รนหาที่ตายเองเหรอ?
นรมนไม่รู้เธอรู้แต่เพียงว่าจะต้องรู้สถานะของปีวราให้ชัดเจน ในเมื่อบุริศร์และกมลต่างก็ไม่อยู่ข้างกาย ในใจของเธอจึงมักจะไม่มีความสบายใจ
“งั้นหรือไม่ฉันไปเป็นเพื่อนเธอดีกว่า”
นงลักษณ์นั้นเป็นห่วงนรมนมากเลย
นรมนจ้องมองนงลักษณ์ แล้วก็นึกถึงแม่ของตัวเองคิม ถ้าคิมยังมีชีวิตอยู่ละก็ ตอนนี้ก็น่าจะเป็นห่วงตัวเองมากเหมือนกันมั้ง
ความเจ็บปวดเสี้ยวหนึ่งกะพริบผ่านไปในดวงตา
เธอพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ถ้าหากแม่ของฉันยังมีชีวิตอยู่ละก็ ก็น่าจะเป็นห่วงฉันเหมือนคุณเลย”
นงลักษณ์อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ถอนหายใจและพูดขึ้นว่า “เรื่องที่เสียใจมากที่สุดในชีวิตฉันก็คือไม่รีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
“มีเรื่องบางเรื่องสวรรค์คงจะกำหนดมาแล้วมั้ง โชคชะตาบางอย่างก็ร้องขอมาไม่ได้ รอให้เรื่องราวพวกนี้จบลงแล้ว กลับไปเยี่ยมคุณตากับฉันนะคะ หลายปีมานี้ท่านคิดถึงคุณมากเลยค่ะ”
นรมนรู้ว่าตัวเองไม่สามารถเชื่อถือนงลักษณ์ได้ทั้งหมด แต่ว่าความรู้สึกบางอย่างมันก็ห้ามเอาไว้ไม่อยู่จริง ๆ
แต่ว่านงลักษณ์จะไม่ให้เธอผิดหวัง
นงลักษณ์พยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ฉันจะไปเตรียมตัวสักหน่อย เดี๋ยวจะได้ไปหมู่บ้านน้ำใสพร้อมกับเธอ”
“ได้ค่ะ”
นรมนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วตัวเองก็หมุนตัวกลับไปเตรียมตัวเล็กน้อยด้วยเช่นกัน
เธอเอาหมู่บ้านดารายนมอบหมายให้กับมิลิน มีมิลินอยู่เป็นหลัก ที่นี่ก็น่าจะไม่มีปัญหา ที่สำคัญหมู่บ้านดารายนก็ยังเป็นบ้านเกิดของมิลินมาตลอด และนรมนก็ทิ้งกิจจาไว้ที่นี่ด้วย
สำหรับการจัดแจงของนรมนนั้น กิจจาเองก็พยักหน้าตอบตกลงแล้ว เพียงแต่แค่ขอให้นรมนระวังความปลอดภัยด้วย
ไม่นานหลังจากนั้น นรมนและนงลักษณ์ทั้งสองคนก็ไปหมู่บ้านน้ำใสแล้ว
หมู่บ้านน้ำใสยังคงเป็นเหมือนกับตอนที่บุริศร์อยู่ยังไงอย่างงั้น ในตอนที่ผู้ใหญ่บ้านเตชิตเห็นนรมนนั้นก็ยังรู้สึกแปลกใจไปบ้าง
“คุณนายบุริศร์? ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้? คุณไปหลังเขากับคุณบุริศร์แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ปีวรากลับมาหรือยังคะ?”
พอผู้ใหญ่บ้านเตชิตได้ยินคำถามของนรมน ก็ส่ายหัวอย่างรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง
“ปีวราพาคุณหนูกมลไปตามหาพวกคุณแล้ว พวกคุณไม่ได้เจอกันเหรอครับ?”
“ฉันสามารถพบภรรยาคุณหน่อยได้ไหม?”
นรมนไม่ได้ตอบ ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ว่าผู้ใหญ่บ้านเตชิตเหมือนกับว่าจะมองอะไรออกเล็กน้อยแล้ว
“ใช่ปีวราทำเรื่องอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
“ผู้ใหญ่บ้านเตชิตรู้สึกว่าปีวราสามารถทำอะไรผิดได้บ้างล่ะ?”
นรมนไม่ได้ตอบแต่กลับถามกลับ จนชั่วขณะหนึ่งทำให้ผู้ใหญ่บ้านเตชิตรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา
“ผม ไม่รู้”
“ยังไงก็ให้ฉันเจอกับคุณนายใจภักดิ์เถอะ”
คุณนายใจภักดิ์เป็นลูกหลานของหมู่บ้านดารายน ยังไงนรมนก็ยังหวังว่าเธอจะสามารถเห็นแก่ความผูกพันเก่าได้
ผู้ใหญ่บ้านเตชิตครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไม่ว่าปีวราจะทำอะไรลงไป ผมก็ยังหวังว่าอยู่ต่อหน้าภรรยาผมคุณจะสามารถถนอมน้ำใจหน่อย สุขภาพของเธอไม่ค่อยดี ผมไม่อยากจะให้เรื่องอะไรของปีวราทำให้เธอเป็นอะไรไป ถือซะว่าผมขอร้องคุณล่ะ”
นรมนไม่มีทางที่จะรับปากกับผู้ใหญ่บ้านเตชิตได้ ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบุริศร์และกมล
เธอพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ผู้ใหญ่บ้านเตชิต ถ้าหากเป็นไปได้ละก็ ฉันก็ไม่อยากจะรบกวนการพักผ่อนและการพักฟื้นของคุณนายใจภักดิ์หรอกค่ะ แต่ว่าตอนนี้ปีวราพาสามีและลูกสาวของฉันไปแล้วไม่มีเบาะแสอะไรเลย แล้วสามีของฉันก็เป็นผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบันของหมู่บ้านดารายน คุณรู้สึกว่าฉันควรจะถามคุณนายใจภักดิ์เกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อยไหมล่ะ?”
ผู้ใหญ่บ้านเตชิตนิ่งอึ้งไปทันทีเลย
“เป็นไปไม่ได้ เด็กอย่างปีวราจะไปทำเรื่องอย่างนี้กับคุณบุริศร์และคุณหนูกมลได้ยังไง?”
“ฉันเองก็ไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นก็เลยจะมาทำความเข้าใจสถานการณ์สักหน่อย ในเมื่อทั้งสามีฉันและฉัน ต่างก็ไม่อยากจะเป็นศัตรูกับหมู่บ้านน้ำใส”
คำพูดของนรมนทำให้ผู้ใหญ่บ้านเตชิตเงียบขรึมไปเลย
“ยัยลูกอกตัญญูนี่ ดูซิกลับมาฉันจะตีขาเธอให้หักไปเลย!”
“นั่นก็ยังจะต้องตามหาตัวเธอให้เจอก่อนถึงจะได้”
นรมนพูดไปแล้วก็เดินเข้าไปเลย และครั้งนี้ผู้ใหญ่บ้านเตชิตก็ไม่ได้ขัดขวางอีก
นงลักษณ์ตั้งแต่ที่มาถึงที่นี่ก็ไม่ได้พูดอะไรเลย ได้แต่ติดตามอย่างสงบเงียบอยู่ข้างหลังนรมน พอเห็นนรมนเดินเข้าไปก็เดินตามเข้าไปด้วย
ผู้ใหญ่บ้านเตชิตไม่รู้จักสถานะของนงลักษณ์ แน่นอนว่าก็ไม่กล้าขวางด้วยเช่นกัน
ในตอนที่นรมนเดินเข้ามาถึงข้างเตียงของคุณนายใจภักดิ์นั้น คุณนายใจภักดิ์กำลังตื่นอยู่พอดี
“คุณนายบุริศร์ นี่คุณจะ……”
“คุณนายใจภักดิ์ ฉันสามารถพูดคุณส่วนตัวกับคุณสักหน่อยได้ไหม?”
แววตาของนรมนอ่อนโยน ให้คนมีความรู้สึกสบายใจอย่างมากอย่างหนึ่ง
คุณนายใจภักดิ์พยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มและพูดกับผู้ใหญ่บ้านเตชิตขึ้นว่า “ฉันอยากจะกินซุปไก่ดำที่คุณตุ๋นเองกับมือ คุณไปทำให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
เมื่อภรรยาร้องขอเช่นนี้แล้ว ผู้ใหญ่บ้านเตชิตยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?
“คุณอย่าร้อนใจเกินไปนะ”
ผู้ใหญ่บ้านเตชิตกำชับขึ้นอีกประโยคหนึ่งแล้วก็จากไป
นงลักษณ์เองก็เดินออกไปหลังจากที่นรมนส่งสัญญาณให้
ในตอนที่ในห้องเหลือแต่นรมนและคุณนายใจภักดิ์นั้น ดวงตาของคุณนายใจภักดิ์ก็มีความกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณนายบุริศร์ ปีวราของบ้านเราทำเรื่องอะไรผิดพลาดไปใช่หรือเปล่าคะ?”
นรมนเองก็เป็นแม่คนหนึ่ง พอเห็นคุณนายใจภักดิ์เป็นแบบนี้ แน่นอนว่าก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว
เธอพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “มีเรื่องนิดหน่อย แต่ว่าคุณอย่าเพิ่งร้อนใจไป ฉันแค่มาทำความเข้าใจสถานการณ์หน่อยเท่านั้น”
พูดจบนรมนก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดกับคุณนายใจภักดิ์รอบหนึ่ง เล่าเรื่องได้อย่างละเอียด ไม่มีตกหล่นสักนิด
สีหน้าของคุณนายใจภักดิ์ดูไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่นรมนพูดจบแล้วก็พูดขอโทษขึ้นว่า “ขอโทษนะคะ คุณนายบุริศร์ เป็นเพราะว่าฉันสั่งสอนลูกสาวได้ไม่ดี ฉันทำผิดต่อผู้ใหญ่บ้าน”
“คุณอย่าพูดแบบนี้ ตอนนี้ยังหาปีวราไม่เจอ ใครก็ไม่รู้ว่าตกลงมันเป็นเรื่องอะไร ฉันเชื่อว่าปีวราน่าจะไม่ทำร้ายสามีของฉันกับลูกสาว เพียงแต่ว่าตอนนี้ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน คุณนายใจภักดิ์ คุณจะสามารถช่วยลองคิดดูหน่อยได้ไหม ว่าปีวราจะสามารถไปที่ไหนได้บ้าง”
ว่ากันว่าไม่มีใครเข้าใจลูกสาวได้เท่ามารดา นรมนมักจะรู้สึกว่าคุณนายใจภักดิ์น่าจะให้เบาะแสอะไรกับเธอได้
เพียงแต่ว่าคุณนายใจภักดิ์กลับส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “เด็กคนนั้นนิสัยเถื่อนมาตั้งแต่เด็ก ฉันกับพ่อของเธอก็มีลูกแค่คนนี้ แล้วสุขภาพของฉันก็ไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นตั้งแต่เด็กก็มักจะตามใจเธอ ยังจำได้ว่าตอนนั้นที่หัวหน้าคริชณะบอกว่าจะผลักดันเธอนั้น เธอดีใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่อยากจะเชื่อว่าลูกสาวของฉันจะไปเป็นคนสมรู้ร่วมคิดของผู้อื่นได้”
นรมนเองก็ไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นก็ได้มาหมู่บ้านน้ำใสเที่ยวหนึ่ง แต่ว่าพอเห็นคุณนายใจภักดิ์เป็นเช่นนี้แล้ว คาดว่าก็คงจะถามข่าวคราวอะไรที่เป็นประโยชน์ไม่ได้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉันเชื่อความเป็นคนของปีวรา และก็เชื่อว่าบางทีที่เธอทำแบบนี้อาจจะมีเหตุผลอื่น แต่ว่าคุณนายใจภักดิ์ คุณเองก็เป็นแม่คนหนึ่ง และน่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉันได้ ลูกสาวของฉันแค่อายุห้าขวบ สามีของฉันก็สุขภาพไม่ค่อยดี แล้วตอนนี้ก็มาหายตัวไปพร้อมกับลูกสาวของคุณ แล้วฉันจะไม่เป็นกังวลได้ยังไงกัน?”
คุณนายใจภักดิ์จ้องมองนรมน แล้วพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณ แต่ว่าคุณนายบุริศร์ ลูกสาวของฉันไม่ใช่คนที่ไม่รู้ดีชั่ว ยังไม่พูดถึงว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้ แค่พูดถึงนิสัยของเธอก่อน จะต้องไม่มีทางที่จะในขณะที่ช่วยคนชั่วทำเรื่องไม่ได้แล้วก็ไม่สนใจความปลอดภัยของฉันกับพ่อเธอแน่ ในหมู่บ้านน้ำใสนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นบ้านของเรา แต่ว่าถ้าคุณนายบุริศร์ต้องการทำที่นี่ให้พังพินาศเป็นราบกองขึ้นมา พวกเราเองก็ไม่มีทางที่จะอยู่ต่อได้ไม่ใช่เหรอ? ถ้าลูกสาวฉันจะทำผิดกฎหมายจริง ๆ ก็คงจะไม่พาตาแก่อย่างเราสองคนไปตายด้วยหรอกมั้ง? แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่ได้บอกความเคลื่อนไหวอะไรกับเรา แต่กลับทิ้งพวกเราไว้ที่นี่ นั่นก็พูดได้ชัดแล้วว่าลูกสาวของฉันไม่ได้เป็นคนทรยศ ไม่ใช่คนเป็นแม่อย่างฉันจะแก้ตัวแทนลูกสาว เพียงแต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้มีเรื่องมากมายต่างก็ไม่สะดวกที่จะพูด”
นรมนจ้องมองคุณนายใจภักดิ์ที่อ่อนแอที่อยู่ตรงหน้า แล้วเหมือนกับว่าจะรู้จักผู้หญิงคนนี้ครั้งแรกยังไงอย่างงั้น
เธอพูดได้ไม่ผิด
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่นรมนสงสัยว่าปีวราไม่ได้เป็นศัตรูกับพวกเขาจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าคุณนายใจภักดิ์ก็จะเป็นคนที่มองอะไรทะลุปรุโปร่งด้วยเหมือนกัน
“คุณนายใจภักดิ์นี่ทำให้ฉันต้องมองคุณใหม่จริง ๆ เลย”
“คุณนายบุริศร์เองก็จิตใจสะอาดบริสุทธิ์ ไม่งั้นก็คงจะไม่มาหาฉันซึ่งเป็นคนกึ่งพิการคนหนึ่งแบบนี้หรอกใช่ไหมคะ?”
คุณนายใจภักดิ์ยิ้มจาง ๆ ขึ้น ท่าทีที่สงบนิ่งแบบนั้นกลับทำให้นรมนรู้สึกชื่นชมขึ้นมาเล็กน้อย
“พูดอย่างไม่ปิดบังนะคะ มิลินได้รับหนอนพิษส่งสารมาตัวหนึ่ง น่าจะปีวราเป็นคนส่งกลับมา เธอให้พวกเราอยู่นิ่ง ๆ อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวใด ๆ ก่อนชั่วคราว และให้คอยรอข่าวอยู่”
ตอนแรกนรมนไม่ได้คิดว่าจะพูดเรื่องพวกนี้ แต่ว่าตอนนี้กลับไม่พูดไม่ได้แล้ว
คุณนายใจภักดิ์อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “งั้นฉันรู้แล้วว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน”
“อยู่ไหนเหรอคะ?”
นรมนร้อนใจเป็นอย่างมาก
แต่คุณนายใจภักดิ์กลับพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เรื่องนี้ตอนนี้ยังบอกคุณไม่ได้ แต่ว่าถ้าคุณอยากจะหาพวกเขาให้เจอ ทางที่ดีที่สุดต้องหาลูกหลานตระกูลแสงนาคให้เจอก่อน”
“ลูกหลานตระกูลแสงนาคเหรอ?”
“ใช่ คนที่รู้เรื่องกลยุทธ์ลูกหลานตระกูลแสงนาค ถ้าหากตามหาคนคนนี้เจอได้ บางทีพวกเราก็จะสามารถตามหายัยลูกสาวของบ้านเราและพวกสามีของคุณได้แล้ว”
คำพูดของคุณนายใจภักดิ์ทำให้นรมนรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงพรวลัยขึ้นมา
เมื่อหลายวันก่อนพรวลัยเป็นคนพาพวกเขาเข้าไปในค่ายกลแปดทิศหยินหยาง หรือว่าพรวลัยจะเป็นลูกหลานของตระกูลแสงนาคเหรอ?
ใจของนรมนตื่นเต้นไม่หยุด แต่ว่าก็ยังรู้สึกกังวลอยู่บ้าง
หลังจากที่พรวลัยกินยาพิษไปแล้วก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา ถึงเธอจะเป็นลูกหลานของตระกูลแสงนาค แต่ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ว่าพอรู้ข่าวอันนี้แล้วยังไงก็ยังรู้สึกดีใจอยู่บ้าง
“ขอบใจคุณมาก คุณนายใจภักดิ์ คุณรักษาสุขภาพให้ดี แล้วต่อไปฉันค่อยมาดูคุณอีก”
นรมนยิ้มอ่อน ๆ ขึ้น ที่ระหว่างหัวคิ้วล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
คุณนายใจภักดิ์พยักหน้า แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะเป็นคนของหมู่บ้านน้ำใส แต่ว่าหมู่บ้านดารายนก็ยังเป็นบ้านแม่ของฉัน สำหรับคดีทำลายล้างหมู่บ้านในครั้งนั้นฉันก็ยังจดจำไว้ในใจเสมอ คุณนาย คุณไม่ต้องสงสัยฉัน ยิ่งไม่ต้องคาดเดาปีวราของบ้านเรา พวกเราสามารถใช้ชีวิตมารับประกันได้ว่า ปีวราของบ้านเราจะไม่มีทางเป็นคนทรยศแน่ และยิ่งจะไม่เป็นคนไม่รักษาสัญญาแน่”
“ฉันเชื่อค่ะ”
นรมนนั้นเชื่อถือคนน้อยมาก แต่ว่าวินาทีนี้กลับยอมเชื่อคุณนายใจภักดิ์ที่อยู่ตรงหน้านี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่หลงเหลืออยู่ของหมู่บ้านดารายน หรืออาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาต่างก็เป็นแม่
แล้วทั้งสองคนก็พูดคุณกันไปอีกไม่กี่ประโยค นรมนก็ลุกขึ้นแล้วจากไป
พอนงลักษณ์เห็นนรมนออกมา ก็รีบเดินตามเข้าไป
“ถามได้ความอะไรบ้างไหม?”
“อืม”
นรมนพยักหน้า แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ฉันอยากไปดูพรวลัยที่โรงพยาบาลก่อน คุณป้าใหญ่ คุณกลับไปก่อนเถอะ”
“ให้ฉันไปเป็นเพื่อนเธอเถอะ ที่โรงพยาบาลคนวุ่นวายซะขนาดนั้น ฉันกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นมา”
การคำนึงของนงลักษณ์กลับทำให้นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง
“ได้ค่ะ”
นรมนไม่ได้ปฏิเสธ แล้วก็ไปโรงพยาบาลพร้อมกับนงลักษณ์เลย
ในตอนที่บุณพจน์เห็นพวกเขามานั้นก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมา เพียงแต่พูดขึ้นเรียบ ๆ ว่า “เธอยังไม่ฟื้น ถ้าหากคุณมาเพราะว่าเรื่องกลยุทธ์ละก็ อาจจะผิดหวังได้”
นรมนอึ้งไปทันทีครู่หนึ่ง
“คุณรู้เรื่องกลยุทธ์ด้วยเหรอคะ?”
ในตอนที่พรวลัยพาพวกเขาเข้าไปในค่ายกลแปดทิศนั้น บุณพจน์ไม่ได้อยู่ด้วย แต่ตอนนี้กลับพูดเป้าหมายที่พวกเขามาได้ชัดเจนแบบนี้ นรมนอดไม่ได้ที่จะคาดเดาขึ้นมาเล็กน้อย
บุณพจน์พูดเรียบ ๆ ขึ้นว่า “ในตอนที่ผมหมดสติอยู่ พรวลัยบอกกับผม”
เขาเอาเรื่องที่พรวลัยพูดทั้งหมดบอกกับนรมนและนงลักษณ์
ในใจของนรมนสั่นสะเทือนไม่หยุด เธอคิดไม่ถึงว่าพรวลัยจะมีชีวิตที่โหดร้ายขนาดนี้ได้
แต่ว่าเธอยังมีเรื่องที่คิดไม่ตกอยู่เล็กน้อย
“พี่ใหญ่ ฉันไม่ได้ตั้งใจสงสัยพรวลัยในทางไม่ดีอะไร เพียงแต่ว่าถ้าที่คุณพูดมาเป็นความจริงทั้งหมด งั้นระหว่างพรวลัยและพิรุณก็น่าจะต้องมีความแค้นใหญ่หลวงอยู่ แต่ว่าทำไมพรวลัยถึงได้ปล่อยตัวพิรุณไปได้ล่ะ?”