บุญทิวาเคยสง่างามโดดเด่น และหล่อเหลามั่นใจ แต่ตอนนี้เขาทรมานบุญทิวาจนกลายเป็นอย่างนี้
แม้ว่านงลักษณ์ไม่รู้พระราชาทำอะไรกับบุญทิวา แต่เมื่อดูทั้งหมดตรงนี้ก็พอจะเข้าใจได้
เดิมทีนงลักษณ์คิดจะไปถามนรมนให้ชัดเจน แต่เธอกลัวว่าเมื่อตัวเองไปแล้ว บุญทิวาจะหนีไป
ทั้งชีวิตนี้ไม่ง่ายกว่าจะได้เบาะแสของเขา เมื่อเจอเขาแล้ว เธอไม่มีทางยอมให้เขาหายไปจากตรงหน้าตัวเองอีก
นงลักษณ์สั่งคนไปเตรียมอาหาร ก็ได้รับรายงานว่าบุริศร์สั่งให้ห้องครัวกำลังทำอาหารแล้ว
นงลักษณ์รีบพูด “สั่งห้องครัวอย่าใส่ผักชี เขาไม่กินผักชี”
แม้ว่าเสียงเธอจะไม่ดังนัก แต่บุญทิวาก็ยังได้ยิน
ไม่กินผักชีหรือ
รู้สึกเหมือนเรื่องเมื่อชาติที่แล้ว
ถูกขังในคุกใต้ดินไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน อย่าว่าแต่ผักชี อาหารบูดเน่าก็ต้องกิน ไม่กินก็ไม่รอด ถึงกับถูกยัดปากอะไรอีกมากมายที่ไม่อาจบรรยายได้
ตอนนี้เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ บุญทิวาก็รู้สึกว่าตัวเองน่ารังเกียจ
ตอนนี้เขาเหมือนหนูในท่อระบายน้ำ สกปรกเปรอะเปื้อน ไม่มีหน้าจะเจอคนอื่น จะอยู่กับนงลักษณ์ได้อย่างไร
แม้ว่าเขายังรักเธอ แม้ว่าเขาจะไม่แคร์เรื่องราวทั้งหมดของเธอแล้วอย่างไรล่ะ
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่คู่ควรกับเธอ
บุญทิวาหวังมาตลอดตัวเองจะได้ไปพ้นจากคุกใต้ดิน แต่เมื่อตอนนี้สมปรารถนาแล้ว เขากลับอยากจะหลบซ่อน ไม่ออกมาเจอใครอีก
เขาไม่สนใจคนอื่นจะมองอย่างไร แต่ขอแค่ไม่ให้นงลักษณ์เห็นตัวเองในสภาพนี้ น่าเสียดายที่เขาปรากฏตัวในสภาพนี้อยู่ดี
บุญทิวาเปิดก๊อกน้ำ ปล่อยให้น้ำไหลอาบตัวเอง ความรู้สึกอบอุ่นอย่างนี้ไม่เคยสัมผัสไม่นานแสนนานเหลือเกิน
เขาคิดว่าตัวเองจะตายในคุกใต้ดินไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน นึกไม่ถึงเขาจะมีวันที่จะได้เห็นโลกภายนอกอีกครั้ง
ตอนนี้อาบน้ำร้อนแค่เท่านี้ก็เป็นเรื่องหรูหราสำหรับเขาแล้ว เป็นความสุขอย่างหนึ่ง
ผมสระไม่ได้แล้ว เขาจึงหยิบกรรไกรที่อยู่ข้างๆ มาตัดผมยาวของตัวเอง แม้ว่าจะเบี้ยวๆ แต่ก็สะอาดเรียบร้อยขึ้นมาก
บุญทิวากำลังอาบน้ำ นงลักษณ์ก็ไม่พักผ่อน เธอไปซักเสื้อผ้า ฝ่ายบุริศร์ก็เตรียมเรียบร้อยแล้ว เธอไปที่ห้องครัวอีก ทำกับข้าวให้บุญทิวาเพิ่มอีกสองอย่าง และอุ่นเหล้ากาหนึ่งด้วย
ตอนที่ทำทั้งหมดนี้เรียบร้อยแล้วกลับมา บุญทิวายังไม่ออกมา
นรมนที่จริงอยากจะไปดู แต่บุริศร์กลับอุ้มเธอขึ้นบนเตียง กระซิบ “คืนนี้เป็นเวลาของพวกเขาสองคน คุณมีคำถามอะไรคืนนี้ก็ไม่มีโอกาสถามหรอก นอนพักผ่อนเถอะ ดึกแล้ว พักผ่อนเร็วหน่อยพรุ่งนี้ถึงจะมีแรงคุยกับคุณอาบุญทิวาจริงมั้ย อีกอย่างพวกเรายังมีเวลาอีกมาก ต่อไปยังมีเวลาคุยกับคุณอาบุญทิวา”
บุริศร์รู้ว่านรมนตื่นเต้น และรู้ว่านรมนยึดติดกับคุณอาบุญทิวา ในเมื่อคุณอาบุญทิวากับชินทรเป็นฝาแฝด เมื่อเห็นคุณอาบุญทิวาก็เหมือนเห็นชินทร
กับนรมนแล้ว เธอไม่เคยเห็นตัวจริงของชินทร แม้ว่าจะเคยเห็นรูปถ่าย แต่ไม่เคยเห็นใบหน้าสุดท้ายของชินทรมาก่อน
นี่คือความเสียดายตลอดชีวิตนี้ของนรมน
เธอมองคุณอาบุญทิวาก็เหมือนมองพ่อของตัวเอง
บุริศร์จะไม่เข้าใจได้อย่างไร
แต่ตอนนี้เกรงว่าคุณอาบุญทิวาไม่มีกำลังวังชาและไม่มีเวลาสนใจหลานสาวคนนี้
นรมนได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้ แม้รู้ว่าบุริศร์พูดถูก แต่ก็ยังคงตื่นเต้น “ครั้งนี้คุณอาบุญทิวาออกมาจริงๆ แล้วใช่มั้ยคะ เขาจะไม่ถูกพาไปไหนอีกแล้วใช่มั้ยคะ”
“วางใจเถอะ อยู่กับผมที่นี่ ไม่มีใครมาพาคุณอาบุญทิวาไปได้”
บุริศร์พูดยิ้มๆ
นรมนรีบพยักหน้า
“ค่ะๆๆ คนของเราอยู่ที่นี่ ไม่มีใครจะพาไปได้อีก อีกอย่างคนพวกนั้นก็ถูกคุณจัดการแล้ว ต่อให้พวกเขารายงานกับพระราชา ก็ต้องใช้เวลาช่วงหนึ่ง ถึงตอนนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางหาตัวคุณอาบุญทิวาเจอแล้ว”
นรมนเหมือนเด็กๆ พึมพำกับตัวเอง
บุริศร์เห็นเธอไม่อาจสงบใจลงได้ ก็ก้มหน้าลง จูบลงที่ริมฝีปากชมพูของเธอ
นรมนชะงักนิดหนึ่ง แล้วถูกบุริศร์นำจังหวะไป
ขณะที่บุญทิวาอาบน้ำชั่วโมงครึ่งในที่สุดก็ออกมา
คนที่ดำสกปรกตอนนี้ก็ขาวสะอาดขึ้น แม้ว่าผมจะตัดไม่สม่ำเสมอ แต่ดูแล้วก็สบายตาขึ้นมาก
หลายปีมานี้ใช้ชีวิตในความมืดมิดทำให้ผิวของเขาขาวซีดมาก ถึงกับดูมีอาการป่วย ขณะที่ดวงตาของเขาก็เฉื่อยชา ไม่ว่องไวเหมือนคนปกติ
นงลักษณ์รู้สึกคัดจมูกจะร้องไห้
บุญทิวาเคยองอาจสง่างามขนาดไหน ดวงตาคู่นั้นที่สดใสเหมือนดวงดาวทำให้ผู้คนหลงใหล ตอนนี้กลับอยู่ในสภาพนี้
นงลักษณ์ระงับความเศร้าโศกไว้ในใจ ยิ้มพลางดึงแขนบุญทิวานั่งลง
จิตใต้สำนึกบุญทิวาอยากจะหลบซ่อน แต่ถูกนงลักษณ์เห็นก่อน รีบจับมือเขาที่ผอมแห้งเหลือแต่กระดูกแน่น
เขาสวมชุดคลุมนอนของนงลักษณ์
นงลักษณ์ยิ้มนิดๆ พูดเสียงแผ่วเบา “มีแต่ของที่คุณชอบค่ะ ฉันลงมือทำเอง ลองชิมหน่อยค่ะ รสชาติเหมือนเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนมั้ย”
แววตาของเธอรอคอย เหมือนยี่สิบกว่าปีนี้สองคนไม่เคยพรากจากกัน
บุญทิวารู้สึกอกร้อนนิดๆ ขอบตารื้นน้ำตา
เขาไม่เคยคิดตัวเองจะมีวันที่ได้ออกมานั่งกินข้าวกับนงลักษณ์
บุญทิวาหยิบตะเกียบขึ้นมา ท่าทางไม่ค่อยคุ้นเคย แต่ยังคงคีบอาหารเข้าปาก
ความรู้สึกคุ้นเคยเกิดขึ้นในทันที ให้ดวงตาของบุญทิวาน้ำตาคลอ
เขาไม่พูดอะไร ก้มหน้าเริ่มกินข้าว แม้ว่าจะไม่กินมูมมามคำโต แต่ก็ยังทำให้นงลักษณ์ปวดร้าวใจเหลือเกิน
“คุณค่อยๆ กิน ยังมีอีกค่ะ อย่ากินแต่กับข้าว ยังมีข้าวสวยด้วย”
นงลักษณ์ยื่นข้าวสวยใส่มือบุญทิวา
บุญทิวาชะงักนิดหนึ่ง รับมาแล้วก็กินต่อ ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ถึงกับแววตาไม่มองนงลักษณ์สักนิด
นงลักษณ์ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้
ถ้าตอนนั้นเธอไม่รักกับบุญทิวา ตอนนี้เขาจะมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองแล้วหรือเปล่า ใช้ชีวิตสมบูรณ์พูนสุข
คือความผิดของเธอ!
เธอทำลายทั้งชีวิตของบุญทิวา
นงลักษณ์รู้สึกตำหนิตัวเองในใจ พูดสะอื้น “คุณรู้มั้ยคะ ฉันคิดมาตลอด ถ้าตอนนั้นฉันไม่เจอคุณ ไม่รักคุณ ตอนนี้คุณอาจจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสม ไม่แน่พวกคุณอาจจะมีลูกของตัวเองแล้ว คุณอาจจะได้ทำธุรกิจ อาจจะเป็นทหาร อาจจะพูดคุยสนุกสนานกับพี่น้องทุกวัน อาจจะได้ดูแลแม่ ชีวิตของคุณคงจะสมบูรณ์แบบและสดใส แต่เพราะคุณรู้จักกับฉัน เพราะรักกับฉัน ดูสิตอนนี้คุณเป็นยังไง บุญทิวา ชาตินี้ฉันนงลักษณ์ติดค้างคุณชดใช้ไม่หมด”
บุญทิวาชะงักมือ น้ำตาหยดลงจากขอบตา หล่นลงในชามข้าว ผสมกับอาหารอย่างรวดเร็ว
เสียใจหรือ
บุญทิวาหลายปีมานี้เคยถามตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน
เขาเสียใจไหมที่รู้จักนงลักษณ์ เสียใจไหมที่รักเธอ
แต่ทุกครั้งก็ได้คำตอบเหมือนเดิม
เขาไม่เสียใจ!
ถ้าไม่มีนงลักษณ์ เขาไม่มีทางรู้ว่าตัวเองบ้าได้ขนาดนี้เพื่อคนหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะรักนงลักษณ์ เขาไม่มีทางศึกษาธรณีวิทยาและสายแร่ ถ้าไม่ใช่เพราะนงลักษณ์ เขายิ่งไม่รู้ว่าตัวเองยังมีศักยภาพทำเรื่องยากๆ ได้
ทั้งชีวิตนี้ได้รักคนหนึ่งด้วยน้ำใสใจจริงก็พอแล้ว ส่วนผมจะเป็นอย่างไร เขาไม่คิดถึงมัน
ได้อยู่ด้วยกันนั้นดีที่สุด ถ้าเป็นไปไม่ได้ ขอแค่เธอมีความสุข ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว
ความคิดของบุญทิวาแวบหายไป แล้วกินข้าวต่อ ราวกับไม่ได้ยินนงลักษณ์พูดอะไร
นงลักษณ์มองบุญทิวาที่อยู่ตรงหน้าเงียบเชียบ ก็รู้สึกปวดรวดร้าวใจ
เมื่อก่อนแม้ว่าบุญทิวาจะไม่ถึงกับเป็นคนช่างพูด แต่ก็พูดคุยหยอกล้อกับเธอได้นานสองนานไม่หยุด แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะสูญเสียความสามารถการใช้ภาษาไปแล้ว เงียบงันจนรู้สึกอึดอัด
นงลักษณ์ไม่พูดอะไร เดินออกไปจากตรงนั้น
ตอนนี้เหลือเขาคนเดียว บุญทิวาวางตะเกียบลง
อาหารอร่อยมาก แต่รสชาติไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
ในที่สุดวันเวลาที่สองคนสูญเสียไปก็ย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว ความรู้สึกระหว่างสองคนก็ไม่มีทางไปต่อได้แล้ว
ชีวิตคนเรามักจะมีอะไรมากมายที่ไม่สมปรารถนา บุญทิวาเดิมทีคิดว่าตัวเองปล่อยวางได้แล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านงลักษณ์ ต่อหน้าคนที่ตัวเองรัก เขากลับพบว่าหัวใจที่ด้านชาเจ็บปวดเหลือแสน ปวดจนร่างกายแทบบิดงอ
เขารักเธอ!
รักเธอเหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน!
แต่เขาไม่มีสิทธิ์จะได้ครอบครองเธอ!
โลกนี้ยังมีเรื่องอะไรที่น่าเศร้าใจไปมากกว่านี้อีกหรือ
บุญทิวาไม่เคยเชื่อเรื่องโชคชะตา ตอนนี้กลับไม่รู้ควรจะทำอย่างไรดี
ตอนที่อยู่ในคุกใต้ดิน ความหวังเดียวของเขาคือได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง
แต่ตอนนี้ออกมาได้แล้ว เขากลับสับสนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ยี่สิบกว่าปีผ่านไป เขาเลิกแค้นโลกนี้แล้ว เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะปรับตัวกับโลกนี้อย่างไร และยิ่งไม่รู้ว่าตัวเองยังทำอะไรได้ ยังมีค่าอะไรเหลืออยู่
ความเพียรที่ครั้งหนึ่งเคยผ่านสายธารแห่งกาลเวลามาเนิ่นนาน บัดนี้ไม่เหลืออีกแล้ว
บุญทิวามองชามอาหารตรงหน้า รู้สึกว่าใจของตัวเองเบาโหวง
ต่อไปเขาควรไปไหนดี
กลับไปตระกูลทวีทรัพย์ธาดา เป็นกาฝากให้คนอื่นเลี้ยงหรือ
ไม่!
นั่นไม่ควรเป็นชีวิตของบุญทิวา!
แต่ตัวเขาบุญทิวายังมีชีวิตอีกหรือ
บางทีตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อน ตั้งแต่ถูกผู้ชายคนนั้นขังคุกใต้ดิน ชีวิตเขาก็จบสิ้นแล้ว
ตอนที่นงลักษณ์กลับมา ก็เห็นบุญทิวามองชามข้าวเหม่อลอย เขาเหมือนเด็กๆ ที่อับจนหนทาง สับสนหาทางกลับบ้านไม่ถูก
ใจของเธอช่างเจ็บปวดแสนทรมาน
“บุญทิวากินอิ่มยังคะ อิ่มแล้วฉันจะทำผมให้คุณ”
นงลักษณ์พยายามทำเสียงตัวเองให้สบายๆ
บุญทิวาชะงักนิดหนึ่ง แล้ววางชามข้าวลง
เขาเหมือนเด็กอับอาย มองนงลักษณ์ที่อยู่ต่อหน้าไม่รู้จะทำอย่างไรดี งงงวยไม่เข้าใจ มองอุปกรณ์ทำผมในมือของนงลักษณ์ที่ไม่รู้ไปยืมมาจากไหนก็เหม่อลอยนิดหนึ่ง
“นั่งลงสิคะ”
นงลักษณ์เดินเข้าไป จับให้บุญทิวานั่งลงเก้าอี้ข้างๆ อย่างอ่อนโยน จากนั้นก็หยิบผ้าคลุมตัวเขา แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “ถ้าเดี๋ยวฉันทำไม่ดี อย่าขำฉันนะคะ”
นึกว่าบุญทิวาจะพูดว่าไม่เป็นไรเหมือนเมื่อก่อน แต่ตอนนี้บุญทิวากลับไม่ปริปากจนรู้สึกอึดอัด
นงลักษณ์รู้ว่ารีบร้อนไม่ได้ หลังจากเปิดปัตตาเลี่ยน ขณะที่เตรียมตัดผมให้บุญทิวา ทันใดนั้นก็เห็นรอยเข็มหลายรอยที่ข้างหูของเขา
สีหน้าของเธอซีดเผือดทันใด