“พรวลัย!”
นรมนเดินไปข้างหน้าอย่างรีบร้อน แล้วคว้าแขนของพรวลัยมาจับไว้ทันที แล้วถามขึ้นอย่างโกรธจัดว่า “คุณเป็นคนปล่อยตัวพิรุณไปเหรอ?”
“ใช่”
สำหรับจุดนี้พรวลัยยอมรับขึ้นอย่างไม่โต้แย้ง
ต่อหน้าคนตั้งมากมายขนาดนี้ แล้วเธอยังยอมรับออกมาได้ง่ายดายแบบนั้น ชั่วขณะหนึ่งจึงทำให้นรมนอึ้งไปเลย
“คุณรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่? รู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? พรวลัย คุณเป็นผู้หญิงของบุณพจน์นะ ที่คุณทำแบบนี้มันหมายความว่าไงกันแน่? หรือใครสั่งให้คุณทำ? บุณพจน์ยังสลบอยู่เลย คุณอย่ามาสาดน้ำสกปรกใส่ตัวเขาเลย”
ไม่ว่ายังไงนรมนก็คิดไม่ตกว่าทำไมพรวลัยถึงได้ทำแบบนี้ได้
ถ้าหากว่าเธอเป็นคนของพิรุณ ตั้งหลายปีมานี้ก็ไม่ควรดีกับบุณพจน์ขนาดนี้แล้ว และอีกอย่างคราวที่แล้วตอนที่บุริศร์และนรมน อยู่ที่ห้องโถงบูชาบรรพบุรุษ โอกาสที่ดีแบบนั้น ทำไมพรวลัยถึงไม่บอกกับพิรุณล่ะ?
ขอแค่เธอรายงานกับพิรุณว่าพวกเขาอยู่ในห้องโถงบูชาบรรพบุรุษ ถึงจะเป็นบุริศร์ก็ดี นรมนเองก็ดีล้วนแล้วแต่เป็นลูกไก่ในกำมือทั้งนั้น และไม่มีทางมีโอกาสให้พวกเขาหนีได้แน่
ที่พรวลัยในตอนนั้นไม่ทำแบบนั้น หรือว่าเพื่อจะล่อเสือออกจากถ้ำ หลอกใช้พวกเขาให้ไปตามหาคริชณะเหรอ?
ใจของนรมนหล่นตุ๊บลงทีหนึ่ง
ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้จริง ๆ งั้นพรวลัยก็แอบซ่อนได้ลึกมากจริง ๆ งั้นบุณพจน์ล่ะ? ตกลงเขาจะรู้หรือเปล่าว่าพรวลัยเป็นคนแบบนี้?
ปัญหามากมายกะพริบผ่านไปอยู่ในหัวสมองนรมน แต่กลับไม่มีคำตอบที่ชัดเจนสักอัน
พรวลัยยังคงสงบนิ่ง เย็นชา หนำซ้ำยังไม่มีความรู้สึกอะไรด้วย แล้วก็พูดเสียงเรียบขึ้นว่า “จับฉันกลับไปเถอะ”
ในเวลาแบบนี้นรมนยังจะพูดอะไรได้อีก
“พรวลัย ถ้าหากคุณอะไรที่พูดออกมาได้ยาก สามารถบอกกับฉันได้ทุกอย่างเลยนะ”
“ไม่มีค่ะ”
พรวลัยตอบได้อย่างสงบนิ่ง แต่ว่าเธอยิ่งเป็นแบบนี้ นรมนก็ยิ่งไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
นี่เป็นคนที่อยู่ในใจบุณพจน์ เป็นผู้หญิงที่บุณพจน์ฝากฝังไว้ให้บุริศร์ช่วยดูแลให้ดี แต่ว่ามาดูตอนนี้ซิมันกลายเป็นยังไงไปแล้ว
นรมนเจ็บปวดโศกเศร้าจนถึงที่สุด แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ได้แต่พูดกับคนข้างกายขึ้นว่า “พาตัวเธอกลับไป แต่อย่าแตะต้องโดนตัวเขานะ ระวังหน่อย”
“คุณพรวลัย เชิญครับ”
สายตาที่บอดี้การ์ดมองพรวลัยดูมีความเปลี่ยนแปลงไปเสี้ยวหนึ่ง
พรวลัยยังคงเหมือนกับมองไม่เห็นยังไงอย่างงั้น แล้วก็เดินผ่านตัวนรมนไปเลย
“คุณส่งตัวพิรุณไปถึงไหนแล้ว?”
นรมนยังอยากจะพยายามอีกสักหน่อย จึงอดไม่ได้แล้วถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง
แต่พรวลัยกลับพูดขึ้นเรียบ ๆ ว่า “ฉันไม่รู้ ฉันรับผิดชอบแค่ส่งเขาออกไปจากหมู่บ้านดารายนเท่านั้น ส่วนเรื่องอย่างอื่นนั้นไม่เกี่ยวกับฉัน”
นรมนจ้องมองพรวลัยที่สงบนิ่ง แล้วก็ถอนหายใจอย่างหดหู่ขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วก็สะบัดมือเล็กน้อยให้คนมาพาตัวพรวลัยกลับไป
เธอไม่ได้โดนขังอยู่ในถ้ำ แต่กลับโดนกักตัวไว้ในห้องของบุณพจน์
และเพื่อป้องกันไม่ให้พรวลัยทำเรื่องบ้าคลั่งขึ้นมา นรมนจึงเก็บของมีคมทุกอย่างในนี้ออกไปจนหมด แม้แต่หมอนใบเดียวก็ยังไม่เหลือทิ้งไว้ให้
ในห้องกลับสู่ความเงียบเหงาขึ้นมาทันที
บุณพจน์ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ ไม่รู้ว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ สีหน้าของเขามีสีแดงระเรื่อขึ้นมาบ้างแล้ว มองไปแล้วดูหล่อเหลาขึ้นมาเยอะ
พรวลัยเดินไปถึงข้างกายเขาแล้วก็นั่งลง ในดวงตามีแววซับซ้อนเป็นอย่างมาก
เธอยื่นมือไปลูบใบหน้าบุณพจน์เบา ๆ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณเองก็คงจะโทษฉันใช่ไหมล่ะ? คุณเองก็คงจะรู้สึกว่าฉันเป็นคนของพิรุณใช่ไหมคะ? บุณพจน์ ตกลงคุณจะตื่นขึ้นมาได้เมื่อไหร่? ฉันอยากจะให้คุณตื่นขึ้นมา แต่ก็กลัวคุณตื่นขึ้นมาด้วย หรือบางทีฉันอาจจะไม่ควรตกหลุมรักคุณเลย การตกหลุมรักคุณมันเป็นกรรมของฉัน ฉันเองก็เคยคิดที่จะไปจากคุณ แต่ถ้าฉันไปจากคุณแล้ว คุณคงจะยิ่งเสียใจมากขึ้นละมั้ง ในเมื่อฉันเป็นคนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของคุณ”
พูดแล้วดวงตาของพรวลัยก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย
เธอรีบเงยหน้าขึ้นมา แล้วกลั้นน้ำตาให้ไหลกลับเข้าไป
“บุณพจน์ ฉันรู้ว่าคุณรอคอยลูกคนนี้เป็นอย่างมาก ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็หวังว่าจะสามารถคลอดลูกออกมาให้คุณได้สักคนหนึ่ง แต่ว่าฉันทำไม่ได้ บางทีคุณอาจจะรู้สึกว่าเมื่อก่อนที่ฉันท้องแล้วแท้งนั้นเป็นเพราะว่าพิรุณบีบบังคับฉันใช่ไหม? ถ้าฉันจะบอกคุณว่า ฉันเป็นคนฆ่าลูกของเราเองกับมือ คุณจะโกรธฉันไหม? คุณคงจะโกรธฉันอยู่ใช่ไหม? ในเมื่อคุณอยากจะได้ลูกมากซะขนาดนั้น และหวังว่าเราจะสามารถเป็นครอบครัวเดียวกันได้ มีคุณมีฉันและมีลูก มีเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข สามารถมีชีวิตอย่างคนทั่วไปได้ แต่น่าเสียดายความรู้สึกที่อ่อนโยนของคุณในที่สุดแล้วก็คงจะต้องผิดคาดไป ฉันไม่ใช่คนที่ใช่ของคุณ บุณพจน์ ในทางกลับกัน คุณเองเป็นลูกชายของศัตรูฉัน แล้วฉันจะไปมีลูกให้กับลูกชายของศัตรูได้ยังไง?”
ที่สุดแล้วน้ำตาของพรวลัยก็ร่วงหล่นลงมาอยู่ดี
เธอเองก็ขี้เกียจที่จะเช็ด แล้วจ้องมองบุณพจน์ที่นอนไม่ขยับเขยื้อนเลยอยู่บนเตียง แล้วก็พูดอย่างติดสะอื้นขึ้นว่า “คุณรู้ไหม? พิรุณฆ่าคนทั้งครอบครัวฉันไปสิบคน มีย่าของฉัน ปู่ของฉัน แม้แต่หลานชายที่เพิ่งลืมตาดูโลกมาของฉันก็ยังไม่เว้น เมื่อก่อนฉันก็เคยเป็นเจ้าหญิงน้อยที่โดนพ่อแม่ประคบประหงมอยู่ในมือมาก่อน ฉันก็เคยเป็นเด็กผู้หญิงที่มีความสุขไม่ต้องแปดเปื้อนกับเรื่องอะไรในโลกนี้มาก่อน แต่ว่าพิรุณกลับมาทำทุกอย่างพังพินาศไป”
น้ำตาของพรวลัยไหลออกมาอย่างไม่เกรงกลัวอะไร โศกนาฏกรรมครั้งนั้นของเมื่อหลายปีก่อนเหมือนอย่างกับเป็นเหล็กร้อนที่มาประทับลงบนหัวสมองของเธอ
เธอเคยคิดอยากจะฆ่าบุณพจน์ เพื่อแก้แค้นให้กับคนในครอบครัว แต่ว่าบุณพจน์ดีกับเธอมากจริง ๆ ดีจนเธอทำใจลงมือไม่ลง ดีจนเธอเกือบจะลืมสถานะของตัวเองไปแล้ว จนกระทั่งมาพบค่ายกลแปดทิศหยินหยาง เธอถึงนึกถึงความแค้นบัญชีเลือดของตัวเองขึ้นมาได้ และนึกออกว่าตัวเองเป็นลูกหลานของใคร และนึกออกว่าทำไมเธอที่ควรจะไร้ซึ่งความกังวลทุกอย่างถึงได้โดนจับมาเป็นของขวัญบรรลุนิติภาวะมอบให้กับบุณพจน์
เพียงเพราะว่าเธอเป็นลูกหลานของตระกูลแสงนาค
ตระกูลแสงนาคเป็นตระกูลที่เก่าแก่โบราณ เมื่อนานมาแล้วบรรพบุรุษทิ้งหนังสือเชิงกลยุทธ์ไว้เล่มหนึ่ง ลูกหลานทั้งหมดของตระกูลแสงนาคต่างก็สามารถร่ำเรียนได้ แต่ว่าด้วยยุคสมัยที่เจริญขึ้น กลยุทธ์แบบนี้จึงโดนคนในตระกูลค่อย ๆ หลงลืมไปและแอบซ่อนเอาไว้ และรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่จะมาทำให้พัฒนาได้ มีเพียงแต่เธอ……พรวลัย แสงนาค ที่มีความสนใจต่อหนังสือเล่มนั้นมาตั้งแต่เด็ก หนำซ้ำเหมือนกับว่ายังมีความเข้าใจต่อกลยุทธ์มาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเรียนรู้ได้เร็วมาก จนโดนคนในตระกูลยกย่องให้เป็นผู้สืบทอดที่เหมาะสมที่สุดมาตลอด
พรวลัยกำลังได้ใจอยู่ มีความสุขอยู่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าความสามารถนี้จะโดนพิรุณมาพบเห็นเข้า และเพื่อที่จะพาตัวเธอไป ต้องการจัดแจงให้เธอมาอยู่ข้างกายอย่างไม่มีสุ้มเสียง พิรุณถึงกับฆ่าคนทั้งบ้านของเธอ แล้วก็พาตัวพรวลัยที่อายุสิบสองสิบสามไป
เธอโดนจับไปฝึกฝนอย่างลับ ๆ อยู่หลายปี แล้วก็โดนส่งตัวมาอยู่ข้างกายบุณพจน์เลย
พรวลัยจำตอนที่เจอบุณพจน์ครั้งแรกได้ไม่เคยลืม ดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความสงสารและเห็นใจนั้นของบุณพจน์
เธอนึกว่าตั้งแต่คืนแรกก็จะต้องเสียความบริสุทธิ์ของร่างกายไปแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าบุณพจน์จะให้เธอนอนอยู่บนเตียงเฉย ๆ และไม่แตะต้องเธอเลย แต่กลับบอกกับเธอว่าถ้าอยากจะทำอะไรก็ให้บอกกับเขา และปฏิบัติต่อเธอถ้าความต้องการก็จะสนองให้ทันที
ตอนที่ได้เป็นผู้หญิงของบุณพจน์จริง ๆ นั้นน่าจะเป็นปีที่อายุยี่สิบสี่ ตอนนั้นบุณพจน์โดนวางยาปลุกอารมณ์ และเธอก็ยอมเสียสละตัวเองออกไปอย่างสมัครใจ และตั้งแต่นั้นมาก็ทำให้ท่าทีที่บุณพจน์มีต่อเธอเปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย
เธอจำได้แม่นยำมากว่า บุณพจน์เคยพูดว่าไว้ เริ่มตั้งแต่นี้ไป คุณเป็นผู้หญิงของผมบุณพจน์แล้ว ต่อไปถ้าใครกล้ารังแกคุณ คุณก็มาบอกผม ผมจะช่วยคุณคืนกลับไปเป็นสิบเท่าเลย
ที่จริงในเวลานั้นพรวลัยอยากจะบอกว่า พ่อของคุณฆ่าคนทั้งบ้านฉัน คุณสามารถช่วยแก้แค้นคืนกลับไปได้ไหมล่ะ?
แต่ว่าเธอพูดไม่ออก เพราะว่าเธอดูออกว่า บุณพจน์ยังคงมีความคาดหวังและรอคอยต่อตัวพิรุณอยู่
เธอนึกมาตลอดว่าบุณพจน์เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพิรุณ พิรุณจะต้องรักใคร่เขาเป็นอย่างมาก ขอแค่เธอทำลายบุณพจน์ไป พิรุณก็จะต้องเจ็บปวดเจียนตายแน่ แต่ว่าพอมาอยู่ด้วยกันกับบุณพจน์แล้ว พรวลัยถึงพบว่าพิรุณนั้นไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ
บุณพจน์ก็เพียงแค่มีสถานะที่เป็นคุณชายอยู่เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วการใช้ชีวิตแม้แต่คนรับใช้คนหนึ่งก็ยังเทียบไม่ได้เลย
พรวลัยรู้ว่าตัวเองไม่ควรสงสารบุณพจน์ ยิ่งไม่ควรที่จะตกหลุมรักเขา แต่ว่าบางครั้งความรู้สึกมันก็เป็นแบบนี้ มาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
บุณพจน์ช่วยเธอจากภัยอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วใจทั้งดวงของพรวลัยก็หายไปเลย
ในตอนที่เธอตั้งท้องครั้งแรกนั้น พรวลัยก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเลย
เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกผิดต่อพ่อแม่ รู้สึกผิดต่อบรรพบุรุษ นี่เธอจะคลอดลูกให้ลูกของศัตรูแล้วเหรอ จะให้ตระกูลพวกเขาขยายใหญ่สืบไป นี่มันจะเป็นได้ยังไงกัน?
เพราะฉะนั้นพรวลัยจึงวางแผนทุกอย่างขึ้นมา ทำให้บุณพจน์นึกว่าพิรุณได้ทำให้เธอแท้งลูกไป และตั้งแต่นั้นก็ทำให้รอยร้าวระหว่างบุณพจน์และพิรุณเกิดขึ้นมา
พอตอนนี้มาคิดดูแล้ว พรวลัยก็รู้สึกว่าที่ตัวเองยอมทำให้ตัวเองบาดเจ็บแต่ก็ยังทำใจให้บุณพจน์เจ็บไม่ได้ เป็นเพราะว่ารักเขาจริง ๆ
เธอรักคนที่ไม่ควรรัก แต่ก็ไม่มีทางที่จะก้าวผ่านจุดนั้นในใจมาได้
พรวลัยร้องไห้ออกมาอย่างกับเด็กคนไงหนึ่ง เธอฟุบหน้าอยู่บนเตียงของบุณพจน์ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ที่จริงฉันไม่ได้กะว่าจะฆ่าเด็กคนนี้แล้ว จริง ๆ นะ ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะตั้งท้อง ทำไมถึงท้องได้ล่ะ? ทั้ง ๆ ที่ฉันก็กินยาคุมแล้ว ทำไมถึงตั้งท้องขึ้นมาได้ล่ะ? บุณพจน์ ไม่ใช่ว่าฉันใจดำ แต่เป็นเพราะว่าในร่างกายของฉันมีพิษอยู่ ครั้งที่แล้วเมื่อตอนที่พิษหนอนพิษของคุณกำเริบขึ้นมา ฉันได้ช่วยคุณดูดสารพิษออกมา แต่มันกลับกักเก็บไว้ในร่างกายของฉัน ฉันก็เลยนึกว่าคงจะไม่ตั้งท้องหรอก เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ได้ระมัดระวังมาก แต่ว่าตอนนี้กลับตั้งท้องขึ้นมาแล้ว และมีความเป็นไปได้สูงมากที่อาจจะเป็นเด็กไม่ปกติ หรือกระทั่งอาจจะเป็นเด็กที่เกิดมาพร้อมกับพิษคนหนึ่ง ฉันจะไปให้ลูกของฉันเกิดมามีสภาพแบบนี้ได้ยังไง? จะให้เขาเผชิญกับโลกใบนี้ด้วยวิธีแบบนี้ได้ยังไง? เพราะฉะนั้นอย่างโทษฉันเลยนะ อย่าโทษฉันจริง ๆ ถึงแม้ว่าต่อไปฉันอาจจะไม่สามารถมีลูกได้อีก ฉันก็จะไม่มีทางยอมให้ลูกต้องออกมาลำบากอยู่บนโลกใบนี้หรอก บุณพจน์ บางทีนี่อาจจะเป็นลิขิตจากสวรรค์ สุดท้ายแล้วยังไงเราก็ไม่มีทางเดินไปด้วยกันได้ ถึงแม้ฉันจะรักคุณ ถึงแม้ฉันจะสามารถปล่อยวางเรื่องที่ผ่านมาแล้วอยู่ด้วยกันกับคุณ แต่ว่าสวรรค์ก็ยังไม่ได้ให้อนาคตที่ดีกับเราอันหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
เธอร้องไห้ไป สะอื้นไป ไม่ได้สังเกตเห็นบุณพจน์ที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงขยับขึ้นมาเล็กน้อย หนำซ้ำยังขัดขืนอยากจะลืมตาขึ้นมา แต่ที่สุดแล้วก็ไร้ประโยชน์
พรวลัยร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว ถึงได้เช็ดน้ำตาออก แล้วตัวเองก็ไปล้างหน้าล้างตามารอบหนึ่ง และก็ได้เอาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้บุณพจน์ด้วย
การกระทำของเธออ่อนโยนราวกับเป็นศรีภรรยาคนหนึ่ง เมื่อก่อนเธอเคยคิดแบบนี้ แต่ว่าตอนนี้ได้ตื่นจากฝันแล้ว ยังไงเธอก็จะต้องเผชิญหน้าความจริง
พรวลัยจ้องมองบุณพจน์อย่างทนทำใจไม่ได้ แล้วก็โน้มตัวลงมาเบา ๆ แล้วจูบลงบนริมฝีปากของบุณพจน์ทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “บุณพจน์ ฉันรักคุณ รักคุณมากจริง ๆ แต่ว่าฉันอยู่กันคุณไม่ได้ ลืมฉันไปเถอะนะ คุณยังหนุ่มยังแน่น ยังสามารถหาหญิงสาวสวยงามสักคนมาเริ่มต้นใหม่ได้ ตอนนี้หนอนพิษที่อยู่ในตัวคุณน่าจะโดนหนอนพิษทองคำขจัดไปหมดแล้ว หาผู้หญิงที่สะอาดบริสุทธิ์สักคนหนึ่งมาคลอดลูกให้คุณสักกลุ่มก็คงจะไม่ใช่ความหวังที่เกินจริงไปหรอกมั้ง? หากชาติหน้ามีจริง ฉันหวังว่าจะสามารถเจอคุณในเวลาที่ใช่ได้ จากนั้นพวกเราค่อยมารู้จักกัน รักกัน และอยู่ด้วยกัน”
พูดจบเธอก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น จ้องมองไปที่ท้องฟ้าที่อยู่อยู่ข้างนอก ที่มุมปากมีรอยยิ้มที่ปลง ๆ โผล่ออกมาเสี้ยวหนึ่ง
“พ่อคะ แม่คะ คุณปู่ คุณย่า พี่ชาย พี่สะใภ้ ยังมีหลานชาย หลานสาว พรวลัยจะไปอยู่เป็นเพื่อนพวกคุณเดี๋ยวนี้แล้วค่ะ”
พูดจบเธอก็เอาผงแป้งห่อหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วก็เทเข้าปากอย่างไม่ลังเลสักนิดเลย