ไม่มีใครเห็น ขอบตาของบุณพจน์มีน้ำตาไหลออกมา
นี่คือพ่อของเขา
ฮ่าๆๆ!
บุณพจน์เจ็บไปทั่วสรรพางค์กาย ถึงกับรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตาย น่าเสียดายความเจ็บปวดนี้ทรมานไม่หยุด ทำให้เขาพูดไม่ได้ มือขยับไม่ได้ นอนแห้งเหมือนศพ
ตอนที่กินพิษทองคำเข้าไปหวังว่าจะโชคดี คิดว่าตัวเองจะทำพิษทองคำได้ ชำระล้างพิษในร่างกายเหมือนเกิดใหม่ หลังจากนี้ไม่ต้องถูกพิรุณเป็นหุ่นเชิดและควบคุม แต่เขาก็รู้ พิษทองคำรุนแรงมาก ถ้าเขาทนไม่ไหว ก็จะต้องตายอยู่ที่นี่จริงๆ
หลายวันนี้พวกบุริศร์ไปแล้ว เขาตัดสินใจวางเดิมพันอย่างนี้ ไม่ได้เผื่อทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง ตอนนี้ระหว่างความเป็นความตาย เขาได้ยินพิรุณพูดจาเย็นชาไร้ความรู้สึกกับหูตัวเอง
ไม่ว่าอย่างไร เขาเลี้ยงตัวเองมาสามสิบปี แม้ว่าสามสิบปีนี้จะไม่เคยมีความรักอบอุ่น แต่สัมพันธ์ทางสายเลือด เขายังคงเป็นพ่อของตัวเอง
ตอนนี้เยื่อใยอาวรณ์สุดท้ายถูกพิรุณตัดขาดกับมือ
เขาคือลูกชายของพ่อ!
สามสิบปีมานี้ ต่อให้เลี้ยงหมาตัวหนึ่งก็น่าจะมีความรู้สึกไม่ใช่หรือ
แต่เขาเหมือนแค่ผ้าขี้ริ้ว จะโยนทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ ถึงกับไม่ให้โลงศพเขา แต่กลับจะให้คนโยนเขาลงในอ่างหนอนพิษเป็นเพื่อนกับแม่ที่ตายไปแล้ว
นี่คือพ่อของเขาจริงๆ หรือ
สำหรับพ่อแล้ว ตัวเขาเป็นอะไรกันแน่
ใจบุณพจน์เหมือนถูกมีดกรีด แต่ก็รู้สึกหลุดพ้น
ตอนนี้ไม่มีอะไรที่อาลัยอาวรณ์แล้ว
ความรู้สึกระหว่างเขากับพิรุณจบแล้ว
บุญคุณที่ให้กำเนิดเขา ถือว่าวันนี้ชดใช้แล้ว
บุณพจน์หลับตาลง ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ
ที่นี่ไม่มีคนนอก ไม่มีทางที่ใครจะเห็นเขาอ่อนแอและเสียใจ เขาไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากาก ในที่สุดก็ได้ร้องไห้จริงๆ
รู้สึกเจ็บปวดและหนาวเหน็บไปทั่วตัว หนาวจนเหมือนอยู่ในอ่างน้ำแข็ง
ถ้าหากฝืนต่อไปไม่ไหว เขาอาจจะตายอยู่ที่นี่จริงๆ ไม่รู้ตอนนี้พรวลัยเป็นอย่างไร จะอาละวาดกลับมาหาเขาหรือเปล่า
คิดถึงเรื่องราวในอดีตระหว่างตัวเองกับพรวลัย บุณพจน์รู้สึกเสียใจจริงๆ
ตลอดหลายปีมานี้ เขาไม่เคยเป็นเพื่อนพรวลัยใช้เวลาด้วยกัน
เขารู้ว่าพรวลัยชอบไปเดินเล่น แต่เขาก็ไม่เคยมีเวลาพาเธอไป หลายปีนี้ใช่ว่าไม่มีผู้หญิงคนอื่นอยากจะอยู่เคียงข้างเขา แต่เขาไม่อาจทนเห็นพรวลัยเสียใจได้
เขายังจำได้ครั้งนั้นที่ตัวเองบาดเจ็บหนักที่สุด พรวลัยร้องไห้ฟูมฟายดึงเขาจากกองคนตาย แล้วแบกเขาไปโรงพยาบาลอย่างยากลำบาก
หมอคนนั้นอยากจะได้ตัวพรวลัยเป็นค่าตอบแทนถึงจะยอมรักษาเขา นั่นคือครั้งแรกที่พรวลัยฆ่าคน ฆ่าคนเพื่อเขา
เขายังจำได้พรวลัยตอนนั้นเสียใจและอับจนหนทาง จำเสียงหมอคนนั้นฉีกเสื้อผ้าพรวลัยได้ ถึงกับจำเสียงร้องไห้ของพรวลัยจนเป็นสายเลือด
แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองเท่านั้น
พรวลัยหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมาฆ่าหมอคนนั้นต่อหน้าเขา
ตอนที่เลือดแดงฉานพุ่งใส่หน้าเขา เขามองเห็นพรวลัยตัวสั่นเทาและลนลานไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่แม้จะเป็นอย่างนี้ เธอยังคงหาเบตาดีนและยาจากห้องทำงานหมอได้ ค่อยๆ ช่วยเขารักษาบาดแผล
เขาไม่รู้ว่าตัวเองรอดชีวิตมาได้อย่างไร ช่วงเวลานั้นการต่อสู้ข้างนอกดุเดือด ผู้ก่อการร้ายกระจัดกระจายทุกที่ พรวลัยกับเขาซ่อนอยู่ในสำนักงานนั้นอาทิตย์กว่า
เขาเป็นไข้สูงไม่ลด พรวลัยคอยกอดเขาพูดคุยกับเขา เธอทำทุกอย่างเพื่อเขา
บุณพจน์นับแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา รับพรวลัยเป็นผู้หญิงของตัวเองอย่างแท้จริง
หลายปีมานี้ ทั้งสองคนฟันฝ่าห่ากระสุนมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีลูกของตัวเอง เขาติดค้างพรวลัยมากเหลือเกิน และไม่รู้จะมีโอกาสเป็นที่พักพิงให้เธออีกหรือไม่ แต่มีบุริศร์อยู่ด้วย พรวลัยน่าจะได้รับการดูแลอย่างดี
บุณพจน์รู้สึกว่าตัวเองใกล้ตายอย่างมีความสุข ยามที่เฝ้าข้างนอกก็ไปแล้ว ทั้งศาลบรรพบุรุษเงียบสงัด เงียบจนเขาแทบไม่ได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพช
แม้แต่จะตายแล้วก็ยังไม่มีใครรู้ ถึงกับไม่มีใครรู้ศพของเขาอยู่ที่ไหน บางทีวันหนึ่งมีคนมาเจอเข้า เขาคงเหลือแต่โครงกระดูกในอ่างแล้ว
เมื่อนึกถึงจุดจบของตัวเองเช่นนี้ บุณพจน์ไม่รู้ว่าตัวเองควรร้องไห้หรือหัวเราะดี
ขณะที่พิรุณโมโหออกไปจากศาลบรรพบุรุษแล้ว ลูกน้องก็มาส่งข่าวอีกครั้ง รายงานว่า มิลินเข้าไปในศาลบรรพบุรุษของหมู่บ้านดารายน ตั้งนานแล้วยังไม่ออกมา ไม่รู้ว่าเข้าไปทำอะไร
พิรุณร้อนใจทีเดียว
“พาคนตามฉันไป”
ครั้งนี้ พิรุณตัดสินใจออกโรงเอง
ขอแค่จับมิลินได้ แย่งหนังสือโบราณนั้นมาได้ ไม่แน่อาจจะหาทางเข้าสายแร่เจอ
คนของพิรุณตามไปครึ่งหนึ่ง ที่เหลือทำงานอื่นๆ ไม่มีใครสนใจความเป็นความตายของบุณพจน์
บุณพจน์มีชีวิต ก็เป็นคุณชายบุณพจน์ ถ้าตายแล้ว เขาก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น
บุริศร์เมื่อรู้ว่ามิลินดึงความสนใจให้พิรุณเคลื่อนไหวแล้ว ก็วางแผนจะไปหาบุณพจน์คนเดียว แต่ตอนที่จะไปก็เจอกับนรมนและพรวลัย
“พวกคุณออกมาทำไมกัน”
“ไม่มีฉัน คุณออกไปไม่ได้หรอกค่ะ”
พรวลัยมองบุริศร์ พูดเสียงเบา “ค่ายกลแปดทิศหยินหยางมีแต่ฉันที่รู้ว่าจะออกไปยังไง และทางลับเข้าศาลบรรพบุรุษอยู่ตรงไหนด้วย”
“แต่ร่างกายของคุณ…”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
นรมนเห็นท่าทางบุริศร์กังวล ก็พูดขึ้น “ฉันจะดูแลพรวลัยเองค่ะ บุริศร์ เธอเป็นห่วงบุณพจน์ ก็เหมือนฉันเป็นห่วงคุณ คุณให้พวกเรารอฟังข่าวทางนี้ กับพรวลัยแล้วมันทุกข์ทรมาน สู้ให้พวกเราตามไปด้วยดีกว่า ฉันรับปากจะไม่เป็นตัวถ่วง และจะไม่ให้คนเจอพรวลัยด้วยได้มั้ยคะ”
เธอมองบุริศร์ ใบหน้าอ้อนวอน
บุริศร์จะแข็งใจให้นรมนเสียใจได้ยังไง
“ก็ได้ แต่ต้องเชื่อฟังผมนะ”
“ค่ะ”
สามคนออกจากแคมป์ของคริชณะอีกครั้ง
พรวลัยนำทาง บุริศร์กับนรมนก็มาถึงทางลับเข้าศาลบรรพบุรุษอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พรวลัยเดินรีบร้อนมาก
เธอไม่สบายใจมาก รู้สึกใจโหวง เหมือนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“พรวลัย เธอช้าๆ หน่อย ระวังตัวเองด้วย”
นรมนเป็นห่วงมาก แต่ตอนนี้พรวลัยไม่ได้ยินแล้ว
บุริศร์เร่งฝีเท้าตาม รู้สึกว่าจะเกิดเรื่องไม่ค่อยดีเช่นกัน
เมื่อทั้งสามคนมาถึง ศาลบรรพบุรุษ ก็เห็นนอนตรงนั้น ดูเหมือนไม่หายใจ
“คุณชายบุณพจน์! คุณชายบุณพจน์!”
พรวลัยรีบวิ่งเข้าไป โผเข้าหาบุณพจน์
ตัวของเขาเย็นเฉียบ ทำให้พรวลัยตกใจร้องไห้ทันที
“บุณพจน์ คุณชายบุณพจน์ตื่นสิ! คุณเป็นอะไรไป ตื่นสิคะ!”
บุริศร์กับนรมนได้ยินเสียงร้องเรียก ก็อดตะลึงไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น”
บุริศร์รีบวิ่งเข้ามา ตรวจดูลมหายใจของบุณพจน์ มันอ่อนแรงมาก แทบไม่รู้สึกทำให้บุริศร์ใจเต้นแรง
“ทำไมเป็นอย่างนี้ ตอนพวกเราไปก็ยังดีๆ พิรุณไม่สนใจเขาแล้วหรือ”
“ฉันบอกแล้ว พิรุณไม่สนใจเขาจะเป็นหรือตาย พวกคุณคิดว่าเสือเฒ่าไม่กินอาหาร คิดว่าฉันแค่ขู่ให้กลัว ตอนนี้เขาตายแล้ว พวกคุณพอใจแล้วยัง”
พรวลัยน้ำตานองเหมืองเปิดก๊อกน้ำ
เธอกอดบุณพจน์ พร่ำรำพัน “มีลูกแล้วยังไง ถ้าเด็กคนนี้ทำให้คุณต้องจากไป ฉันไม่อยากได้ ตั้งแต่อายุสิบแปด ฉันก็รู้ว่าชีวิตนี้อยู่เพื่อใคร ฉันเป็นของขวัญของคุณ เป็นบอดี้การ์ด เป็นคนที่ตายแทนได้ ถ้าวันนี้คุณตาย เหลือแต่ฉันกับเด็กในท้องจะมีประโยชน์อะไร ใครบอกคุณเมื่อไม่มีคุณแล้ว ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ใครอนุญาตให้คุณจัดการชีวิตฉันอย่างนี้ คุณลุกขึ้นมาสิ คุณจะให้ฉันทำยังไง คุณต้องบอกฉันเอง ให้คนอื่นพูดนี่มันเรื่องอะไร คุณเคยบอกฉัน ฉันเป็นของขวัญของคุณ ฉันฟังคุณคนเดียว คุณอยากให้ฉันเป็นหรือตาย ก็บอกกับฉันมา ขอแค่คุณเอ่ยปากเอง ให้ฉันอยู่ต่อไป ให้ฉันมีชีวิตเลี้ยงลูกต่อไป แต่ฉันไม่ฟังคนอื่น ไม่อยากฟัง”
หยดน้ำตาไหลลงบนใบหน้าของบุณพจน์ แต่บุณพจน์ไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด
นรมนยืนตะลึง มองบุริศร์ที่เสียใจและพรวลัยที่ใจสลาย เธอหายใจเข้าลึกๆ “บุณพจน์ตายจริงๆ แล้วหรือคะ”
“ยังมีลมหายใจรวยริน แต่…”
บุริศร์พูดต่อไม่ได้จริงๆ
นรมนสุขุมที่สุดในที่นี้
เธอพูดเสียงเบา “พวกเราพาเขาไปก่อน กิจจาน่าจะมีหนทางช่วยเขาได้ เขาน่าจะถูกพิษ ตอนที่พวกเราไปยังดีๆ อยู่ ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ได้”
“ในร่างกายเขามีพิษ หลายปีนี้ทดลองพิษ สกัดพิษ จะไม่มีพิษหลงเหลือได้อย่างไร ฉันรู้มาตลอดว่าเขาเสี่ยงชีวิต ทุกครั้งที่สกัดพิษสำเร็จ รอดพ้นจากความตายย่อมมีราคาที่ต้องแลก ถ้าหากควบคุมพิษในร่างกายไม่ได้ ก็จะถูกพิษนั้นแว้งกัด เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตายในที่สุด คนสกัดพิษจะต้องมีคนหนึ่งดูแล แต่เขาไม่มี ฉันไม่เคยรู้ว่าเขาจะเกิดเรื่องเมื่อไหร่ เขาให้ฉันไปกับพวกคุณ คงจะรู้แล้วว่าสภาพร่างกายตัวเองมีปัญหา เด็กในท้องฉันจะได้ลืมตาดูโลกหรือไม่ยังไม่รู้ ต่อให้เกิดแล้ว ได้รับผลจากพิษมากมาย ไม่รู้ว่าเด็กจะเป็นอย่างไร จะบกพร่องแต่กำเนิดหรือไม่ จะเกิดมาพร้อมกับพิษหรือไม่ ฉันไม่ได้มองแง่ดีเหมือนเขา เขาอยากได้เด็กคนนี้ แต่ฉันแค่อยากให้เขามีชีวิตอย่างมีความสุขเท่านั้น”
นรมนตะลึงไม่น้อยเมื่อได้ยินพรวลัยพูดขึ้น
ตอนแรกเธอคิดว่าพรวลัยท้องลูกของบุณพจน์เป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี
“ไม่ว่าอย่างไร พวกเราพาเขากลับไป ให้กิจจาดูก่อน จะต้องมีวิธี เขายังไม่ตายไม่ใช่หรือ ขอแค่ยังมีลมหายใจ พวกเราก็ยังมีความหวังไม่ใช่หรือ อีกอย่างพวกเราให้กิจจาติดต่อมิลิน มิลินเป็นคนของหมู่บ้านดารายน เธอจะต้องรู้เรื่องถอนพิษแน่ๆ”
คำพูดของนรมนทำให้แววตาของพรวลัยฉายความหวัง
“หมู่บ้านดารายนยังมีทายาทหรือคะ”
“มี และอยู่ที่หมู่บ้านดารายนด้วย พวกเราพาบุณพจน์หนีไปก่อน ต่อให้เขาตาย ก็จะให้ตายที่นี่ไม่ได้ เขาเป็นพี่ชายของบุริศร์ เขาไม่ควรจะตายโดยไม่มีใครสนใจอยู่ที่นี่”
บุริศร์พูดจบก็เข้าอุ้มบุณพจน์ แต่ตอนที่เข้าใกล้บุณพจน์ เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่อก