“ผมยุ่งหมดแล้ว!”
บุริศร์เดินขึ้นหน้ามาอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย แล้วก็ลูบแรง ๆ ตรงตำแหน่งที่จณัตว์ลูบหัวนรมนเมื่อกี้ไปสองที อย่างกับว่าทำแบบนี้แล้วจะสามารถลบกลิ่นอายของจณัตว์ออกไปได้
น่ารังเกียจที่สุด!
จณัตว์คนนั้นคิดว่าเขาเป็นคนตายหรือไง?
ถึงได้กล้าหยอกล้อผู้หญิงของเขาต่อหน้าเขาแบบนี้ได้!
รอให้เขากลับประเทศแล้วจะต้องทำความรู้จักกับจณัตว์คนนี้สักหน่อยถึงจะดี
บุริศร์คิดอยู่ในใจ สีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก ถึงแม้จะแต่งหน้าอยู่ก็บดบังความอาฆาตและความหึงหวงของเขาในตอนนี้ไว้ไม่อยู่
นรมนรู้สึกอยากจะหัวเราะขึ้นเล็กน้อย แต่ว่าก็กลัวกระตุ้นโดนบุริศร์ จึงได้อดเอาไว้
“เอาล่ะ พวกเราเองก็ออกไปกันเถอะ ไม่รู้ว่าทางด้านพี่ราเชนกับหงส์จะเป็นยังไงบ้างแล้ว ตอนนี้รอให้จณัตว์ส่งคนออกไปแล้ว แผนที่พวกเราจะจัดการกับกล้าณรงค์ก็เริ่มขึ้นได้แล้ว พอดีเลยที่เขาได้ให้เม็ดยาไว้กับฉันบางส่วน พวกเราก็จะสามารถรวดใส่เข้าไปในเหล้าของกล้าณรงค์ จากนั้นก็จับตัวเขาไว้อย่างไม่ให้ใครรู้ได้เลย คุณว่าเป็นไง?”
นรมนคิดแผนการของตัวเองไป ไม่ได้สังเกตเห็นสักนิดเลยว่าสีหน้าของบุริศร์นั้นดูบูดบึ้งมาก
“ผมจำได้ว่ายาที่คุณให้เรณุกา ก็เขาเป็นคนให้มาเหรอ?”
“ค่ะ”
นรมนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วไม่เข้าใจว่าอยู่ ๆ ทำไมบุริศร์ถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาได้
สีหน้าของบุริศร์ดูบูดบึ้งขึ้นมาหลายส่วนอีกครั้ง
“ครั้งที่แล้วเขาก็ทำแบบนี้กับคุณเหรอ?”
“แบบไหนคะ?”
นรมนอึ้งไปเล็กน้อย แล้วก็นึกการกระทำเมื่อกี้ที่จณัตว์ทำกับตัวเองขึ้นมา แล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “เปล่าค่ะ เปล่าค่ะ คราวที่แล้วเขาเป็นปกติมาก ใครจะไปรู้ว่าครั้งนี้เขาไปกินยาผิดอะไรมาหรือเปล่า?”
“ต่อไปนี้อยู่ห่าง ๆ เขาหน่อยนะ”
“ค่ะ”
นรมนจ้องมองใบหน้าที่บูดบึ้งของบุริศร์ แล้วก็อดไม่ได้อยากจะหัวเราะขึ้นมา แต่ว่าสุดท้ายก็ยังอดกลั้นเอาไว้ได้
“กล้าณรงค์ไม่ใช่คนที่จะต่อกรได้ง่าย ๆ แบบนั้น วางยาไว้ในแก้วเขานั้นไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ ยังไงพวกเราก็หาห้องสักห้องซ่อนตัวไว้ก่อนดีกว่า ไว้ค่อยว่ากันไปตามสถานการณ์ละกัน”
“ได้ค่ะ”
สำหรับปฏิบัติการตามล่ากล้าณรงค์นั้นนรมนก็ยังฟังบุริศร์อยู่
ทั้งสองคนหาเส้นทางเล็ก ๆ เส้นหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็ตามสาวใช้และพนักงานบริการไม่กี่คนเข้าไปในห้องโถงใหญ่ แล้วก็ไปที่ห้องห้องหนึ่งภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
บุริศร์ใช้คอมพิวเตอร์ย่อส่วนในมือถอดระบบกล้องวงจรปิดไป แล้วถึงได้วางใจที่จะนั่งลงไปบนโซฟาได้
“หิวหรือยัง? ให้ผมไปหาของกินอะไรให้คุณหน่อยไหม?”
บุริศร์จ้องมองนรมน แล้วถามอย่างเป็นห่วงขึ้น
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ตอนนี้ฉันยังไม่หิว แต่ว่าห้องนี้ไม่เลวเลย มันน่าจะเป็นห้องพักแขก เอาไว้ให้แขกที่ดื่มเยอะแล้วมาพักมั้งคะ?”
“คนจะใช่มั้ง”
สำหรับเรื่องนี้บุริศร์เองก็ไม่ค่อยเข้าใจ
ที่ข้างนอกการประจบประแจงมีไม่ขาด
นรมนดูจากร่องประตูออกไปข้างนอก ก็เห็นผู้ชายที่ใส่หน้ากากอยู่คนหนึ่งกำลังโดนคนรุมล้อมไว้ และทั้งตัวก็แผ่ซ่านกลิ่นอายเย็นชาที่อยากจะออกห่างจากผู้คน
“นั่นก็คือตัวแทนของจณัตว์เหรอ? ดูไปแล้วเหมือนกับที่ร่ำลือกันเลยนะคะ”
คำพูดของนรมนทิ่มแทงโดนบุริศร์แล้ว
เริ่มตั้งแต่ที่จณัตว์ลูบหัวนรมนเป็นต้นมา บุริศร์ก็รู้สึกแปลก ๆ ทุกอย่างแล้วก็โกรธ พอมาตอนนี้นรมนก็ยังเฝ้าสังเกตจณัตว์คนนี้มาก จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “เจ้าหน้าขาวนั่นมันมีอะไรดีกัน?”
“เจ้าหน้าขาว?”
นรมนอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าจณัตว์ นั้นค่อนข้างขาวจริง ๆ ด้วย
บัณฑิตหน้าขาวสี่คำนี้ก็ช่างเหมาะสมกับเขานะ
พอเห็นนรมนมีท่าทางเหมือนกับกำลังคิดถึงจณัตว์อย่างจริงจังนั้น บุริศร์ก็โกรธเคืองขึ้นมาทันที
“ห้ามคิดถึงเขา!”
เขารีบลากตัวนรมนเข้ามาในอกทันที ท่าทางที่วางอำนาจแบบนั้นทำให้นรมนรู้สึกหมดคำพูดขึ้นมาทันที
“ฉันเป็นเมียของคุณ คุณจะไปกลัวอะไรคะ?”
“ใครกลัวกัน? ผมก็แค่ไม่อยากจะให้คุณคิดถึงผู้ชายคนอื่นนอกจากผม”
บุริศร์ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองเป็นคนใจแคบขนาดนี้ นรมนเองก็ค่อนข้างรักษาระยะห่างกับคนอื่น แต่ว่าสำหรับจณัตว์คนนี้ทำไมถึงได้ใส่ใจและสนใจมากขนาดนี้?
ไม่ว่ามากหรือน้อยเขาก็รู้สึกถึงอันตรายขึ้นมาเสี้ยวหนึ่งแล้ว
นรมนรู้สึกขำเล็กน้อยแล้วก็พูดขึ้นว่า “คุณอย่ามาทำตัวเป็นเด็กมากขนาดนี้ซิ?”
“ยังไงผมก็ไม่อนุญาต ต่อไปถ้าเขายังกล้าลูบหัวคุณอีก ผมก็จะตัดมือเขาทิ้งซะ”
ดวงตาของบุริศร์มีแววโหดเหี้ยมพาดผ่านเสี้ยวหนึ่ง เหมือนกับไม่ใช่แค่พูดเล่น ๆ ไปเท่านั้น
“ได้ค่ะ ได้ค่ะ เมื่อกี้ตัวฉันเองก็ไม่ได้ป้องกันตัว ครั้งหน้าจะไม่มีอีกแล้วค่ะ ฉันรับประกันว่าจะไม่ให้ใครมาลูบหัวฉันอีก พอใจหรือยังคะ”
นรมนปลอบบุริศร์ไปเหมือนอย่างกับปลอบเด็กคนหนึ่ง แต่กลับรู้สึกว่าบุริศร์ที่เป็นแบบนี้ช่างน่ารักมากจริง ๆ “งั้นคุณจะไม่ทดแทนให้ผมหน่อยเหรอ?”
บุริศร์โอบเอวของนรมนเอาไว้ แล้วก็กักตัวเธอไว้ที่ประตูห้อง
ข้างหลังเป็นประตูที่หนาวเย็น ข้างหน้าเป็นบุริศร์ที่ร่างกายร้อนอย่างกับไฟ จนกลายเป็นร้อนเย็นทั้งสองอย่างปะทะกัน ทำให้นรมนรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย ที่สำคัญที่บางแห่งที่อยู่ไม่สุขของบุริศร์ก็ค่อย ๆ ขยับขึ้นมาแล้วตอนนี้ ทำให้นรมนหน้าแดงขึ้นมาทันที
“เราเป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานแล้ว คุณจะทำตัวให้มันปกติหน่อยได้ไหม? ตอนนี้พวกเราอยู่ในถิ่นของศัตรู ไม่แน่อีกเดี๋ยวก็อาจจะถูกเปิดโปงไปแล้ว คุณยังมีใจมาคิดเรื่องพวกนี้อีก?”
“ทำไมจะไม่มีใจคิดเรื่องนี้ล่ะ? เป็นสามีภรรยากันมานานแล้วยังไง? ใครตั้งกฎไว้ว่าห้ามคนที่เป็นสามีภรรยากันมานานจู๋จี๋กันเหรอ? และอีกอย่างผมก็แค่ขอค่าทดแทนหน่อยก็เท่านั้น”
พูดแล้วริมฝีปากบางของบุริศร์ก็ค่อย ๆ ประทับลงมา
ตอนแรกนรมนยังอยากจะผลักออกสักหน่อย แต่กลับโดนบุริศร์ใช้มือเดียวจับมือทั้งสองข้างของเธอไว้แล้วล็อกไว้เหนือหัว จูบที่ตอนแรกยังถือว่าอ่อนโยนแต่ครู่เดียวก็กลายเป็นฝนลมกระหน่ำวนเวียนอยู่กับนรมน
สมองของเธอขาวโพลนไปชั่วขณะ และก็ปล่อยให้บุริศร์นำพาเธอไปตามน้ำขึ้นน้ำลง
จนถึงนรมนขาดอากาศหายใจแล้วบุริศร์ถึงได้ปล่อยเธอออก จ้องมองเธอที่มีสภาพใบหน้าแดงระเรื่อ ดวงตาของบุริศร์เคร่งขรึมลงหลายส่วน
ถึงแม้ว่าจะผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขาก็ยังคงไม่สามารถต้านทานความหอมหวานและเสน่ห์ของนรมนได้ ผู้หญิงคนนี้เป็นจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของเขา แล้วก็ยิ่งเป็นสมบัติล้ำค่าที่เขาจะไม่ปล่อยมือไปตลอดชีวิต
เสียงหัวใจเต้นราวกับฟ้าร้องดังก้องอยู่ในแก้วหูของซึ่งกันและกัน นรมนพิงอยู่ในอกของบุริศร์และรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าข้างนอกจะมีฟ้าฝนกระหน่ำ มีอันตรายอยู่รอบด้าน แต่ขอแค่มีเขาอยู่ ทุกอย่างก็เหมือนกับว่าจะสามารถเดินต่อไปได้แน่
ที่ข้างนอกเสียงผู้คนอึกทึก เสียงเพลงดังก้องไปทั่ว
นรมนโดนบุริศร์ช้อนตัวอุ้มขึ้นมา แล้วเอาไปวางไว้บนเตียงเลย
“พักผ่อนก่อนสักหน่อยเถอะ อีกเดี๋ยวพวกเราจะลงมือปฏิบัติการกันแล้ว พอถึงเวลาเดี๋ยวไม่มีแรงนะ หรือว่าผมออกไปหาของกินให้คุณสักหน่อยดีกว่า ตั้งแต่แรกคุณก็ไม่ค่อยได้กินอะไรแล้วนี่”
พูดไปอย่างนี้แล้ว บุริศร์ก็ลุกขึ้นจะออกไปจริง ๆ แต่กลับโดนนรมนคว้าแขนเอาไว้
“ช่างเถอะ ตอนนี้ข้างนอกอันตรายมากเกินไปแล้ว ถ้าเกิดโดนคนดูออกเข้าก็ซวยแล้ว และฉันก็ไม่ได้หิวขนาดนั้นด้วย”
“ไม่ได้หิวขนาดนั้นก็คือหิวนิดหน่อย ผมจะยอมให้ภรรยาตัวเองหิวได้ยังไงกัน? วางใจเถอะ แป๊บเดียวผมก็กลับมาแล้ว”
บุริศร์ลูบใบหน้าของนรมนเล็กน้อยอย่างรักใคร่ จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วกระโดดออกไปจากหน้าต่างเลย
ในตอนที่นรมนอยากจะห้ามปรามนั้นก็ไม่ทันกาลซะแล้ว
ในใจยังไงก็มีความหวานอยู่บ้าง แต่ว่านรมนก็ยังมีความกังวลอยู่บ้างเหมือนกัน
เธอพิงอยู่ที่ร่องประตูแล้วมองออกไปข้างนอก แล้วพบว่าจณัตว์ได้กลับมาแล้ว
เขายืนอยู่ข้างจณัตว์ตัวปลอมคนนั้น ช่วยดื่มเหล้าแทนเขา รวมทั้งยังดึงดูดสายตาของคนทั้งหมดไปด้วย
“ทุกท่านครับ นิสัยของคุณชายจณัตว์เราทุกคนต่างก็รู้ดี ผมเป็นผู้ช่วยของ คุณชายจณัตว์ ถ้ามีคำพูดอะไรหรือเรื่องอะไรมาพูดกับผมก็พอแล้วครับ”
ชั่วขณะหนึ่งคนของตระกูลใหญ่พวกนั้นต่างก็รีบรายล้อมเข้าไปอย่างพร้อมเพรียง
หงส์จ้องมองพวกผู้คนที่หวังผลประโยชน์จากจณัตว์ทีหนึ่ง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเย็นทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เอาหน้าร้อน ๆ ของตัวเองไปทาบตูดเย็น ๆ ของคนอื่น ไม่รู้จริง ๆ ว่าคนพวกนี้กำลังคิดอะไรอยู่? อย่างน้อยก็ยังเป็นสี่ตระกูลใหญ่ของประเทศF ถึงแมว่าจณัตว์คนนั้นจะมีความสามารถและมีเงินแล้วจะทำไม? นี่ก็สามารถทำให้ตัวเองยอมทิ้งศักดิ์ศรีกันได้เลยเหรอ?”
ธีรตาอยู่รับใช้อยู่ข้าง ๆ ในตอนที่ได้ยินหงส์พูดแบบนี้นั้น ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “องค์หญิงคะ คนเราทุกคนต่างก็มีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน นายน้อยของตระกูลแหลมวิไลอายุน้อยแต่มีผลงาน ถ้าสามารถร่วมงานกับเขาได้ อนาคตของตระกูลก็จะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีกขั้น ถึงจะเป็นพระราชาก็ยังหวังว่านายน้อยของตระกูลแหลมวิไลจะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมอยู่ในการวิจัยของทางทหารด้วยไม่ใช่เหรอคะ?”
“ท่านพ่อกล้าคิดและกล้าทำ แต่ไม่รู้ว่าจณัตว์คนนี้จะให้เกียรติหรือเปล่าก็เท่านั้น”
หงส์เป็นคนที่เย่อหยิ่ง แน่นอนว่าจะต้องไม่ชอบคนอื่นที่เย่อหยิ่งอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นกับภาพที่จณัตว์เพิ่งปรากฏตัวมาก็โดนผู้คนโอบล้อมแบบนี้ก็เลยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัดหูขัดตาเล็กน้อย เธอกลับรู้สึกว่าผู้ช่วยที่อยู่ข้างตัวจณัตว์คนนั้นดูไปแล้วดูดีกว่าเยอะเลย
“ผู้ช่วยคนนั้นชื่ออะไร?”
“เนกษ์ ได้ยินมาว่าเป็นเด็กกำพร้าที่คุณชายจณัตว์พากลับมาจากบ้านเด็กกำพร้าข้างนอก เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็กค่ะ”
ธีรตานั้นรู้เรื่องของตระกูลแหลมวิไลไม่น้อยเลย
“เด็กกำพร้าเหรอ?”
หงส์จ้องมองจณัตว์ที่มากความสามารถที่โดนคนพวกนั้นโอบล้อมไว้ตรงกลาง ท่าทีที่ยิ้มอ่อน ๆ นั่น ดูยังไงก็ไม่เหมือนกับเด็กกำพร้าคนหนึ่งเลย และอีกอย่างรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีนั่นทำให้คนมองแล้วรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก สามารถสู้บุริศร์ได้เลย
พอเห็นสายตาของหงส์มองอยู่บนตัวจณัตว์ ธีรตาก็รีบถามขึ้นว่า “องค์หญิง องค์หญิงสนใจเนกษ์คนนั้นเหรอคะ?”
“ทำไม? เธอจะไปเป็นแม่สื่อแม่ชักให้ฉันเหรอ?”
ถึงแม้ว่าหงส์จะยิ้มอยู่ แต่ว่าปฏิกิริยาในดวงตากลับทำให้ธีรตาอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็พูดอย่างหวาดกลัวขึ้นว่า “ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ แต่ว่าน้องชายของฉันนั้นรู้จักกับเนกษ์คนนี้ ได้ยินมาว่าเรื่องราวมากมายของนายน้อยของตระกูลแหลมวิไลก็มีเขาเป็นคนตัดสินใจ และก็เป็นหมอด้วยค่ะ”
“อ๋อ?”
หงส์ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วก็เห็นสมชัยถือแก้วเหล้าเดินมาทางนี้
“ญาณิน ทำไมยืนอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ? ไม่เข้าไปพูดคุยกับทุกคนหน่อยล่ะ ฉันว่าเด็กอย่างเธอนี่ อายุยังน้อยแต่กลับใช้ชีวิตอย่างกับคนแก่คนหนึ่ง ไป เอาเหล้าไปชวนนายน้อยของตระกูลแหลมวิไลดื่มสักหน่อยไป ต่างก็เป็นคนหนุ่มสาวที่อายุใกล้เคียงกัน ทำความรู้จักกันไว้ให้มากหน่อยก็ดี?”
พูดจบสมชัยก็เอาเหล้าที่อยู่ในมือยื่นให้กับหงส์
หงส์อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจความหมายของสมชัยขึ้นมา
ตาแก่คนนี้นี่!
ตัวเองสร้างความสัมพันธ์กับจณัตว์ไม่ได้ มาตอนนี้กะว่าจะใช้เธอสร้างแผนสาวงามล่อใจกับจณัตว์เหรอ?
ก็แค่ผู้ชายน่าเกลียดที่เสียโฉมคนหนึ่ง ถึงแม้จะมีพรสวรรค์สูงส่งร่ำรวยมากแล้วยังไง?
เธอญาณินยังไงก็ไม่ถูกใจจริง ๆ
เธอจะเป็นคนที่ดูแต่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้เหรอ?
แต่ว่าความหมายในแววตาของสมชัยนั้นชัดเจนมาก นี่ตัวเองถึงจะไม่อยากไปแต่ก็ต้องไป
“ได้”
หงส์รับแก้วเหล้ามาจากมือสมชัย ที่มุมปากแฝงไว้ด้วยความเยาะเย้ยเสี้ยวหนึ่ง
ถ้าหากเธอเดาไม่ผิดละก็ ในแก้วเหล้าอันนี้คิดว่าน่าจะใส่อะไรเข้าไปแล้วแน่
อย่างน้อยเธอก็ยังเป็นองค์หญิงคนหนึ่งอยู่นะ แต่เพื่อที่จะดึงนักธุรกิจคนหนึ่งมาเป็นพวกแล้วต้องถึงกับต้องทำลายความบริสุทธิ์ของตัวเองเลยเหรอ?
เหอะ เหอะ!
ในใจของหงส์นั้นตั้งแต่แรกก็รู้สึกไม่ดีกับสมชัยอยู่แล้ว และตอนนี้ก็ยิ่งรังเกียจจะตายอยู่แล้ว
จะให้เธอไปเอาใจผู้ชายน่าเกลียดคนหนึ่งเหรอ?
ฝันไปเถอะ!
หงส์ถือแก้วเหล้าไว้ แล้วเดินทีละก้าวทีละก้าวไปทางจณัตว์
ผู้คนรอบข้างเห็นหงส์ถือแก้วเหล้าเดินมา ก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปเล็กน้อย ส่วนพวกพรินทร์และกล้าณรงค์นั้นกลับหึเสียงเย็นขึ้นมาทีหนึ่งอย่างดูถูก
องค์หญิงเหรอ?
ก็แค่เป็นหมากที่เอามาใช้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์และรวบรวมอำนาจเท่านั้น ยังจะคิดว่าตัวเองสามารถมีชีวิตอยู่อย่างอิสรเสรีได้จริง ๆ เหรอ?
ไม่ใช่ว่าหงส์จะมองไม่เห็นสายตาของคนอื่น ๆ แล้วก็ยังรู้ว่าในใจพวกเขาจะมองตัวเองเป็นยังไง แต่ว่าเป็นอย่างนั้นแล้วจะยังไง?
เธอหมุนตัวอย่างรวดเร็ว และเดินไปทางเนกษ์ที่กำลังทำตัวตามสบาย และตอนนี้เป็นผู้ช่วยในสายตาของคนอื่นอยู่
“ผู้ช่วยเนกษ์ มีอารมณ์ดื่มด้วยกันสักแก้วไหม?”