ชีวิตในวังหลายปีมานี้ทำให้เธอรู้จักเสแสร้ง ในตอนที่ได้ยินว่าบุริศร์จะไปหานรมนนั้น หงส์ก็อยากจะรั้งเขาไว้อย่างอัตโนมัติ แต่กลับลืมไปว่าบุริศร์ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาทั่วไป สำหรับมารยาแบบนี้แน่นอนว่าจะต้องมองได้ทะลุปรุโปร่งอยู่แล้ว
เธอเองที่เป็นคนโง่เกินไปแล้ว
หงส์รีบถลึงตาใส่เฉียงทีหนึ่ง แล้วก็พูดเสียงขรึมขึ้นว่า “เฉียง ห้ามพูดไปเรื่อยนะ เฮียบุริศร์ไม่ได้ทำอะไรฉันซะหน่อย เมื่อกี้ฉันยืนไม่มั่นคงเอง หลายวันมานี้ไม่ได้นอนหลับดี ๆ แล้วเมื่อกี้ก็ตื่นเต้นและรีบร้อนไปหน่อย ที่ขาพลิกไป ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเฮียบุริศร์”
พูดจบหงส์ก็เงยหน้าขึ้นไปมองบุริศร์ทีหนึ่ง
บุริศร์กลับยังคงจ้องมองเธออย่างเย็นชาอยู่ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “กลุ่มทหารยามอยู่ที่ไหน? ถ้าเธอสามารถให้ความช่วยเหลือได้ก็ดี ถ้าไม่ได้ก็อย่ามาขัดขวางฉัน เธอเองก็รู้นะ ว่าเธอขวางฉันไม่ได้หรอก”
พูดจบบุริศร์ก็หมุนตัวเดินไปเลย
ร่างกายของหงส์นิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นในแววตาก็มีความไม่พอใจและความอิจฉาพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง
ตกลงนรมนผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดีกันแน่?
คุ้มค่าที่จะให้บุริศร์ไปช่วยไปช่วยเธออย่างไม่คิดถึงความปลอดภัยของตัวเองแบบนี้เหรอ?
“ตกลงคนหายไปไหนแล้ว?”
หงส์ถามเสียงต่ำขึ้น
ธีรตารีบพูดขึ้นว่า “พวกเราไม่เห็นเธอค่ะ ฉันได้ให้ติณห์ไปค้นหาแล้ว”
ดวงตาของหงส์เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
นรมนคนนี้ดูท่ายังพอมีสมองอยู่บ้าง ถึงกับรู้ว่าเธอไม่น่าเชื่อถือด้วย?
หรือว่าเธอจะรู้อะไรมาเหรอ?
ใจของหงส์รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาบ้าง แต่ว่าก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ฉันจะไปตามเฮียบุริศร์ พวกเธอไปค้นหานรมนต่อ พยายามหาตัวให้เจอก่อนพวกเรา จากนั้นก็……”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ธีรตารีบพยักหน้าขึ้น
หงส์รีบร้อนตามฝีเท้าของบุริศร์ไป
“เฮียบุริศร์ ถ้าคุณจะไปช่วยเธอก็ตามฉันมา ฉันรู้จักเส้นทางหนึ่งที่สามารถไปถึงที่ทำการของทหารยามได้โดยตรงเลย แต่ว่าเธอจะอยู่ที่นั่นหรือเปล่านั้นฉันไม่รู้นะ”
ตอนนี้ใจของบุริศร์ร้อนราวกับเปลวไฟ ไม่ได้ยินว่าหงส์พูดอะไรด้วยซ้ำ เพียงแต่พูดขึ้นเสียงเย็นว่า “ถ้าหากว่าเธอคิดดีกับนรมนตั้งแต่แรก นรมนก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้นหรอก”
คำพูดนี้พูดจนหงส์รู้สึกไปไม่เป็นเลย
“เฮียบุริศร์ นี่คุณหมายความว่ายังไง? ถึงแม้ว่าฉันจะมีความไม่ชอบใจต่อเธอ แต่ก็ไม่เคยคิดทำร้ายเธอเลยนะ”
“แต่ว่าเธอก็ไม่เคยคิดที่จะช่วยนรมนหรอกใช่ไหม”
อยู่ ๆ บุริศร์ก็หยุดฝีเท้าลงทันที และจ้องมองหงส์ ในใจนั้นรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
“หงส์ ฉันรู้ว่าเธอมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งมากต่อฉัน และตัวฉันเองก็ยอมรับว่าตัวเองติดค้างเธอไว้ แต่ว่านรมนไม่ได้ติดค้างเธอ ตอนแรกฉันนึกว่าตลอดระยะทางนี้เธอทำอะไรเพื่อฉันมามากมาย และทำได้ดีมากด้วย และก็คงจะไม่มีทางทำร้ายนรมน แต่ตอนนี้ดูท่าฉันจะคิดผิดไปแล้ว”
คำพูดของบุริศร์นั้นพูดได้ช้ามาก ไม่มีใครรู้ว่าความรู้สึกในใจของเขาตอนนี้นั้นเป็นยังไง แต่ว่ากลับทำให้หงส์ตกตะลึงไปทันทีเลย
เขากำลังโทษเธอ!
หนำซ้ำยังพูดแทงใจดำมาตรง ๆ เลยว่าเธอทำร้ายนรมน!
ถึงแม้ว่าเธอจะทำแบบนั้นไปจริง ๆ แต่ว่าอยู่ในใจบุริศร์นั้นตัวเองได้ย่ำแย่ขนาดนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“เฮียบุริศร์ อยู่ในใจคุณฉันเป็นคนแบบนี้เหรอ?”
“พูดอะไรในตอนนี้ยังจะมีความหมายอยู่อีกเหรอ? นรมนหายไปแล้ว นี่ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด!”
บุริศร์โทษตัวเองไม่หยุด
ทั้ง ๆ ที่เขารู้ถึงความรู้สึกที่หงส์มีต่อตัวเอง แต่ว่าก็ยังคงคิดว่าหงส์ยังเป็นหงส์คนเดิมอยู่อีก นี่เขาเองที่โง่เกินไป
ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับนรมนละก็ เขาจะไม่มีทางให้อภัยตัวเองแน่ ๆ
บุริศร์พูดจบแล้วก็หมุนตัวเดินไปเลย
“เฮียบุริศร์!”
“เธออยู่ที่นี่เถอะ ในเมื่อเธอไม่ได้อยากจะช่วยฉันและนรมนด้วยความจริงใจ งั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไปไม่ว่าเรื่องอะไรของฉัน การกระทำใด ๆ ของฉันก็ไม่เกี่ยวกับเธอแล้ว รวมทั้งความเป็นความตายของฉันด้วย”
อยู่ ๆ บุริศร์ก็เปิดปากพูดขึ้นมา จนทำให้ดวงตาของหงส์เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมาทันที แต่ครั้งนี้นั้นอยากจะร้องไห้ขึ้นมาจากใจจริง ๆ แล้ว
“เฮียบุริศร์ คุณจะทำแบบนี้ได้ยังไง? ฉันคือหงส์ของคุณนะ ฉันเป็นคนของสหภาพQTนะ คุณอยู่ที่นี่ ฉันจะไม่สนใจความเป็นความตายของคุณได้ยังไงกัน? คุณทำแบบนี้คืออยากจะทำให้ฉันไม่มีจุดยืนในสหภาพQTเหรอ?”
“ไม่มีสหภาพQTแล้ว เธอยังมีประเทศF”
คำพูดของบุริศร์ทำให้หงส์รู้สึกตัวเย็บวาบไปทั้งตัว
บุริศร์จะไม่เอาเธอแล้วเหรอ?
เป็นเพราะว่าเธอไม่ได้พานรมนกลับมาด้วยเหรอ?
มิตรภาพระหว่างเธอกับเขาในหลายปีมานี้ เทียบไม่ได้กับผู้หญิงคนนั้นที่ไม่มีอะไรเลยเหรอ?
ในใจของหงส์รู้สึกไม่พอใจ
“ฉันไม่! ฉันมีแต่สหภาพQTเท่านั้น มีแต่เฮียบุริศร์คุณ คุณจะไม่เอาฉันไม่ได้นะ! ฉันไม่สน คุณจะมาทิ้งฉันไปไม่ได้นะ! คุณเคยพูดแล้วไง ว่าชาตินี้จะดูแลฉัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน แต่คุณก็จะดูแลฉันเหมือนเป็นพี่ชายคนหนึ่ง คุณเคยพูดไว้แล้ว คุณจะไม่รักษาคำพูดไม่ได้นะ!”
อยู่ ๆ หงส์ก็มากอดบุริศร์เอาไว้ และกอดไว้แน่นมาก
เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว
กลัวว่าบุริศร์จะทอดทิ้งเธอไปจริง ๆ กลัวว่าบุริศร์จะไม่เอาเธอแล้วจริง ๆ แล้วไล่เธอออกจากสหภาพQT ยิ่งกลัวว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปบุริศร์จะไม่สนใจเธออีก
บุริศร์กลับแกะมือของหงส์ทีละนิ้วทีละนิ้ว แล้วก็พูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า “เธอสามารถทำร้ายฉันได้ และสามารถฆ่าฉันได้ แต่ว่าไม่ควรแตะต้องนรมน นรมนเป็นเส้นตายของฉัน เป็นจุดต้องห้ามของฉัน ไม่ว่าใครที่แตะต้องเธอ ฉันก็จะไม่ปล่อยไว้ทั้งนั้น หงส์ ทางที่ดีเธออย่าได้ทำอะไรกับนรมนไปจริง ๆ ไม่งั้น……”
คำพูดข้างหลังบุริศร์ไม่ได้พูด แต่ว่ากลับยิ่งทำให้คนกดดันและกลัวมากว่าพูดไปซะอีก
หงส์ไม่อยากจะยอมรับ และไม่ยินยอมที่จะยอมรับ ถึงแม้ว่าเธอจะใช้เรี่ยวแรงไปทั้งหมด แต่ก็ยังคงโดนบุริศร์สลัดทิ้งไปได้
บุริศร์มุดตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“เฮียบุริศร์!”
หงส์อยากจะตามไปด้วย แต่แค่คลาดสายตาครู่เดียวก็ตามไม่ทันแล้ว
เธอรู้สึกตื่นกลัวเป็นอย่างมาก
“เร็ว! เฉียง ให้คนทั้งหมดสังเกตความเคลื่อนไหวของเฮียบุริศร์ จำเป็นจะต้องคุ้มครองเขาอย่างลับ ๆ ให้ดี ยังมีอีกส่งข่าวไปบอกให้ธีรตา ให้ติณห์ยกเลิกแผนการฆ่าคน แล้วก็ตามหาเบาะแสของนรมนทั้งหมด ฉันต้องการให้นรมนมาปรากฏตัวตรงหน้าฉันอย่างปลอดภัย”
คำพูดของหงส์ทำให้เฉียงอึ้งไปเล็กน้อย
“หัวหน้าหน่วย นี่คุณคือ……”
“ฉันเกลียดเธอ เกลียดจนแทบอยากจะฆ่าเธอ แต่ว่าเมื่อกี้นายเองก็ได้ยินแล้ว เฮียบุริศร์พูดแล้ว ถ้าหากว่าเธอเกิดเรื่องขึ้น เฮียบุริศร์ก็จะไม่มีทางปล่อยฉันไปได้ นอกจากสหภาพQTแล้ว ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ที่นั่นเป็นบ้านของฉัน ที่นั่นมีพี่น้องของฉัน ยังมีเฮียบุริศร์ ถ้าออกจากสหภาพQT ฉันจะถือว่าเป็นอะไร? ฉันจะเป็นใคร? นรมนสมควรตาย แต่ว่าตอนนี้ยังตายไม่ได้ รีบไปหาคนมาให้ฉันก่อน ต่อไปฉันยังมีวิธีทำให้เธอตายอย่างไม่มีสุ้มเสียงอีกเยอะแยะ”
ในดวงตาของหงส์มีแววอิจฉาและบ้าคลั่งกะพริบขึ้น
ทำไม?
ทำไมบุริศร์ถึงได้ดีกับผู้หญิงที่ขึ้นเตียงด้วยคนนั้นขนาดนี้?
หนำซ้ำเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้วยังมาตำหนิเธอเช่นนี้อีก!
ผู้หญิงคนนั้นนอกจากคลอดลูกให้เขาสองคนแล้ว เธอยังเสียสละอะไรอีก? ยังมีประโยชน์อะไรอีก?
ใจของหงส์ว้าวุ่นไม่หยุด แต่ว่าอยู่ต่อหน้าความเป็นความตายของบุริศร์แล้ว เธอก็ยังยอมแพ้อยู่ดี
หลังจากที่บุริศร์วิ่งออกมาจากตำหนักของหงส์แล้ว แล้วก็ย้อนกลับไปที่ปากทางขาวดำตามความทรงจำ แต่ว่าที่นี่ไม่มีร่องรอยของนรมนและชัญญาตั้งนานแล้ว
เขาเปิดเครื่องติดตามที่ข้อมือขึ้นมาดู แต่ว่าบนนั้นกลับไม่มีอะไรเลย ซึ่งก็หมายความว่าปุ่มเปิดปิดของกำไลข้อมือของนรมนโดนปิดไปแล้ว
ใครเป็นคนปิด?
นรมนเป็นคนปิดเอง? หรือว่าเป็นคนอื่น?
บุริศร์ไม่รู้ ในใจยิ่งเป็นกังวลเป็นอย่างมาก
แล้วในเวลานั้นพอดี สายของราเชนก็โทรเข้ามาแล้ว
“พี่ นรมนอยู่กับพี่หรือเปล่า?”
บุริศร์รับสายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ถามหาเบาะแสของนรมนเป็นสิ่งแรกเลย
น้ำเสียงของราเชนมีความเย็นชาเล็กน้อย
“บุริศร์ นายรู้สึกว่านายเก่งมากเลยใช่ไหม? ถึงกล้าพานรมนมาถึงที่นี่ได้? มาถึงแล้วก็ช่างเถอะ นายยังทิ้งเธอไว้ตัวคนเดียวที่ปากทางขาวดำอีก นายรู้หรือเปล่าว่าถ้าโดนคนของพวกทหารยามมาพบเห็นเข้า นรมนจะมีจุดจบยังไง? ถ้าหากว่านายไม่สามารถรักษาความปลอดภัยให้เธอได้ ก็อย่าพาเธอเข้ามาในวังวนของการแย่งอำนาจ หรือจะบอกว่านายรังเกียจเธอแล้ว ถึงได้กะว่าจะใช้การเมืองของทางนี้มาขจัดเธอทิ้งไป จากนั้นค่อยแต่งกับคนอื่นเหรอ?”
“ไม่ใช่ ทิ้งนรมนไว้คนเดียวนั้นเป็นเพราะว่าผมไม่ดีเอง พี่จะด่าว่ายังไงก็ได้ แต่ตอนนี้พี่ช่วยบอกผมหน่อยว่านรมนอยู่ที่ไหน?”
ท่าทีของบุริศร์นั้นมีความถ่อมตนอยู่เล็กน้อย
ราเชนหึเสียงเย็นขึ้นมาทีหนึ่ง “ฉันไม่รู้ นายไปตามหาเองเถอะ”
พูดจบราเชนก็วางสายไปเลย
ในใจของเขามีความโกรธเคืองต่อบุริศร์อยู่บ้าง
ผู้หญิงอย่างนรมนถึงแม้ว่าจะมีความเฉลียวฉลาดอยู่บ้าง มีฝีมืออยู่บ้าง แต่ว่าเมื่อเทียบกับผู้คนเจ้าเล่ห์ที่จมอยู่ในถังย้อมสีอันใหญ่แล้ว เธอก็เป็นแค่คนใสซื่อบริสุทธิ์คนหนึ่ง
บุริศร์พาเธอมาถึงที่นี่ก็เป็นการเสี่ยงอันตรายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วตอนนี้ก็ยังมาทิ้งเธอไว้ทางนี้คนเดียวอีก ถ้าหากเขาอยู่ตรงหน้าบุริศร์ละก็ ก็อยากจะต่อยบุริศร์สักหมัดสองหมัด ตอนนี้ก็เลยไม่อยากจะให้บุริศร์รู้เบาะแสของนรมนเร็วเกินไป
ทางสายของราเชนมีเสียงสัญญาณตัดไปแล้วลอยมา บุริศร์รู้ว่าเขาวางสายไปแล้ว แต่ว่าราเชนเป็นเบาะแสเดียวที่บุริศร์จะตามหานรมนเจอ
อยู่ที่นี่นรมนไม่รู้จักกับคนอื่น รู้จักแต่แค่ราเชน แล้วก็มีแต่ราเชนเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือนรมนได้
ตอนนี้รู้ว่านรมนและราเชนอยู่ด้วยกัน ในใจของบุริศร์ก็โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่งและในขณะเดียวกันก็เป็นห่วงความรู้สึกในตอนนี้ของนรมนขึ้นมา
เธอคงจะรู้สึกกลัวมากเลยละมั้ง
ราเชนพูดได้ถูกต้อง เขาไม่ควรที่จะทิ้งนรมนไว้คนเดียว ช่างปากทางขาวดำอะไรนั่นซิ อะไรชายหญิงไม่สามารถเดินด้วยกันได้ เขาบุริศร์เป็นคนที่รักษากฎขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
แต่ว่าตอนนี้พูดอะไรก็สายไปซะแล้ว
บุริศร์ไม่รู้ว่าตำหนักของราเชนอยู่ทางไหน และตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาคับขันและก็ไม่มีใครให้ถามไถ่ ที่จริงเขาสามารถถามหงส์ได้ แต่ว่าตั้งแต่วินาทีที่นรมนหายตัวไป เขาก็ไม่เชื่อใจหงส์อีกแล้ว
คนที่เคยเหลือแผ่นหลังของตัวเองไว้ให้อีกฝ่ายได้ในสนามรบ ตอนนี้กลับไม่มีทางเชื่อใจได้อีกแล้ว ในใจของบุริศร์นั้นรู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก แต่เมื่อเทียบกับความปลอดภัยของนรมนแล้ว เขาก็ได้ข่มความทุกข์ใจนี้ลงไปเลย
แล้วก็ในเวลานี้พอดี ที่ด้านหน้าก็มีเสียงฝีเท้าดังลอยมา
บุริศร์รีบซ่อนตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ที่นี่ไม่มีที่ให้ซ่อนตัว มีแค่ถังขยะอันหนึ่ง แต่ว่าบุริศร์กลับรู้สึกรังเกียจเล็กน้อย ในขณะที่กำลังรีบร้อนอยู่นั้น เขาก็รีบเหยียบเสาแล้วปีนขึ้นไปบนคาน ได้กลายเป็นนักย่องเบาครั้งหนึ่งเลย
กลุ่มคนที่มา มารวมตัวอยู่ด้วยกันอย่างรวดเร็ว
“หาตัวเจอไหม?”
“ยังหาไม่เจอ ยัยชั่วไรยานั่น หลอกให้เราหมุนวนไปทั่ว จากนั้นก็กลับไปเลย”
คนพวกนี้กลับเป็นคนที่กล้าณรงค์ใช้ให้ไปสะกดรอยตามราเชน
ในขณะที่กำลังพูด กล้าณรงค์ก็ขับรถมาจากอีกด้านหนึ่งแล้ว
“คุณชายกล้าณรงค์”
พวกกลุ่มคนนั้นเคารพนอบน้อมกล้าณรงค์เป็นอย่างมาก
ดวงตาของกล้าณรงค์เยือกเย็นเป็นอย่างมาก
“ตามจนคลาดสายตาไปเหรอ?”
“ขอโทษครับ คุณชายกล้าณรงค์ พวกเรา……”
คนพวกนั้นยังพูดไม่ทันจบ กล้าณรงค์ก็ส่งมีดสั้นที่อยู่ในมือเข้าไปในอกของพวกเขาอย่างรวดเร็วและแม่นยำแล้ว ในดวงตาไม่มีอารมณ์สั่นไหวใด ๆ เลย
“พวกสวะ!”
เขาดึงมีดสั้นออกมา เลือดที่อุ่นร้อนก็พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ว่าสำหรับเขาแล้วก็เหมือนกับว่ามองไม่เห็นเลย
ดวงตาที่เยือกเย็นของกล้าณรงค์เป็นเหมือนกับงูพิษยังไงอย่างงั้น และจ้องเขม็งไปที่ทิศทางหนึ่ง แล้วพูดขึ้นทีละคำทีละคำว่า “ราเชน ช้าเร็วยังไงก็ต้องมีสักวันที่ฉันจะสับแกให้เป็นหมื่น ๆ ชิ้น!”