แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1387 นี่เธอกล้าหนีด้วยเหรอ

บทที่ 1387 นี่เธอกล้าหนีด้วยเหรอ

“ปัญญ์ค่ะ!”

มัทยาแทบฉี่รดกางเกงเพราะไอสังหารของสมชัย

ก็แค่ผู้ชายพิการเดินไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? พระราชาต้องใส่ใจขนาดนี้เลยหรือไง? หรือว่าคนชื่อปัญญ์อะไรนั่นมีสถานะอื่น?

ในตอนที่ความคิดของมัทยากำลังตีกันวุ่นวาย ทันใดนั้นสมชัยก็ตบโต๊ะอย่างกรุ่นโกรธ คำรามเสียงต่ำออกมาว่า “องครักษ์ ไล่จับปัญญ์มาให้ได้ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย ยังไงก็ต้องประหารทิ้ง!”

คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าปัญญ์เป็นใคร แต่สมชัยรู้เป็นอย่างดีว่าปัญญ์เป็นน้องชายของคมทิพย์ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับนรมนเป็นอย่างมาก ขาสองข้างพิการก็เพราะว่านรมน หลังจากที่ตระกูลเจริญไชยพังพินาศ สองพี่น้องอย่างปัญญ์และคมทิพย์กลับไม่ถือโทษโกรธแค้นนรมนกับบุริศร์เลยแม้แต่น้อย กลับกันความสัมพันธ์ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ

ดารัณชอบปัญญ์งั้นเหรอ?

กลัวก็แต่พอปัญญ์รู้ถึงตัวตนของดารัณ จะหลอกใช้เธอเอาน่ะสิ

ผู้หญิงโง่บรมคนนี้ ทำไมต้องมาเป็นลูกสาวเขาด้วยนะ?

ในตอนนี้เองสมชัยเริ่มรู้สึกว่าดารัณไม่น่าจะกล้าทรยศเขา ลูกสาวคนนี้เป็นพวกขี้ขลาดเหมือนแม่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แม้ว่าตระกูลแหลมวิไลจะมีจณัตว์คอยพยุง แต่ว่าพวกเธอไม่ได้สนิทกับจณัตว์ และไม่เคยได้ยินว่าเคยติดต่ออะไรกันด้วย คนที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวฝ่ายแม่ไม่น่าจะกล้าทรยศพ่อแท้ๆ อย่างเขาหรอก

ตอนนี้สมชัยมั่นใจเป็นอย่างมากว่าปัญญ์เป็นคนล่อลวงดารัณ ทั้งยังอาศัยจังหวะนี้เข้ามาช่วยพวกนรมนกับบุริศร์ออกไปจากวัง ไม่อย่างนั้นคนพวกนั้นจะไปอยู่ไหนล่ะ?

ใครมันมีความสามารถถึงขนาดพาคนพวกนั้นออกไปอย่างเงียบเชียบต่อหน้าต่อตาเขาได้?

แค่คิดขึ้นมาได้ว่าดารัณถูกหลอกใช้ สมชัยก็โกรธจนเจ็บใจไปหมด

“นำตัวองค์หญิงหกไปกักบริเวณ ถ้าฉันไม่อนุญาตใครหน้าไหนก็ห้ามให้เธอออกมาทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นมันได้ตายแน่!”

ผู้คนโดยรอบหดหัวสั่นกลัวกันทั้งแถบ แม้แต่หายใจแรงๆ ก็ยังไม่กล้า เดิมทีมัทยายังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่าจากสถานการณ์ในตอนนี้แม้แต่คำเดียวก็ไม่กล้าเปล่งเสียงออกมา

ดารัณถูกนำตัวไปแล้ว ทั่วทั้งราชวังเต็มไปด้วยความกดดันและความเคร่งเครียดเนื่องจากการหายตัวไปของกล้าณรงค์ และเรื่องของดารัณ

ทางด้านปัญญ์หลังจากที่ถูกนำตัวออกมา ก็ไม่สามารถออกไปไหนได้ทันที เนื่องจากข้างนอกมีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น หญิงสาวทำอะไรไม่ได้นอกจากพาปัญญ์ไปที่ตำหนักของนงลักษณ์

ไม่มีใครเคยมาที่นี่ นอกจากราเชนและสมชัย และในตอนนี้ก็ไม่พ้นสองคนนี้เข้ามาเยือน

หญิงสาววางปัญญ์ลงบนเตียง มองเขาที่ยังอยู่ในสภาพหลับสนิท พอคิดได้ว่าก่อนหน้านี้ดารัณเกือบจะถอดเสื้อผ้าของเขาออกหมด ทั้งๆ ที่ผู้ชายคนนี้ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด

สีหน้าของหญิงสาวก็อึมครึม ดวงตาสวยคู่นั้นทอแววดุดัน ทว่าปัญญ์ที่ยังคงหลับสนิทกลับไม่รับรู้เลยสักนิด

เมื่อเห็นปัญญ์นอนหลับฝันหวาน หญิงสาวก็หาน้ำเย็นมาสาดใส่เขา

“เชี่ย!”

ปัญญ์สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะถูกน้ำเย็นสาด แม้ว่าจะนิสัยดีแค่ไหนเจออย่างนี้ไปก็เก็บอาการไม่ได้อยู่ดี

“บ้าหรือไง? ใครเนี่ย?”

ในฤดูหนาว ตำหนักแหน่งนี้ยิ่งไม่ค่อยมีใครมาอยู่อาศัยจึงไม่มีความอบอุ่นใดๆ พอน้ำเย็นสาดลงมา ปัญญ์ก็หนาวสั่นแทบแข็ง นัยน์ตาคมปลาบตวัดมอง กลับพบผู้หญิงคนหนึ่งกำลังแสยะยิ้มใส่เขา

เสียงหัวเราะเยือกเย็นนี้คุ้นหูเป็นอย่างมาก คุ้นเสียจนปัญญ์รู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์

เขาคงไม่ได้ฝันไปหรอกใช่ไหม?

ปัญญ์จับมืออีกฝ่ายมาวางบนหน้าเพื่อทดสอบอุณหภูมิทันที

ไม่ใช่ฝันงั้นเหรอ?

ทันใดนั้นปัญญ์ส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง ทั้งยังดึงหญิงสาวเข้ามากอดอย่างแนบแน่น

“ฉันนึกว่าเธอตายไปแล้ว”

“พี่นั่นแหละตายฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก”

หญิงสาวฮึดฮัดจะผละตัวออก แต่ราวกับปัญญ์ใช้แรงทั้งหมดโอบกอดเธอเอาไว้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมปล่อยมือ

“มายด์ นี่เธอกล้าหนีด้วยเหรอ!”

นอกจากดีใจแล้วปัญญ์ยังแอบเคือง แต่เขาก็ยินดี ยินดีที่มายด์หนีออกมา

ช่วงเวลาที่ตระกูลเจริญไชยถูกโจมตีอย่างหนัก สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือมายด์จะยอมโง่ปกป้องตระกูลเจริญไชย จนพาตัวเองเดือดร้อน

ยังดีที่เธอหนีมาแล้ว

แม้ว่ามันจะไม่ค่อยชอบธรรมเท่าไหร่ แต่ว่าในตอนนี้ปัญญ์ก็ยังคงดีใจอยู่ดี

เขาฝากคนนู้นคนนี้ตามหามายด์มานานแสนนาน นานจนคิดว่าเธอไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะได้กอดเธอตัวเป็นๆ เพียงแต่ว่าพอไม่ได้เจอกันนานเขาก็ไม่รู้ว่าควรพูดกับมายด์ยังไงดี อีกอย่างปัจจุบันเขาก็กลายมาเป็นอย่างนี้ ทำได้เพียงใช้นำเสียงฮึดฮัดรั้งให้เธออยู่

เขาคิดถึงเธอมากจริงๆ

รู้ดีว่ามายด์ยังไม่ถึงวัยรู้จักความรัก แต่แล้วยังไง?

ถ้าเป็นคนที่ปัญญ์ชอบ ต่อให้เด็กแค่ไหน เขาก็สามารถรอจนกว่าอีกฝ่ายจะโตได้

นัยน์ตาของมายด์แดงเล็กน้อย ดิ้นขลุกขลักแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้คิดหนี ช่วงที่ตระกูลเจริญไชยเกิดเรื่องฉันท้องเสีย เลยออกไปซื้อยาข้างนอก ตอนที่ฉันกลับมาก็พบว่าตระกูลเจริญไชยเกิดเรื่อง ตอนนั้นฉันกำลังจะโทรหาพี่ แต่ถูกตีหัวสลบ พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าไม่ได้อยู่ที่เมืองBแล้ว”

“ใครตีหัวเธอ?”

ปัญญ์ปล่อยมายด์ออก พร้อมทั้งดึงผ้าปิดหน้าของเธอออก

ไม่ได้เจอกันเป็นเวลานาน มายด์ดูโตขึ้นเยอะ ใบหน้าเรียวใสขึ้น หน้าอกก็เริ่มเจริญพันธุ์ตามวัย

มายด์ถูกปัญญ์มองจนรู้สึกขัดเขิน

แม้ว่าเธอเพิ่งจะอายุสิบสาม แต่ก็เข้าใจอะไรหลายๆ อย่างเป็นอย่างดี ความรู้สึกที่มีต่อปัญญ์มันซับซ้อนเป็นอย่างมาก ความรู้สึกมันไม่เหมือนพี่ชาย เธอรู้สึกหวงเขามาก อย่างตอนที่เห็นดารัณแอบแต๊ะอั๋งเขาเมื่อกี้ เธอแทบอยากจะฆ่าดารัณทิ้ง ที่ตัดแค่นิ้วก็ถือว่าไว้ชีวิตอีกฝ่ายสุดๆ แล้ว

เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอยังเด็ก บางอย่างเธอก็ไม่กล้าพูดออกไป กลัวว่าจะทำให้ปัญญ์ตกใจ

ต่อให้ตอนนี้เขาจะรู้สึกกับเธอแค่น้องสาวเธอก็ไม่สนใจ อายุเธอยังน้อย เธอสามารถรอได้

คิดมาถึงตรงนี้ มายด์ก็เอ่ยเสียงเบาขึ้นมาว่า “ไม่รู้ พอฉันฟื้นขึ้นมาก็อยู่บนเกาะร้างแล้ว ที่นั่นมีเด็กหลายคนเลยที่โดนเหมือนฉัน และก็มีอาจารย์คอยฝึกพวกฉันอยู่ที่นั่นด้วย ตอนนี้ฝีมือของฉันดีมากเลยนะ พี่อาจจะสู้ฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ”

มายด์พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ แต่สีหน้าของปัญญ์กลับเคร่งขรึม

เกาะร้าง? อาจารย์? หรือว่าจะเป็นกลุ่มนักฆ่า?

“ครั้งนี้เธอออกมาปฏิบัติภารกิจเหรอ?

“ภารกิจอะไร?”

มายด์ส่ายหัวอย่างงงๆ “ไม่มีภารกิจอะไรทั้งนั้น อาจารย์แค่บอกฉันว่าพี่กำลังตกอยู่ในอันตราย เลยให้ฉันมาช่วยพี่แค่นั้นเอง”

“อาจารย์ของเธอรู้ด้วยว่าฉันตกอยู่ในอันตราย?”

ปัญญ์ประหลาดใจเป็นอย่างมาก พร้อมกันนั้นก็รู้สึกกลัวย้อนหลัง แบบนี้ก็แปลวว่ามีคนคอยจับตามองเขาอยู่ตลอดน่ะสิ?

“อาจารย์ของเธอชื่อว่าอะไร?”

“ฉันไม่รู้ อาจารย์ของพวกฉันมีทั้งหมดแปดคน แต่ละคนก็สอนพวกฉันคนละวิชา ตลอดปีที่ผ่านมาฉันได้เรียนอะไรเยอะแยะเลย อีกอย่างอาหารการกินที่นั่นก็ยังอุดมสมบูรณ์และมีประโยชน์ด้วยนะ พี่ดูสิฉันสูงขึ้นตั้งเยอะ ตอนนี้ราวๆ ร้อยเจ็ดสิบได้มั้ง”

มายด์พึงพอใจในส่วนสูงของตัวเองมาก

ความสูงของเธอในตอนนี้พอไปยืนข้างปัญญ์ก็กำลังพอดีเลย

เมื่อปัญญ์เห็นท่าทางดีอกดีใจของมายด์ ก็ไม่อยากสาดน้ำดับฝันอีกฝ่าย บางเรื่องรอให้เขาตรวจสอบก่อนแล้วค่อยพูดดีกว่า

“ในเมื่อตอนนี้เธอหาฉันเจอแล้ว ก็ห้ามจากฉันไปไหนอีก ตอนนี้ฉันเดินไม่ได้พอดี เธอมาอยู่ข้างๆ ฉันก็แล้วกัน ส่วนอาจารย์และกลุ่มอะไรนั่นที่เธอพูดถึง ถ้าเก่งนักก็ให้พวกเขามาหาฉันเอง”

อันที่จริงขาของปัญญ์หายดีแล้ว เพียงแต่ว่าไม่สามารถยืนเป็นเวลานานได้ เพื่อเป็นการปิดบังคนอื่น เขาจึงทำตัวเหมือนเป็นคนพิการให้จบๆ คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะได้ใช้เป็นข้ออ้างให้มายด์อยู่ด้วย

มายด์เพิ่งสังเกตเห็นของปัญญ์

“ขาพี่เป็นอะไร?”

“หักน่ะ กระดูกแหลกละเอียด เกรงว่าคงต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต”

เสียงของปัญญ์เต็มไปด้วยความเสียใจ

หัวใจของมายด์บีบรัดขึ้นมาในทันที

ตอนนี้เธอเพิ่งสังเกตว่าหลังจากที่ปัญญ์ตื่นขึ้นมายังไม่ได้ขยับตัวเลย แปลว่าขาของเขาหักจริงๆ เหรอ?

“เป็นแบบนี้ได้ยังไง? ใครเป็นคนทำ? ฉันจะไปฆ่ามัน!”

“เป็นสาวเป็นนาง อย่าเอาแต่พูดคำว่าฆ่าคนนั้นคนนี้พร่ำเพรื่อสิ ฉันเป็นอย่างนี้แล้ว หลังจากนี้ก็คงแต่งภรรยาไม่ได้ และถ้าเธอไม่สนใจไยดีฉันอีกคน ฉันก็คงต้องหาบ้านพักคนชราเพื่อใช้ชีวิตคนพิการอยู่ที่นั่นแล้วล่ะ”

ปัญญ์จงใจพูดให้ตัวเองดูน่าสงสาร

ทว่ามายด์กลับส่งเสียงหึออกมา “ไม่ต้องมาพูดอย่างนี้เลย ก่อนหน้านี้ไม่นานองค์หญิงหกยังจะปล้ำพี่อยู่เลย ถ้าฉันไม่ปรากฏตัวเสียก่อน ป่านนี้พี่คงได้เข้าหอกับเธอไปแล้วมั้ง พอหลังจากนั้นพี่ก็จะได้เป็นบุตรเขยของตระกูลเธอ ได้ทั้งอำนาจเงินทองและสาวงาม แค่นี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว”

ปัญญ์ชะงักไปเล็กน้อย สมองหวนนึกอะไรบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นสีหน้าก็พลันบิดเบี้ยว

“ดารัณทำอะไรฉันนะ?”

“พี่อยากให้เธอทำอะไรพี่ล่ะ?”

ถึงอย่างไรมายด์ก็เป็นสาววัยแรกแย้ม ทั้งยังอยู่ในวัยคึกคะนอง แค่นึกถึงภาพนั้นก็ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างไม่สามารถปกปิดความรู้สึกของตัวเองได้

ปัญญ์ชะงักเล็กน้อย ยัยนี้โกรธเหรอ?

หรือว่าเธอกำลังหึง?

แต่พอนึกได้ว่าอายุของมายด์เพิ่งจะเท่าไหร่ ปัญญ์ก็รู้สึกว่าตัวเองคงคิดมากไป

เด็กผู้หญิงอายุสิบสามจะไปรู้จักความรู้สึกแบบนี้ได้ยังไง?

เขายิ้มแกนๆ ออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้วพูดว่า “ไม่ว่าเธอจะทำอะไรกับฉัน ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรกับเธอทั้งนั้น ยิ่งในเชิงนั้นยิ่งแล้วใหญ่ ว่าแต่ที่นี่คือที่ไหน?”

“วังของประเทศF ตอนนี้เรายังออกไปไม่ได้ ข้างนอกมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา คงต้องอยู่ที่นี่อีกสักพัก แล้วเดี๋ยวฉันค่อยหาโอกาสพาพี่ออกไป”

“ได้”

ปัญญ์เชื่อใจมายด์

“ไปหาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนสิ เธอจะปล่อยให้ฉันเป็นหวัดเหรอ?”

ยัยนี้นับวันยิ่งใจกล้าขึ้นทุกวัน ถึงขนาดเอาน้ำเย็นๆ มาสาดใส่เขา เห็นเป็นเธอหรอกนะ ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้ปัญญ์คงเดือดเป็นไฟไปแล้ว

มายด์ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา จากนั้นก็หันหลังเดินไปหาเสื้อผ้ามาให้เขาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

เมื่อปัญญ์มองตามแผ่นหลังของเธอเดินออกไป เขาถึงได้หยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาติดต่อบุริศร์

“ประธานบุริศร์ ตอนนี้ผมอยู่ในวังของประเทศF มีเรื่องอะไรอยากให้ผมทำไหม?”

เดิมทีเขาถูกบุริศร์ส่งมารักษาขาและรับช่วงต่อธุรกิจของตระกูลโตเล็กที่ต่างประเทศ

เมื่อไม่กี่เดือนก่อนมีธุรกิจหนึ่งข้องเกี่ยวกับประเทศF เขาจึงไหว้วานเส้นสายทำเรื่องขอวีซ่า เพื่อมาสังเกตการณ์ที่นี่ พร้อมกับทำความเข้าใจสภาวะแวดล้อมของประเทศFไปด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาถูกดารัณชอบ หลายเดือนมานี้ดารัณรุกจีบเขาอย่างหนักหน่วง จนบางทีก็รู้สึกรำคาญ

เมื่อกี้ก็เกือบจะถูกดารัณปลุกปล้ำอีก คิดมาถึงตรงนี้ ปัญญ์ก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

ถ้าหากมายด์มาไม่ทัน เขาก็ไม่รู้ว่าความบริสุทธิ์ของเขาจะยังอยู่ไหม

แต่หลายเดือนที่ผ่านมาก็ไม่ถือว่ามาอยู่ที่นี่สูญเปล่า เขาสืบเจอเรื่องราวมากมาย แน่นอนว่าได้รู้ด้วยว่ากล้าณรงค์ซ่อนตัวอยู่ในวังของประเทศF และกล้าณรงค์ก็เป็นศัตรูของนรมนกับบุริศร์ เรื่องนี้เขาจึงหวังว่าตัวเองจะสามารถช่วยได้

ระหว่างเขากับบุริศร์ติดต่อกันแค่ช่องทางเดียว เพียงแต่ว่าพอไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลานาน แล้วจู่ๆ ส่งข้อความไปหาอย่างนี้ จึงทำให้บุริศร์ประหลาดใจ

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท