข้อมูลคืนมา แต่ก็ไม่สำเร็จ”

คำพูดนี้กลับทำให้บุริศร์ค่อนข้างประหลาดใจ

“บนโลกนี้ยังมีเรื่องที่จิ้งจอกเงินจัดการไม่ได้ด้วยเหรอ?”

“คุณอาจิ้งจอกเงินบอกว่า เขาเป็นคนไม่ใช่พระเจ้า อีกอย่างเดิมทีคอมพิวเตอร์ยิ่งใหม่ก็ยิ่งเร็ว บ่อยๆที่มีคนเก่งปรากฏตัวออกมาเรื่อยๆ จะมีผีโผล่ออกมาสักตัวสองตัวคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่พวกเรายืนยันว่าสืบหาต่อไปไม่ได้แล้ว”

คำพูดของกานต์ทำให้บุริศร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ค้นหาต่อไปไม่ได้ก็ไม่ต้องหาแล้ว ลูกรักษาบาดแผลให้ดี เรื่องของคุณท่านรองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาให้จิ้งจอกเงินติดตามไป ถ้าแผลหายดีแล้ว แด๊ดดี้ส่งคนไปรับลูกได้ทุกเมื่อ”

“ครับ”

กานต์ตอบกลับด้วยความตื่นเต้น

เทียบกับที่ต้องนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน เขาหวังว่าจะได้ติดตามแด๊ดดี้กับหม่ามี้ไปในทุกๆที่

บุริศร์มองกิจจา แล้วส่งมือถือไปให้

กิจจาชะงักเล็กน้อย แล้วก็รับมาทันที นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในหอบรรพบุรุษที่หมู่บ้านดารายนแล้ว กิจจาจึงมองกานต์อย่างรู้สึกผิด “Hi กานต์”

“พี่ เป็นอะไรไป? เหมือนทำอะไรผิดมา! ทำเรื่องที่ผิดต่อผมมาเหรอ?”

“ไม่ได้ทำ อย่าเหลวไหลหน่า ก็แค่เห็นสีหน้านายดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว จึงคลายกังวลลงได้บ้าง”

กิจจาค่อนข้างทำตัวไม่ถูก

กานต์ยิ้ม “แหงสิ คุณน้ารมิดาตุ๋นน้ำแกงให้ผมดื่มทุกวันเลย ถึงจะบอกว่าอร่อยก็เถอะ แต่จริงๆก็ค่อนข้างเลี่ยน พี่ไม่เห็นเหรอว่าผมอ้วนแล้วเนี่ย?”

“เฮอะๆ อ้วนหน่อยก็ดี”

กิจจาเห็นใบหน้าเล็กๆของกานต์เปล่งปลั่งกว่าแต่ก่อน จึงยิ้มพูดขึ้น “กานต์ ดูตัวเองให้ดี พวกเรารอนายกลับมาที่หน่วยทหารนะ”

“อื้ม”

กานต์วางสายไป

นรมนพูดขึ้นด้วยความสงสาร “บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าเราทำเกินไป กานต์ยังเด็กขนาดนั้น แล้วยังได้รับบาดเจ็บอีก แต่พวกเรากลับทิ้งเขาไว้ที่นั่นคนเดียว ไม่เหมาะกับหน้าที่ของพ่อแม่เลย”

บุริศร์โอบนรมนเข้ามาในอ้อมอก พูดเบาๆ “อย่าคิดอย่างนี้ เป็นลูกของตระกูลโตเล็กเดิมทีก็ลำบากอยู่แล้ว อีกอย่างเป้าหมายของคนพวกนั้นคือพวกเรา ถ้าพวกเราอยู่ที่นั่น กานต์คงหมดหนทางที่จะได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ เรื่องราวทีละเรื่องๆต้องมาหาถึงหน้าบ้านแน่ๆ บาดแผลของกานต์ไม่เหมาะที่จะเคลื่อนไหว ต้องพักผ่อนอย่างสงบ ถ้าพวกเราดึงดูดให้ทุกคนเข้ามา เขาจะพักผ่อนอย่างสงบได้ยังไง? แค่พวกเราไป ก็จะดึงดูดความสนใจจากคนพวกนั้น กานต์ถึงจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ อีกอย่างคุณก็ชวนให้รมิดามาช่วยแล้วไม่ใช่เหรอ? วางใจเถอะ ลูกชายพวกเราไม่เป็นไรหรอก”

“ฉันรู้ แต่ในใจมันทนไม่ได้ ต่อให้กานต์จะเติบโตสุขุมแค่ไหน ยังไงเขาก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง”

ดวงตาของนรมนค่อนข้างชุ่มชื้น

เธอรู้ที่ทำอย่างนี้เพราะไม่มีทางเลือก แล้วก็ดีต่อกานต์ แต่ในใจมันเจ็บปวด ทุกข์ใจ

กมลยื่นมือมาจับมือของนรมนเอาไว้ พูดเบาๆ “หม่ามี้ ถ้าไม่จัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาด หนู พี่ พี่กิจจา พวกเราสามคนไม่ว่าจะโตขนาดไหนก็จะโดนก่อกวนอยู่ตลอด พวกเราจะไม่มีวันอยู่อย่างสงบเลย เพราะพวกเรานามสกุลโตเล็ก เป็นลูกของหม่ามี้กับแด๊ดดี้ ดังนั้นพี่จะต้องเข้าใจนะคะ”

ได้ยินลูกสาวพูดอย่างนี้ นรมนถึงรู้สึกได้ว่าลูกสาวก็โตแล้ว

อาจจะเพราะร่างกายที่บกพร่องตั้งแต่เกิดทำให้เธอไม่ใส่ใจปัญหาไอคิวของกมลมาโดยตลอด ตอนนี้เธอจึงพบว่า ในครอบครัวนี้ล้วนแต่เป็นทองคำที่ซ่อนเอาไว้ มีแต่เธอเท่านั้นที่เป็นแค่ทองสัมฤทธิ์ก้อนเล็กๆ

นรมนพยักหน้า ยิ้มพูดขึ้น “หม่ามี้รู้แล้ว หม่ามี้กับแด๊ดดี้จะรีบจัดการเรื่องทั้งหมดให้เรียบร้อย เพื่อให้วันข้างหน้าของลูกๆทั้งสามคนสงบสุข”

“ค่ะ”

กมลยิ้ม รอยยิ้มที่เปล่งประกายนั้นมีพลังมากมาย ทำให้บรรยากาศภายในรถมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

“เอาล่ะ พวกเราต้องรีบไปแล้ว ตามแผนที่นี้ ตรงไปอีกห้ากิโลเมตรจะมีหมู่บ้านเล็กๆหมู่บ้านหนึ่ง ที่นั่นน่าจะเป็นจุดติดต่อของคนตระกูลทวาทสิน บางทีอาจจะชี้นำอะไรพวกเราได้บ้าง ในเมื่อกมลมาที่นี่เพื่อพี่คริชณะ ผมรู้สึกว่าอาจจะช่วยพี่คริชณะกลับไปจากที่นี่ได้จริงๆ”

บุริศร์มีลางสังหรณ์อย่างนี้

หลังจากคริชณะโดนจับในสองข้อหา ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาโดนขังอยู่ที่ไหน ภายหลังป้องก็เคยสืบหาโดยใช้เส้นสาย ก็ไม่เจอร่องรอยใดๆของคริชณะในเมืองชลธีและเมืองหลวงตอนใต้เลย

เหมือนจู่ๆเขาก็หายไปจากโลกนี้ หายไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วตระกูลทวาทสินยังโดนจับตาดูอย่างแน่นหนาอีกด้วย เรื่องนี้ค่อนข้างน่าสนใจขึ้นมาแล้ว

ตอนนี้ดนัยให้กมลติดต่อคนของตระกูลทวาทสินที่ด้านนี้ ไม่แน่อาจจะเจอคริชณะหรือมีผลลัพธ์ที่เกินคาดบางอย่างอยู่ที่ด้านนี้ก็ได้

นรมนจับมือของบริศร์เอาไว้แน่น

เส้นทางที่ยาวไกลด้านหน้า ไม่รู้และไม่แน่ใจอะไรเลย แต่มีบุริศร์อยู่ มีเด็กๆอยู่ ใจของเธอก็ไม่สั่นไหวแล้ว

รถเคลื่อนตัวอีกครั้ง

นรมนมองแนวภูเขาทอดยาวที่ปรากฏขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าด้านนอก หลังจากผ่อนคลายความรู้สึกลงได้จึงพบว่าทิวทัศน์ของที่นี่ไม่เลวเลยจริงๆ

เสียง “ติ๊ง” ดังขึ้น ข้อความวีแชทที่ส่งมา ดึงสติของนรมนกลับมา

เธอก้มหน้าดูมือถือ ไม่นึกว่าจะเป็นนงลักษณ์ที่ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วส่งมา!

นรมนทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจขึ้นมาทันที

นงลักษณ์ส่งข้อความมาให้เธอ จะเกี่ยวกับตำแหน่งของคุณอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาหรือเปล่านะ

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท