อารมณ์ของพรวลัยร้อนรนขึ้นมาทันที
“คุณไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าฉันไม่อยากจะอยู่กับคุณมากแค่ไหน! ทุกคืนฉันต้องพกมีดสั้นไว้ตลอด ฉันคิดอยู่ตลอดว่าจะฆ่าคุณซะ คุณเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพิรุณ ขอแค่คุณตายไป พิรุณก็จะได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียญาติพี่น้องไป ทุกอย่างที่ตัวฉันต้องรู้สึก ฉันก็จะให้เขาได้ลิ้มลองบ้าง หนำซ้ำฉันยังคิดว่าจะทายาพิษไว้ตัวฉัน ขอแค่คุณมาสัมผัสฉัน ถึงแม้ว่าจะต้องตาย ฉันก็จะฉุดคุณให้ตายไปด้วย สิ่งเหล่านี้คุณล้วนไม่เคยรู้!”
พรวลัยร้องไห้อย่างเจ็บปวดจนสุดใจ และกระทั่งร้องไห้จนมีเสียงเจ็บปวดออกมา
“แต่ว่าฉันกลับไม่มีประโยชน์ ฉันไม่มีประโยชน์จริง ๆ ฉันนึกว่าคุณจะเอาฉันตั้งแต่คืนนั้นเลย ฉันเตรียมการมาตั้งนานขนาดนั้น แต่คุณกลับไม่แตะต้องตัวฉัน คุณให้ฉันไปนอนเอง แล้วตัวคุณก็ไปห้องหนังสือเพียงคนเดียว ต่อมาในหนึ่งปีนั้น ฉันได้หาโอกาสมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่าคุณก็ยังคงไม่แตะต้องตัวฉัน ตอนแรกฉันนึกว่าคุณไม่พึงพอใจในตัวฉัน ฉันก็เลยรอปีที่สองคิดว่าคุณคงจะพาเด็กผู้หญิงกลับมาอีก พอถึงตอนนั้นฉันก็จะชักจูงให้เด็กผู้หญิงคนนั้นมาช่วยฉันทำงาน แต่ว่าการรอของฉันนี้ก็ต้องรอหลายปีเลย”
พอเห็นพรวลัยร้องไห้ได้อย่างเจ็บปวดมากขนาดนั้น ดวงตาของบุณพจน์ก็เปียกชื้นขึ้นมาเล็กน้อย
“งั้นทำไมคุณถึงไม่ฆ่าผมล่ะ?”
“ฉันอยากจะฆ่า แต่ว่าฉันลงมือไม่ลง ในตอนที่ฉันเห็นคุณโดนหนอนพิษทรมานครั้งแรกนั้น ฉันเคยคิดว่าจะถือโอกาสนี้ฆ่าคุณซะ แต่ว่าคุณกลับจับมือฉันไว้ แล้วเรียกหาแม่ วินาทีนั้นฉันเหมือนกับว่าได้เห็นตัวฉันเมื่อตอนอดีตที่อยู่ในอ้อมอกของแม่ ทำไม? ทำไมพิรุณต้องโหดเหี้ยมกับคุณที่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวแบบนี้ด้วย? ทำไมเขาถึงไม่เอาอกเอาใจคุณ? ถ้าหากว่าเขาดีกับคุณมาก ๆ ฉันฆ่าคุณไปก็คงจะทำให้เขาทุกข์ใจได้ แต่ว่าเขาคนนี้นั้นช่างเลือดเย็นเกินไปแล้ว เขาไม่สนใจคุณด้วยซ้ำ งั้นถ้าฉันฆ่าคุณไปจะมีประโยชน์อะไร?”
พรวลัยปิดหน้าตาของตัวเองไว้ ร้องไห้ได้อย่างปลดปล่อยเป็นอย่างมาก
หลายปีมาขนาดนี้ ความขมขื่นที่อยู่ในใจของเธอในที่สุดก็สามารถพูดออกมาได้อย่างเปิดเผยแล้ว
หลายปีมานี้ เธอแทบจะบีบบังคับตัวเองจนเป็นบ้าแล้ว
เธอเกลียดไปด้วย แต่ก็รักไปด้วย และยังต้องคอยเตือนตัวเองว่าเป้าหมายที่มีชีวิตอยู่ต่อไปคืออะไร
เธอเหนื่อยมาก เหนื่อยมากจริง ๆ
ถ้าหากบุณพจน์ไม่มีกับเธอก็ช่างเถอะ แต่ว่าบุณพจน์นั้นดีกับเธอมาก ดีจนทำให้เธอเกลียดเขาไม่ลง
ความรู้สึกแบบนี้ไม่มีใครเข้าใจ เธอต้องทนทุกข์ทรมานอย่างสุด ๆ ทุกวันทุกคืน
บุณพจน์ถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วก็เดินไปคว้าตัวเธอมากอดไว้ในอ้อมกอด
“อย่าแตะฉัน! อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”
พรวลัยที่อ่อนโยนมาตลอดกลับขัดขืนอย่างแรงกล้าขึ้นมา แต่ว่าตอนนี้เธอจะไปเป็นคู่แข่งกับบุณพจน์ได้ยังไง?
บุณพจน์กอดเธอไว้แน่น แล้วตะคอกขึ้นเสียงขรึมว่า “ฟังผมพูด”
บางทีน้ำเสียงของบุณพจน์อาจจะแหลมสูงเกินไป หรือพรวลัยอาจจะไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว เธอจึงได้แต่นั่งมองบุณพจน์อย่างเหม่อลอยเท่านั้น แต่น้ำตายังคงไหลนองอยู่
บุณพจน์รู้สึกว่าน้ำตานั้นดูขัดตาเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่อายุสิบแปดจนถึงตอนนี้ เขาแทบจะไม่เคยเห็นเธอร้องไห้มาก่อนเลย ถึงแม้จะเป็นตอนที่บาดแผลเต็มไปหมด ถึงแม้จะต้องวิ่งหนีความตาย เธอก็ยังกัดฟันต่อสู้ยืนหยัด ไม่เคยมีน้ำตาไหล แต่ว่าตอนนี้พรวลัยกลับร้องไห้จนเป็นเหมือนมนุษย์น้ำตาคนหนึ่งยังไงอย่างงั้น
บุณพจน์เคยขุ่นเคืองที่พรวลัยไม่เคยร้องไห้มาก่อน แต่พอตอนนี้มาเห็นน้ำตาของเธอแล้วเขาถึงพบว่า เขายินดีที่ชาตินี้ทั้งชาติจะไม่ได้เห็นเธอร้องไห้
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงเยอะมาก
“ฟังผมนะ ไม่ว่าเรื่องราวในอดีตมันจะเป็นยังไง มีความโกรธแค้นกันแบบไหน มันก็ได้จบลงหมดแล้ว พรวลัย สิ่งที่พิรุณติดค้างตระกูลแสงนาคของพวกคุณไว้ คุณสามารถทวงคืนกับเขาได้เต็มที่ แต่คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาความผิดบาปเหล่านี้มาคิดใส่หัวผม คุณเป็นคนของผม ถึงคุณจะเกลียดผมก็ดี จะรักผมก็ช่าง ยังไงชาตินี้ผมก็ไม่มีทางที่จะปล่อยตัวคุณให้ไปจากผมได้หรอก ส่วนลูกคุณอยากมีก็มี แต่ถ้าคุณไม่อยากมีผมก็จะไม่บังคับ ชาตินี้ถึงแม้จะต้องอยู่กันไปอย่างนี้ แต่คุณก็จะต้องอยู่ข้างกายผม นี่คือชะตาชีวิตของคุณ! ผมบุณพจน์เป็นคนยังไงคุณชัดเจนที่สุด ถ้าหากคุณแค่ไม่อยากจะมีลูกกับผม ตอนนี้ผมก็ไปทำหมันได้เลย แต่ว่าถ้าคุณยังกล้าไปจากผมดูซิ ถ้าคุณทำร้ายตัวเองแค่นิดเดียว ผมก็จะทำลายแขนของผมข้างหนึ่ง ถ้าหากคุณยังกินยาพิษอีก ผมก็จะเฉือนเนื้อตัวเองทิ้งชิ้นหนึ่ง คุณไม่สนใจชีวิตตัวเองก็ไม่เป็นไร ในเมื่อผมมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีความหมาย ผมก็จะมาดูว่าเราสองคนใครโหดเหี้ยมกว่าใคร”
บุณพจน์ไม่มีท่าทางล้อเล่นเลยสักนิด จนทำให้จิตใจของพรวลัยร้อนรนขึ้นมาทันที
“คุณคิดว่าคุณจะยังสามารถทำให้ฉันกลัวได้อีกเหรอ? บุณพจน์ ระหว่างเราได้ฉีกหน้ากันแล้ว คุณเอาตัวเองมาข่มขู่ฉันเหรอ? ช่างน่าขำจริง ๆ เลย! ฉันแทบอยากจะให้คุณตายอยู่แล้วคุณรู้หรือเปล่า? คุณเป็นลูกชายของพิรุณ คุณตายไปฉันถึงจะดีใจต่างหาก”
พรวลัยโกรธจนผลักบุณพจน์ออกไปทีหนึ่ง
ใจของเธอนั้นร้อนรนอยู่ ในขณะที่น้ำตากำลังปลิวว่อนนั้นก็ได้รู้สึกกลัวไปด้วยในขณะเดียวกัน
เธอกลัวบุณพจน์มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อเธอ กลัวจริง ๆ
เขาจะไม่เอาลูกได้ยังไงกัน?
เขาเพิ่งจะอายุสามสิบเองนะ ยังมีชีวิตดี ๆ อีกเยอะ ส่วนเธอก็แค่คนร่างกายโทรม ๆ คนหนึ่งเท่านั้น หลายปีมานี้ทรมานร่างกายขนาดซะขนาดนั้น แล้วก็ไม่รู้ว่าจะสามารถมีโอกาสได้เป็นแม่คนอีกหรือเปล่า
แต่บุณพจน์กลับไม่โต้เถียงกับเธออีก เพียงแต่แค่ล้วงมีดสั้นแบบทหารออกมาจากรองเท้าหนัง แล้วก็เฉือนไปที่แขนตัวเองทีหนึ่งทันที
มีดขยับขึ้นลง บุณพจน์เจ็บจนเหงื่อเย็น ๆ ไหลออกมา แต่กลับไปร้องสักแอะ แล้วเนื้อชิ้นหนึ่งก็ตกลงบนเตียงของพรวลัยทันที เลือดสด ๆ ไหลอาบ
“อ๊า!”
พรวลัยกรีดร้องขึ้นมาทันที
“บุณพจน์ คุณนี้บ้าไปแล้วใช่ไหม?”
เธอไม่สนใจความอ่อนเพลียของตัวเองจากการขั้นตอนการทำแท้งเมื่อคืน ยิ่งไม่สนใจความปวดแสบปวดร้อนในกระเพาะ ในวินาทีที่เห็นบุณพจน์ทำร้ายตัวเองนั้น พรวลัยก็ปวดใจจนแทบจะระเบิดเลย
เธอรีบเปิดผ้าห่มออก แล้วก็รีบร้อนจนกลิ้งลงไปจากเตียง แต่กลับไม่ได้สนใจร่างกายตัวเอง แต่กลับกุมแขนของบุณพจน์ไว้แน่น ทั้งสองมือพยายามปิดแผลของเขาไว้อย่างลนลาน
บาดแผลนั้นกระตุ้นให้ไฟโกรธของพรวลัยพุ่งขึ้นมาทันที
“หมอ! หมอ!”
เธออยากจะหมุนตัวไปกดกริ่งฉุกเฉิน แต่กลับโดนบุณพจน์ฉุดแขนไว้อย่างแน่นหนา
“ยังจะกินยาพิษอีกไหม?”
เขาเจ็บจนสีหน้าขาวซีดแล้ว แต่ว่าดวงตาคู่นั้นกลับจ้องพรวลัยเขม็งอยู่ ถ้าหากเธอกล้าพูดว่ากินอีกเขาก็กะว่าจะเฉือนเนื้ออีกชิ้นแน่
แล้วพรวลัยก็คลุ้มคลั่งขึ้นมาทันทีเลย
“คุณนี่มันเป็นคนบ้า! บุณพจน์ คุณนี่มันเป็นคนบ้าคนหนึ่งจริง ๆ! คุณจะเอาผู้หญิงคนหนึ่งที่คิดจะฆ่าคุณทุกวินาทีมาไว้ข้างกาย คุณนี่สมองมีปัญหาหรือเปล่า?”
“ใช่!”
บุณพจน์จ้องมองพรวลัย แล้วพูดขึ้นทีละคำทีละตัวอักษรว่า “ชาตินี้ผมไม่เคยคิดว่าอยากจะทำอะไร แม้กระทั่งชีวิตนี้ ถ้าพิรุณอยากจะได้ก็เอาไป แต่ว่าตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมอยากได้ก็คือคุณ พรวลัย ผมไม่ได้ล้อเล่นกับคุณ ถ้าคุณกล้ากินยาพิษอีก กล้าลองฆ่าตัวตายอีกครั้งละก็ ถึงแม้ว่าจะต้องขึ้นสวรรค์หรือลงนรก ผมก็จะไม่มีทางปล่อยคุณไป คุณเป็นของผม จะเป็นหรือตายก็เป็นของผม ถ้าผมไม่ตกลง ถึงแม้ยมบาลมาเองก็พาตัวคุณไปไม่ได้ คุณจำที่ผมพูดไว้นะ คุณเป็นผู้หญิงของผมบุณพจน์ และจะเป็นทั้งชีวิตนี้ ถ้ายังกล้าตายให้ผมดูอีกครั้ง ผมก็จะแทงร่างกายผมเป็นรู คุณไม่สงสารก็ไม่เป็นไร ถือซะว่าแทงเล่น ๆ ก็ได้”
“คุณนี่มันเป็นคนโรคจิตคนหนึ่ง!”
พรวลัยร้องไห้และตะโกนออกไป แต่ก็ไม่กล้าเสียเวลานัก แล้วก็กดกริ่งฉุกเฉินลงอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่หมอมาถึงนั้น ในห้องพักผู้ป่วยเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด จนทำให้พวกเขาตกใจจนจะรีบเข็นบุณพจน์ไปที่ห้องฉุกเฉิน แต่กลับโดนบุณพจน์ปฏิเสธกลับไป
“เย็บแผลให้ผมที่นี่แหละ จะได้ให้เธอได้เห็นชัด ๆ สักหน่อย”
คำพูดของบุณพจน์ทำให้หมอรู้สึกหวาดกลัวขึ้นเล็กน้อย
“คุณบุณพจน์ คุณผู้หญิงคนนี้เพิ่งผ่านขั้นตอนการทำแท้งมา ร่างกายยังอ่อนเพลียอยู่ คุณทำแบบนี้จะทำให้เธอตกใจได้นะ”
“ใช่เหรอ? ผมว่าทำที่นี่แหละ!”
บุณพจน์ยืนกรานหนักแน่น
พอเห็นใบหน้าที่ขาวซีดราวกับกระดาษของเขา พรวลัยก็ยอมแพ้แล้ว
“รีบเย็บแผลให้เขาเร็ว ๆ เย็บที่นี่แหละ”
น้ำเสียงของเธอแหบแห้ง ร่างกายเหมือนกับว่าโดนล้วงจนโล่งไปหมด แล้วก็ทิ้งก้นนั่งลงไปบนเตียง แต่ก็ยังหลบสายตาของบุณพจน์ไม่พ้น
เธอติดตามบุณพจน์มาสิบสองปี แต่กลับไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาจะดื้อดึงจะบ้าอำนาจได้ขนาดนี้ แต่ว่าความดื้อดึงแบบนี้กลับทำให้ใจที่ปวดอยู่ของเธอแทบจะแตกสลายไปเลย
และนี่ก็คือจุดที่น่ากลัวของบุณพจน์
เขารู้ทั้งรู้ว่าตัวเองรักเขา และเห็นเขาทำร้ายตัวเองแบบนี้ไม่ได้ แต่ก็ยังใช้ตัวเองมาข่มขู่เธอ
พรวลัยจ้องมองบุณพจน์ ในดวงตามีแววซับซ้อนอยู่
ทั้งหมอและพยาบาลต่างก็ยุ่งวุ่นวายขึ้นมารอบหนึ่ง ในที่สุดก็จัดการกับแผลของบุณพจน์จนเรียบร้อยได้ และยังทำตามความต้องการของบุณพจน์ ที่ให้เพิ่มเตียงในห้องผู้ป่วยเพิ่มมาอีกหนึ่งเตียง
หลังจากที่คนทั้งหมดจากไปแล้วนั้น พรวลัยก็เปลี่ยนเป็นสงบนิ่งเป็นอย่างมาก
เธออยากจะเทน้ำให้กับบุณพจน์เหมือนอย่างเมื่อก่อน แต่กลับโดนบุณพจน์รั้งเอาไว้
“ขึ้นไปนอนบนเตียง”
“แต่ว่าการรับใช้คุณมันเป็นหน้าที่ของฉัน”
คำพูดของพรวลัยทำให้บุณพจน์ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ผมบอกให้คุณขึ้นไปนอนบนเตียง อย่าให้ผมพูดรอบที่สามนะ”
ภาคใต้สายตาที่โหดเหี้ยมของบุณพจน์นั้น พรวลัยก็ขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างไม่ขึ้นไปไม่ได้
เธอเพิ่งแท้งลูกไป ร่างกายยังอ่อนแออยู่ แล้วก็ผ่านอารมณ์แปรปรวนมามากมายขนาดนี้ พอขึ้นไปนอนบนเตียงไม่นานก็หลับไปเลย
บุณพจน์จ้องมองพรวลัยที่หลับสนิทอยู่ แล้วก็ให้คนต้มซุปบำรุงเลือดแล้วส่งมาสักหน่อย แต่ตัวเองกลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเดินไปที่ระเบียง
“รวบรวมคนของเราขึ้นมา แล้วถือโอกาสที่พิรุณไม่ยังไม่กลับไป แล้วเก็บคนของเขามาให้ฉัน คนที่เชื่อฟังก็ให้เหลือไว้ คนที่ไม่เชื่อฟังก็ฆ่าทิ้งซะ!”
บุณพจน์ในตอนนี้เหมือนกับเป็นยมทูตเก็บวิญญาณที่มาจากนรก ไม่มีความอ่อนโยนให้พูดได้สักเสี้ยว
บนโลกใบนี้ นอกจากสองสามีภรรยาบุริศร์และพรวลัยแล้ว ก็ไม่มีใครที่จะสามารถทำให้เขาเกิดมีใจที่เมตตาได้อีกแล้ว
หลังจากที่วางสายแล้ว บุณพจน์ก็เทน้ำให้ตัวเองแก้วหนึ่ง
บาดแผลที่แขนยังคงเจ็บปวดมาก แต่ว่าสามารถทำให้จิตใจของพรวลัยเกิดความเป็นกังวล และไม่ฆ่าตัวตายอีกได้ เขาก็รู้สึกว่าคุ้มแล้ว
ผู้หญิงที่ดื้อดึงคนนี้นี่
ยอมรับว่ารักตัวเองมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?
คนที่อยู่ข้างหมอนกันมาสิบกว่าปี ใครไม่รู้จักใครกัน
ถ้ายังไม่สามารถปราบยัยเด็กดื้ออย่างนี้ได้ เขาคุณชายบุณพจน์ยังจะอยู่ไปทำไมอีก
ริมฝีปากของบุณพจน์คลี่ขึ้นเล็กน้อย แล้วก็เดินมาถึงข้างเตียงพรวลัย แล้วเอาเส้นผมของเธอไปทัดไว้ที่ข้างหู แล้วจูบลงบนหน้าผากของเธอทีหนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ยัยโง่ ถ้าไม่บีบคั้นคุณแบบนี้ คุณก็จะหนีไปไกลแสนไกล พรวลัย มีคำพูดประโยคหนึ่งผมไม่ได้บอกกับคุณมาตลอด และก็พูดไม่ออกด้วย ที่จริงแล้วผมรักคุณนะ ถ้าหากคุณบอกเรื่องพวกนี้กับผมเร็วกว่านี้ ถึงจะต้องเป็นลูกอกตัญญูฆ่าพ่อเพื่อคุณแล้วมันจะยังไง ในเมื่อเขาก็ไม่ได้คิดกับผมว่าเป็นลูกชายอยู่แล้ว”
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแววอ่อนโยน แต่น่าเสียดายพรวลัยได้นอนหลับไปแล้ว แล้วก็ไม่ได้ยินเรื่องพวกนี้ บางทีบุณพจน์ก็อาจจะไม่อยากให้พรวลัยได้ยินเรื่องพวกนี้หรอก
ในที่สุดเรื่องที่โรงพยาบาลก็ลอยมาถึงหูนรมนจนได้
เธอรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็ว่าอะไรความรู้สึกระหว่างบุณพจน์และพรวลัยมากไม่ได้ จึงได้แต่ให้มิลินไปดูพวกเขาที่โรงพยาบาลสักหน่อย และตัวเองก็ตามไปด้วย
ตอนที่มิลินมาถึงนั้น พรวลัยยังคงหลับอยู่ อาจจะเป็นเพราะว่าครั้งนี้ทรหดมากเกินไปแล้ว ร่างกายก็อ่อนแอเกินไป เธอนอนไปหลายชั่วโมงก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา
ตอนแรกบุณพจน์ก็รู้สึกเป็นกังวลอยู่แล้ว พอเห็นนรมนพามิลินมา ก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่งทันทีเลย
“มาช่วยดูเธอหน่อยว่าอาการเป็นยังไงบ้างแล้ว”
มิลินตรวจร่างกายให้พรวลัยไปรอบหนึ่ง จากนั้นค่อยพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นอะไรมากแล้ว แค่อ่อนเพลียเกินไป ให้พักผ่อนดี ๆ ก็พอแล้ว”
พอได้ยินว่าพรวลัยไม่เป็นอะไรแล้ว บุณพจน์ถึงได้พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “พรวลัยไม่ได้ปล่อยพิรุณไป ถ้าตามที่ผมเดานะพรวลัยน่าจะชักจูงพิรุณไปที่ไหนสักแห่งและโดนกักไว้ที่นั่น แล้วปล่อยให้เขาค่อย ๆ ตายไปเอง ผมรู้ว่าพวกคุณร้อนใจอยากจะได้ยินอะไรจากปากพิรุณ รอให้พรวลัยตื่นแล้ว ผมจะลองช่วยพวกคุณถามดู”
คำพูดนี้ทำให้นรมนและมิลินรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ว่าก็พอโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่งแล้ว แล้วก็ในเวลานี้พอดี นงลักษณ์ก็มาถึงข้างกายนรมนอย่างรวดเร็ว แล้วก็กระซิบที่ข้างหูไปไม่กี่ประโยค แล้วสีหน้าของนรมนก็เปลี่ยนไปทันที