“ไม่!ไม่นะ!นายท่าน ฉันขอร้องล่ะ อย่าทำแบบนี้กับราเชน ฉันขายชีวิตนี้ให้ท่านแล้ว ท่านจะให้ฉันอยู่หรือตายก็ได้ ฉันไม่คร่ำครวญอะไร แต่ไม่ใช่กับราเชน เขาคือเจ้าเหนือหัวที่ไม่มีความผิดอะไร เขาไม่มีความผิดอะไร!”
นงลักษณ์ตื่นตระหนกทันที
เธอคลานไปที่เท้าของผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง ดึงชายกางเกงของเขาอ้อนวอนอย่างต้อยต่ำ
นรมนไม่เคยเห็นท่าทางต้อยต่ำของนงลักษณ์แบบนี้มาก่อน
นงลักษณ์ในเวลานี้คือคนแปลกหน้า เหมือนเป็นคนไร้เกียรติ แต่เห็นได้ชัดเจนว่าเธอไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบนี้กับทุกคน
นรมนรู้สึกแย่อย่างพูดไม่ถูก อึดอัดใจอย่างทุกข์ทน
ฝ่ายชายกลับงัดคางนงลักษณ์ขึ้นมา บังคับให้เธอมองมาทางเขา
“ไม่มีความผิดอะไร? เลือดของคนตระกูลพรโสภณที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาไม่มีความผิดอะไรเหรอ!”
“แล้วทำไมท่านไม่ฆ่าฉันทิ้งตั้งแต่แรก?ถ้าท่านฆ่าฉัน เขาก็จะไม่ได้เกิดมา ร่างกายของเขาก็จะไม่มีเลือดของคนตระกูลพรโสภณอยู่!”
อยู่ดีๆ นงลักษณ์ก็โมโหขึ้นมา
ในเวลานี้เธอเป็นเพียงแม่คนหนึ่ง
หรืออาจเพราะคำว่าคนตระกูลพรโสภณสะเทือนเส้นประสาทของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถอดกลั้นต่อไปได้อีก
เธอเหมือนกับลูกสิงโตที่ถูกยั่วโมโห อยากจะกัดผู้ชายตรงหน้าตอนนี้ แม้ฉีกผิวหนังออกมาสักชิ้นก็ดี
ฝ่ายชายกลับตื่นเต้นกับการกระทำแบบนี้ของนงลักษณ์
“โกรธเหรอ?ผ่านมาหลายปีแล้ว รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไม่ปล่อยเธอไป? นั่นเพราะสีหน้าแบบนี้ของเธอทำให้ฉันตื่นเต้นสุดๆ ”
พูดจบฝ่ายชายก็ผลักนงลักษณ์ล้มลงไปบนพื้น ฉีกเสื้อผ้าของนงลักษณ์ขาดในชั่วพริบตา ไม่สนใจเสียงร้องไห้โฮและการต่อต้านของนงลักษณ์ ยึดครองนงลักษณ์โดยไร้การเล้าโลมใดๆ
“ปล่อยฉันนะ!ปล่อย!”
นงลักษณ์ร้องไห้เสียงแหบแห้ง ท่าทางอับจนหนทาง สีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวสะเทือนลึกไปทุกเส้นประสาทของนรมน
นี่คือป้าของเธอ!
ไม่ว่านงลักษณ์จะทำอะไร ในตอนนี้เธอรู้เพียงหล่อนคือคนตระกูลพรโสภณ เป็นลูกสาวคนเดียวที่เหลืออยู่ของคุณตา
นรมนคิดจะพุ่งเข้าไปอย่างไม่สนใจ กลับถูกคนล็อกตัวเอาไว้อย่างแน่วแน่
เธอหันกลับไปทันที ก็เห็นบุริศร์มายืนอยู่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กอดเธอไว้แน่น
แววตาของเขามีความไม่สบายใจ ส่ายหน้าให้นรมน
นรมนรู้ บุริศร์คิดถูก
ตอนนี้อีกฝ่ายมีเพียงผู้ชายคนเดียว แต่ใครจะรู้ว่ารอบๆ จะมีคนอื่นดักซุ่มอยู่ไหม?
นงลักษณ์เข้มแข็งแบบนี้ แต่อยู่ต่อหน้าเขากลับเปราะบางเช่นนี้ ถ้าเธอออกไปอย่างสะเพร่า ก็แค่เป็นการส่งตัวเองเข้าไปอย่างโง่ๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่รู้คือ เห็นนงลักษณ์ถูกไอ้สารเลวคนนั้นรังแกอยู่เต็มสองตา นรมนแทบอยากจะหยิบมีดมาเชือดตนเอง
ถ้าวันนี้ไม่ได้ตามนงลักษณ์ออกมาด้วย เธอจะไม่มีทางรู้แน่นอนว่าหลายปีที่ผ่านมานงลักษณ์ต้องทรมานเช่นนี้
ตอนนี้เธอเห็นกับตา กลับเหมือนมีกริชแหลมคมค่อยๆ เชือดเฉือนเธอ ทำให้หยดน้ำตาของเธอไหลรินลงมาอย่างห้ามไม่ได้
บุริศร์กอดนรมนไว้ในอ้อมแขนแน่น
เขารู้ว่านรมนไม่อาจรับได้ แม้จะเป็นเขาเองก็รับไม่ได้ แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้นรมนเปิดเผยการสะกดรอยตาม
อย่างแรก เปิดเผยแล้วไม่ใช่ว่าพวกเขาจะกลับไปได้โดยยังอยู่ในสภาพดี อย่างที่สอง ในเมื่อนงลักษณ์คือผู้ใหญ่ในตระกูลของนรมน ถูกหลานเห็นฉากที่ตนเองจนตรอกอย่างอ่อนแอ กลัวว่านงลักษณ์จะเป็นบ้าไป
ผู้หญิงที่ไม่แยแสและเย่อหยิ่งต่อหน้าทุกคน ไม่ว่าอย่างไรก็รับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหว
นรมนกำแขนเสื้อของบุริศร์แน่น เธอสะกดความเจ็บปวดรวดร้าว กลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
บุริศร์รู้สึกเพียงบริเวณหน้าอกเต็มไปด้วยเหลวอุ่นๆ ในไม่ช้าก็เจิ่งนอง
เขาสงสาร แต่ก็จนปัญญา ทำได้เพียงหลับตาลงไม่มอง แต่เสียงหอบของผู้ชาย และเสียงร้องไห้โฮของผู้หญิงผสมผสานเข้าด้วยกันไม่หยุด ทำให้พวกเขาจะหลบซ่อนก็ไม่ได้ หลีกเลี่ยงก็ไม่ได้
การข่มเหงรังแกนี้กินเวลาไปประมาณชั่วโมงกว่า
นงลักษณ์ก็ร้องไห้โฮตั้งแต่ต้นจนร้องไห้อย่างเงียบๆ ในตอนท้าย
แววตาของเธอชินชา ร่างกายก็รู้สึกชา มีเพียงหัวใจที่เจ็บปวดจนอยากจะตายๆ ไปสักที
หลังจากฝ่ายชายได้รับความพึงพอใจแล้วก็ลุกขึ้นจากร่างกายของนงลักษณ์ มองดูเธอนอนอยู่ตรงนั้นเหมือนปลาตาย นัยน์ตามีความขุ่นเคืองขึ้นมาแวบหนึ่ง
“ลุกขึ้น!”
เขาเตะร่างของนงลักษณ์ อารมณ์ฉุนเฉียว
นงลักษณ์ถลึงตาใส่เขาอย่างเกลียดชัง แต่ทำได้เพียงถลึงตา
ราเชนถูกพวกเขาจับตามองอยู่ นงลักษณ์สามารถพังพินาศไปกับพวกเขาได้โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่เธอไม่อาจชดใช้ชีวิตของราเชนได้
ถึงแม้ตนเองจะไม่ได้อยากให้เด็กคนนี้เกิดมา แต่อุ้มท้องมาสิบเดือน เธอก็คือแม่คนหนึ่ง
เธอไม่อาจลืมเลือดเนื้อเชื้อไขนั้น ชีวิตนี้ติดค้างราเชนมากพอแล้ว เธอไม่อาจเอาชีวิตของราเชนไปได้
ดังนั้นนงลักษณ์ทำได้เพียงอดทน
เสื้อผ้าถูกฝ่ายชายฉีกขาดจนไม่สามารถใส่ได้อีก
ฝ่ายชายตบมือ มีผู้หญิงอีกสองคนเดินออกมา พยุงนงลักษณ์ขึ้น
หญิงสาวพยุงนงลักษณ์ไปล้างตัวที่บ่อน้ำด้านข้าง จากนั้นเปลี่ยนชุดใหม่ให้เธอ
นรมนถึงจะรู้สึกโชคดีมากที่บุริศร์มาทัน ถ้าบุริศร์ไม่ได้ดึงเธอเอาไว้ เกรงว่าตอนนี้เธอคงถูกจับตัวไปแล้ว
นงลักษณ์ตัวแข็งทื่อปล่อยให้คนจัดการทุกอย่าง สุดท้ายฝ่ายชายโยนยามาให้เธอเม็ดหนึ่ง พูดอย่างเย็นชา “กินซะ”
นงลักษณ์รับยามากลืนลงไปโดยไม่มอง
บางคนรู้สึกว่าความตายน่ากลัว แต่นงลักษณ์กลับรู้สึกว่าการตายดีกว่าอยู่นั้นน่ากลัวยิ่งกว่า
หลังจากรับประทานยาเสร็จ นงลักษณ์มองผู้ชาย พูดอย่างเย็นชา “ฉันอยากเจอบุญทิวา”
ฝ่ายชายกลับส่งเสียงทางจมูกอย่างเย็นชา “เจอมันไปทำไม?บอกเขาว่าเธอเป็นผู้หญิงของคนอื่น คลอดลูกให้ผู้ชายคนอื่นรึไง?หรือจะบอกมันว่าตอนนี้เธอยังรักมันอยู่?เธอคิดว่ามันจะตอบเธอยังไง?นงลักษณ์ ฟังฉันให้ดีนะ อย่ายั่วโมโหฉัน ฉันให้เธอได้ทุกอย่าง แต่สำหรับบุญทิวา ทางที่ดีเธอล้มเลิกความคิดนั้นเถอะ”
นงลักษณ์กำมือแน่น ถึงแม้เล็บจะจิกลงบนผิวหนังก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บ
“ท่านรับปากฉันแล้ว ท่านรับปากว่าจะให้ฉันเจอเขาสักครั้ง”
ร่างกายของนงลักษณ์สั่นไหว ร่างกายของเธออับจนหนทางในสายลมหนาว ช่างอ่อนแอเหลือเกิน
ฝ่ายชายกลับพูดอย่างเย็นชา “รอมันตายเมื่อไหร่ ฉันจะให้เธอได้เจอมัน!”
“ท่านมันเลวจริงๆ !”
นงลักษณ์มองผู้ชายตรงหน้าแทบจะหมดอาลัยตายอยาก
เขาหลอกเธอมาตลอด
ตอนให้เธอแต่งงานเข้ามาประเทศ F เขาเคยรับปากเธอว่า ตราบใดที่เธอแต่งงาน เขาจะให้เธอได้เจอกับบุญทิวา
แต่เธอแต่งแล้ว กลับไม่ได้เจอบุญทิวา เห็นเพียงนาฬิกาข้อมือของเขา นั่นคือสิ่งที่เธอซื้อให้เขา ถือเป็นสิ่งของแทนใจกันและกัน
จากนั้นเขาบังคับให้เธอคลอดลูก บอกว่าแค่คลอดลูกออกมา เขาจะให้เธอได้เจอกับบุญทิวา
รู้ทั้งรู้ว่าความหวังเลือนราง รู้ทั้งรู้ว่าอาจเป็นกับดักหนึ่ง แต่นงลักษณ์ยังคงประนีประนอมเพื่อความหวังอันน้อยนิด
แต่หลังจากเธอคลอดราเชนออกมา กลับยังคงไม่ได้เจอบุญทิวาเหมือนเดิม
ยี่สิบกว่าปีแล้ว ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไป ส่วนบุญทิวาก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
คนที่อยู่ในหัวใจของเธอ ตอนนี้จะเป็นหรือตายเธอไม่รู้เลย
นงลักษณ์มองฝ่ายชายอย่างโกรธแค้น ตอนนี้กลับไม่มีทางอื่น ทำได้เพียงเอ่ยถามอย่างคับแค้นใจ “ท่านเรียกฉันมาทำไม?”
“ตามหาพิรุณ เอาตัวเขากลับไปประเทศ F นี่คือภารกิจของเธอ”
คำตอบของฝ่ายชายทำให้นงลักษณ์ชะงักไป
“พิรุณถูกคนปล่อยหนีไปแล้ว”
ฝ่ายชายมองนงลักษณ์ พูดอย่างเย็นชา “พรวลัยคนนั้นไม่ได้ตั้งใจปล่อยพิรุณหนีไป แต่ขังเขาไว้ในค่ายกล ให้เขาได้เจอกับความทรมาน ภารกิจของเธอคือให้พรวลัยปลดค่ายกล ปล่อยพิรุณ”
“ฉันทำภารกิจนี้สำเร็จไม่ได้”
นงลักษณ์ปฏิเสธทันที แต่ฝ่ายชายกลับหัวเราะเย็นชาทันที “เด็กรับใช้ข้างกายราเชนน่าจะเป็นคนของเธอใช่ไหม?แต่นังเด็กนั้นหลายวันก่อนถูกฉันควบคุมไว้ ตอนนี้ประเทศ F ปิดชายแดน เข้าออกไม่ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับราเชน ใครจะสามารถส่งข่าวให้เธอได้?”
นงลักษณ์หมดอาลัยตายอยากทันที
“ฉันทำไม่ได้จริงๆ !ตัวตนในปัจจุบันของพิรุณถูกนรมนและคนอื่นรับรู้ และพวกเขาไม่มีความประนีประนอมต่อพิรุณ ส่วนพรวลัยฉันก็ไม่รู้จัก แล้วฉันจะให้เธอเปิดค่ายกลปล่อยพิรุณออกมาได้ยังไง?”
“เรื่องนั้นฉันไม่สนใจ นรมนคือหลานสาวของเธอ เธอต้องมีหนทางเริ่มลงมือจากทางฝั่งของหล่อนได้ นงลักษณ์ ฟังฉันนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพิรุณ อย่าพูดถึงเธอเลย แม้แต่ลูกชายของเธอ นรมนกับบุริศร์ และทุกคนข้างกายพวกเขา ฉันจะไม่ปล่อยเอาไว้สักคน ถึงตอนนั้นเหตุการณ์โศกนาฏกรรมของหมู่บ้านดารายนอาจไม่ได้มีแค่ตระกูลโตเล็ก แต่จะมีตระกูลพรโสภณกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาร่วมแสดงด้วย ฉันได้ยินมาว่าตระกูลทวีทรัพย์ธาดายังมีผู้ชายสองคนมีชีวิตอยู่ เธออยากเห็นพวกเขาตายเหรอ?”
คำพูดของเขาทำให้นงลักษณ์พูดไม่ออก
ถึงแม้จะรู้ว่าไม่สามารถทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ แต่ตอนนี้ไม่สามารถต่อต้าน
บุญทิวาไม่มีทางอยากให้เกิดเรื่องขึ้นกับน้องชายทั้งสองของตนเอง
และเธอก็ไม่หวังให้คุณท่านตนุวรต้องจบชีวิตก่อนวัยอันควร ดังนั้นเธอจึงเงียบเอาไว้
สำหรับการเงียบของเธอ ฝ่ายชายมีความสุขมาก น้ำเสียงก็ผ่อนคลายลง “หาพิรุณให้เจอ เรื่องต่อจากนี้ฉันจะชำระล้างให้เธอเอง วางใจได้ แค่เธอพาพิรุณกลับไปประเทศ F เธอจะยังคงเป็นท่านผู้หญิงที่เจ็ด”
สำหรับท่านผู้หญิงคนที่เจ็ด นงลักษณ์ไม่มีความต้องการแม้แต่นิดเดียว แต่ตอนนี้เธอไม่อาจต่อต้านได้
หลายปีที่ผ่านมา เธอต่อต้านมาตลอด เธอคิดว่าตนเองทำสำเร็จ แต่จนถึงวันนี้เธอเพิ่งเข้าใจ ทุกสิ่งทุกอย่างของเธอเล็กน้อยมากต่อหน้าเขา
เขามองเธอทะลุปรุโปร่งมานานแล้วแต่ไม่พูด ดูเธอต่อสู้ดิ้นรนเหมือนตัวตลก
หลายปีที่ผ่านมาเธอลำบากยากเย็นถึงจะได้ครอบครองทุกอย่างในตอนนี้ แต่จนถึงตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ครอบครองแค่เพียงเพราะเขาอนุญาต
นงลักษณ์พูดไม่ออกว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร แค่จู่ๆ ก็รู้สึกว่าทุกอย่างไร้ความหมาย กลับตายไม่ได้อีก
ความรู้สึกแบบนี้ไม่มีใครสามารถสัมผัสได้ และยิ่งไม่มีใครเข้าใจ
เธอเก็บความรู้สึก มองผู้ชายและถามว่า “แท้จริงพิรุณเป็นใคร ?ท่านให้ความสำคัญกับเขาแบบนี้ เพราะเขาสำรวจธรณีวิทยาเป็น? เพื่อสายแร่แค่นั้นเองจริงเหรอ?”
“ถามสิ่งที่ควรถาม สิ่งที่ไม่ควรถามก็หุบปากไปซะ หลายปีที่ผ่านมา ไม่เรียนรู้กฎนี้บ้างหรือไง?”
ฝ่ายชายถลึงตาใส่นงลักษณ์อย่างเย็นชาโดยพลัน จากนั้นหันตัวเดินจากไป
ภายในป่าเหลือเพียงนงลักษณ์คนเดียว แต่เธอกลับยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนรูปปั้น
ลมหนาวพัดผ่านร่างกายที่อ่อนแอของเธอจนตัวสั่น
มากจนกระทั่งนรมนกลัวเธอจะล้มลง
เธอคิดจะเข้าไป กลับถูกบุริศร์ห้ามเอาไว้ มากเสียจนแทบจะถูกบุริศร์กึ่งบังคับให้ออกไปจากจุดนั้น
ราวกับนงลักษณ์สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงรีบหันกลับมาทันทีแต่เห็นเพียงต้นไม้ไหวรับลม เสียงลมพัดใบไม้ แต่ไม่มีร่องรอยของคนอยู่
หรือจะคิดมากไปเอง?
นงลักษณ์ขมวดคิ้ว กลับตระหนักได้ถึงข้อมูลสำคัญทันที
พิรุณมีความเกี่ยวข้องกับประเทศ !จนอาจจะมีสถานะไม่ธรรมดาด้วยซ้ำไป!