“ฟังจากเสียงนี้ไม่น่าจะมีแค่คนสองคน เหมือนกับว่าจะมีสิบกว่าคน คงจะไม่ใช่คนที่หัวหน้าหน่วยหงส์อะไรนั่นทิ้งเอาไว้ต้อนรับเราหรอกมั้ง? ถ้าใช่ละก็ การต้อนรับนี้ก็อลังการมากไปแล้ว”
มาถึงเวลาแบบนี้แล้ว ชัญญาก็ยังคงล้อเล่นได้อีก
สีหน้าของนรมนกลับเคร่งขรึมขึ้นมาหลายส่วน
ชัญญาจ้องมองเธอเล็กน้อย แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “จะโทรศัพท์หาบุริศร์ของเธอสักหน่อยไหมล่ะ? ตอนนี้เขาน่าจะเพิ่งจากไปไม่นานหรอก ถ้าจะย้อนกลับมาก็คงจะทันอยู่”
นรมนจ้องมองกำไลข้อมือที่อยู่บนข้อมือเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ถ้าเขาย้อนกลับมาไม่แน่อาจจะต้องตายกันหมด ฉันไม่เคยคิดว่าจะต้องมาโดนฝังไปกับเขาสองคนที่นี่หรอกค่ะ”
“แต่เธอกะว่าจะฝังตัวเองคนเดียวเหรอ? เธอจะต้องรู้ว่านะว่าผู้หญิงที่อยู่ในความอิจฉานั้นน่ากลัวที่สุด ถ้าเกิดว่าหงส์คนนั้นไม่ได้อยากจะฆ่าเธอ แต่อยากจะทรมานเธอล่ะ?”
“หล่อนน่าจะไม่ใช่คนแบบนั้น”
น้ำเสียงของนรมนแน่วแน่ จึงอดไม่ได้ที่จะทำให้ชัญญาอึ้งไปเล็กน้อย
“ความลักษณ์ที่เธอมีต่อคู่แข่งของเธอคนนี้นี่ไม่เลวเลยนะ”
นรมนยิ้มขมขื่นขึ้นเล็กน้อย
ที่จริงแล้ว ถ้าตัดด้านที่หล่อนชอบบุริศร์ออกไป นรมนก็ค่อนข้างที่จะชื่นชมและชื่นชอบหงส์คนนี้มากเลย แต่ทำยังไงได้ในเมื่อจุดยืนของทั้งสองคนไม่เหมือนกัน
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน แต่ว่านรมนก็ยังรู้สึกว่าถ้าหงส์อยากจะกำจัดตัวเองทิ้งไป ก็คงจะต้องเด็ดขาด ไม่มีทางที่จะมาทำเรื่องที่ทรมานเธอแน่นอน
เธอจะต้องให้ความเด็ดขาดกับนรมนครั้งหนึ่งแน่
ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นมากะทันหันและยังรวดเร็วด้วย แต่นรมนกลับเชื่อมั่นอย่างไม่มีข้อสงสัย
จากการสาธยายของบุริศร์นั้น นรมนสามารถมองนิสัยของหงส์ออกได้ ว่าเป็นคนที่รักกับเกลียดแบ่งแยกกันได้ชัดเจน และเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด ไม่แพ้ผู้ชายคนหนึ่งเลยสักนิด
คนแบบนี้ควรจะกลายเป็นผู้ช่วยของบุริศร์ แต่ไม่ใช่มาเป็นศัตรู
นรมนคิดวกวนไปมาอยู่ในใจ แต่ชัญญากลับไม่ค่อยเข้าใจ จึงได้แต่พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “งั้นเธอว่าตอนนี้ควรจะทำยังไงดีล่ะ? คนที่อยู่ข้างหน้าเหมือนยิ่งอยู่ก็จะยิ่งใกล้เข้ามาหาพวกเราแล้ว”
สถานการณ์ไม่สามารถปล่อยให้นรมนคิดมากเกินไป เธอจับมือของชัญญาเอาไว้ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ตามฉันมาค่ะ”
“เธอรู้จักที่นี่เหรอ?”
นรมนไม่ได้พูดอะไร แต่กลับพาชัญญาไปซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว
ที่ที่เธอซ่อนตัวนั้นเป็นที่ที่มีเกราะกำบังแน่นหนา ซึ่งแม้แต่ชัญญาก็ยังคิดไม่ถึง
“เธอนี่ถือได้ว่าเก่งจริง ๆ เธอรู้ได้ยังไงว่าที่นี่มีถังขยะอยู่อันหนึ่ง?”
เมื่อก่อนชัญญาก็เป็นผู้หญิงที่เรื่องมากคนหนึ่ง แต่พอโดนกักขังมาหลายปีแบบนี้ ถึงจะเรื่องมากแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับการรักษาชีวิตเอาไว้ เพราะฉะนั้นในตอนที่นรมนลากตัวเธอเข้าไปหลบในถังขยะนั้น ชัญญาก็ไม่ได้ลังเลเลยสักนิด
นรมนพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ตอนที่ลงมาจากรถ ฉันได้มองสำรวจรอบข้างไปรอบหนึ่ง แล้วพบว่าที่นี่กว้างใหญ่มาก ที่แห่งเดียวที่จะสามารถซ่อนตัวได้ก็มีแต่ถังขยะอันนี้เท่านั้น เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าในเวลาแบบนี้ขยะจะค่อนข้างน้อยไปหน่อย”
“เก่งมากเลยนี่ ลงมาจากรถก็เริ่มสำรวจแล้ว นี่เธอหวาดระแวงกับหงส์คนนั้นมาตั้งแต่ต้น และไม่เชื่อถือหล่อนแล้ว แต่ว่าก่อนหน้านี้เธอยังชื่นชมหล่อนมากอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
ชัญญายังจำที่นรมนประเมินหงส์ไว้สูงมากได้ เพียงแต่คิดไม่ตกว่าทำไมอยู่ ๆ ท่าทีถึงได้เปลี่ยนไปกะทันหัน หรือว่าเวลาช่วงสามวันมานี้เกิดเรื่องอะไรที่เธอไม่รู้ขึ้นมาเหรอ?
นรมนสังเกตการณ์ด้านนอกไป แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณอาคะ คุณดูออกได้ยังไงคะว่าหงส์มีความใจกับบุริศร์?”
เรื่องนี้ถ้าบุริศร์ไม่บอกกับเธอให้รู้เรื่อง เธอก็ไม่มีทางที่จะคิดไปในทางนี้หรอก แต่เหมือนกับว่าชัญญาจะรู้เรื่องมาตั้งแต่ต้นเลย ทุกคำพูดต่างก็คำนึงถึงเธอ นรมนจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
ชัญญาพูดเรียบ ๆ ขึ้นว่า “หงส์คนนี้แสดงออกได้ชัดเจนมาก เธอแค่ไม่ได้สังเกตเห็นเท่านั้น ตั้งแต่แรกที่บุริศร์เรียกร้องให้หล่อนมาคุ้มครองฉันนั้น ฉันก็รู้สึกว่าความรู้สึกที่หล่อนมีต่อบุริศร์นั้นไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ถ้าหากว่าเป็นเพียงแค่ผู้ใต้บังคับบัญชาจริง ๆ เพื่อพี่น้องแล้วไม่ว่ายังไงก็คงจะไม่มีทางเก็บฉันไว้แน่ แต่ว่าตอนที่หล่อนเผชิญหน้ากับบุริศร์นั้นกลับยอมศิโรราบให้เลย หนำซ้ำยังยอมเสี่ยงอันตรายที่ใหญ่หลวงขนาดนี้ไปรับพวกเราเข้าวังมา ไม่ก็เป็นเพราะความจริงใจ ไม่ก็อาจจะเพราะว่ามีเป้าหมายอื่น ดูจากเฉียงคนที่อยู่ข้างกายหล่อนนั้นฉันสามารถดูออกได้ว่าหล่อนมีวิธีควบคุมคนให้อยู่หมัดได้ และสามารถทำให้คนยอมไปตายเพื่อหล่อนด้วยความเต็มใจ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วถ้าจะส่งเราออกไปก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไร ตอนนั้นลมพายุหิมะเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นมา ถ้าหากด้านนอกมีคนร่วมมือด้วยละก็ หล่อนส่งตัวพวกเราออกไปก็มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงมาก แต่หล่อนไม่ได้ทำแบบนั้น แต่กลับรับตัวพวกเรามาอยู่ในใจกลางอันตราย งั้นก็มีความเป็นไปได้อย่างหนึ่งก็คือหล่อนอยากจะยืมมือฆ่าคน”
พอได้ยินชัญญาพูดแบบนี้ นรมนก็ทอดถอนใจทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “คุณอา ก่อนหน้านี้ทำไมคุณถึงไม่พูดละคะ?”
“หงส์คนนั้นเป็นคนที่บุริศร์เชื่อถือที่สุด แล้วฉันก็เป็นคนนอกคนหนึ่งถ้าไปพูดเรื่องพวกนี้มันจะไม่ไร้น้ำหนักไปหน่อยเหรอ? ฉันยังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อนะ”
หลายปีมานี้ชัญญามองธาตุแท้ของคนออกแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่านรมนเป็นหลานสาวของบุญทิวา บางทีเธออาจจะไม่พูดเรื่องพวกนี้กับนรมนด้วยซ้ำ
นรมนมักจะรู้สึกว่าตัวเองผ่านอะไรมาเยอะแยะ น่าจะมองอะไรทะลุปรุโปร่งได้ไม่น้อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าในด้านประสบการณ์ชีวิตนั้นยังสู้ชัญญาไม่ได้
“แต่ถ้าหากที่คุณอาพูดมาเป็นเรื่องที่ถูกต้องทั้งหมด ถ้างั้นทำไมบุริศร์ถึงเดาไม่ออกละคะ?”
“นั่นเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายเป็นลูกน้องที่บุริศร์เชื่อใจที่สุด หรือจะพูดว่าเป็นพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา เขาไม่มีทางที่จะคิดไปในทางนั้นอยู่แล้ว”
ชัญญาเดาได้ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก
นรมนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “ใช่ค่ะ เธอเคยช่วยชีวิตบุริศร์มาก่อน”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง”
พอทั้งสองคนพูดเรื่องพวกนี้เสร็จ เสียงฝีเท้าพวกนั้นก็มาถึงตรงหน้าแล้ว พวกเธอจึงได้แต่ต้องเงียบเสียงลง
จากช่องแคบนั้น นรมนเห็นว่าคนที่มาคือทหารยามรักษาการณ์สองกลุ่ม น่าจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัย พวกเขามองซึ่งกันและกันทีหนึ่ง จากนั้นก็เลี้ยวไปตามทางทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว แล้วก็เดินแยกกันไป
ดูท่าพวกเขาจะไม่ได้มาฆ่าพวกเธอ แต่ก็ไม่ได้มารับพวกเธอด้วยเช่นกัน
และเพื่อที่จะยืนยันการคาดเดาของตัวเอง นรมนจึงพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณอา พวกเราอยู่ที่นี่กันต่ออีกหน่อยได้ไหมคะ?”
“ฉันยังไงก็ได้อยู่แล้ว”
ชัญญานั้นพร้อมที่จะไหลไปตามน้ำอยู่แล้ว
นรมนกดปิดปุ่มเปิดปิดของกำไลไป ซึ่งทำให้ชัญญาอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปเล็กน้อย
“นี่เธอกะว่าจะเสี่ยงอันตรายตัวคนเดียว ไม่อยากจะให้บุริศร์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องแล้วใช่หรือเปล่า?”
“ระหว่างฉันกับหงส์นั้น ฉันเชื่อว่าบุริศร์จะต้องเลือกฉันแน่ ๆ แต่ว่าก็เป็นเพราะแบบนี้ ฉันถึงไม่สามารถให้เขากับหงส์แตกหักกันตอนนี้ได้ ขอแค่ยังหาตัวฉันไม่เจอ หงส์กับบุริศร์ก็จะไม่มีทางต่อสู้กัน หนำซ้ำยังจะมีความคาดเดาไว้เสี้ยวหนึ่งด้วย แต่ว่าถ้ารู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของฉันแล้ว ฉันกลัวว่าหงส์จะลงมือกับบุริศร์”
นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่นรมนเป็นกังวล
ความรู้สึกที่บุริศร์มีต่อตัวเองนั้นเธอเข้าใจเป็นอย่างดี ถ้าหากว่าตำแหน่งของตัวเองเปิดอยู่ตลอด แล้วทำให้บุริศร์สังเกตเห็นถึงตำแหน่งของตัวเอง คิดว่าก็คงน่าจะต้องไปสอบถามสาเหตุกับหงส์แน่ พอถึงตอนนั้นถ้าหงส์ยอมรับว่าอยากจะให้เธอตายจริง ๆ งั้นก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่บุริศร์จะไม่สนใจชีวิตตัวเองแล้ว แต่ก็ยังจะยอมแตกหักกับหงส์
นั่นไม่ใช่ภาพที่นรมนอยากจะเห็น
ชัญญาอึ้งไปเล็กน้อย และรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจนรมนเลย
“แต่ว่าเธอทำแบบนี้ก็เท่ากับให้เวลาบุริศร์และหงส์ได้อยู่ด้วยกัน เธอกำลังสร้างโอกาสให้คู่แข่งของเธออยู่นะ เธอรู้ตัวไหม?”
“ฉันเชื่อใจเขาค่ะ”
คำพูดนี้พูดได้อย่างหนักแน่นและมีพลัง และก็เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ชัญญาจ้องมองนรมนอย่างละเอียดเช่นนี้ จ้องมองดูรัศมีทั้งหมดที่เปล่งประกายออกมาในตอนนี้ของผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาสะสวยและคิดว่าอ่อนแอในตอนแรก แล้วก็ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงผู้หญิงอีกคนหนึ่งขึ้นมา
นงลักษณ์!
เธอจำได้ว่าตอนที่บุญทิวาหายตัวไปนั้น เธอเคยพบกับนงลักษณ์ ตอนนั้นเธอเกลียดนงลักษณ์ที่ทำลายชีวิตของบุญทิวา เกลียดจนแทบอยากจะฆ่าหล่อน แต่ว่านงลักษณ์กลับช่วยชีวิตเธอไว้ และยังบอกกับเธอว่า หล่อนเชื่อใจบุญทิวา ไม่ว่าจะกี่ปีหล่อนก็จะรอเขา ในใจของหล่อนมีแต่เขาเท่านั้น
ในตอนนั้น ปฏิกิริยาบนใบหน้าของนงลักษณ์ก็เป็นเหมือนกับของนรมนเปี๊ยบ
ชัญญาไม่รู้ว่าตกลงมันต้องเป็นความรักแบบไหน ถึงสามารถทำให้ต่างฝ่ายต่างเชื่อมั่นกันโดยไม่มีข้อสงสัยกันเช่นนี้ และยังทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งยังคงมั่นใจว่าภายใต้สถานการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ อีกฝ่ายจะไม่หักหลังกัน จะไม่ยอมแพ้ แถมยังไม่มีทางหักหลังจิตวิญญาณของตัวเองเพื่อความอยู่รอดอีกด้วย
และความจริงก็ได้ยืนยันแล้ว ว่านงลักษณ์นั้นถูกต้อง
ตอนนี้บุญทิวายังมีชีวิตอยู่ และความลับที่เขายืนหยัดเก็บรักษาไว้สมชัยก็ยังไม่รู้ เธอสามารถนึกภาพความทุกข์ทรมานที่บุญทิวาต้องเผชิญมาในหลายปีนี้ได้ แต่ว่าเขาก็ยังปกป้องสิ่งที่เขาต้องการปกป้องไว้ได้สำเร็จ
ถ้าอย่างงั้นจะสามารถพูดว่าเป็นเพราะความรักที่บุญทิวามีต่อนงลักษณ์ได้หรือเปล่า?
ในใจของชัญญามีความเจ็บปวดพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง
เธอพบว่าไม่ว่าจะเป็นคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาหรือว่าคนของตระกูลธนเกียรติโกศลล้วนร้ายกาจทั้งนั้น
พอนรมนได้ยินคำตอบของชัญญา ก็ไม่พูดอะไร เธอจ้องมองไปข้างนอก แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ถ้าหากว่าหงส์ส่งคนมารับพวกเราจริง ๆ ในเวลานี้ก็น่าจะมาถึงแล้ว”
“เธอยังเพ้อฝันอยู่อีกเหรอ”
ชัญญายิ้มเย็นขึ้น แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าลอยมาจากข้างนอกระลอกหนึ่ง และฟังจากเสียงแล้วน่าจะเป็นแค่คนคนเดียว
เธออึ้งไปเล็กน้อยทันที
ดวงตาของนรมนจดจ้องข้างนอกอยู่ตลอด เธอเห็นสาวใช้คนหนึ่งมาถึงนี่ที่แล้วมองซ้ายมองขวาอย่างมีลับลมคมใน เหมือนกับว่ากำลังค้นหาอะไรอยู่ และก็เหมือนกับว่ากำลังรอใครอยู่
จะเป็นคนที่หงส์ส่งมารับพวกเธอหรือเปล่านะ?
ในใจของนรมนครุ่นคิดไป แล้วตรงหน้าก็มีทหารองครักษ์วิ่งมาอย่างรวดเร็วคนหนึ่ง ในตอนที่เห็นหญิงสาวนั้นก็รีบถามขึ้นเสียงต่ำว่า “ธีรตา องค์หญิงมีคำสั่งว่ายังไงบ้าง?”
“องค์หญิงบอกว่าให้นายตามหาผู้หญิงสองคน ไม่ใช่คนในวังนะ เพิ่งเข้ามาจากนอกวัง ถ้าหาเจอแล้วละก็ ฆ่าได้ทันทีเลย จากนั้นก็เอาไปโยนทิ้งไว้ในตำหนักของกล้าณรงค์”
น้ำเสียงของธีรตาข่มจนเสียงเบามาก แต่เพราะว่าอยู่ใกล้กับถังขยะมาก นรมนและชัญญาจึงได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำทุกอย่าง
ช่างเป็นการแสดงยืมมือฆ่าคนที่ดีมากฉากหนึ่งจริง ๆ
ดูท่าที่สุดแล้วเธอก็เดาผิดไปแล้วจริง ๆ ยังไงหงส์ก็ยังอยากจะให้เธอตายอยู่ดี
ที่ชัญญาพูดนั้นไม่ผิดเลย เธอกะเวลาเดินสำรวจของทหารยามที่นี่ไว้แม่นยำแล้ว จากนั้นก็ส่งตัวบุริศร์จากไปก่อนเวลา แล้วเหลือตัวเองและชัญญาสองคนทิ้งไว้ให้รออยู่ที่นี่ ถ้าหากว่าโดนทหารยามมาพบเห็น อย่างนั้นทหารยามพวกนั้นก็จะจับพวกเธอไปในฐานะผู้บุกรุกเข้ามา หรืออาจจะจับตายทันทีก็ได้ แต่ถ้าพวกเธอยังมีชีวิตอยู่ งั้นธีรตาคนนี้ก็จะให้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มาจัดการพวกเธอสองคนทิ้งไปซะ
ร่างกายของนรมนมีความหนาวเย็นขึ้นมาเล็กน้อย
และรู้สึกหงุดหงิดกับหงส์คนนี้ที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนแต่กลับมีใจที่อยากจะฆ่าเธอซะแล้ว แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ตัวเองจะมาโมโหได้
ผู้ชายจ้องมองไปรอบข้าง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ที่นี่ว่างเปล่าเป็นอย่างมาก แล้วพวกเขาจะหนีไปไหนได้ล่ะ? คงจะไม่ได้โดนกลุ่มทหารยามจับตัวไปแล้วหรอกนะ?”
“ไม่หรอก เมื่อกี้ตอนที่ฉันเห็นทหารยามเดินมานั้น ก็ได้เดินตามมาด้วยตลอด แล้วที่นี่ก็ไม่มีใคร บางทีพวกเขาอาจจะหลบซ่อนตัวไปแล้ว องค์หญิงบอกว่าจำเป็นจะต้องจัดการพวกเธอก่อนที่คนอื่นจะมาพบเห็นพวกเธอเข้า”
น้ำเสียงของธีรตาแฝงไว้ด้วยความเย็นชาเสี้ยวหนึ่ง
นรมนค่อย ๆ หรี่ตาขึ้นเล็กน้อย
อยู่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าเธอเดาไม่ผิดจริง ๆ
หงส์นะหงส์ เธอนี่ทำให้คนชื่นชอบมากแค่ไหนก็เกลียดมากแค่นั้นจริง ๆ