แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1272 เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเกินไปจริงๆ

บทที่ 1272 เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเกินไปจริงๆ

ตอนที่บุริศร์มาถึงข้างกายของนรมน ก็มีทหารรับจ้างสามคนล้อมเข้ามาโจมตีนรมนพอดี จึงโดนบุริศร์แทงจากด้านหลังทันที

“บุริศร์ คุณมาได้ยังไง? กมลล่ะ?”

นรมนเห็นบุริศร์มาจึงเป็นห่วงกมล รีบถามขึ้นทันที

ลมหายใจของเธอไม่คงที่ สุขภาพแย่ลงเรื่อยๆแล้ว

บุริศร์มองเธอด้วยความเป็นห่วง หลังจากเตะทหารรับจ้างคนสุดท้ายกระเด็นออกไป ก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด พูดขึ้นเบาๆ “คนของพี่คริชณะมาแล้ว มีคนมาช่วย ผมก็เลยมาดูคุณหน่อย”

“ทักษะการใช้ปืนของกมลใครเป็นคนสอน?”

จนถึงตอนนี้นรมนยังค่อนข้างตกใจ

จำได้ลางๆว่าเด็กที่ยอดเยี่ยมที่สุดในครอบครัวคือกานต์ ไม่นึกว่ากมลก็จะเป็นทองคำที่ซ่อนเอาไว้ ยัยตัวเล็กนี่ซ่อนเอาไว้ซะลึกเชียว

บุริศร์ลูบหัวของเธอด้วยความเห็นใจ พูดอย่างอ่อนโยน “ตอนที่ไปฝึกอบรมพิเศษ กานต์เป็นห่วงสุขภาพของเธอ จึงติดต่อครูฝึกให้ผ่อนผันให้กมลสอบผ่าน ครูฝึกคนนั้นเคยเป็นทหารภายใต้การบังคับบัญชาของผม เขารู้สึกว่าจะยังไงก็ควรให้กมลมีทักษะป้องกันตัว จึงพบว่ากมลมีพรสวรรค์ด้านการยิงโจมตี ตอนนั้นเขาเคยโทรมาถามความเห็นจากผม ผมจึงตอบตกลงไป ยังไงซะลูกสาวของตระกูลโตเล็กก็ไม่ควรอ่อนแอเกินไป สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันมากมาย เป็นไปไม่ได้ที่จะมาได้ทันเวลา ดังนั้นทักษะการป้องกันตัวขั้นพื้นฐานจึงจำเป็น”

“เรื่องนี้คุณปิดบังลึกไปนะ”

ได้ยินบุริศร์อธิบายอย่างนี้ นรมนจึงคลายกังวลลงได้ แต่ทว่ายังคงพูดด้วยความเป็นห่วง “แรงดีดกลับของปืนซุ่มยิงกมลรับไหวได้ยังไง?”

“ดัดแปลงใหม่แล้ว เท่าที่ขีดจำกัดภายในร่างกายของเธอจะรับไหว ปืนซุ่มยิงนั้นเป็นของเธอโดยเฉพาะ พกเอาไว้ในกระเป๋าเดินทาง อีกอย่างตอนที่อยู่กับตระกูลทวาทสิน เจ้าดนัยน่าจะสอนทักษะตีรันฟันแทงป้องกันตัวให้กมลไม่น้อยเลย อย่าโดนใบหน้านางฟ้าของลูกสาวคุณหลอกเชียว นี่เป็นหน้ากาก แล้วก็เป็นอาวุธลับของเธอด้วย”

บุริศร์พูดแล้วก็อุ้มนรมนขึ้นมา

“เอาล่ะ เรื่องของกมลคุณไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะ สุขภาพของคุณนี่แหละที่ไม่ไหวแล้ว ออกแรงแค่ชั่วครู่ไม่นึกว่าจะหอบแฮ่กเลย พรุ่งนี้เช้าต้องตื่นขึ้นมาวิ่งกับผมนะ”

คำพูดของบุริศร์ ทำให้นรมนพูดอะไรไม่ออก

“กิจจาอยู่ในครัว เรากลับไปรับเขากันเถอะ”

“รออีกเดี๋ยว รอพวกเขาเก็บกวาดสนามรบให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน”

บุริศร์ไม่คาดหวังให้ภรรยาของตนเองออกแรงอีกแล้ว อุ้มเธอไปพักอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่ที่ด้านข้าง

นรมนยังเป็นกังวลอยู่ แต่ทว่ากลับโดนจูบที่เร่าร้อนของบุริศร์จนเวียนหัวไปหมด

หลังจากพวกปีวราเก็บกวาดสนามรบเรียบร้อยก็เห็นกมลกำลังเช็ดปืนซุ่มยิงของตนเองอย่างตั้งใจ จึงอดไม่ได้ที่จะชะงักงัน

“คุณหนูกมลปืนซุ่มยิงเมื่อกี้คุณเป็นคนยิงเหรอ?”

“ใช่แล้ว ทำไมเหรอ?”

คำถามนี้ของกมล ทำให้ปีวราต้องกลืนคำถามที่อยู่เต็มปากลงไป

ถ้าเป็นยัยคุณหนูนี่ งั้นก็ช่างเถอะ เธอเก็บความคิดก่อนหน้านี้ไปดีกว่า

“ไม่มีอะไรค่ะ”

ปีวรารีบยิ้มแย้ม แต่ในใจกลัดกลุ้มจะแย่แล้ว

“คนของเธอต้องฝึกฝนแล้วนะ มาช้าขนาดนี้ ถ้าฉันกับหม่ามี้เป็นอะไรไปจะทำยังไง? ผู้หญิงสวยๆอย่างพวกเราโดนทหารรับจ้างฆ่าตาย น่าเสียดายมากนะ อ้อ ใช่สิ ฉันอยากกินสัตว์ปีก เธอไปเตรียมด้วยนะ”

พูดจบกมลก็เก็บปืนซุ่มยิงขึ้นมา แล้วเดินไปตามหากิจจา

ปีวรายกมุมปากขึ้นอีกครั้ง

“แม่ทูนหัวนี่เมื่อไหร่จะกลับไปนะ?”

“หัวหน้าครับ เหมือนพวกเขาเพิ่งจะมากันเอง”

มีคนไม่กลัวตายรับคำของปีวรา หาเรื่องให้ปีวราค้อนขวับ

“ฉันไม่รู้หรือไง? ถึงต้องให้นายเตือน ไปทำงาน!”

“ครับ”

หลังจากคำรามออกมาปีวรายิ่งรู้สึกเจ็บแผล

ฮือๆ แล้วยังต้องไปจับสัตว์ปีกอีก

ใครจะรู้ว่าแม่ทูนหัวอยากกินตัวอะไร

ตอนนี้เธออยากย้ายออกไปจากที่นี่มากจริงๆ

บุริศร์กับนรมนเห็นสนามรบจัดการได้พอประมาณแล้ว จึงอุ้มนรมนเดินเข้ามา

“นำตัวศัตรูพวกนั้นไปขังไว้ในถ้ำ ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าคนบงการที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร อย่าให้พวกมันตาย ถ้าพวกมันตาย พวกนายก็เลือกหลุมฝังศพได้เลย”

น้ำเสียงของบุริศร์เย็นเฉียบ ทั่วทั้งร่างกายยิ่งแพร่กระจายความเย็นยะเยือกออกมา ทำให้ทุกคนไม่กล้าพูดเสียงดัง

กมลก็ค่อนข้างหงุดหงิด ตัวตนที่ปิดบังมาตั้งนานโผล่ออกมาซะแล้ว น่าเบื่อจัง

“แด๊ดดี้ พี่กิจจาล่ะ?”

“อยู่ในตู้ของห้องครัว”

นรมนรีบพูดขึ้น

คนของปีวราไปอุ้มเขาออกมา

กิจจายังไม่ได้สติ กมลจึงให้คนอุ้มเขาเข้าไปในห้อง แล้วคอยดูแลอยู่ข้างๆ

บุริศร์ก็พานรมนเข้ามาในห้องนอน

“คนพวกนี้รู้สถานที่ที่พวกเราจะไปอย่างชัดเจน ไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ”

นรมนกังวลใจ

“เป้าหมายของพวกเขาคงจะง่ายมาก แค่ขัดขวางไม่ให้พวกเราทำอะไร บางทีอาจจะเกี่ยวกับ พี่คริชณะ”

บุริศร์ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น

“งั้นเรายังจะไปไหว้หลุมศพอยู่ไหม?”

“ไป ทำไมถึงไม่ไปล่ะ? คุณกับกมลอยู่ที่บ้านเถอะ”

บุริศร์เป็นห่วงมาก

“ไม่เป็นไร ฉันแค่เหนื่อยนิดหน่อย แต่ไม่ถึงขนาดที่จะปกป้องตนเองไม่ได้หรอก”

สำหรับสุขภาพของตนเอง นรมนก็เบื่อหน่าย

นานขนาดนี้แล้ว บุริศร์ให้ยาบำรุงร่างกายแก่เธอไปไม่น้อยเลย แต่ร่างกายก็ยังคงอ่อนแอสุดๆ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับที่แท้งไปครั้งก่อนหรือเปล่า

บุริศร์ยังอยากพูดอะไรอีก แต่สุดท้ายแล้วก็หยุดเอาไว้ เพราะเขาเข้าใจนรมน แทนที่จะให้เธอเป็นห่วงอยู่ที่บ้าน ให้เธอไปด้วยกันดีกว่า

“งั้นรอให้กิจจาตื่นแล้วค่อยว่ากัน”

“อื้ม ฉันก็จะพักผ่อนหน่อย”

แววตาของนรมนค่อนข้างเหนื่อยล้า

“อื้ม งั้นผมลงไปดูข้างล่างนะ”

บุริศร์เทน้ำอุ่นให้นรมนแก้วหนึ่ง หลังจากเธอดื่มแล้วถึงออกไปจากห้อง

ตอนที่กิจจาตื่นขึ้นมา ก็เห็นกมลนั่งแกว่งขาไปมาอยู่ข้างเตียงของตนเอง ในมือถือนิทานอยู่เล่มหนึ่งกำลังอ่านอย่างเพลิดเพลิน จึงอดไม่ได้ที่จะใจลอย

กมลที่อ่อนโยนสงบนิ่งอย่างนี้ ทำให้เขาอยากจะคุ้มครองมากขึ้น

“กมล”

กิจจาเพิ่งลุกขึ้นมาก็นึกถึงอะไรบางอย่าง

เสียงปืน!

ม่านตาของเขาหดตัวทันที

“พี่กิจจา พี่ตื่นแล้ว?”

กมลยิ้มแย้มเลิ่กคิ้ว กระโดดลงมาจากบนเก้าอี้ทันที ตอนที่มาถึงข้างกายของกิจจาก็ถามขึ้นด้วยรอยยิ้มสดใส “พี่เป็นยังไงบ้าง? อยากดื่มน้ำหรือจะกินอะไรหน่อยไหมหรืออยากฟังนิทานดี?”

“กมลเธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”

กิจจาจับมือของกมลเอาไว้

ยังจำครั้งแรกที่ตนเองเจอกมลได้อยู่เลย เธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ร่างกายผ่ายผอมเหลือเกิน ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะได้ใช้ชีวิต แต่กลับไม่มีทางเลือก

เขาลืมดวงตาคู่นั้นไม่ลง ยิ่งลืมความอ่อนแอในตอนนั้นของกมลไม่ได้เลย

สิ่งที่ตราตรึงอยู่ในใจของเขา กมลก็คือเด็กอ่อนแอ เป็นคนที่เขากับกานต์ต้องพยายามปกป้องสุดชีวิต โดยเฉพาะหลังจากที่เขารู้ว่าแม่แท้ๆของตนเองเป็นคนทำให้กมลเป็นอย่างนี้ ความละอายใจทำให้เขาสาบานกับตนเอง ชีวิตนี้ต่อให้ต้องตายก็จะปกป้องกมลให้ปลอดภัยให้ได้

แต่หม่ามี้พูดว่าอะไรล่ะ?

เธอบอกว่าเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตรินท์ ไม่ว่าตอนไหน กมลกับกานต์ก็เตรียมพร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อเขาได้ตลอด

ไม่ใช่อย่างนี้สิ!

ไม่ใช่!

แม่ของเขาทำผิดมหันต์ ตั้งแต่เกิดมาก็ทำให้กมลมีความบกพร่องติดตัวมาด้วย เป็นพ่อแม่ของเขาที่ติดค้างหม่ามี้กับแด๊ดดี้ ติดค้างกานต์แล้ว

ทำไมพวกเขาถึงยังดีกับเขาโดยที่ไม่มีความขุ่นเคืองใจสักนิดเลย?

กิจจาไม่เข้าใจ แต่กลับซาบซึ้งใจมาก

“หนูไม่เป็นไร พี่กิจจา หนูจะบอกพี่ให้ เมื่อกี้น่ากลัวมากเลย ถ้าไม่ใช่แด๊ดดี้คอยปกป้องหนูนะ หนูก็ไม่รู้เลยว่าจะได้เจอพี่อีกไหม พี่กิจจา กลัวอะ! กอดหน่อยๆ!”

กมลกระโดดขึ้นมาบนเตียงทันที กระโจนเข้าไปในอ้อมกอดของกิจจา

กิจจารีบอ้าแขนแล้วกอดเธอไว้แน่นๆ พูดปลอบใจเธอด้วยเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องกลัวๆ ต่อไปพี่กิจจาจะฝึกฝนฝีมือให้ดี จะไม่ให้เธอต้องเจอกับอันตรายอย่างนี้อีกแล้ว”

“พี่กิจจาดีจังเลย”

กมลยิ้มสดใส เสียงหวานๆทำให้ในใจของกิจจาอ่อนยวบ

เขารู้ เขาควรจะปล่อยวางได้แล้ว

ไม่ว่าจะพึ่งพาอาศัยคนอื่น หรือจะเป็นยังไงก็ตาม แค่มีกมลอยู่ มีกานต์อยู่ มีหม่ามี้อยู่ ครอบครัวนี้ก็สมบูรณ์แบบแล้ว

แววตาของกิจจาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“แด๊ดดี้กับหม่ามี้ล่ะ? บาดเจ็บไหม? พี่จะไปดูหน่อย”

“อย่าไปเลย พี่กิจจา ตอนนี้หม่ามี้น่าจะพักผ่อนอยู่ ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าพี่ช่วยไปดูอีกคนให้หนูหน่อยได้ไหม? เหมือนเธอจะบาดเจ็บค่อนข้างหนัก”

กมลออกมาจากอ้อมกอดของกิจจา

กิจจาขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามขึ้นด้วยความสงสัย “ใครเหรอ?”

“คนของคุณลุงคริชณะ ก่อนหน้านี้แด๊ดดี้เข้าใจผิด โดนตีเกือบตายแหนะ วันนี้ถ้าไม่ได้เธอพาคนมาช่วยพวกเราเอาไว้ สงสัยว่าพวกเราคงโดนศัตรูล้อมรอบแล้ว”

กมลท่าทางหวาดกลัวจริงๆ ทำให้กิจจาพูดขึ้นทันที “ได้ พี่จะไปดูเธอเลย”

“ขอบคุณค่ะพี่กิจจา”

กมลพากิจจาที่ถือกล่องยามาที่ด้านหน้าของปีวรา

“พี่คะ หนูให้พี่ชายมาดูแผลให้พี่ พี่ต้องเจ็บแน่ๆเลยใช่ไหม? พี่สบายใจได้ ฝีมือการรักษาของพี่ชายหนูดีมากๆ รับรองเลยว่าพี่จะไม่เจ็บ”

กมลในตอนนี้ราวกับตุ๊กตาเซรามิค เสียงใสราวกับเสียงธรรมชาติ แต่กลับทำให้ปีวราตัวสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้

ยัยคุณหนูนี่จะทำอะไรอีก?

กมลเห็นปีวรามองตนเองอย่างหวาดหวั่น จึงรีบก้มหน้าพูดด้วยเสียงสะอื้น “พี่ หนูรู้แด๊ดดี้ของหนูเข้าใจผิดพี่ก่อน ทำร้ายพี่ จนพี่ทนไม่ไหว แต่ว่าแด๊ดดี้หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ถ้าพี่บอกว่าเป็นคนของคุณลุงคริชณะตั้งแต่แรก แด๊ดดี้หนูคงไม่จำผิดคนแน่ๆ”

ดังนั้นเป็นความผิดของเธองั้นสิ?

ปีวรายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

กิจจาเห็นปีวราไม่แสดงท่าทีอะไรเลย สายตาจึงเย็นชาขึ้นมาโดยปริยาย

“พี่ น้องสาวผมสุขภาพไม่ดี แต่กลับเป็นห่วงพี่ที่เมื่อกี้เพิ่งช่วยแด๊ดดี้ของผมกับเธอเอาไว้ เป็นตายยังไงก็จะลากผมมาดูบาดแผลของพี่ให้ได้ ผมรู้สึกว่าพี่อย่าทำเกินไปจะดีกว่า”

“ห๊ะ?”

ปีวราหงุดหงิดใจแล้ว

เธอทำอะไรเหรอ?

“เหมือนฉันจะยังไม่ได้ทำอะไรเลยหรือเปล่า?”

“ที่พี่ไม่ได้ทำอะไรเลยนั่นแหละถึงทำให้น้องสาวของผมเสียใจอย่างนี้”

คำพูดของกิจจายิ่งทำให้ปีวรากลุ้มใจ

เหมือนเธอจะพูดยังไงก็ผิดหมดนั่นแหละ

พี่น้องคู่นี้เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ

“ฉัน……”

“เอาล่ะ ไปที่ห้องเถอะ ผมจะดูบาดแผลให้”

กิจจาพูดจบก็ดึงกมลเดินกลับไป

กมลหันกลับมา แลบลิ้นใส่ปีวรา ทำหน้าตาเยาะเย้ย อยากให้ปีวราโมโหจะแย่แล้ว

ใครส่งยัยเด็กแสบนี่มา?

เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเกินไปจริงๆ

อย่างนี้ เธอปีวราก็ติดค้างน้ำใจที่แสนยิ่งใหญ่จากกมลแล้วงั้นเหรอ?

ปีวรากำลังหงุดหงิด จู่ๆมือถือก็ดังขึ้น ข้อความหนึ่งทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท