ตอนที่ประเทศที่เธอเชื่อมั่นทอดทิ้งเธอไป ตอนที่ครอบครัวที่เธอทุ่มเทให้สุดแรงทอดทิ้งเธอ เรณุกายังจะมีอะไรให้ต้องเคารพอีก? ยังจะมีอะไรให้อ่อนน้อมถ่อมตนอีก?
เมื่อก่อนเป็นเพราะว่าเธอมองไม่เห็นความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ จึงได้แต่หายใจไปวัน ๆ เหมือนกับหมาตัวหนึ่ง พอมาวันนี้บุริศร์มาแล้ว พออยู่ต่อหน้าลูกชายของเธอ เธอจะมาทำให้ตระกูลโตเล็กขายหน้าอยู่แบบนี้ได้ยังไงกัน?
ถึงแม้ว่าบุริศร์จะฆ่าเธอ เธอก็จะขอตายอยู่ในมือของคนตระกูลโตเล็ก จะขอฝังอยู่ในสุสานของคนตระกูลโตเล็ก เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองยังมีสิทธิ์นี้อยู่หรือเปล่า
ดวงตาของเรณุกามีแววเศร้าหมองพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง แต่ก็ยังมองสบตาที่หวาดกลัวของปรัญชัยอยู่ แล้วพูดเสียงเย็นขึ้นว่า “ไหนแกอยากจะรู้ว่าพวกเขาเป็นใครไม่ใช่เหรอ? งั้นฉันจะบอกแกให้นะ พวกเขาก็คือบุริศร์และนรมน นายใหญ่และนายหญิงคนปัจจุบันของตระกูลโตเล็ก ไหนแกบอกว่าฉันปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จสมควรตายไม่ใช่เหรอ? งั้นตอนนี้แกโดนคนของตระกูลโตเล็กจับตัวไว้ได้แล้ว และตอนนี้คนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ก็จะสามารถโดนช่วยออกไปได้แล้ว งั้นภารกิจของแกก็ต้องล้มเหลวไปด้วยแล้ว และก็สมควรตายแล้วใช่ไหม?”
ปรัญชัยอึ้งเลยทันที จากนั้นก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยากจะพูดอะไรออกมาแต่กลับพูดไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ
เรณุกาเห็นแล้วแต่ก็ทำเป็นมองไม่เห็น แล้วพูดต่อไปว่า “แม่ของฉันจะมีสถานะอะไร ยังไม่ถึงคิวแกต้องมาว่าท่าน ไม่ว่าจะพูดยังไงแล้ว ฉันก็ถือได้ว่าเป็นอาของแก! แต่ว่าแกทำอะไรกับฉันไปบ้าง? ฉันถือว่าพวกแกเป็นญาติพี่น้องของฉัน ฉันเชื่อฟังคำสั่งของพวกแก ออกไปจากประเทศ แยกจากกับญาติพี่น้องไปเป็นสายลับอยู่ต่างบ้านต่างเมือง หักหลังความรักของตัวเอง หักหลังชีวิตแต่งงานของตัวเอง แถมยังยอมขายชีวิตของตัวเองทั้งชีวิตเพื่อมาแลกเปลี่ยนข่าวกรองให้กับประเทศ เพื่อมาแลกเกียรติยศให้กับวงศ์ตระกูล แต่ว่าพอภารกิจของฉันล้มเหลวแล้ว ประเทศของฉันและคนในครอบครัวของฉันได้ให้อะไรกับฉันบ้าง? ปรัญชัย ฉันเป็นลูกนอกสมรสที่เอาชื่อใส่เข้าไปในบัญชีรายชื่อวงศ์ตระกูลไม่ได้ แล้วแกล่ะเป็นตัวอะไร? อยู่ที่นี่ ฉันเป็นอาของแก แกควรจะมีความเคารพพื้นฐานต่อฉัน แต่ว่าแกทำอะไรไปบ้างล่ะ? แกกลับจะให้พวกเดรัจฉานพวกนี้มาเหยียดหยามฉัน! อยู่ที่ประเทศZ ถึงแม้ว่าฉันจะมีความผิดที่ให้อภัยไม่ได้ แต่ฉันก็ยังเป็นภรรยาที่แต่งงานอย่างออกหน้าออกตาของทศกร เป็นนายหญิงที่เป็นประมุขของตระกูลโตเล็ก แล้วแกมีสิทธิ์อะไรมาสร้างความอัปยศอดสูแบบนี้ให้ฉัน?”
ดวงตาของบุริศร์เคร่งขรึมลงไปหลายส่วน แต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ
นรมนเองก็คิดไม่ถึงว่าอยู่ที่นี่ และอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้จะมาเจอกับเรณุกาเข้า ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเธอปรากฏตัวออกมากะทันหัน บางทีนรมนอาจจะลืมคนคนนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ แถมยังอาจจะคิดว่าเธอได้ตายไปแล้วด้วยซ้ำ ในเมื่อหลังจากที่ปฏิบัติการครั้งนั้นแล้ว เรณุกาก็หายสาบสูญไปจากโลกมนุษย์เลย
บางทีการที่เรณุกาไม่ปรากฏตัวออกมาก็อาจจะเป็นสิ่งที่บุริศร์หวังไว้ด้วยเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้เธอปรากฏตัวออกมาแล้ว แถมยังด้วยท่าทางแบบนี้ ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาด้วยสภาพที่น่าอนาถแบบนี้ ความสะเทือนใจในใจของบุริศร์จะต้องมีไม่น้อยแน่
ช่วงที่ผ่านมานี้เพราะว่าเรื่องราวอย่างอื่น ความรู้สึกหลากหลายที่บุริศร์มีต่อเรณุกาก็ได้ปล่อยวางไปบ้างแล้ว แต่ว่าตอนนี้กลับโดนสะกิดขึ้นมาอีกครั้ง
คนไม่ใช่ต้นหญ้า ยังไงก็ต้องมีความรู้สึกกันบ้าง?
ตั้งหลายปีมาขนาดนี้ ถึงจะเป็นแผนการหรือกลลวง แต่ระหว่างบุริศร์และเรณุกานั้นก็ไม่มีทางที่จะไม่มีความรักของแม่ลูกอยู่เลยสักนิด
เพียงแต่แค่โดนแผนการและกลลวงพวกนั้นทำลายไปจนไม่เหลือภาพแล้วเท่านั้น
พอมาวันนี้ได้เห็นเรณุกาแทนตัวเองว่าเป็นคนของตระกูลโตเล็กอีกครั้งหนึ่ง สีหน้าของบุริศร์ก็ดูแย่มาก แต่ก็ไม่ได้ขัดขวาง
มือของนรมนโดนบุริศร์กุมไว้ในมืออยู่ตลอด เหงื่อเย็น ๆ ในฝ่ามือทำให้หลังมือของนรมนเปียกชื้นไปด้วย
เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรดี หรือควรจะปลอบใจบุริศร์ยังไง จึงได้แต่อยู่เป็นเพื่อนเขาไปแบบนี้
ปรัญชัยยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่เรณุกากลับไม่ให้โอกาสใด ๆ แก่เขาแล้ว
มือของเธอยกขึ้นแล้วมีดก็กระทบลงไป แล้วหัวของปรัญชัยก็ได้ตกลงไปบนพื้น ดวงตาที่หวาดผวาคู่นั้นจ้องมองไปที่เหล่าทหารองครักษ์พวกนั้นโดยตรง ทำให้พวกเขาตกใจจนแทบจะฉี่ราดออกมากันเลย
เรณุกากลับไม่มีความเมตตาใด ๆ หลังจากที่ฆ่าปรัญชัยแล้วก็ฆ่าคนอื่น ๆ ไปด้วยเลย
เธอรู้ว่าพอตัวเองทำเรื่องนี้ไปแล้ว อยู่ที่ประเทศFเธอก็ถือได้ว่าจบเห่ไปแล้ว
ฆ่าคนในตระกูลของตัวเอง ปล่อยผู้หญิงพวกนี้ไป โทษของเธอก็ไม่มีทางได้รับอภัยแล้ว
แต่ว่า แล้วมันจะยังไงล่ะ?
เธอมีชีวิตอยู่มามากพอแล้ว
ถ้าหากก่อนที่บุริศร์จะมาเธอยังกลัวอยู่ว่าตัวเองจะตาย ยังอยากจะหายใจไปวัน ๆ อยู่ งั้นตอนนี้เธอก็เข้าใจมากขึ้นแล้วว่า ที่ตัวเองยอมมีชีวิตอยู่อย่างตกต่ำแบบนี้ ก็แค่อยากจะให้ได้เจอกับบุริศร์ได้อีกครั้ง อยากจะพูดคำว่าขอโทษกับเขาสักคำ
เรณุกาค่อย ๆ หมุนตัวมา จ้องมองบุริศร์ น้ำตาที่ร้อนผ่าวในดวงตาได้ไหลรินออกมาแล้ว
“บุริศร์”
“มีเรื่องอะไร ก็พูดมา”
บุริศร์เบือนหน้าหนีไป น้ำเสียงที่เย็นเฉียบแฝงความเย็นชาไว้เสี้ยวหนึ่ง
เรณุกากัดริมฝีปากล่างเอาไว้ แล้วพูดขึ้นทีละคำทีละคำว่า “ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าคำพูดสามคำนี้สำหรับนายแล้วมันไม่สามารถทดแทนอะไรได้ บาดแผลที่ฉันสร้างขึ้นมาให้นายนั้นแค่คำขอโทษสามคำนี้ไม่สามารถที่จะลบล้างไปได้ แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องพูดขอโทษกับนายสักคำ”
ทั้งตัวของบุริศร์แข็งทื่อ แต่กลับไม่ได้พูดขัดคำพูดของเธอ แล้วยิ่งไม่ได้พูดคำพูดให้อภัยอะไรเลย
สำหรับความรักและเกลียดที่มีต่อเรณุกานั้นเขาเคยคิดทบทวนตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าเธอขายชาติแล้ว และตอนนี้กลับไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับเธอยังไงดี
เรณุกาจ้องมองดูบุริศร์ จ้องมองดูท่าทางที่เหมือนกับทศกรของเขา แล้วก็อดไม่ได้ที่แววตาจะอ่อนโยนลงหลายส่วน
“ฉันเป็นคนประเทศF ทุกสิ่งที่ฉันทำ นายดูแล้วอาจจะไม่มีทางให้อภัยได้ และสมควรตายเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าพูดจากมุมของฉัน ฉันก็แค่ปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจเท่านั้น ฉันรู้ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร ก็ไม่สามารถที่จะทดแทนบาดแผลที่ฉันสร้างไว้ให้กับนายได้ ไม่ว่านายจะเชื่อหรือไม่ เมื่อก่อนฉันเคยปฏิบัติกับนายเป็นลูกแท้ ๆ จริง ๆ ฉันเองก็อยากจะมีความรักจากญาติพี่น้อง อยากจะมีลูกหลานเต็มบ้าน มีคนเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า บางทีพวกเธออาจจะไม่รู้ ตอนที่ฉันอยู่กับกมลและกานต์นั้น ฉันหวังว่าเวลาจะหยุดเดินได้จริง ๆ แต่ว่าฉันก็มีเรื่องที่ฉันเลือกไม่ได้ ฉันเป็นสายลับคนหนึ่ง ภารกิจของฉันคือรวบรวมข่าวกรอง ให้ความร่วมมือกับคำสั่งทุกอย่างและปฏิบัติการของพระราชา ฆ่าฉันซะเถอะ สามารถตายอยู่ในมือของนายได้ ชาตินี้ฉันก็ถือได้ว่าได้สมหวังแล้ว”
วินาทีนี้เรณุการ้องขอความตายจากใจจริง
สามารถตายอยู่ในมือบุริศร์ เธอตายไปแล้วถึงจะมีหน้าไปเจอทศกรได้ ถึงจะมีความกล้าร้องขอการให้อภัยจากเขา
บุริศร์จ้องมองเธออย่างเยือกเย็น และร่างกายก็แข็งทื่อเป็นอย่างมาก
เรณุกาพูดว่าเธอเคยคิดว่าเขาเป็นลูกชายแท้ ๆ มาก่อน แล้วทำไมบุริศร์จะไม่คิดว่าเธอเป็นแม่จากใจจริงบ้างล่ะ?
กี่ครั้งที่ทุ่มเทแรงใจอบรมสั่งสอน กี่ครั้งที่อดหลับอดนอนอยู่เป็นเพื่อน ภาพเหล่านั้นได้พุ่งเข้ามาสู่หัวสมองของบุริศร์
เขาพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไม่ว่าสถานะของคุณจะเป็นอะไร แต่อยู่ในตระกูลโตเล็กคุณก็เป็นภรรยาที่แต่งงานออกหน้าออกตากับพ่อของผม เป็นนายหญิงของตระกูลตระกูลโตเล็ก ถ้าผมฆ่าคุณไป คุณกะว่าจะให้คนทั้งโลกมาด่าว่าผมเหรอ?”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว งั้นฉันก็จะฆ่าตัวตายเอง เพียงแต่หวังว่าหลังจากที่ฉันตายไปแล้วนายจะช่วยเอาอัฐิของฉันกลับไปประเทศZด้วย ไม่ว่าจะเอาไปโปรยไว้ที่ไหนก็ได้ จนถึงวินาทีนี้ฉันถึงได้เข้าใจว่า บ้านของฉันอยู่ที่ประเทศZ และคนในครอบครัวของฉันก็อยู่ที่นั่น ฉันหวังว่าเมื่อตายไปแล้วจะสามารถไปฝังอยู่ที่นั่น ได้หรือเปล่า?”
ตอนนี้เรณุกาสงบนิ่งมาก
นรมนเห็นท่าทีในตอนนี้ของเธอ ก็เหมือนกับว่าได้มองเห็นเรณุกาในตอนแรกยังไงอย่างงั้น
เธอในตอนนั้น ดูสูงส่งสง่าผ่าเผย อ่อนโยนดูมีเมตตา เป็นผู้อาวุโสที่ดีมากคนหนึ่งจริง ๆ
นรมนอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจขึ้นเล็กน้อย
เรื่องแบบนี้แค่ทำไปแล้ว จะให้มาคิดว่าไม่เคยทำเลยก็เป็นไปไม่ได้ ถ้าหากว่าเธอเป็นบุริศร์ ก็ไม่มีทางเป็นเพราะสภาพที่เรณุกาเป็นอยู่ในตอนนี้กับความรู้สึกในอดีตมายกโทษให้เธอได้หรอก
ในเมื่อหัวใจคนเรานั้นต้านทานเล่ห์กลไม่ไหว ความรู้สึกก็ต้านทานกลลวงไม่ไหว
“คุณวางใจเถอะ ถ้าหากว่าคุณตายไปแล้ว ผมจะลองคิดดูว่าจะให้คุณกับพ่อได้ฝังไว้ใกล้กันได้”
อยู่ ๆ บุริศร์ก็เปิดปากพูดขึ้น แล้วก็ทำให้เรณุกาซาบซึ้งขึ้นมาทันทีเลย และก็ทำให้นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง
หมายความว่ายังไง?
บุริศร์จะปล่อยเรณุกาไปเหรอ?
“นายพูดจริงเหรอ?”
เรณุการู้สึกดีใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่กล้าเข้าไปใกล้บุริศร์
บุริศร์จ้องมองดูเธอ ถึงพบว่าบนหัวของเรณุกานั้นได้มีผมหงอกขึ้นมาแล้ว
เมื่อก่อนเธอเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง แต่ช่วงที่ผ่านมาต้องมีชีวิตที่น่าอนาถ ทั้งตัวดูไปแล้วเหมือนจะแก่ขึ้นสิบกว่าปีเลย
ในใจ อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดขึ้นมาหลายส่วน
บุริศร์พูดขึ้นด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกขึ้นว่า “ทุกอย่างที่คุณทำกับผม ทุกอย่างที่ทำกับตระกูลโตเล็ก ผมสามารถลองคิดอยู่ในจุดของคุณได้ แต่ว่าทุกสิ่งที่คุณทำกับประเทศนั้น ผมไม่มีสิทธิ์เป็นผู้ตัดสิน คุณเป็นคนที่พ่อผมรักที่สุด ผมจะไม่ฆ่าคุณหรอก และก็จะไม่ให้คนอื่นมาเหยียดหยามคุณด้วย นั่นก็แค่เห็นแก่หน้าพ่อผมเท่านั้น คุณอย่าคิดมาก การทำร้ายที่คุณทำต่อประเทศ แน่นอนว่าจะต้องให้กฎหมายประเทศมาลงโทษคุณ ถ้าหากว่าคุณสำนึกผิดแล้วจริง ๆ และอยากจะกลับไปเป็นคนตระกูลโตเล็กจริง ๆ ก็จะต้องรู้ไว้ว่าคนตระกูลโตเล็กนั้นกล้าทำก็ต้องกล้ารับ โทษที่คุณควรจะต้องรับคุณไปรับก็พอแล้ว และนี่ก็เป็นสิ่งที่คุณสอนผมมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่เหรอ?”
เรณุกาเข้าใจความหมายของบุริศร์ขึ้นมาทันที
เขาจะบอกว่าให้เธอกลับประเทศด้วยเหรอ? จากนั้นก็ยอมรับการลงโทษตามกฎหมายเหรอ?
เธอนั้นสมควรตาย!
แต่ก็ต้องดูว่าควรจะตายยังไงแล้ว
ถ้าหากเธอคิดว่าตัวเองเป็นคนF แน่นอนว่าก็ไม่ได้ทำผิด ไม่จำเป็นที่จะต้องกลับไปรับโทษในประเทศกับบุริศร์ แต่ถ้าเธออยากจะกลับไปเป็นคนของตระกูลโตเล็ก งั้นเธอก็จะต้องเป็นคนประเทศZ แล้วก็จะเป็นคนขายชาติของประเทศZ และเธอก็จะต้องไปยืนอยู่บนแท่นพิพากษายอมรับการตัดสินและการลงโทษ
“ฉันจะกลับประเทศ!”
แค่เพียงช่วงไม่กี่วินาที เรณุกาก็ตัดสินใจได้แล้ว
เธอจ้องมองบุริศร์ แล้วก็มีความสงบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ฉันจะตายในประเทศZ ฉันเป็นสะใภ้ของตระกูลโตเล็ก เป็นคนของตระกูลโตเล็ก ฉันได้สร้างความแปดเปื้อนไว้ให้กับตระกูลโตเล็ก งั้นก็สมควรใช้เลือดของฉันมาลบล้างการเหยียดหยามนี้ให้ตระกูลโตเล็ก”
อยู่ ๆ คำพูดของเรณุกาก็ทำให้จมูกของบุริศร์รู้สึกจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อย
“งั้นก็รอจนถึงตอนที่ผมกับนรมนกลับประเทศค่อยพาคุณกลับไปด้วย ช่วงนี้คุณก็หาที่สักแห่งซ่อนตัวเองไว้ให้ดี ๆ ก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องหรอก”
เรณุกาส่ายหน้าเล็กน้อย
เธอคิดไม่ถึงว่าชาตินี้ยังจะสามารถได้รับการปฏิบัติที่อ่อนโยนเช่นนี้จากบุริศร์อีก จนถึงวินาทีนี้เธอถึงรู้ว่าตัวเองได้สูญเสียของมีค่าอะไรไปบ้าง
เธอเป็นคนตัดขาดความรักระหว่างแม่ลูกของพวกเขาด้วยมือตัวเอง
ถึงแม้บุรศร์จะสีหน้าไร้เยือกเย็น แต่ก็เป็นลูกที่กตัญญูมากคนหนึ่ง
เธอเองที่เป็นคนโง่เกินไป
เรณุกาจ้องมองบุริศร์เล็กน้อย แล้วถึงหันไปมองนรมน และพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ธรรศอยู่ในประเทศF พวกเธอเอาตัวฉันและผู้หญิงพวกนี้มอบให้กับเขาก็พอแล้ว ฉันคิดว่าเขาจะต้องพาฉันกลับประเทศได้แน่ ที่พวกเธอมาที่นี่ก็คงจะต้องมีเรื่องที่พวกเธอต้องจัดการ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาเสียเวลาและเสียแรงกับคนที่กำลังจะตายอย่างฉันหรอก”
พอนรมนได้ยินชื่อของอาสาม ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“อาสามของฉันอยู่ที่นี่เหรอคะ? ท่านรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนไหมคะ?”
“รู้”
เรณุกาสัมผัสได้อย่างละเอียดอ่อนว่าถึงแม้จะมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่นรมนก็ยังคงใช้คำสรรพนามเรียกเธอว่าท่าน
ผู้หญิงที่ทั้งเป็นคนดีและเก่งกาจคนหนึ่งแบบนี้ ทำไมเธอถึงจิตใจเหี้ยมโหดไปหลอกล่อและทำร้ายได้ลงคอนะ?
ถ้าหากว่าเมื่อก่อนตัวเองใจดีกับเธอบ้างสักหน่อย รักเธอสักหน่อย งั้นความสัมพันธ์ของเธอและนรมนในตอนนี้ก็คงจะดีมากเลยใช่หรือเปล่า?
เรณุกายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ
แต่นรมนกลับไม่รู้เรื่องที่เธอคิดอยู่ในใจ แล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “อาสามของฉันอยู่ห่างจากที่นี่มากไหมคะ? พวกเราจะต้องทำยังไงถึงจะสามารถติดต่อเขาได้คะ?”
ตอนแรกนึกว่าอยู่ที่นี่จะโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าธรรศจะอยู่ที่นี่ด้วย และเรณุกาก็เหมือนกับว่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องด้วย ในจุดนี้ทำให้นรมนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก