แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1377 เจอกันอีกครั้งแล้ว

บทที่ 1377 เจอกันอีกครั้งแล้ว

“มาหลบก่อน”

บุริศร์จับตัวนรมนมาอยู่ข้างหลังอย่างรวดเร็ว แล้วก็รีบมองหาที่ที่จะสามารถหลบซ่อนตัวไปทั่ว แต่ว่าที่นี่ค่อนข้างว่างเปล่าเกินไปแล้ว จึงทำให้ชั่วขณะหนึ่งไม่สามารถหาที่หลบซ่อนตัวได้

นรมนรู้สึกร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว

แล้วก็ในขณะนั้นเอง อยู่ ๆ เสียงของเรณุกาก็ลอยมา

“หัวหน้าโอภาส นี่คุณจะไปไหนเหรอ?”

“คุณน้าเรณุกา?”

ตอนที่หัวหน้าทีมเล็กเห็นเรณุกานั้นก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นอย่างอัตโนมัติว่า “ทำไมอาถึงมาอยู่ที่นี่ละครับ? เวลาแบบนี้ควรจะไปทำความสะอาดอยู่ในห้องลับไม่ใช่เหรอครับ?”

“ก็ต้องใช่อยู่แล้ว แต่ว่าในนั้นมีเด็กสาวคนหนึ่งเป็นช่วงประจำเดือนพอดี ฉันก็เลยมาเอาของสักหน่อย นายก็รู้นี่ว่าในห้องขององค์ชายสามไม่มีของที่เด็กผู้หญิงเขาใช้กันหรอก”

เรณุกากลับตอบได้อย่างไม่มีพิรุธเลยสักนิด

หัวหน้าโอภาสได้ยินเช่นนี้ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที เหมือนกับว่าจะเขินอายเล็กน้อย แล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “งั้นก็ไม่รบกวนอาแล้ว ผมจะพาคนไปเปลี่ยนเวรแล้วครับ”

พูดเสร็จแล้วกลุ่มทหารลาดตระเวนกลุ่มเล็ก ๆ นั่นก็เดินจากไปจากที่ไกลจากบุริศร์และนรมน

เรณุกาจ้องมาที่พวกเขาทีหนึ่ง แล้วก็รีบเดินเข้ามาเอาเสื้อผ้าของทหารยามยื่นให้กับพวกเขา จากนั้นก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เดินไปตามทางข้างขวาของถนนเล็ก ๆ นี่ก็จะสามารถไปถึงบ้านเล็ก ๆ ที่ฉันว่าแล้ว ฉันได้โทรศัพท์ให้เพชรีแล้ว หล่อนจะให้คนเข็นถังขยะผ่านที่ตรงนั้นอย่างเร็วที่สุด พอถึงตอนนั้นพวกเธอก็หาโอกาสหลบเข้าไปในถังขยะ แล้วให้หล่อนพาพวกเธอจากไป”

ตอนนี้สิ่งที่สามารถทำให้พวกเขาได้ก็มีเพียงเท่านี้แล้ว

หลังจากที่เรณุกาพูดจบแล้วก็หมุนตัวกลับเข้าไปในห้องลับเลย

บุริศณ์จ้องมองนรมนเล็กน้อย ทั้งสองคนพยักหน้าให้กันเล็กน้อย แล้วก็ไปที่บ้านเล็กตามที่เรณุกาบอกไว้เลย

ผ่านไปไม่นานที่ข้างนอกก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังลอยมา จากนั้นก็มีเสียงไพเราะของผู้หญิงดังลอยมา

“ทิ้งขยะแล้ว! มีขยะที่จะเอาไปทิ้งข้างนอกไหม เร็ว ๆ นะ!”

บุริศร์จับมือนรมนไว้แน่น และรู้ว่าทุกอย่างจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็อยู่ที่คราวนี้แหละ

ทั้งสองคนพุ่งออกไปจากบ้านเล็กอย่างรวดเร็ว และเพชรีก็เปิดถังขยะออกทันที แล้วก็รวดใส่พวกเขาเข้าไปด้วย จากนั้นก็ปิดฝาลง

รถขับไปเรื่อย ๆ อย่างมั่นคง

บุริศร์และนรมนสามารถได้ยินเสียงเพชรีสแกนนิ้วได้อย่างชัดเจน ในใจก็เข้าใจขึ้นมาทันที ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเพชรีพาพวกเขาจากไป คิดว่ายังไงก็คงจะออกไปไม่ได้แน่

ตอนนี้เทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยนั้นได้พัฒนาไปสูงกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้ว

รถยนต์ขับไปถึงครัวข้างหลังอย่างมั่นคงตลอดทาง

เพชรีพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “รีบออกมาเถอะ ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย อีกเดี๋ยวงานเลี้ยงจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว พอถึงตอนนั้นอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องการก็จะมีเป็นจำนวนมาก เดี๋ยวฉันจะให้คนมาแต่งหน้าให้พวกคุณสักหน่อย จะได้ทำให้คนอื่นดูพวกคุณไม่ออกชั่วคราว พวกคุณก็แกล้งทำเป็นสาวใช้และพนักงานบริการเข้าไปส่งเหล้าให้คนพวกนั้น พอออกจากครัวแล้ว เรื่องที่พวกคุณจะทำก็รีบไปทำ คุณน้าเรณุกาไม่ได้บอกว่าต้องให้ฉันระวังหลังให้พวกคุณด้วย สิ่งที่ฉันสามารถช่วยพวกคุณได้ก็มีเท่านี้แหละ แค่หวังว่าถ้าพวกคุณโดนจับขึ้นมาช่วยอย่าซัดทอดถึงฉันก็พอ”

พูดคำพูดพวกนี้จบ เหงื่อเย็น ๆ ของเพชรีก็ซึมออกมา แล้วก็ได้จากไปอย่างรวดเร็วเลย

บุริศร์จ้องมองกล้องวงจรปิดรอบข้างทีหนึ่ง แล้วก็ได้ตัดวิดีโอออกไปช่วงหนึ่งอย่างอัตโนมัติ

“ไป!”

ทั้งสองคนเดินตามเพชรีเข้าไป คนที่หน้าตาธรรมดาคนหนึ่งมาช่วยแต่งหน้าให้พวกเขาทั้งคู่

นรมนรู้เรื่องประโยชน์ของทักษะการแต่งหน้ามาตลอด พอแต่งเสร็จแล้ว เธอก็พบว่าตัวเองเป็นแบบที่ดูธรรมดาเป็นอย่างมาก เป็นใบหน้าที่ดูไม่มีความโดดเด่นอะไรเลย ช่างเหมาะกับสถานการณ์ในตอนนี้มากเลย

บุริศร์ก็ได้กลายเป็นมีสภาพอย่างกับทหารบริการธรรมดาคนหนึ่ง

งานเลี้ยงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ที่ข้างนอกเริ่มมีเสียงเพลงเสียงดนตรีบรรเลงขึ้น ผู้ส่งสารก็เริ่มบอกให้ส่งอาหารเข้ามา

สาวใช้และพนักงานบริการแต่ละชุดก็เริ่มเดินออกไป

ตอนแรกนรมนกะว่าจะออกไปด้วย แต่กลับโดนบุริศร์ขวางไว้ซะก่อน

“อย่าเพิ่งรีบออกไป ตอนนี้พวกบุคคลระดับสูงต่างรวมตัวกันอยู่ สาวใช้และพนักงานบริการที่เพิ่งเข้าไปจะต้องโดนมองมากกว่าปกติแน่ ถึงแม้ว่าใบหน้าของเราตอนนี้อาจจะไม่โดนมองออกง่าย ๆ แต่ยังไงก็ระวังตัวไว้หน่อยดีกว่า”

“อืม เบอร์โทรของจณัตว์คนนั้นค้นหาเจอหรือยังคะ?”

เมื่อกี้ถ้าไม่ใช่เพราะว่ากลุ่มทหารลาดตระเวนเดินผ่านมา บางทีบุริศร์อาจจะหาเบอร์ของจณัตว์เจอตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้นรมนก็ยังถามขึ้นอย่างไม่วางใจประโยคหนึ่ง

“ยังเลย แต่ว่าผมได้แคปรูปเอาไว้แล้ว น่าจะสามารถค้นหาได้อยู่”

พูดแล้วบุริศร์ก็เอาข้อมูลบางส่วนที่หาได้เมื่อกี้ออกมาจากโทรศัพท์ ไม่นานก็หาเบอร์โทรศัพท์ของจณัตว์เจอแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เบอร์โทรศัพท์อันนี้จณัตว์ยังใช้เองอยู่หรือเปล่า

เห็นได้ชัดว่านรมนเองก็นึกถึงสิ่งนี้เหมือนกัน

เธอเอาโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความให้จณัตว์ไปข้อความหนึ่ง

“สิบนาทีให้หลังเจอกันที่ประตูห้องครัว นงลักษณ์”

เธอเอาชื่อของนงลักษณ์มาใช้

ในเมื่อคุณป้าใหญ่บอกว่าจณัตว์เป็นคนของเธอ นรมนเองก็จะต้องลองดูสักหน่อย

หลังจากที่ทำทุกอย่างนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว นรมนและบุริศร์ก็ซ่อนตัวไว้

ผ่านไปไม่นาน ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินมาทางห้องครัวนี้แล้ว

ชายหนุ่มคนนั้นยิ่งเดินก็ยิ่งเข้ามาใกล้ นรมนก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น

“ทำไมเหรอ?”

บุริศร์เห็นการเปลี่ยนแปลงของนรมน จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง

นรมนพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คนคนนี้เป็นหมอคนนั้นที่มารักษาให้โสธรนี่”

ระหว่างที่พูด ชายหนุ่มก็ได้มาถึงประตูห้องครัวแล้ว จากนั้นก็เอาโทรศัพท์ออกมาดูเล็กน้อย หลังจากที่มั่นใจในตำแหน่งแล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณผู้หญิงเจ็ด ผมมาถึงแล้ว ออกมาเถอะครับ”

นรมนได้ยินชายหนุ่มเรียกนงลักษณ์ว่าคุณผู้หญิงเจ็ด และก็แบ่งแยกไม่ออกว่าตกลงเขาเป็นคนของนงลักษณ์หรือเปล่า แต่ว่าเขาคือจณัตว์เหรอ?

คิดไปแบบนี้แล้วนรมนก็จะเดินออกไป แต่กลับโดนบุริศร์ขวางเอาไว้ซะก่อน

บุริศร์เดินออกไปก่อนเลย

“จณัตว์เหรอ?”

บุริศร์เปิดปากพูดขึ้นก่อน

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมที่นี่ถึงได้ไม่มีกลุ่มทหารลาดตระเวนหรือทหารยามอยู่เลย แต่ว่าต้องรีบใช้เวลายืนยันตัวตนของอีกฝ่ายให้ได้ก่อนถึงจะเป็นความจริง

ชายหนุ่มจ้องมองบุริศร์ทีหนึ่ง จากนั้นก็คลี่มุมปากขึ้นเล็กน้อย

“พลตรีบุริศร์ ใบหน้าคุณนี่เปลี่ยนไปจนผมเกือบจะจำไม่ได้จริง ๆ เลยนะ”

แค่เปิดปากพูดก็เรียกยศทหารของบุริศร์ออกมาแล้ว ถ้าจะบอกว่าไม่ใช่ทหาร พูดยังไงบุริศร์ก็ไม่เชื่อหรอก

“ผ่านมาสิบปี อยู่กันคนละโลก ทั้งคู่ต่างก็คิดถึงกัน แต่ทำอะไรไม่ได้”

บุริศร์จึงอดไม่ได้ที่จะพูดรหัสลับของทางทหารออกมา

ชายหนุ่มรีบรับคำขึ้นมาทันที

“ทหารกลับบ้านหนทางยาวไกลนัก”

เมื่อเป็นเช่นนี้ ในที่สุดบุริศร์ก็วางใจลงสักที

“ได้ยินมาว่าจณัตว์เสียโฉมไป วัน ๆ เอาแต่ใส่หน้ากากเงินเอาไว้ และยังเป็นคนรักสันโดด ไม่ชอบพูดคุย ดูท่าทั้งหมดต่างก็เป็นสิ่งที่คุณแกล้งแสดงออกมาใช่ไหม?”

พอยืนยันตัวตนของจณัตว์ได้แล้ว รู้ว่าเขาเป็นทหารของประเทศตัวเองแล้ว ก้อนหินใหญ่ที่อยู่ในใจของบุริศร์ถึงถือได้ว่าวางลงได้สักที

จณัตว์กลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ก็ไม่ถือว่าเป็นการแกล้งแสดง เพราะมีคนแบบนี้คนหนึ่งมาเป็นจณัตว์อยู่ในประเทศFจริง ๆ ส่วนสถานะของผมในตอนนี้ก็คือผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายจณัตว์ เนกษ์”

“เพราะฉะนั้นตกลงคุณคือจณัตว์หรือว่าเนกษ์ล่ะ?”

บุริศร์จ้องมองเขาอย่างขำขัน และไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ถึงแม้จะเป็นการพบกันครั้งแรก แต่ว่าบนตัวจณัตว์กลับทำให้เขารู้สึกถึงความสบายใจและความหวังดี บางทีนี่อาจจะเป็นความรู้สึกที่หมอคนหนึ่งมีให้กับผู้คนละมั้ง

จณัตว์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดขึ้นว่า “ตามใจเลย ชื่อก็เป็นแค่สัญญาลักษณ์อย่างหนึ่งเท่านั้น”

“งั้นบอกสัญญาลักษณ์ของคุณมาหน่อยซิ”

จณัตว์สองเท้าชิดกันทันที แล้วก็ทำความเคารพทางทหารแบบมีมาตรฐานทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “พันตรีเขตทหารตะวันออกเฉียงใต้ จณัตว์ สัญญาลักษณ์คือฟ้าทะลายโจรขอรายงานตัวกับพลตรีบุริศร์ครับ!”

ดวงตาของนรมนเปียกชื้นขึ้นมาเล็กน้อยทันที

อยู่ในต่างประเทศสามารถได้ยินเสียงทหารของประเทศเราได้ และได้เห็นท่วงท่าของทหารประเทศตัวเอง วินาทีนี้ใจของเธอค่อนข้างตื่นเต้น แล้วก็เป็นรู้สึกสนิทชิดเชื้อเป็นอย่างมาก

ถึงว่าครั้งแรกที่เธอเจอจณัตว์นั้นก็รู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้างแล้ว หรือว่านี่ก็คือความรู้สึกสนิทชิดเชื้อและความคุ้นเคยที่เจอทหารรุ่นน้องในต่างประเทศเหรอ?

นรมนไม่รู้ แต่ก็ยังเดินออกไปอยู่ดี

“เจอกันอีกแล้วนะคะ คุณจณัตว์”

“เจอกันอีกแล้วครับ”

ตอนที่จณัตว์เห็นนรมนนั้นก็ยิ้มอ่อน ๆ ขึ้น ความอ่อนโยนที่อยู่ในดวงตานั้นยังไงก็ยังทำให้บุริศร์รู้สึกแสบตาอยู่เล็กน้อย

“แค่ก แค่ก ตอนนี้เวลากระชั้นชิด ในเมื่อคุณสามารถให้คนอื่นปลอมเป็นตัวคุณมารั้งคนพวกนั้นไว้ได้ แน่นอนว่าก็จะต้องมีวิธีที่จะส่งคนออกไปได้ซิ?”

“อืม อาสามได้บอกกับผมไว้แล้ว ผมจะส่งคนไปรับเด็กสาวพวกนั้นออกมาเดี๋ยวนี้ แต่ว่าพวกคุณจะไปพร้อมกับพวกเราเลยหรือเปล่า?”

คำว่าอาสามของจณัตว์นี้ทำให้นรมนรู้สึกแปลก ๆ

ธรรศเป็นอาสามของเธอนะ ถึงแม้ว่าจณัตว์คนนี้จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาสาม แต่ว่านี่มันก็เรียกอย่างสนิทสนมเกินไปแล้วมั้ง

เธอรู้สึกว่าตัวเองรู้สึกหึงขึ้นมาหน่อยแล้ว

บุริศร์กลับส่ายหน้าให้เล็กน้อย

“พวกเรายังมีเรื่องอย่างอื่นต้องทำอีก”

“จะเอาตัวกล้าณรงค์กับฉัตรพลไปเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเหรอ?”

จณัตว์นั้นรู้เรื่องอยู่ไม่น้อย

“นี่เป็นภารกิจของพวกเรา ฟ้าทะลายโจร ระวังตัวด้วย และนอกจากนี้ยังต้องพาคนอีกคนหนึ่งไปด้วย แล้วมอบให้อาสามส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปด้วย”

“ใครเหรอครับ?”

“เรณุกา”

บุริศร์เอาเรื่องที่เรณุกาอยู่ด้วยกันกับเด็กสาวพวกนั้นบอกกับจณัตว์ไป

จณัตว์พยักหน้าเล็กน้อย

“ที่แห่งนี้ไม่สามารถอยู่ได้นาน พวกคุณรีบไปเถอะ ผมก็ต้องไปจัดแจงสักหน่อยเหมือน เบอร์โทรศัพท์อันนี้เป็นเบอร์ส่วนตัวของผม ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรสามารถติดต่อกับผมได้ทุกเมื่อ ในเมื่อเส้นสายและพละกำลังของผมที่นี่ก็ยังจะสามารถช่วยเหลือพวกคุณได้อยู่”

“ได้”

หลังจากที่ทั้งสองคนอธิบายไปชุดหนึ่งแล้ว บุริศร์ก็บอกเส้นทางและตำแหน่งห้องลับให้กับจณัตว์

ก่อนที่จณัตว์จะไปนั้นก็ได้มองดูนรมนทีหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มแล้วล้วงของที่มีสีสันมากมายคล้ายกับลูกกวาดออกมาจากกระเป๋าหนึ่งกำมือแล้วยื่นให้กับเธอ

สีหน้าของบุริศร์ดูแย่เล็กน้อยขึ้นมาทันที

นรมนกลับมองเขาด้วยความสงสัยแล้วถามขึ้นว่า “นี่คืออะไรคะ?”

“ยาพิษ เอาไว้ป้องกันตัว เม็ดยาสีเหลืองนี่สามารถทำให้คนไม่มีเรี่ยวแรงไปชั่วขณะ ถ้าหากเจอคนที่เอาไม่อยู่ก็สามารถใช้งานได้ ยังมีเม็ดสีแดงนี่ สีแดงเป็นยาพิษร้ายแรง สามารถทำให้คนเสียงหายไปทันทีได้ ยังมี……”

“รีบไปเถอะ”

บุริศร์พูดขัดคำพูดของจณัตว์ไปเลย แล้วก็เอามือของนรมนรวมทั้งเม็ดยาเหล่านั้นมากุมไว้ด้วยกันเลย

เมื่อกี้ยังรู้สึกว่าจณัตว์คนนี้ไม่เลวเลย แต่ตอนนี้บุริศร์มองเขาตรงไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอยู่ในประเทศF แค่ที่จณัตว์คุยกับนรมนแบบนี้ต่อหน้าเขา บุริศร์ก็คงเตะเขาไปทีหนึ่งจนตัวลอยไปนานแล้ว

เจ้าเด็กนี่เมื่อกี้ยังดูดีมากอยู่เลย พอตอนนี้มาเห็นแววตาที่เขาจ้องมองนรมนเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเอาแต่ใจ ความหึงหวงของบุริศร์ก็พุ่งขึ้นมาทันทีเลย

จณัตว์เองกลับอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ได้ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ อ๋อใช่แล้วนรมน ถ้ามีเวลาละก็เอายานี่ให้ราเชนหน่อย ยาพิษที่อยู่ในตัวเขาเกือบจะถอนได้หมดแล้ว”

นรมนนึกถึงธูปหอมที่อยู่ในตำหนักของราเชนขึ้นมาทันที ตอนแรกยังไม่มั่นใจว่าราเชนโดนยาพิษจริงหรือเปล่า พอมาตอนนี้ได้ยินจณัตว์พูดแบบนี้ ดูท่าก็น่าจะจริงแล้ว

“แล้วฉันจะเอาให้เขาเองค่ะ”

“ระวังตัวด้วยนะ”

จณัตว์ลูบหัวนรมนขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็รีบหนีไปก่อนที่บุริศร์จะระเบิดอารมณ์ขึ้นมา แล้วก็หายตัวไปจากตรงหน้าพวกเขาเลย

ดวงตาของบุริศร์ราวกับว่าโดนยาพิษแล้วยังไงอย่างงั้น แต่นรมนกลับรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง

จณัตว์คนนี้นี่มันตัวอะไรกัน?

นี่ถึงกับมาลูบหัวเธออย่างกับเธอเป็นเด็กเลยเหรอ?

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท