“ทำไมเหรอ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้วเหรอ?”
พอมิลินและบุณพจน์เห็นสีหน้าของนรมนดูไม่ดีนัก ก็อดไม่ได้ที่ถามขึ้นมาคำหนึ่ง
“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันกลับไปก่อนสักครู่นะ มิลิน คุณช่วยดูพรวลัยอยู่ที่นี่ให้ดี ๆ นะ”
นรมนไม่ได้พูดว่าเป็นเรื่องอะไร แต่กลับไปกับนงลักษณ์อย่างร้อนรน
มิลินรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้จากไป และอยู่ตรวจร่างกายให้พรวลัยอย่างละเอียดรอบหนึ่ง และดูว่าจะยังสามารถฟื้นฟูยังไงได้บ้าง
บุณพจน์ส่งสัญญาณมือให้กับข้างนอกทีหนึ่ง จากนั้นคนสองคนก็รีบร้อนติดตามนรมนไป และคอยปกป้องอยู่อย่างเงียบ ๆ
หลังจากที่นรมนและนงลักษณ์จากไปแล้ว ก็รีบเดินกลับไปหมู่บ้านดารายนอย่างรวดเร็ว
“ที่คุณพูดมาเป็นความจริงหมดนะ? บุริศร์กลับมาแล้วจริง ๆ เหรอ”
“ใช่ กลับมาแล้ว แต่ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
สีหน้าของนงลักษณ์ก็รู้สึกร้อนใจอยู่บ้าง
พอนรมนได้ยินว่าสถานการณ์ของบุริศร์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที
“บาดเจ็บเหรอคะ”
“บาดเจ็บนิดหน่อย แต่ว่าเขาได้หมดสติอยู่ตลอดเวลาเลย”
นงลักษณ์พูดไปแบบนี้ นรมนก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งเลย
“ทำไมเมื่อกี้ไม่บอกล่ะว่าหมดสติอยู่ตลอดเวลา? แล้วฉันก็ทิ้งมิลินไว้ที่นี่แล้ว แล้วทางบุริศร์จะทำยังไงล่ะ?”
“กิจจากำลังดูแลอยู่ เขาบอกว่าตอนนี้ยังไม่ต้องการมิลินชั่วคราว เพียงแต่แค่ให้ฉันมารายงานเธอ”
คำพูดของนงลักษณ์ทำให้นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ไม่ถามอะไรอีกเลย จากนั้นก็ขับรถกลับมาถึงหมู่บ้านดารายนอย่างรวดเร็ว
พอเธอกลับมาถึงแล้วก็ไปที่ห้องนอนทันที ในตอนที่เห็นกิจจานั้นในใจของนรมรก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย
“บุริศร์อยู่ไหน?”
“แด๊ดดี้อยู่บนเตียงครับ”
กิจจาหลบทางให้
นรมนเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ก็เห็นบุริศร์นอนอยู่บนเตียงอย่างสงบนิ่ง เหมือนอย่างกับนอนหลับปกติยังไงอย่างงั้น
นี่แค่ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน นรมนก็รู้สึกเหมือนกับว่าผ่านมานานแสนนานเลย
เธอเดินเข้าไปอย่างเบามือเบาเท้า เหมือนกลัวว่าจะทำให้บุริศร์ตื่น
ในตอนที่มือของเธอแตะโดนหน้าของบุริศร์นั้น อุณหภูมิที่อบอุ่นนั่นถึงจะทำให้เธอเชื่อว่าบุริศร์กลับมาแล้วจริง ๆ
“เขาเป็นอะไรไปเหรอ?”
“ไม่รู้ครับ ผมตรวจเช็กไม่เจอปัญหาอะไรเลย เพียงแต่บนร่างกายมีแผลเล็ก ๆ ไม่กี่แผลเท่านั้น แต่ว่ากลับหมดสติมาตลอด เหมือนกับว่ากำลังนอนหลับอยู่ครับ”
กิจจาพูดเสียงต่ำไป แต่กลับทำให้ใจของนรมนตื่นตระหนกขึ้นมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทำไมหนูยังไม่ให้มิลินกลับมาอีกล่ะ?”
ในจุดนี้นรมนรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเลย
กิจจาครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “หม่ามี้ครับ นี่เป็นความหมายของแด๊ดดี้ครับ”
“อะไรนะ?”
นรมนอึ้งไปเลยทันที
“ไหนหนูบอกว่าเขาหมดสติมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ครับ แต่ว่าในฝ่ามือของแด๊ดดี้กำสิ่งนี้เอาไว้ตลอดเลยครับ”
กิจจาเอากระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งยื่นให้กับนรมน
บนกระดาษเป็นลายมือของบุริศร์ ข้างบนเขียนไว้ว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงผม และก็ไม่ต้องตามใครมาดูอาการให้ผม เรื่องที่ผมกลับมาแล้วจะต้องเก็บไว้เป็นความลับ”
นรมนไม่รู้ว่าที่บุริศร์พูดแบบนี้ตกลงมันหมายความว่าอะไรกัน ที่หมู่บ้านดารายนนี้มีผู้คนเต็มไปหมด จะปิดบังคนทั้งหมดนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไง?
และที่สำคัญตกลงตอนนี้บุริศร์เป็นอะไรกันแน่?
หรือว่าจะมีอาการเหมือนกับบุณพจน์เหรอ?
“กิจจาจ๊ะ ตอนนี้หนอนพิษทองคำของแด๊ดดี้ของหนูเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาเหมือนกันหรือเปล่า? เป็นอาการเดียวกับบุณพจน์ก่อนหน้านั้น รอผ่านไปสักช่วงหนึ่งก็จะตื่นขึ้นมาเองใช่ไหม?”
พอเจอกับคำถามของนรมน กิจจาได้แต่ส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ครับ ตอนนั้นคุณลุงใหญ่เพิ่งกินหนอนพิษทองคำเข้าไป ร่างกายเกินการต่อต้าน เพราะฉะนั้นถึงได้นอนหมดสติ แต่ว่าแด๊ดดี้กับหนอนพิษทองคำหลอมรวมกันมานานขนาดนี้แล้ว น่าจะไม่เกิดอาการแบบนี้แล้ว แต่ว่าชีพจรของแด๊ดดี้สงบนิ่ง เหมือนกับว่ากำลังนอนหลับอยู่ ผมตรวจเช็กดูแล้ว มันไม่มีปัญหาอะไรจริง ๆ ครับ หม่ามี้ หม่ามี้ไม่ต้องห่วงนะครับ ที่แด๊ดดี้ไม่อยากจะให้ใครรู้ว่าเขากลับมาแล้ว ก็น่าจะมีแผนการอะไรอยู่ รอให้แด๊ดดี้ตื่นขึ้นมาแล้วพวกเราก็จะรู้เองนะครับ”
ถึงแม้จะรู้ว่าที่กิจจาพูดไม่ผิด แต่ว่านรมนก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี
ขอแค่บุริศร์ยังไม่ตื่นขึ้นมา เธอก็ไม่วางใจอยู่ดี
“แต่ว่าตอนนี้คนตัวเป็น ๆ อย่างนี้อยู่ทั้งคน จะมาปิดบังไว้ได้ยังไงกัน? และอีกอย่างขอแค่มิลินกลับมาแล้วก็จะต้องรู้แน่ ฉันคงจะให้เธออยู่แต่นอกประตูไม่ให้เข้ามาไม่ได้หรอกมั้ง?”
ถึงแม้ว่านรมนไม่รู้ว่าทำไมบุริศร์ถึงต้องมีข้อเรียกร้องแบบนี้ แต่ว่าจะซ่อนคนคนหนึ่งไว้ในหมู่บ้านดารายนนั้นช่างยากจริง ๆ “อ๋อใช่แล้ว บุริศร์กลับมาได้ยังไง? เขาไม่อยากจะให้ใครรู้ว่าเขากลับมาแล้ว งั้นเขาใช้วิธีอะไรกลับมากันแน่?”
“ห้องโถงบูชาบรรพบุรุษครับ”
คำพูดของกิจจาทำให้นรมนอึ้งไปเล็กน้อย
“ห้องโถงบูชาบรรพบุรุษเหรอ?”
“แด๊ดดี้ขึ้นมาจากช่องทางใต้ดินตรงใต้โต๊ะบูชาในห้องโถงบูชาบรรพบุรุษครับ”
นรมนอึ้งไปครู่หนึ่งทันที
ตอนนั้นที่เธอตกลงไปนั้น ก็รู้จักกับปีวราในนั้น ที่นั่นไม่ใช่แค่ช่องใต้ดินหรอกเหรอ? แต่กลับเป็นเส้นทางใต้ดินเหรอ? ถ้าหากมีอยู่ละก็ ก็น่าจะคือปีวราที่รู้จักละมั้ง
เพราะฉะนั้นปีวราเป็นคนส่งบุริศร์ออกมาเหรอ?
ในเมื่อสามารถส่งบุริศร์กลับมาได้แล้ว งั้นทำไมไม่ส่งกมลกลับมาพร้อมกันด้วยล่ะ?
คำถามมากมายปรากฏขึ้นมาในหัวสมองนรมน แต่กลับหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้สักอัน
“หนูไม่มีเรื่องอะไร ไปที่ห้องโถงบูชาบรรพบุรุษทำไมจ๊ะ?”
นรมนเพิ่งจะพบปัญหานี้ขึ้นมา
กิจจาพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “กมลเป็นคนบอกผมครับ”
“กมลเหรอ? ระหว่างพวกเธอติดต่อกันยังไง?”
พอได้ยินข่าวกมล นรมนก็ร้อนรนเป็นอย่างมากขึ้นมา
กิจจาเอาโทรศัพท์ออกมายื่นให้กับนรมน
“เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วกมลโทรศัพท์มาหาผม บอกให้ผมไปรับแด๊ดดี้ที่ห้องโถงบูชาบรรพบุรุษ สัญญาณทางเธอไม่ดีเอามาก ๆ เลย พอพูดจบก็ไม่มีสัญญาณแล้วครับ”
กิจจาเองก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
นรมนไม่รู้ว่าตกลงกมลและบุริศร์กำลังเล่นอะไรกันแน่ แต่ว่าตอนนี้บุริศร์กลับมาแล้ว เธอก็เหมือนกับว่ามีที่พึ่งทางใจแล้วยังไงอย่างงั้น
“งั้นตอนนี้มีที่ไหนที่สามารถซ่อนคนได้บ้างล่ะ?”
พอเจอคำถามนี้ของนรมนเข้า กิจจาก็ได้แต่ส่ายหน้าเล็กน้อย
“ไม่รู้ครับ”
หมู่บ้านดารายนนี้ก่อสร้างได้โปร่งโล่งมาก ถึงแม้ว่าจะเอาบุริศร์มาไว้ในห้องนอน ก็ไม่มีทางที่จะไม่โดนคนอื่นพบเห็นเข้า
นรมนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากที่นรมนกลับมาแล้ว นงลักษณ์ก็ไปที่ห้องของตัวเองเลย แล้วก็ส่งคนไปตรวจสอบตัวตนของพิรุณต่อไป
ในขณะที่นรมนหดหู่อยู่นั้น อยู่ ๆ กานต์ก็โทรศัพท์เข้ามา
“หม่ามี้ คุณบุริศร์อยู่หรือเปล่าครับ?”
นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “กำลังพักผ่อนอยู่จ้ะ มีอะไรเหรอ? หาแด๊ดดี้หนูมีธุระอะไรเหรอ?”
“อยู่ ๆ ผมก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ นึกขึ้นมาได้ตอนที่เล่นเกมในวันนี้”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
นรมนรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง
กานต์พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ตอนที่ย่าโอเจอกับผมตอนที่อยู่ในคุกที่เมืองหลวง เหมือนกับจะบอกผมเกี่ยวกับเรื่องของหมู่บ้านดารายนบางอย่าง ตอนนั้นผมลืมบอกไป และระยะเวลาห่างมานานขนาดนี้ผมก็เกือบจะลืมไปแล้ว แต่ว่าตอนเล่นเกมเมื่อกี้ก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ครับ”
นรมนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
“ย่าโอเหรอ? โอเหรอ?”
“ครับ”
กานต์พยักหน้าเล็กน้อย
แต่นรมนกลับรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยว่าโอจะบอกอะไรกับกานต์ไปบ้าง
“เธอพูดว่ายังไงบ้างเหรอ?”
“เหมือนกับว่าย่าโอจะบอกผมว่า หมู่บ้านดารายนมีช่องทางลับอันหนึ่งที่สามารถทะลุผ่านไปข้างนอกได้ เหมือนกับว่าจะอยู่ตรงที่ห้องโถงบูชาบรรพบุรุษนะครับ บอกว่าตอนนั้นเอาไว้ใช้เป็นช่วงทางหลบภัยฉุกเฉิน แต่ว่าตอนวันที่หมู่บ้านดารายนโดนทำลายนั้น ไม่มีใครทันได้ไปถึงที่นั่น ยังมีอีกอย่าง ตำแหน่งตรงนั้น ยังมีห้องลับอีกแห่งหนึ่ง เดี๋ยวผมส่งตำแหน่งไปให้หม่ามี้ทางWeChatนะครับ”
กานต์พูดจบก็วางสายโทรศัพท์เลย หนำซ้ำยังส่งตำแหน่งมาให้นรมนทางWeChatอีกด้วย
นรมนค้นหาตามตำแหน่งที่กานต์ส่งมาไปครู่หนึ่ง แต่ก็พบว่าอยู่ในห้องนอนของตัวเอง
เป็นความบังเอิญเหรอ?
นรมนมักจะรู้สึกว่ากานต์น่าจะรู้อะไรบางอย่าง และที่แห่งนี้ป้าโอเป็นคนบอกกานต์หรือเปล่านั้น นรมนก็ไม่รู้ แต่ว่าตอนนี้กลับแก้ไขความทุกข์ร้อนอย่างมากของเธอไปได้
เธอและกิจจาหาอยู่ในห้องนอนนานมาก ถึงพบว่าที่กำแพงข้างหลังตู้เหมือนกับว่าจะมีช่องว่าง
ทั้งสองคนลองเคาะ ๆ คลำ ๆ ไปตั้งนอนถึงพบว่ากลไกในการเปิด พอเข้าไปแล้วก็เป็นห้องลับจริง ๆ แถมยังมีลมพัดผ่านด้วย
“ตอนนั้นคนที่ออกแบบหมู่บ้านดารายนคือโสธร หรือว่าคนที่ทิ้งทางลับและห้องลับพวกนี้ไว้จะเป็นเขาเหรอ? แต่ว่าตอนนี้โสธรอยู่ที่ประเทศF และพวกเราก็โดนตัดขาดกับประเทศFแล้ว แล้วเขาจะส่งข่าวออกมาได้ยังไงกัน?”
ดวงตาของนรมนมีแววเคร่งขรึมพาดผ่านเสี้ยวหนึ่ง
กิจจาพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไม่แน่คุณอาโสธรอาจจะบอกทิ้งไว้ก่อนไปก็ได้ครับ”
นรมนพยักหน้าเล็กน้อย
โสธรจะสามารถรู้จักใครที่นี่ได้ล่ะ?
เรื่องที่เป็นความลับขนาดนี้ เขาก็คงจะบอกกับแต่คนรุ่นหลังของหมู่บ้านดารายนละมั้ง
หรือจะเป็นปีวราเหรอ?
ถ้าโสธรไม่ได้บอกกับมิลิน แต่กลับเอาเรื่องนี้ไปบอกกับปีวราละก็ งั้นก็เห็นได้ชัดว่าโสธรเชื่อมั่นปีวรา งั้นเรื่องที่ปีวราหลอกใช้ให้มิลินตามบุริศร์และกมลไปตามหาคริชณะก็อาจจะต้องคิดวิเคราะห์ใหม่แล้วนะ
ชั่วขณะหนึ่งคิดเรื่องอะไรได้มากมาย แต่ว่าก็ยังย้ายบุริศร์เข้าไปอย่างรวดเร็ว
“กิจจา แด๊ดดี้ของหนูไม่เป็นอะไรจริง ๆ นะ?”
“ไม่เป็นอะไรจริง ๆ ครับ แด๊ดดี้แค่เหมือนกับว่าเหนื่อยเกินไป และกำลังพักผ่อนอยู่ หม่ามี้ดูซิที่ขอบตาของเขาเป็นรอยดำทั้งรอบเลย”
กิจจาชี้ไปที่ขอบตาล่างของบุริศร์ นรมนเองก็พบว่าขอบตาของเขาดำมาก แต่ว่าพอเห็นเขาที่มักจะกระฉับกระเฉงอยู่ตลอดแต่กลับนอนหลับลึกได้เช่นนี้ เธอก็เลยรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย
หลังจากที่จัดแจงให้บุริศร์เรียบร้อยแล้ว นรมนเองก็อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ เพราะเกรงว่าคนข้างนอกจะหาตัวไม่เจอ เธอจึงได้แต่เดินตามกิจจาออกไป
หลังจากที่มิลินตรวจร่างกายให้พรวลัยเรียบร้อยแล้ว และเขียนใบสั่งยาบำรุงให้ไม่กี่ชุดแล้วก็กลับมาเลย
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาใช่หรือเปล่า?”
มิลินเห็นว่านรมนจากไปอย่างรีบร้อน ก็เลยเป็นห่วงมาก จึงรีบกลับมาหานรมน
“ไม่มีอะไร แค่สืบค้นข่าวของพิรุณเจอนิดหน่อย”
สำหรับสถานะของพิรุณนั้น นงลักษณ์แค่บอกกับนรมนคนเดียว และนรมนก็แค่บอกกับบุณพจน์คนเดียวเท่านั้น แล้วตอนนี้บุณพจน์ไม่ได้กลับมาด้วย แล้วพอมิลินมาถามแบบนี้ และเพื่อไม่ให้ความเคลื่อนไหวของบุริศร์โดนเปิดเผยไป นรมนจึงได้แต่เอาข่าวของพิรุณออกมาพูดเลย
ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เชื่อมิลิน แต่ว่าเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างจะพิเศษ ในเมื่อบุริศร์กำชับมาอย่างนี้แล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีการวิเคราะห์สำหรับคำสั่งนี้มาแล้ว เพราะฉะนั้นนรมนจึงได้แต่ต้องปิดบังไว้
ในตอนที่มิลินได้ยินนรมนพูดว่าพิรุณคนนี้ไม่ใช่พิรุณตัวจริงนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“พิรุณคนนี้นี่ทำให้คนอื่นคาดเดาไม่ได้จริง ๆ เลย ถึงกลับกล้าแอบอ้างชื่อคนตายคนหนึ่งมานานหลายปีขนาดนี้ แถมยังสามารถทำได้ถึงขั้นที่ไม่มีคนสังเกตเห็นด้วย ไม่พูดไม่ได้ว่านี่มันช่างเหลือเชื่อมากจริง ๆ คิดว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของเขาน่าจะไม่ธรรมดาแน่”
นรมนพยักหน้าเล็กน้อย
“ใช่ เพราะฉะนั้นเรื่องของหมู่บ้านดารายนในตอนนั้นบางทีอาจจะยังมีเรื่องที่พวกเราไม่รู้อีก ถ้าจะเป็นเพียงแค่เรื่องเส้นทางแร่ละก็ ฉันรู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้แน่ เรื่องนี้ถ้ายิ่งสืบค้นเข้ามาก็จะยิ่งรู้สึกว่าลับลมคมในเต็มไปหมด บางทีอาจจะมีแค่ตามหาพิรุณให้เจอถึงจะรู้เรื่องบางอย่างได้ แต่ว่าตอนนี้ไม่รู้เบาะแสของพิรุณเลย และร่างกายของพรวลัยก็ยังไม่หายดี ไม่รู้ว่าพวกเรายังจะสามารถเสียเวลาได้อีกเท่าไหร่”
นรมนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย
มิลินเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณนาย หรือว่าเราจะลองไปถามอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาดู ไม่แน่อารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอาจจะรู้สถานะของพิรุณก็ได้”
คำพูดประโยคนี้ทำให้นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง
อารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเหรอ?
ในเวลาตอนนี้ไปเจอกับอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจะปลอดภัยจริง ๆ เหรอ? ฟังจากความหมายของมิลินแล้ว อารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาน่าจะอยู่ละแวกใกล้ ๆ นี้ ใจของนรมนเกิดคลื่นขึ้นมาระลอกหนึ่งทันที