แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1371 ฉันเชื่อคุณ

บทที่ 1371 ฉันเชื่อคุณ

“ระวัง!”

บุริศร์พูดจบก็กดหัวของนรมนลงไปทันที ต่อจากนั้นก็มีแสงเลเซอร์จู่โจมส่องมาตรงทิศทางของพวกเขาอีกเป็นชุดติด ๆ กัน

“โดนจับได้แล้วเหรอคะ?”

“ไปเร็ว!”

บุริศร์รีบจับมือของนรมนเอาไว้แล้วกลิ้งไปตามพื้น หลบหลีกไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าบนตัวพวกเขากลับเหมือนกับว่าโดนอะไรมาล็อกเอาไว้ยังไงอย่างงั้น ไม่ว่าจะเดินไปถึงตรงไหน ลำแสงจู่โจมนั่นก็ส่องตามไปถึงตรงนั้นอยู่ดี

สมองของนรมนหมุนวนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“เป็นรังสีอินฟราเรดเหรอคะ?”

“ใช่”

ตอนแรกบุริศร์ยังคิดอยู่ว่าจะอธิบายกับนรมนยังไงดี แต่ตอนนี้เห็นว่าเธอเข้าใจแล้ว ก็แน่นอนว่าง่ายขึ้นเยอะเลย

“เป็นเพราะผมประมาทไปเอง ระบบตรวจจับด้วยรังสีอินฟราเรดนี่น่าจะเป็นอุปกรณ์ที่สมชัยใช้เฝ้าตรวจตราทุกตำหนักอยู่แน่ ผมว่าแล้วไง ทำไมพอผมไปถึงตำหนักของราเชนปุ๊บ สมชัยก็มาถึงทันทีเลย และคุณก็บอกกับผมว่าตำหนักของหงส์ สมชัยก็ไปมาแล้วเหมือนกัน คิดว่าเขาน่าจะพบเห็นพวกเราตั้งนานแล้ว”

ในใจของบุริศร์มีความเยือกเย็นและรู้สึกกลัวเพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

“ถ้างั้นคุณน้าชัญญา……”

สีหน้าของนรมนเปลี่ยนไปทันทีเลย

“มีวินเซนต์อยู่ด้วย คุณน้าชัญญาจะต้องจากไปได้แน่นอน และถึงแม้ว่าสมชัยจะรู้เรื่องอะไรเข้า แต่ก็ไม่มีทางที่จะรู้เรื่องของคนคนนั้นหรอก”

ในตอนนี้บุริศร์ไม่กล้าพูดชื่อของจณัตว์ออกมาแล้ว แต่ว่านรมนก็ฟังเข้าใจอยู่ดี

คิดว่าที่นี่ก็คงจะมีระบบดักฟังอยู่ด้วยแน่?

“ตอนนี้ควรจะทำยังไงดีคะ?”

นรมนและบุริศร์วิ่งหนีกันอย่างยากลำบากมาก แต่ก็ยังไม่สามารถหลบหนีลำแสงจู่โจมที่ส่องมาได้ ถึงแม้ทุกครั้งจะหลบหนีกันไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ว่าความรู้สึกที่โดนไล่ยิงอยู่แบบนี้มันรู้สึกย่ำแย่มากจริง ๆ และอีกอย่างเสียงดังที่เกิดขึ้นที่นี่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะดึงดูดความสนใจจากภายนอกเข้ามาได้ พอถึงตอนนั้นพวกเขาก็คงจะเป็นลูกไก่ในกำมือแล้ว

บุริศร์เองก็ร้อนใจอยู่เหมือนกัน

เขาจ้องมองห้องลับที่ปิดสนิทอยู่ทีหนึ่ง แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ตอนนี้ที่แห่งเดียวที่ปลอดภัย ก็คงจะเป็นห้องลับห้องนั้นแล้ว”

“แต่ว่าจะเปิดออกยังไงละ? และพวกเราก็ไม่รู้เวลาที่รังสีอินฟราเรดนั่นมาถึงแต่ละตำหนักคือเมื่อไหร่ และตอนนี้ใครจะไปรู้ว่ามันจะมาตอนไหน?”

นรมนเองก็ร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว

เป็นเพราะเธอเองที่ประมาทไป

ถ้าหากพบเห็นปัญหานี้ตั้งแต่แรกแล้วบอกกับบุริศร์ละก็ ไม่แน่ก็อาจจะไม่เกิดเรื่องอย่างเช่นตอนนี้ขึ้นมาก็ได้

แต่บุริศร์กลับไม่ได้กล่าวโทษเธอ และยังพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “พวกเราไปทางห้องลับกัน ลำแสงจู่โจมนี้ถึงแม้จะไม่ใช่รังสีอินฟราเรด แต่ไม่แน่อาจจะมีผลที่แตกต่างกันก็ได้”

นรมนฟังความหมายของบุริศร์เข้าใจแล้ว

ที่นี่เป็นตำหนักของพรินทร์ ห้องลับที่เขาออกแบบไว้นี่คงจะไม่ต้องรอให้ถึงตอนที่ระบบตรวจจับรังสีอินฟราเรดของสมชัยส่องมา ถึงจะเปิดประตูได้หรอกมั้ง? ไม่แน่ที่นี่อาจจะมีระบบสแกนรังสีอินฟราเรดไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพียงแต่พวกเขาไม่รู้เท่านั้น?

พอคิดได้แบบนี้ นรมนก็รวบรวมสติแล้วมองไปลำแสงจู่โจมที่ไล่ยิงพวกเขาอยู่ทีหนึ่ง แล้วพบว่ามันส่องมาจากวัตถุอย่างหนึ่งที่คล้ายกับเว็บแคม

หรือจะพูดว่าที่นั่นอาจจะมีสิ่งสำคัญที่ใช้เปิดปิดห้องลับอยู่เหรอ?

และแค่ช่วงเวลาที่เผลอไปครู่เดียวนี้ นรมนก็โดนแสงเลเซอร์ยิงเข้าแล้ว

“โอ๊ย……”

ความเจ็บปวดที่รุนแรงนั่นทำให้นรมนร้องออกมาคำหนึ่งทันที แขนทั้งแขนราวกับว่าโดนกระแสไฟแรงสูงจู่โจมมาใส่ และรู้สึกชาไปทันที

“นรมน!”

สีหน้าของบุริศร์ขาวซีดราวกับกระดาษขึ้นมาทันที

“ไม่ต้องสนใจฉัน รีบไปเถอะ ไม่แน่คุณอาจจะเดาถูกก็ได้ ลำแสงพวกนี้อาจจะสามารถเปิดประตูห้องลับออกจริง ๆ ก็ได้”

ตอนนี้นรมนเองก็สนใจบาดแผลของตัวเองไม่ได้แล้ว จูงมือบุริศร์ไว้แล้วก็วิ่งไปทางห้องลับเลย

ฝีมือของทั้งสองคนนั้นต่างก็เก่งกาจมาก ขอแค่ไม่เสียสมาธิไป ก็สามารถหลบหลีกไปได้อยู่

พอมาถึงหน้าห้องลับได้อย่างหน้าสิ่วหน้าขวาน ลำแสงพวกนั้นก็ตามมาด้วยเช่นกัน และในตอนที่ยิงใส่ประตูห้องลับนั้น ก็เกิดเสียงดังติ๊ด ๆ ขึ้น

“กรุณาใส่รหัสผ่านหรือปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ”

อยู่ ๆ ประตูห้องลับก็ส่งเสียงดังขึ้นมา

บุริศร์และนรมนอึ้งไปทันทีเลย

โอ้โห!

นี่มันไฮเทคเกินไปแล้วมั้ง?

ยังต้องใช้ลายนิ้วมือมาปลดล็อกอีก?

อยู่ ๆ นรมนรู้สึกอยากจะด่าแม่ขึ้นมาเลย

บุริศร์เปิดคอมพิวเตอร์ย่อส่วนบนข้อมือออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็แฮกรหัสผ่านปลดล็อกออกอย่างรวดเร็ว

เรื่องนี้สำหรับบุริศร์แล้วถือว่าเป็นเรื่องง่ายดาย ผ่านไปไม่นานนรมนก็ได้ยินเสียงแกร๊กดังขึ้นทีหนึ่ง แล้วประตูก็เปิดออก

“รีบไปเร็ว!”

บุริศร์คว้าขวับที่แขนของนรมนทีหนึ่ง แล้วก็ลากเธอเข้าไปในห้องลับเลย และประตูก็ปิดลงทันที และในขณะเดียวกัน ประตูห้องนอนของพรินทร์ก็โดนคนเปิดออกทันที แล้วทหารองครักษ์ลาดตระเวนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามา

“เมื่อกี้ที่นี่มีเสียงความเคลื่อนไหว รีบค้นหาให้ฉันเดี๋ยวนี้! ถ้าเจอคนที่ไม่รู้จัก ก็ให้ฆ่าทิ้งได้เลยไม่ต้องถาม!”

หัวหน้าทีมเล็กขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วตอนที่เห็นเลือดสด ๆ หยดหนึ่งบนพื้นนั้นดวงตาก็หรี่ลงทันที

ที่นี่เคยมีคนเข้ามาแล้วจริง ๆ ด้วย!

เพียงแต่ว่าที่นี่มีการคุ้มกันแน่นหนา แล้วคนนอกเข้ามาได้ยังไงกัน?

แล้วอีกอย่างคนคนนั้นหลบไปอยู่ที่ไหนแล้ว?

เขาจ้องมองห้องลับของพรินทร์เล็กน้อย ห้องลับนี้นอกจากลายนิ้วมือของตัวพรินทร์เองและรหัสผ่านแล้วไม่มีใครสามารถเปิดออกได้ ถ้าคนนอกจะเข้าไปก็เป็นเรื่องยากมากจริง ๆ

พอคิดได้แบบนี้ หัวหน้าทีมเล็กก็ไม่คิดไปถึงห้องลับอีก

“ค้นหาให้ละเอียด ๆ เลยนะ ถ้าหากลืมสิ่งสำคัญอะไรไป อีกเดี๋ยวองค์ชายสามลงโทษลงมา พวกเราก็จะต้องซวยกันไปหมดแน่”

หัวหน้าทีมเล็กรอบคอบขึ้นมาอีกครั้ง

นรมนและบุริศร์ฟังอยู่ข้างในก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

เกือบไปแล้ว อีกแค่นิดเดียวพวกเขาก็จะโดนคนมาจับตัวไปโดยตรงเลย

“ให้ผมดูแขนคุณหน่อย”

เวลานี้สิ่งที่บุริศร์เป็นห่วงคือแขนของนรมน

พอเขาพูดแบบนี้ขึ้นมา นรมนถึงรู้สึกถึงความเจ็บปวดขึ้นมา

เธอมองดูแขนของตัวเองเล็กน้อย ผิวหนังแผ่นหนึ่งได้เป็นสีแดงไปแล้ว แถมยังรู้สึกเหมือนโดนเผาไหม้ไปแล้วด้วย

“นี่คือเลเซอร์แก๊ส และความร้อนสูงที่แฝงอยู่ด้วยสามารถหลอมละลายโลหะได้เลย เมื่อกี้คุณน่าจะโดนมันกวาดโดนตอนที่กำลังหลบหลีกอยู่ แต่ไม่ใช่โดนยิงเข้าตรง ๆ ไม่งั้นแขนข้างนี้ของคุณก็คงจะใช้การไม่ได้แล้ว”

บุริศร์นั้นเคยศึกษาเกี่ยวกับอาวุธพวกนี้มาบ้าง แต่ว่าแววตากลับโหดเหี้ยมขึ้นมาเยอะเลย

“ประเทศFถึงจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ว่าการป้องกันทางทหารและระบบความปลอดภัยนั้นกลับไฮเทคมากเหมือนกัน ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมสมชัยและฉัตรพลถึงได้อยากได้เส้นทางแร่เส้นนั้นมากขนาดนี้”

“เพราะเพื่อทางทหาร”

นรมนเองก็ไม่ได้โง่ พอได้ยินบุริศร์พูดมาแบบนี้ แน่นอนว่าก็จะต้องเข้าใจขึ้นมาแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาอาวุธของทางทหารหรือเลี้ยงกองกำลังทหารต่างก็ต้องการใช้เงินทั้งนั้น และถ้าต้องการให้มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้ำหน้าที่สุดนั้น เงินก็จะต้องถูกใช้ไปราวกับสายน้ำไหลแล้วจริง ๆ

ประเทศFนี้เป็นประเทศเล็ก ๆ มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และถึงจะร่ำรวย แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะให้เอาไปสนับสนุนให้กับเบี้ยเลี้ยงกรมทหารที่ใหญ่โตมากได้ และยิ่งไปกว่านั้นดูจากระดับความโลภที่สมชัยและฉัตรพลมีต่อเส้นทางแร่นั้นแล้ว คิดว่ากองทัพที่พวกเขาเลี้ยงดูไว้น่าจะมีจำนวนคนไม่น้อยแน่

“แต่ว่าที่นี่เป็นแค่ประเทศเล็ก ๆ ประเทศหนึ่ง ถ้าจะเลี้ยงทหารไว้แล้วจะเอาไปซ่อนที่ไหนได้ละคะ?”

ในจุดนี้นรมนรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก

บุริศร์พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ประชาชนทุกคนล้วนเป็นทหาร”

คำพูดนี้ทำให้นรมนอึ้งไปเลยทันที

ประชาชนทุกคนเป็นทหารกันหมดเลยเหรอ?

ถ้าหากทั่วทั้งประเทศ คนทุกคนต่างก็สามารถเป็นนักรบได้แล้วละก็ นั่นก็จะทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาหน่อยแล้วจริง ๆ

ซึ่งก็หมายความว่าคนทุกคนทั่วทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนแก่ผู้หญิงหรือว่าเด็กล้วนสามารถเป็นนักรบได้ งั้นพละกำลังของพวกเขาจะมีเท่าไหร่กัน?

นรมนแทบไม่กล้าคิดเลยจริง ๆ

“ตกลงสมชัยคนนี้อยากจะทำอะไรกันแน่? จะทำลายโลกทั้งใบเหรอ? ความทะเยอทะยานของเขาคงจะมากเกินไปหน่อยแล้วมั้ง”

“ความต้องการของมนุษย์นั้นมักจะไร้ขอบเขต และทุกคนก็ไม่เหมือนกัน ส่วนความตั้งใจของสมชัยและฉัตรพลนั้นคิดว่าน่าจะอยากจะขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก เพื่อกลายเป็นแกนนำที่สามารถเป็นผู้นำโลกและมีอำนาจในการตัดสินใจได้ ถ้าหากเป็นคนที่จิตใจซื่อตรงขึ้นไปยืนบนตำแหน่งนั้น ก็คงจะไม่เป็นอะไร แต่ว่าดูจากกรรมวิธีของพวกเขาสองพี่น้องแล้ว คนแบบนี้ถ้าเกิดบรรลุเป้าหมายแบบนั้นได้ ก็คงจะไม่ใช่ความโชคดีของโลกแน่ แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งไปสนใจพวกเขาเลย บาดแผลของคุณต้องการการรักษาด่วน แต่ว่าที่นี่ไม่เห็นจะมีอุปกรณ์การรักษาหรือว่ายาที่ต้องใช้เลย นรมน……”

ดวงตาของบุริศร์ปรากฏแววสงสารและเจ็บปวดขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

นรมนเองก็เข้าใจความตั้งใจของบุริศร์ แล้วก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ฉันเป็นผู้หญิงของคุณบุริศร์นะคะ คุณกลัวฉันจะทนลำบากไม่ไหวเหรอ? ความรู้สึกที่โดนไฟคลอกทั้งตัวฉันก็ยังผ่านมันมาได้แล้ว ยังจะมีเรื่องอะไรที่รับไม่ไหวอีก?”

คำว่าโดนไฟคลอกทั้งตัวสี่คำนี้เหมือนกับเป็นเหล็กร้อนที่มาเผาไหม้หัวใจบุริศร์ แต่เขานั้นรู้ดีว่าที่เธอโดนไฟคลอกทั้งตัวนั้นใครเป็นคนประทานให้

“ขอโทษนะ”

ถึงแม้ว่าจะพูดขอโทษไปทั้งชีวิต บุริศร์ก็ไม่มีทางแบกรับความเจ็บปวดจากการโดนไฟคลอกในกองเพลิงแทนนรมนได้ และเรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องที่เขาจะไม่มีทางลืมและต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

“ที่ฉันพูดเรื่องพวกนี้ไม่ได้ต้องการให้คุณมารู้สึกผิด ตอนนี้ในกระเป๋าฉันมีแอลกอฮอล์และมีดสั้นอยู่ ถ้าจะทำการรักษาในตอนนี้ ก็จะต้องขุดเนื้อที่โดนเผาไหม้ออกไป แล้วให้มันเกิดขึ้นมาใหม่ ฉันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องทางการแพทย์เลยสักนิด ถึงแม้ว่าเลเซอร์แก๊สนี้จะแค่ถากไปจนเป็นแผล แต่ถ้าไม่สนใจละก็ จะเกิดการอักเสบและเป็นไข้ขึ้นมา แล้วฉันก็อาจจะกลายเป็นตัวถ่วงของคุณ และอีกอย่างดูจากสถานการณ์ของเมื่อสักครู่แล้ว ไม่แน่เราอาจจะเปิดเผยตัวตนไปแล้ว เวลาที่เหลืออยู่ของเราก็มีไม่เยอะแล้ว เพราะฉะนั้นบุริศร์ ไม่ต้องกังวลอะไรมาก ควรจะทำยังไงก็ทำอย่างงั้น ฉันเชื่อใจคุณค่ะ!”

ดวงตาที่ร้อนแรงของนรมนจดจ้องบุริศร์ไว้ตรง ๆ ดูเชื่อมั่นมากขนาดนั้น กล้าหาญมากขนาดนั้น

หัวใจของบุริศร์เจ็บปวดขึ้นมาอย่างแรงจนแทบจะขาดใจตายไปเลย

เขาเคยไปออกรบ เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน แน่นอนว่าต้องรู้อยู่แล้วว่าควรจะทำยังไงถึงจะดีที่สุด ถ้าหากว่าเป็นทหารคนอื่น เขาจะลงมือไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด แต่ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้คือภรรยาของเขา เขาทนทำใจลงมือไม่ได้จริง ๆ

นรมนจับมือของเขาเอาไว้ แล้วรู้สึกว่าฝ่ามือของบุริศร์มีความสั่นระริกเล็กน้อย เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดขึ้นว่า “บุริศร์ คุณกำลังช่วยฉันอยู่นะคะ คุณเองก็รู้ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด ตรงที่สุดและรวดเร็วที่สุดไม่ใช่เหรอคะ? ฉันทนไหวค่ะ จริง ๆ นะคะ”

“กัดแขนของผมไว้ ถ้าปวดก็กัดสุดแรงเกิดได้เลยนะ”

บุริศร์รู้ว่าเขาทำได้แต่แบบนี้เท่านั้น เขายื้อเวลาไม่ได้ และนรมนก็ยิ่งรอต่อไปไม่ได้แล้ว

ความมีเหตุผลกับความรู้สึกกำลังตีกันอยู่ในใจ แต่ก็เป็นเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น สุดท้ายบุริศร์ก็ใช้ความมีเหตุมีผลเอาชนะความรู้สึกได้

เขารักนรมน แน่นอนว่าจะต้องอยากให้นรมนอยู่ดีมีสุข แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาแล้ว เขาเองก็รับประกันได้แค่ว่าจะปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตของนรมนด้วยระยะเวลาที่สั้นที่สุด เรื่องนี้ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

นรมนพยักขึ้นหน้าเล็กน้อย

บุริศร์ไม่กล้าไปมองสบตาเธอ เพราะกลัวว่าถ้าดูแล้วตัวเองก็จะทนทำใจลงมือไม่ได้จริง ๆ

ที่แท้คนคนหนึ่งเมื่อมีจุดอ่อนแล้วก็เกิดความขี้ขลาดขึ้นมาได้จริง ๆ

บุริศร์เยาะเย้ยตัวเองไปเช่นนี้ แต่กลับลงมือได้ทั้งรวดเร็วและแม่นยำ

เขารู้ว่าถ้าตัวเองมีความลังเลเพิ่มขึ้นมาอีกเสี้ยวหนึ่ง นรมนก็จะยิ่งเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมากขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง

ในตอนที่ความร้อนของมีดที่จุ่มแอลกอฮอล์เคลื่อนผ่านไปบนแขนนั้น นรมนเจ็บจนตัวสั่นไปทั้งตัว เหงื่อเย็น ๆ ก็ซึมออกมาตามไรผม แต่เธอกลับไม่สามารถร้องออกมาแม้แต่คำเดียว เพราะกลัวว่าถ้าร้องออกมาคำหนึ่งก็จะทำให้บุริศร์เสียสมาธิ และฟุ้งซ่านได้

เธอรู้ว่าตอนนี้บุริศร์น่าจะทุกข์ใจมากกว่าตัวเอง และเจ็บปวดมากกว่าตัวเองแน่ ๆ เพราะฉะนั้นเธอก็เลยกัดริมฝีปากล่างของตัวเองไว้แน่น ถึงแม้จะกัดจนมีเลือดซึมออกมาแต่ก็ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด

ฝีมือของบุริศร์นั้นยังคงชำนาญมาก การรักษาโรคหรือช่วยชีวิตคนนั้นเขาจะทำไม่เป็น แต่ว่าถลกหนังเฉือนกระดูกนั้นเขาก็ชำนาญมากอยู่

ในตอนที่นรมนรู้สึกว่าตัวเองเกือบจะอดทนไม่ไหวแล้ว บุริศร์ก็ได้จัดการกับบาดแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาใช้ผ้าพันแผลพันบาดแผลของนรมนเอาไว้ แล้วพบว่านรมนได้เจ็บจนหมดสติไปแล้ว จนถึงวินาทีที่หมดสติไปนั้น เธอก็ยังคงนั่งตัวตรงอยู่ตรงหน้าบุริศร์ แต่ว่าเลือดที่ซึมออกมาจากมุมปากนั้นกลับทิ่มแทงดวงตาบุริศร์จนเจ็บ

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท