บุริศร์ออกจากห้องแล้ว คุณชายธเนศพลก็โทรมาหา
“หยุดกิจกรรมสายแร่ทุกอย่าง ถ้าเป็นไปได้ ฉันหวังว่านายจะไปประเทศFสืบให้แน่ชัดน้าของฉันอยู่ที่นั่นหรือเปล่า”
น้ำเสียงของธเนศพลวิงวอน
บุริศร์รู้นิสัยของเขาดี น้อยครั้งที่เขาจะขอร้อง ตอนนี้เพื่อน้าแล้วยอมทิ้งสถานะของตัวเอง อีกอย่างเขาเองก็ต้องการไปประเทศFกับนรมน จึงไม่ปฏิเสธ
“โอเค นายส่งคนมารับคุณอาบุญทิวากับนงลักษณ์กลับไปละกัน”
บุริศร์รู้ว่าถ้าพานงลักษณ์กลับไปประเทศFหลายอย่างจะสะดวกราบรื่น แต่ความรู้สึกของนรมนกับนงลักษณ์ไม่เหมือนกัน เขาไม่อยากให้เธอเสี่ยงอันตรายอีก
ธเนศพลรีบพูด “ฉันส่งเฮลิคอปเตอร์ไปแล้ว อีกห้าชั่วโมงจะไปถึงที่นั่น”
“ฉันรอพวกเขาไปแล้วค่อยออกเดินทาง”
“ขอร้องล่ะ ระวังตัวด้วย ถ้านายต้องการอะไรรีบติดต่อฉันทันที อะไรที่ช่วยได้ฉันจะทำให้เต็มที่”
เพื่อน้าของเขาแล้ว ธเนศพลตัดสินใจจะทุ่มหมดหน้าตัก
บุริศร์พยักหน้า
วางสายแล้ว บุริศร์ก็กลับมาที่ห้องนอน
นรมนยังกอดผ้าห่มนั่งบนเตียง ใบหน้าดูเศร้าสร้อย
“คุณเป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
บุริศร์เป็นห่วง เดินเข้าไปแตะหน้าผากเธอ แต่นรมนจับข้อมือเข้าไว้
“คุณรังเกียจฉันหรือเปล่าคะ”
“พูดอะไร ผมจะรังเกียจคุณได้ไง”
บุริศร์ทำหน้าไม่ถูก
ตอนนี้นรมนน่าสนใจจริงๆ
นรมนยังไม่ปล่อยไป “งั้นทำไมฉันพูดว่ายอมเสียสละตัวเองแล้ว คุณยังหนีไปอีกล่ะ”
บุริศร์พูดไม่ออกอีกครั้ง
“คุณคิดอยู่ตั้งนานเพราะปัญหานี้หรือ”
“ค่ะ”
นรมนพยักหน้าจริงจัง
บุริศร์หัวเราะ “ตอนนี้คุณสุขภาพไม่ค่อยดี ถ้าผมทำอะไรคุณ เกิดร่างกายคุณไม่ไหวขึ้นมาทำยังไง ไม่รู้สมองน้อยๆ ของคุณคิดอะไรอยู่ ไว้รอคุณหายดีแล้ว คุณอยากนอนกับผมสักคืนละเจ็ดรอบเดี๋ยวผมจะเป็นเพื่อนคุณเอง”
“ใครอยากคืนเดียวเจ็ดรอบกับคุณล่ะ”
นรมนหน้าแดงไปจนถึงคอ
บุริศร์ยิ้มลูบผมเธอ “ลุกขึ้นเถอะ เมื่อกี้คุณชายธเนศพลโทรมา ส่งเฮลิคอปเตอร์มารับคุณอาบุญทิวากับนงลักษณ์แล้ว มีคุณชายธเนศพลช่วยจัดการทุกอย่าง คุณอาบุญทิวาจะต้องหายเร็วแน่”
“จริงหรือคะ”
นรมนตื่นเต้นมาก
เธอเป็นห่วงสภาพจิตใจของคุณอาบุญทิวามากที่สุด ตอนนี้ได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้ ก็วางใจแล้ว
บุริศร์เห็นท่าทางนรมนดีใจ ก็อดยิ้มที่มุมปากไม่ได้
“จริงสิ มีนงลักษณ์อยู่ด้วย คุณอาบุญทิวาจะต้องหายเร็วแน่ๆ ผมคิดว่าทั้งสองควรจะได้อยู่ด้วยกัน”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นค่ะ”
นรมนพูดยิ้มๆ จากนั้นจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ตัวเองยังไม่ได้อาบน้ำ รีบพูด “ไม่คุยกับคุณแล้ว ฉันไปอาบน้ำก่อน เฮลิคอปเตอร์จะมาถึงเมื่อไหร่คะ”
“ไม่ต้องรีบ ยังมีเวลาอีกอีกห้าชั่วโมง”
บุริศร์เห็นนรมนกระโดดลงจากเตียง ก็ตกใจเป็นห่วง
“ช้าๆ หน่อย”
“ฉันไม่เป็นไร”
นรมนรู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นมาก รีบวิ่งไปห้องน้ำ
บุริศร์ส่ายหน้า แล้วยิ้มออกมา
ตอนที่เขารอนรมนอยู่ข้างนอก ก็ให้คนเตรียมอาหารอร่อยๆ แล้วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดู
นรมนอาบน้ำเสร็จแล้ว ออกมาเห็นบุริศร์กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ ท่าทางเงียบสงบทำให้รู้สึกสงบสุข
“ทายสิคะฉันคือใคร”
นรมนปิดตาบุริศร์จากข้างหลัง
ท่าทางเหมือนเด็กๆ ของเธอ กลับทำให้บุริศร์อารมณ์ดี เขาอดคิดไม่ได้ ถ้าตอนอยู่มหาวิทยาลัยเป็นแฟนกับนรมน ตอนนั้นเธอจะคอยทำแบบนี้หรือไม่นะ ให้เขาทายเธอคือใคร
“ตอบเร็วๆ ฉันคือใครคะ”
“คุณนายบุริศร์”
บุริศร์ฉีกยิ้มกว้าง
นรมนก็รู้สึกว่าตัวเองติงต๊องไปหน่อย ห้องนี้มีแค่พวกเขาสองคน เธอถามคำถามอะไรงี่เง่า
“ครั้งนี้ไม่นับ ครั้งหน้าอยู่ข้างนอกค่อยเล่นอีก”
“ได้”
บุริศร์ไม่รู้สึกว่าติงต๊อง แต่กลับรอคอย ทำให้นรมนพูดไม่ออก
“คุณไม่คิดว่าน่าเบื่อหรือคะ”
“ได้อยู่กับคุณ ไม่มีอะไรน่าเบื่อ”
ตอนนี้บุริศร์หยอดคำหวาน
นรมนอดยิ้มมุมปากไม่ได้
“ถือว่าคุณปากหวาน พวกเราไปบอกข่าวป้ากับคุณอาบุญทิวากันเถอะ”
“ตกลง”
บุริศร์ถูกนรมนลากลงจากเก้าอี้ สองคนรีบมาที่หน้าประตูห้องของบุญทิวา
หลังจากเคาะประตูตามมารยาท ก็มีเสียงบุญทิวาดังมาจากข้างใน
“เข้ามาสิ”
นรมนกับบุริศร์เดินเข้าไป ก็เห็นนงลักษณ์นั่งข้างเตียงปอกแอปเปิลให้บุญทิวา ขณะที่บุญทิวาก็ไม่มีท่าทีปฏิเสธ
เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ
ก่อนหน้านี้ยังเหมือนว่าจะไม่คุยกันจนวันตาย ตอนนี้กลับนั่งด้วยกันสงบสุข ทำให้นรมนคาดไม่ถึง
บุริศร์แม้ว่าจะแปลกใจ แต่สายตานั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“หลานมีเรื่องอะไรหรือ”
นงลักษณ์ส่งแอปเปิลที่ปอกแล้วให้บุญทิวา จากนั้นก็เงยหน้าถาม
มุมปากของเธอมีรอยยิ้มและความสุข ท่าทางเหมือนหญิงสาวที่ตกอยู่ในภวังค์รัก
นรมนรู้สึกตัว รีบพูดขึ้น “อีกห้าชั่วโมงเฮลิคอปเตอร์จะมารับพวกป้าไปเมืองหลวงค่ะ คุณอาบุญทิวาบุริศร์เตรียมให้อาไปฟื้นฟูสภาพจิตใจ หนูรู้ว่าอาอยากรีบกลับไปตระกูลทวีทรัพย์ธาดา แต่ตอนนี้สภาพจิตใจของอากลับไปแล้ว คงจะทำให้คุณอาธรณีเสียใจ ตอนนี้คุณอาธรรศปฏิบัติภารกิจอยู่ข้างนอก ช่วงนี้ยังกลับมาไม่ได้ อาฟังพวกเรานะคะ”
นรมนกลัวว่าบุญทิวาจะปฏิเสธการจัดการของพวกเธอ จึงพูดจาเสียงเบา
นึกไม่ถึงบุญทิวาจะตอบตกลงทันที “ตกลง พวกหลานจัดการยังไงอาก็ตามนั้น นงลักษณ์ล่ะ”
“ป้าจะต้องไปกับอาแน่ๆ ค่ะ ตอนนี้ป้ากลับไปเมืองชลธีไม่ค่อยปลอดภัย”
นรมนไม่ได้พูดว่าเบื้องบนกำลังแก้ไขปัญหาผู้ต้องสงสัย ถ้านงลักษณ์กลับไปเมืองชลธี ช่วงที่พวกเขายังแก้ไขปัญหาไม่เสร็จอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน นี่คือเรื่องที่นรมนไม่อยากให้เกิดขึ้น
นงลักษณ์พยักหน้า ขอแค่ได้อยู่กับบุญทิวา ให้เธอไปไหนก็ไม่มีปัญหา
เธอเหมือนกับจอกแหนมาตลอด ไร้รากเหง้า ไร้ครอบครัว เมื่อได้เจอบุญทิวาแล้วเธอถึงจะมีความรู้สึกว่ามีใครสักคนยึดเหนี่ยว ตอนนี้พวกเขาแยกกันมาครึ่งชีวิต ไม่ง่ายที่จะได้กลับมาเจอกัน ย่อมไม่อยากแยกจากกัน
บุริศร์เห็นพวกเขาไม่ขัดข้อง ก็พูดขึ้น “พวกคุณเก็บของละกัน เดี๋ยวจะมีคนรับ เพื่อความปลอดภัยของพวกคุณอาจจะมีคนดูแลยี่สิบสี่ชั่วโมง พวกคุณอาจจะต้องทำความคุ้นเคยหน่อย”
เขาคาดการณ์ได้ว่าธเนศพลจะจัดการอย่างไร แม้ว่าไปเมืองหลวงแล้วจะเป็นถิ่นของธเนศพล แต่ใครจะไปรู้คนของสมชัยจะไม่แทรกซึมเข้าไป
นงลักษณ์ไม่คิดอะไรมาก เธอถูกคนจับตามองมาหลายปี ย่อมไม่ถือสา
บุญทิวาเชื่อใจบุริศร์และนรมน รู้สึกว่าพวกเขาไม่มีทางทำร้ายตัวเอง จึงเห็นด้วย
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย บุริศร์ก็พานรมนออกจากห้อง แต่นึกไม่ถึงนงลักษณ์จะตามออกมา
“นรมน อย่าเพิ่งไป”
เสียงเรียกของนงลักษณ์ทำให้นรมนชะงักฝีเท้า มองนงลักษณ์สงสัย
“ป้า มีอะไรคะ ยังมีเรื่องอะไรจะสั่งหรือเปล่า”
นงลักษณ์มองนรมน ถามเสียงแผ่วเบา “พวกเรากลับเมืองหลวง ส่วนพวกเธอสองคนจะไปไหนกัน”
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรถาม”
เสียงบุริศร์ดังขึ้น แฝงด้วยความเย็นชา
นงลักษณ์รู้ว่าบุริศร์ไม่ชอบตัวเองสักเท่าไหร่ บางทีเพราะตัวเธอเคยปิดบังนรมน บางทีเป็นเพราะความสัมพันธ์อื่น แต่เธอรับรู้ได้ว่าเขาไม่ชอบเธอ
ถึงอย่างไรนงลักษณ์ก็ยังเลือกที่จะพูดออกไป
“ป้าเดาว่าพวกหลานจะไปประเทศFใช่มั้ย เกิดเรื่องขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็นตระกูลโตเล็กหรือตระกูลพรโสภณ หรือกระทั่งตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเกี่ยวข้องกับสองพี่น้องสมชัยไม่มากก็น้อย พวกหลานไม่มีทางที่จะปล่อยวางความแค้น พวกหลานอยากจะไปแก้แค้นใช่มั้ย”
สายตาของนงลักษณ์จ้องมองบุริศร์กับนรมน ทำให้บุริศร์ขมวดคิ้ว
นรมนกลัวบุริศร์จะพูดอะไรที่ทำให้นงลักษณ์อับอาย รีบพูดขึ้น “ป้า พวกเราแค่ไปเที่ยวเฉยๆ ไม่ปิดบังค่ะ หนูกับบุริศร์เดิมทีจะไปเที่ยวกัน จริงๆ ค่ะ”
เธอไม่สนใจนงลักษณ์จะเชื่อหรือไม่ แต่พูดอย่างนี้ไม่ผิดแน่
บุริศร์ตกอยู่ในอันตราย ถือเป็นความลับ ยิ่งเป็นการเดินทางที่สำคัญ ย่อมพูดกับนงลักษณ์ไม่ได้ แม้ว่านงลักษณ์จะเดาออก แต่เธอก็พยักหน้าไม่ได้
นี่คือกฎ และเป็นวินัย
นงลักษณ์คล้ายกับจะรู้ว่าสถานะของบุริศร์แตกต่าง สายตาขรึมลง แต่ยังคงพูดเสียงเบา “ไม่ว่าพวกเธอจะไปเที่ยวหรือไปทำอะไร ป้าจะไม่ไปประเทศFกับพวกเธอ”
คำพูดนี้ทำให้บุริศร์เลิกคิ้ว
เขาไม่ชอบนงลักษณ์จริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียกบุญทิวาคุณอาบุญทิวา แต่เรียกชื่อนงลักษณ์ตรงๆ
นงลักษณ์คนนี้ เห็นแก่ตัวมาก
จะบอกว่านงลักษณ์ไม่ดีก็ไม่ได้ เพียงแต่สภาพแวดล้อมตั้งแต่เล็กจนโตทำให้เธอเอาตัวเองเป็นสำคัญก่อน คนแบบนี้เห็นแก่ตัว ถ้าหากทำลายผลประโยชน์ของเธอ คนแบบนี้จะคิดหาทางหนีทีไล่ของตัวเองทันที นี่คือสาเหตุที่บุริศร์ไม่ชอบนงลักษณ์
เขามองออก นรมนชอบนงลักษณ์จริงๆ เห็นเธอเป็นญาติของตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อแอบเห็นนงลักษณ์ที่ต้องลำบากและไม่อาจต่อสู้ได้ในป่าตอนนั้น นรมนมีความคิดจะปกป้องนงลักษณ์อยู่แล้ว แต่นงลักษณ์ไม่อาจใช้จิตใจเดียวกันกับนรมน บุริศร์จึงไม่ชอบ
ขอแค่ไม่จริงใจหวังดีกับนรมน เขาไม่ชอบทั้งนั้น ถ้าสถานการณ์เอื้ออำนวยละก็ เขาจะแยกกับปัจจัยที่ทำให้ไม่สบายใจนี้
นรมนได้ยินนงลักษณ์พูดอย่างนี้ ก็ยิ้ม “พวกเราไม่ได้คิดจะพาป้าไปด้วย ป้าอยู่เป็นเพื่อนคุณอาบุญทิวาเถอะค่ะ ป้าคะ ป้ากับคุณอาบุญทิวาลำบากมามากแล้ว หนูหวังว่าหลังจากนี้พวกป้าสองคนจะได้ใช้ชีวิตมีความสุขค่ะ”
นี่คือคำพูดจากใจจริงของนรมน
แววตานงลักษณ์อ่อนลง เธอหยิบแผนที่ออกมาจากกระเป๋าส่งให้นรมน
“นี่คือแผนที่วังประเทศF ป้าช่วยได้แค่นี้”
นรมนแปลกใจ แต่ก็รีบรับไป ยิ้มให้เธอ “ขอบคุณป้าค่ะ”
“ไปกันเถอะ!”
บุริศร์แตะแขนนรมนจะพาเธอไปจากนงลักษณ์ แต่ก็ได้ยินนงลักษณ์พูดขึ้น “นรมน บุริศร์ ถ้าหากเป็นไปได้ หวังว่าพวกเธอจะช่วยราเชนด้วย”
บุริศร์ขมวดคิ้วแน่นทันที