“ใคร?”
น้ำเสียงของหงส์มีความเย็นชาและขุ่นเคือง
ธีรตารีบเดินเข้ามา
“องค์หญิง คนของพระราชามาเพคะ”
ธีรตามองอย่างรอบคอบ พบแก้วสองใบบนโต๊ะ ไม่มีเวลาให้สนธรรมเนียมปฏิบัติ ก้าวขึ้นไปซ่อนแก้วหนึ่งใบไว้ในชายแขนเสื้อทันที
หงส์มองเห็นสิ่งนี้ อดมองอย่างชื่นชมไม่ได้ ในแววตากลับความสงสัยแวบหนึ่ง
สมชัยไม่เคยมาที่นี่ และไม่สนใจเธอ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาหา?
หรือจะเกิดอะไรขึ้น?
หงส์เหลือบมองไปที่ห้องของนรมนโดยไม่รู้ตัว อดกล่าวออกมาไม่ได้ “ฉันจะออกไปดู ไม่มีการอนุญาตจากฉัน ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์เข้าห้องของฉัน”
ธีรตาคาดเดาอะไรไว้ก่อนแล้ว แต่ยังคงพยักหน้า
หงส์กังวล แต่สถานการณ์ตอนนี้เธอต้องอยู่ที่นี่อย่างช่วยไม่ได้ หากเกิดอะไรขึ้นกับนรมนในที่ของเธอ บุริศร์อาจจะคิดว่าเป็นความจงใจของเธอ
น่าเกลียดชัง!
เธอดวงชงกับผู้หญิงคนนี้อย่างที่คิดเอาไว้
“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าไป ไม่อย่างนั้นฆ่าทิ้ง!”
ความจริงจังของหงส์ทำให้ธีรตาตระหนักได้ถึงความซีเรียสของเรื่องนี้ รีบเอ่ยถาม “แล้วถ้าคนของพระราชาต้องการจะบุกเข้าไปล่ะเพคะ?”
“ฉันพูดไปแล้วไง ฆ่าทิ้งซะ!”
นัยน์ตาของหงส์เปล่งแสงแห่งความดุร้าย
ธีรตาสะดุ้งโหยงทันที
นี่คือการหักหน้ากับพระราชาหรือเปล่า?
เพื่อผู้ชายคนเดียวมันคุ้มค่าหรือ?
ธีรตาไม่รู้ แต่รู้สึกว่าตอนนี้หงส์โหดเหี้ยมเป็นพิเศษ ทำให้คนหวาดกลัวอย่างยิ่ง
“ธีรตา เธอต้องคิดให้ดี ว่าจะอยู่กับฉัน หรือจะอยู่กับพระราชา ถ้าตอนนี้เธอรู้สึกผิด ฉันจะปล่อยเธอไป”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสิ่งที่หงส์เห็นมากที่สุดคือจิตใจของประชาชน ดังนั้นแววตาที่เปลี่ยนไปชั่วขณะของธีรตาจึงไม่อาจรอดพ้นสายตาของหงส์ไปได้
ธีรตาชะงักงัน รู้สึกเหน็บหนาวไปทั้งร่างกาย
เธอคุกเข่าดังตึงลงไป
“องค์หญิง ธีรตาเกิดมาเป็นคนขององค์หญิง ตายไปก็เป็นผีขององค์หญิง”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สั่งคนพาโสธรย้ายไปห้องใต้ดิน ส่วนแพะรับบาปที่ฉันให้เธอเตรียมไว้ล่วงหน้าเอามาใช้ได้เลย”
หลังจากที่หงส์รับโสธรมาก็กลัวราเชนมาหาเรื่อง ตอนนั้นจึงให้ธีรตาหาแพะรับบาปมาเตรียมเอาไว้ มากเสียจนกลัวว่ากล้าณรงค์จะมองพิรุธออก เธอตั้งใจสั่งคนตีมือเท้าของแพะรับบาปให้หักและสั่งให้คนมารับไป ทั้งหมดนี้ลงตัวอย่างยิ่ง
“เพคะ”
เวลากระชั้นชิด ธีรตาไม่สามารถออกไปได้ จึงโทรไปสั่งงาน
หงส์เหมือนกับพูดพึมพำกับตนเอง “หวังว่าโสธรจะปลอดภัย”
นรมนที่หลบอยู่ในห้องรู้สึกกังวล
หงส์ไม่มีทางพูดเรื่องเหล่านี้อย่างไร้เหตุผล และฟังจากความหมายของหงส์ หล่อนได้เตรียมป้องกันคนมาพาตัวโสธรไปตั้งแต่เนิ่นๆ ในเรื่องนี้ นรมนรู้สึกขอบคุณหงส์
ในระหว่างที่พูดคนของพระราชาก็เข้ามา
“องค์หญิงห้า ถวายความเคารพพ่ะย่ะค่ะ”
ขุนนางผู้ส่งสารมองหงส์ ในแววตามีความเคารพ นี่คือสิ่งที่หงส์คาดไม่ถึง
“นี่เป็นครั้งแรกที่ขุนนางผู้สงสารมาหาฉันในรอบหลายปี ธีรตาชงชาให้ขุนนางผู้สงสารแก้วหนึ่งสิ”
“องค์หญิงห้าช่างมีเมตตา แต่กระหม่อมคงไม่อาจดื่มชาได้ วันนี้กระหม่อมได้รับพระราชบัญชาจากพระราชาให้มาขอคนขององค์หญิงห้าไปพ่ะย่ะค่ะ”
ขุนนางผู้สงสารพูดเข้าประเด็นโดยตรง
“อ่อ มาตำหนักของฉันเพื่อขอคน ไม่ทราบว่าเสด็จพ่อต้องการองครักษ์หรือสาวใช้?”
หงส์แกล้งถามโง่ๆ
“เป็นองครักษ์ที่มีชื่อว่าโสธรพ่ะย่ะค่ะ”
ได้ยินชื่อของโสธร หัวใจของนรมนกระตุก
มุ่งมาหาโสธรอย่างที่คิดเอาไว้
เธอแปลกใจ โสธรซ่อนตัวค่อนข้างลึกลับ ทำไมตอนนี้ถึงดึงดูดความสนใจของผู้คน? ก่อนหน้าคือการบีบบังคับของกล้าณรงค์ และตอนนี้เปลี่ยนเป็นสมชัย แท้จริงแล้วพวกเขาต้องการได้ข้อมูลอะไรจากปากของโสธร?
หรือจะบอกว่าโสธรถูกเปิดเผยตั้งแต่เริ่ม?
นรมนไม่มีเวลาคิดอย่างละเอียด เธอรู้ความตั้งใจของหงส์ ให้เธอพาคนไป และใช้แพะรับบาปมาแทน
แต่เธอจะพาโสธรไปที่ไหนได้?
ทันใดนั้นเองบุริศร์กระโดดเข้ามาจากหน้าต่าง ทำเอานรมนตกใจ
“คุณมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?”
นรมนขยับริมฝีปากถามบุริศร์
บุริศร์ก็ขยับริมฝีปากตอบกลับ “กลับไปไม่เจอคุณก็เลยมา เห็นคุณกับหงส์ต่อสู้กันและดื่มเหล้า ผมก็ไม่ได้ส่งเสียง พาโสธรไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“อืม”
เห็นบุริศร์ นรมนเหมือนมีแกนนำ กระโดดตามบุริศร์ออกไปจากหน้าต่าง
“เฮียบุริศร์ ทางนี้”
เฉียงเป็นกำลังหนุนอยู่ด้านนอก ดูแล้วหงส์เต็มที่กับบุริศร์มากทีเดียว
นรมนกับบุริศร์ตามเฉียงไปหาโสธร ในเวลานี้โสธรยังคงไม่ได้สติ เฉียงแบกโสธรขึ้นมา พูดกับบุริศร์ว่า “เฮียบุริศร์ ตอนนี้หัวหน้าหน่วยที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว เนื่องจากพระราชาจับจ้องที่นี่ ทำได้เพียงพาเขาไปไว้ที่อื่น แต่ตอนนี้ไม่สามารถส่งออกไปนอกพระราชวังได้ เฮียบุริศร์มีพอมีสถานที่ปักหลักไหม”
ในสถานการณ์คับขัน ตอนที่มองหาแพะรับบาปของโสธร หงส์มีความคิดที่จะพาคนย้ายไปทางฝั่งราเชน แต่ตอนนี้สมชัยไปพระตำหนักของราเชน และมาหาเธอเพื่อขอคน เห็นชัดเจนว่ารู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาพี่น้อง จึงเกิดความหวาดระแวง ตอนนี้ถึงส่งคนกลับไป เกรงว่าจะพัวพันไปถึงราเชน
สำหรับพี่รอง คนนี้ หงส์กลับไม่ได้มีความผูกพันอะไร แต่เขาคนนี้คือลูกพี่ลูกน้องของนรมน เป็นคนที่บุริศร์ห่วงใย หงส์จึงต้องห่วงใยไปด้วย
บุริศร์ก็ไม่สามารถคิดหาทางออกได้
ตอนนี้ภายในพระราชวังเขาคิดหาทางออกไม่ได้จริงๆ
นรมนกลับกล่าวเสียงเบา “ตามฉันมา ฉันรู้ว่ามีสถานที่หนึ่งสามารถซ่อนคนได้”
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร โสธรคือคนของนรมน เธอไม่สามารถปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับโสธร
“คุณมีสถานที่เหรอ?”
บุริศร์ประหลาดใจ
“องค์หญิงหกดารัณที่แห่งนั้น”
นรมนรู้ว่าดารัณยังมีสิ่งที่น่าสงสัยอีกมาก แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว
หงส์สามารถคิดถึงเรื่องนี้ได้ แน่นอนนรมนก็คิดได้เช่นกัน ตอนนี้การพาโสธรกลับไปส่งที่ราเชนจะเป็นการเปิดโปงความเกี่ยวข้องของราเชนกับโสธร และอาจเพราะสิ่งนี้สมชัยกับกล้าณรงค์จึงกัดโสธรไม่ปล่อย
เนื่องจากราเชนอยู่ประเทศ Z มาหลายปี และมีสายสัมพันธ์เป็นญาติพี่น้องกับนรมน ส่วนโสธรก็เคยเป็นคนของอาณาจักรรัตติกาลอีก
เข้าใจสิ่งนี้ นรมนรู้สึกแย่มากทันที
เป็นเธอที่พาโสธรมาอยู่ท่ามกลางอันตรายแบบนี้ เธอไม่อาจเพิกเฉยต่อเขาได้ โดยเฉพาะตอนนี้เขายังไม่ได้สติ ไม่รู้อะไรสักอย่าง
บุริศร์แค่แปลกใจเล็กน้อย เอ่ยถามเฉียง “มีเส้นทางที่ใกล้กับองค์หญิงหกหน่อยไหม?”
“มีเส้นทางลับอยู่ หัวหน้าหน่วยใช้หนีเอาชีวิตรอด น่าจะทะลุไปที่องค์หญิงหกได้ครับ”
เฉียงรีบตอบ
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพวกเขาเพิ่งมาได้ไม่นาน ทำไมถึงติดต่อกับองค์หญิงหกได้ แต่ตอนนี้ถึงว่ายังเป็นสถานที่ที่ดี
“ไปเถอะ”
บุริศร์จับมือนรมน เดินตามหลังเฉียงไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเดินมาถึงด้านหลังภูเขาจำลอง นรมนถึงรู้ว่าหลายปีที่หงส์อยู่ในประเทศ F ได้ทำอะไรบ้าง ตามเส้นทางที่ลึกลับเข้าไป นรมนยิ่งเลื่อมใสหงส์ สามารถทำเส้นทางในพระตำหนักอย่างเงียบเชียบ เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี เห็นได้ว่าหงส์เริ่มลงมือตั้งแต่กลับมาพระราชวัง
สิ่งที่ทุ่มเทเพื่อบุริศร์ นรมนมีสีหน้าประทับใจอย่างยิ่ง ทิ้งสถานะคู่แข่งหัวใจไป หงส์สมควรได้รับตำแหน่งฮีโร่หญิงจริงๆ
ระหว่างทางในใจของนรมนยุ่งเหยิง ภายใต้การนำทางของเฉียงก็มาถึงดารัณอย่างรวดเร็ว
สำหรับการมาถึงของพวกเขา ดารัณกลับแปลกใจอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นคนด้านหลังพวกเขาจึงเข้าใจ
“มัทยา ไปเตรียมห้องหนึ่งห้อง และหาคุณหมอที่เชื่อถือได้มาด้วย”
“เพคะ องค์หญิงหก”
มัทยาออกไปอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณค่ะ”
นรมนรีบกล่าวคำขอบคุณ
เฉียงเห็นว่าส่งคนถึงที่แล้ว กลัวทางฝั่งของหงส์จะมีอันตรายจึงขอตัวกลับก่อน ส่วนบุริศร์ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของชัญญา แต่จะทิ้งนรมนไว้ที่นี่ก็ไม่วางใจ
นรมนมองออกว่าเขาลำบากใจ กล่าวเสียงเบาว่า “คุณอยากจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ถ้าองค์หญิงหกต้องการขัดขวางฉัน คงจะลงมือไปนานแล้ว”
“ได้ มีอะไรโทรหาผมได้ตลอดเวลา นอกจากนี้เปิดตำแหน่งด้วย”
บุริศร์มองกำไลที่ข้อมือนรมน แววตามีความเคร่งขรึม
ตอนนี้เพราะกลัวบุริศร์จะเป็นห่วง นรมนรีบเปิดการทำงานของกำไลอย่างรวดเร็ว บุริศร์ถึงจะออกไป
อาการของโสธรไม่ค่อยดีนัก เริ่มเป็นไข้แล้ว
สีหน้าของนรมร้อนรน มัทยาก็ยังไม่กลับมา ดารัณกล่าวเสียงเบา “ฉันให้คนไปตามคุณหมอจากนอกพระราชวังมาดีกว่าไหม เขามีอาการแบบนี้คาดว่ากว่ามัทยาจะกลับมาก็อีกสักพักเลย พูดตามตรง การหาคุณหมอในพระราชวังค่อนข้างยากกว่าด้านนอก”
ได้ยินดารัณพูดเช่นนี้ นรมนรู้สึกสงสัย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมคุณถึงให้คนของคุณไปตามคุณหมอที่เชื่อถือได้มา?”
ดารัณมองไปรอบๆ และตอบว่า “แน่นอนเพื่อตบตาคนอื่น”
นรมนเข้าใจทันที ดารัณไม่เชื่อใจคนข้างกาย
หรือว่าคนข้างกายเธอจะเป็นคนของพระราชา?
แต่นรมนไม่ได้ถามคำนี้ออกไป เนื่องจากไม่สนิทกับดารัณ แต่ตอนนี้ไข้ของโสธรไม่ลด ถ้าสิ่งที่ดารัณพูดเป็นความจริง งั้นสถานการณ์ของโสธรก็น่าเป็นห่วง
“ตามคุณหมอจากด้านนอกมาจะไม่ทำให้คนสงสัยเหรอ?”
“ไม่หรอก ฉันมีวิธี และประมาณสิบนาทีก็ถึงแล้ว”
คำพูดของดารัณทำให้นรมนลังเลเล็กน้อย
“ถ้าตามคุณหมอในพระราชวังมา สิบนาทีก็ไม่ถึงเหรอ?”
“ยากที่จะเป็นไปได้ อย่างเร็วที่สุดก็ยี่สิบนาที”
เนื่องจากดารัณพูดแบบนี้ หลังจากนรมนลองชั่งน้ำหนักดูจึงจำต้องเห็นด้วย
ไม่รู้ว่าดารัณโทรหาใคร หลังจากนั้นจึงให้สาวใช้เตรียมน้ำร้อนปรนนิบัติดูแลโสธร
ถึงแม้โสธรจะเป็นไข้ มากเสียจนไม่ค่อยได้สติ แต่ยังคงกล่าวเสียงเบาไม่ยอมหยุด “ผมไม่เป็นไร ผมจะตายไม่ได้ ผมยังต้องกลับไป”
คำพูดนี้ถ้าไม่ก้มลงมาฟังก็จะไม่ได้ยิน แต่นรมนได้ยิน ไม่เพียงแค่ได้ยิน ในใจยิ่งทุกข์ระทม
เป็นเธอที่ให้โสธรจากบ้านไกลเมืองมาที่นี่ และตอนนี้กำลังจะสิ้นวาระของชีวิต
“วางใจได้ ฉันจะต้องพาคุณกลับบ้าน แน่นอน”
นรมนบีบมือของโสธรแน่น
ไม่รู้ว่าโสธรได้ยินหรือว่าสัมผัสอะไรได้ คล้ายกับคนจมน้ำคว้าฟางข้าวช่วยชีวิต เขาจับมือนรมนไว้แน่น จับจนเธอเจ็บ แต่เธอไม่ส่งเสียง แววตามีความสงสาร
ดารัณเห็นฉากนี้ จึงเอ่ยถามเสียงเบา “เขาคือคนของคุณ?”
“ใช่”
“เป็นคนที่จงรักภักดี”
ดารัณไม่ถามอะไรอีก และถอยหลังไป ให้พื้นที่แก่นรมน
ไม่มีดารัณอยู่ข้างๆ นรมนรู้สึกผ่านคลายเยอะขึ้น
ผ่านไปประมาณสิบนาที มีเสียงฝีเท้าดังมา ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาโดดเด่นถือกล่องยาเดินเข้ามา