แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1404 เคยใช้ร่างกายมาตอบแทนบุญคุณครั้งหนึ่งแล้ว

บทที่ 1404 เคยใช้ร่างกายมาตอบแทนบุญคุณครั้งหนึ่งแล้ว

นรมนอึ้งไปเล็กน้อย

ตอนนั้นตอนที่มิลินจากไปนั้นเธอรู้ดีอยู่ และแน่นอนว่าก็ต้องรู้มิลินหักหลังหมู่บ้านดารายน สำหรับจุดนี้นรมนก็ยังรู้สึกไม่ค่อยวางใจนัก

แต่ตอนนี้อยู่ ๆ เธอก็มาปรากฏตัวละแวกสหภาพQTตกลงมันเพื่ออะไรกันแน่?

“กิจจา ตอนนี้อย่าเพิ่งไปเจอเธอ หม่ามี้กลัวว่าหนูจะได้รับอันตรายนะ”

คำพูดของนรมนเพิ่งพูดจบก็เห็นกิจจามีสีหน้าที่ผิดหวังเล็กน้อย แต่ว่าก็ยังพยักหน้าให้เล็กน้อย

และเพราะว่าเรื่องของมิลิน การพูดคุยของนรมนกับพวกลูก ๆ ก็เลยจบลง

เมื่อกี้บุริศร์ไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าในหัวสมองของนรมนนั้นมีแต่ใบหน้าที่ผิดหวังนั่นของกิจจา จึงอดไม่ได้ที่ถอนหายใจทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องของมิลินนี้ควรจะแก้ไขยังไงดี? ทำไมคุณถึงไม่พูดอะไรหน่อยละคะ?”

บุริศร์มานั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามของนรมน แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ความรู้สึกของคนนั้นซับซ้อนมาก ไม่ว่ามิลินจะทำอะไรกับพวกเรา แต่ว่าเธอยังจริงใจต่อกิจจาอยู่ แถมเธอยังเคยพากิจจาไปเป็นอาสาสมัครที่แอฟริกามาก่อน มีเรื่องมากมายบางทีพวกเราดูแล้วอาจจะมีเป้าหมายแอบแฝงอยู่ แต่ว่าสำหรับกิจจามาพูดนั้น มิลินนั้นไม่เหมือนกัน พวกเราสามารถขัดขวางการเจอหน้ากันของเขากับมิลิน แต่ว่าจะบอกเขายังไงว่าทำไมถึงขัดขวาง? ถ้าเอาเรื่องของมิลินมาบอกกับกิจจา นี่ก็คือการทำร้ายกิจจา แต่ว่าถ้าไม่บอกเขา ก็กลัวว่ามิลินจะทำร้ายกิจจาเข้า เพราะฉะนั้นเรื่องที่คุณลังเล ที่คุณเป็นห่วงผมก็เข้าใจทั้งนั้น แต่ในเมื่อเขายังเป็นเด็กคนหนึ่ง สิ่งที่คิดก็ไม่เท่าที่เราคิดหรอก”

นรมนเองก็รู้ว่าสิ่งที่บุริศร์พูดนั้นไม่ผิด แต่ว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ข้างกายกิจจา จึงกลัวจริง ๆ ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา

“มิลินสามารถหักหลังหมู่บ้านดารายนได้แล้ว คุณรู้สึกว่าเธอยังจริงใจกับกิจจาอีกเหรอคะ?”

“จริงใจหรือไม่จริงใจ ที่จริงคุณก็มีคำตอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

บุริศร์จ้องมองนรมน แววตาอ่อนโยนราวกับสายน้ำ

นรมนถลึงตาใส่เขาทีหนึ่งอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นว่า “นี่คุณไม่สามารถบอกฉันมาตรง ๆ ว่าควรจะทำยังไงเหรอคะ?”

“ไม่ว่าคุณจะทำอะไรผมก็สนับสนุนคุณทั้งนั้น”

การตามใจอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้ของบุริศร์ทำให้มุมปากของนรมนอดไม่ได้ที่จะคลี่ออกมา ถึงแม้สายตาจะยังคงเย่อหยิ่งมากและเหลือบมองเขาไปทีหนึ่ง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดีขึ้นมามากเลย

“ฉันจะบอกไว้ก่อนเลยนะ ฉันไม่ได้ให้โอกาสมิลิน ฉันเพียงแต่แค่ไม่อยากเห็นกิจจาไม่มีความสุข ถ้าหากครั้งนี้มิลินยังไม่รู้จักรักษาไว้อีก ถึงต่อไปกิจจาจะโกรธเคืองฉัน ฉันก็จะไม่มีทางอนุญาตให้เธอเข้าใกล้กิจจาแม้แต่ก้าวเดียวแน่ และที่สำคัญตอนนี้พี่ชายของฉันก็เป็นดอกเตอร์ทางการแพทย์อยู่ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าไม่มีมิลินแล้วก็จะไม่มีคนมาสอนกิจจาจริง ๆ”

“โอ้โห ดูความมั่นใจเต็มเปี่ยมนี่ซิ คนมีพี่ชายแล้วนี่ก็ไม่เหมือนเดิมจริง ๆ”

คำพูดของบุริศร์ฟังไม่ออกว่าเป็นการเยาะเย้ยหรือว่าอะไร แต่ว่ากลับทำให้ใจของนรมนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ฉันก็เป็นคนที่มีพี่ชายแล้วนะ ฉันจะบอกคุณไว้นะ ต่อไปถ้าคุณกล้ารังแกฉัน ลูกพี่ลูกน้องของฉันราเชนกับเจตต์ และยังมีพี่ชายของฉันจณัตว์ทั้งสามคนนี้ล้วนสามารถทำให้คุณอ่วมได้แน่”

ท่าทางที่คนตัวเล็กได้ใจอย่างนั้นของนรมนดูแล้วน่ารักจริง ๆ ทำให้บุริศร์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา

“เทียบพี่ชายเหรอ? ผมก็มีนะ คุณลืมไปแล้วใช่ไหม ผมยังมีบุณพจน์อยู่คนหนึ่งนะ ถ้าจะเปรียบเทียบกันจริง ๆ แล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะแพ้ให้กับคุณได้”

“เชอะ!”

นรมนมองตาขาวใส่เขาทีหนึ่ง แล้วถึงพบว่าพวกเขาสองคนเป็นเหมือนอย่างกับเด็กคนหนึ่งที่โอ้อวดไป จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา

“อยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกว่าพอมาอยู่กับคุณก็กลายเป็นคนไร้เดียงสาเลย”

บุริศร์จึงตอบกลับเสียงต่ำไปประโยคหนึ่งว่า “ไม่ใช่เพราะว่าผมอยู่กับคุณแล้วได้รับผลกระทบจากคุณถึงได้กลายเป็นคนไร้เดียงสาหรอกเหรอ?”

“ไม่ใช่ซะหน่อย อ๋อใช่แล้ว พวกเราออกมากันนานขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าเจตต์จะเป็นยังไงบ้างแล้ว และการอยู่ไฟเล็กของขวัญตาจะทำได้ดีหรือเปล่าก็ไม่รู้”

นรมนรู้สึกคิดถึงบ้านแล้ว

ช่วงเวลาที่ออกมานี่เกิดเรื่องขึ้นมากมายเลย ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยอยู่บ้าง แต่ว่าความรู้สึกที่คิดถึงบ้านนั้นห้ามไม่อยู่เลย

ถึงทิวทัศน์ข้างนอกจะสวยงามมากแค่ไหนก็อยู่สบายสู้ประเทศตัวเองแผ่นดินของตัวเองไม่ได้หรอก

บุริศร์โอบเอวของเธอไว้อย่างรู้สึกปวดใจเล็กน้อย แล้วก็พูดเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า “อดทนอีกนิดนะ ใกล้แล้ว พวกเราใกล้จะได้กลับบ้านแล้ว”

“ฉันรู้ค่ะ ฉันก็แค่พูดไปงั้น ๆ แหละค่ะ”

นรมนกลัวว่าบุริศร์จะเป็นห่วงตัวเอง จึงรีบยิ้มแล้วก็พูดขึ้น

บุริศร์พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ร่างกายของเจตต์นั้นก่อนที่ผมจะมาได้ให้ป้องไปตรวจดูแล้ว และก็บอกกับป้องแล้ว ว่าจะติดต่อหมอที่ดีที่สุดมารักษาให้เขา สำหรับขวัญตาที่แท้งลูกก็มีตระกูลปวนะฤทธิ์และเจตต์คอยดูแลอยู่ ก็ยังค่อนข้างราบรื่นนะ และเพราะว่าพวกเราออกมาแล้ว ก็ได้ดึงดูดสายตาทั้งหมดของศัตรูมาทางพวกเราด้วย เพราะฉะนั้นสำหรับพวกเขาแล้วก็ถือได้ว่าค่อนข้างปลอดภัยอยู่ เมื่อสองวันก่อนผมได้รับข่าวมาจากป้อง ว่าสารพิษที่อยู่ในร่างกายของเจตต์นั้นได้ขับออกจนหมดแล้ว แต่เพราะการกัดกร่อนของสารพิษ ร่างกายของเขาในช่วงสามปีนี้จึงยังไม่เหมาะสมที่จะมีลูกอีก”

“อะไรนะคะ? งั้นก็หมายความว่าสามปีนี้พวกเขา……”

“นรมน เรื่องมันมีทั้งดีทั้งร้ายนะ ยังดีที่พวกเรารู้ตัวเร็ว ไม่งั้นละก็เจตต์คงจะไม่ใช่แค่ไม่สามารถมีลูกได้ในสามปีง่าย ๆ แบบนี้หรอกนะ? ชีวิตคนเราชาติหนึ่งนั้นถึงจะสั้นนัก แต่ว่าสามปีสำหรับพวกเขาแล้วก็แค่พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้ว ยังดีที่ตอนนี้ทุกคนยังอยู่ ต่างก็ยังแข็งแรงปลอดภัยกันอยู่ และนี่ถึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เหรอ?”

พอได้ยินบุริศร์พูดมาแบบนี้ นรมนก็รู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้เป็นทุกข์มากขนาดนั้นแล้ว

และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วย ถ้าหากไม่สังเกตเห็นว่าในร่างกายของเจตต์มีสารพิษอยู่ ลูกคนนั้นของขวัญตาถ้าคลอดออกมาก็คงอาจจะเป็นเด็กตายอยู่ในท้องแม่คนหนึ่ง หรืออาจจะเป็นเด็กพิการคนหนึ่ง แถมเจตต์เองก็ไม่แน่ว่าจะสามารถมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้

ยังดี ที่ตอนนี้ทุกคนยังอยู่ ส่วนลูกก็แค่มีช้าไปสามปีเท่านั้น ยังไงก็ต้องมีแน่

“ฉันรู้แล้วค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ฉันไม่ได้ชอบคิดไม่ตกมากขนาดนั้น”

นรมนตบมือของบุริศร์เล็กน้อย ยังไงพวกเขาก็ยังอยู่ด้วยกันตลอด

ตอนที่จณัตว์กลับมานั้น หงส์ยังอ้อยอิ่งอยู่ที่หน้าประตู พอเห็นจณัตว์ก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ในตอนที่กำลังอยากจะถามอะไรนั้นก็ได้ยินจณัตว์พูดขึ้นว่า “ทำไมคุณไม่เข้าไปข้างในมาทำอะไรอยู่ที่หน้าประตูนี่? อยากจะให้เป็นหวัดแล้วโดนฉีดยาเหรอ? ยังไง? ตอนนี้ไม่กลัวโดนฉีดยาแล้วเหรอ?”

พูดแล้วเขาก็ยื่นมือออกไปแล้วก็ดึงตัวหงส์มาเลย

หงส์นิ่งอึ้งไปชั่วครู่หนึ่ง

เรื่องที่เธอกลัวฉีดยานั้นมีคนรู้อยู่แค่ไม่กี่คน ถึงจะเป็นบุริศร์ก็ยังไม่รู้เลย แต่ว่าจณัตว์กลับรู้เรื่อง และที่สำคัญยังมีท่าทีที่คุ้นเคยขนาดนี้ นี่มันทำให้หงส์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้วจริง ๆ

ตกลงระหว่างเธอกับจณัตว์นั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

บุริศร์บอกว่าจณัตว์เคยช่วยชีวิตตัวเองมาก่อน มีบุญคุณเคยช่วยชีวิตไว้เรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้ทำไมเธอถึงลืมไปได้นะ?

และที่สำคัญผู้ชายคนนี้ยังมีท่าทางอย่างกับตัวเองติดหนี้เข้าไว้แปดล้านอีก เธอดูยังไงก็ไม่เหมือนท่าทีที่หมอควรมีเลย

“คิดอะไรอยู่?”

จณัตว์เห็นว่าหงส์กำลังเหม่อลอย จึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปดีดที่หน้าผากเธอทีหนึ่ง แล้วก็เจ็บจนหงส์ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยทันที แต่กลับไม่ขัดขืนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนเลย แล้วก็กลายเป็นจณัตว์ที่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยขึ้นมา

“นี่คุณเป็นอะไรไป? โดนอะไรมาเข้าสิงเข้าเหรอ?”

“คุณนะแหละที่โดนเข้าสิง”

หงส์มองเขาตาขาวทีหนึ่ง จากนั้นก็ผลักเขาออกแล้วก็ไปเทเหล้าที่ตู้เหล้าก่อนแก้วหนึ่ง

“คุณจะดื่มหน่อยไหม?”

“ขอร้องล่ะ นี่มันห้องผมนะ และนั่นก็เหล้าของผม คุณมาเปิดเหล้าผมแล้วมาถามผมว่าจะดื่มหรือเปล่า หงส์คุณแน่ใจเหรอว่าคุณไม่เป็นอะไรน่ะ?”

อยู่ ๆ อารมณ์ของจณัตว์ดีขึ้นอย่างน่าแปลก

วิธีการอยู่ด้วยกันแบบนี้นั้นเมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย มาตอนนี้ก็รู้สึกไม่เลวเลย

หงส์กลับพูดอย่างสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงใจไม่เต้นแรงขึ้นว่า “คุณให้ฉันมาอยู่ที่นี่ ก็แน่นอนว่าอะไรที่เป็นของคุณมันก็ต้องเป็นของฉัน ที่ฉันชวนคุณดื่มเหล้าด้วยก็ถือว่าให้เกียรติคุณแล้ว ทำไม? ฉันชวนคุณดื่มเหล้ายังมีความผิดด้วยเหรอ?”

“ไม่มี เอามาแก้วหนึ่งก็ได้”

จณัตว์รวดเอาเสื้อคลุมโยนลงไปเก้าอี้ที่อยู่อีกข้างหนึ่ง

หงส์ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย และอยากจะเรียกธีรตาเข้ามาจัดเก็บสักหน่อย แต่สุดท้ายก็ยังกลั้นไว้อยู่ดี

เธอเทเหล้าให้จณัตว์แก้วหนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นไปเก็บเสื้อของจณัตว์ขึ้นมา แล้วก็เอาไปแขวนไว้บนราวตากผ้าที่อยู่อีกข้างหนึ่ง

จณัตว์นิ่งอึ้งไปอีกครั้ง

การกระทำแบบนี้ก็เหมือนกับศรีภรรยาที่มีต่อสามียังไงอย่างงั้น ทำให้ในใจของเขานั้นดีใจเป็นอย่างมาก แต่ว่ากลับรู้สึกแปลก ๆ อยู่เล็กน้อย

“นี่ตกลงคุณเป็นอะไรไปกันแน่? ทำไมอยู่ ๆ ท่าทีที่มีต่อผมก็เปลี่ยนไปเป็นมิตรขนาดนี้ ผมกลับรู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไหร่แล้ว”

“ฉันว่าคุณนี่มีแนวโน้มเป็นพวกหัวรุนแรงนะ”

หงส์ตอบกลับไปประโยคหนึ่ง จากนั้นก็กลับไปนั่งลงที่บาร์ ในมือเขย่าเหล้าที่อยู่ในแก้วทรงสูงไป แล้วก็ครุ่นคิดไปครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า “เฮียบุริศร์บอกว่าคุณเคยช่วยชีวิตฉันมาก่อน”

ดวงตาของจณัตว์กะพริบไปเล็กน้อย ความรู้สึกที่ซับซ้อนก็กะพริบผ่านไป จากนั้นน้ำเสียงก็เรียบเฉยขึ้นเล็กน้อย

“แล้วยังไงล่ะ? คุณกะว่าจะใช้ร่างกายมาตอบแทนบุญคุณเหรอ?”

หงส์ไม่พูดอะไร

ใช้ร่างกายมาตอบแทนบุญคุณเหรอ?

ถ้าหากว่าอีกฝ่ายคือเขาละก็ น่าจะไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง

พอไม่มีความหวังกับบุริศร์แล้ว เหมือนกับว่าจะเป็นใครก็ไม่เป็นไร ในเมื่อก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่าจะอยู่กับใครก็คือตลอดชีวิตเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?

พอเห็นในดวงตาของหงส์มีแววผิดหวังอยู่ อารมณ์ที่ดี ๆ อยู่เมื่อกี้ของจณัตว์ก็เจ็บปวดเหมือนกับมีก้อนหินก้อนหนึ่งมาทับไว้ทันที

“ถ้าหากว่าคุณกะว่าจะทำอย่างนั้นจริง ๆ งั้นก็ไม่ต้องแล้ว ในเมื่อคุณก็ได้เคยใช้ร่างกายมาตอบแทนบุญคุณไปครั้งหนึ่งแล้ว”

พอคำพูดนี้พูดออกมา หงส์ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที เหล้าที่อยู่ในมือสาดออกไปแล้วก็ยังไม่รู้สึกเลย

“คุณว่าอะไรนะ? ฉันกับคุณ……”

“ใช่ ผมช่วยชีวิตคุณไว้ คุณก็ได้ให้ร่างกายกับผม และก็เกี่ยวพันกันอยู่ทั้งคืน สิ่งที่ติดค้างผมอยู่ก็ได้คืนให้แล้ว”

พอจณัตว์พูดจบ อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าในห้องนั้นค่อนข้างกดดันเป็นอย่างมาก เขาจ้องมองท่าทีที่ไม่อยากจะเชื่อแบบนั้นของหงส์ แถมยังแฝงไว้ด้วยความเสียใจเสี้ยวหนึ่ง ในใจก็เหมือนกับว่าโดนหยิกไปทีหนึ่งยังไงอย่างงั้น

“ไม่มีอะไรแล้วคุณพักผ่อนไปเถอะ”

พูดจบจณัตว์ก็ลุกขึ้นแล้วก็จากไป

เขาไม่มีทางที่จะทนเห็นท่าทางที่เสียใจของหงส์ได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นความจริงก็ทนเห็นไม่ได้อยู่ดี

ถ้าหากตอนนั้นคือบุริศร์ละก็ คิดว่าเธอคงจะดีใจมากเลยละมั้ง

ว่าแล้วว่ารักกับไม่รักมันแตกต่างกันอยู่

จณัตว์คลี่มุมปากออก ยิ้มอย่างขมขื่นขึ้นมาอันหนึ่ง

หงส์นิ่งอึ้งไปทั้งตัวเลย

เธอเคยนอนกับจณัตว์มาก่อนเหรอ?

มันจะเป็นไปได้ยังไง?

แต่ว่าจณัตว์ไม่มีเหตุผลที่จะพูดโกหกกับตัวเองนี่ และที่สำคัญถ้าไม่ได้เป็นเพราะว่ารังเกียจเรื่องอะไรมากเกินไป บางทีเธออาจจะไม่ลืมเขาก็ได้มั้ง

ใช่ซิ เรื่องที่ช่วยชีวิตบุริศร์กลับมาเธอก็ยังจำได้เลย แล้วทำไมเรื่องที่จณัตว์ช่วยตัวเองไว้ทำไมถึงจำไม่ได้แล้วล่ะ?

ความทรงจำขาดหายไปสองปีอะไร เห็นได้ชัดว่าเธอแค่ลืมเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับจณัตว์ไปเท่านั้น

เป็นเพราะว่าบาดเจ็บและการผ่าตัดถึงลืมไปจริง ๆ เหรอ?

เป็นครั้งแรกที่หงส์เกิดความสงสัยขึ้นมา

สมองของเธอยุ่งเกินไปแล้ว ยุ่งจนไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีแล้ว

เธออยากจะหาใครสักคนมาพูดคุยด้วยหน่อย แต่ว่าอยู่ที่นี่เธอจะสามารถหาใครได้ล่ะ?

หานรมนเหรอ?

แต่ว่านรมนเองก็เป็นน้องสาวของจณัตว์นี่ จะช่วยพูดแทนจณัตว์หรือเปล่าก็ไม่รู้?

พอคิดมาถึงตรงนี้หงส์ก็รู้สึกสับสนเป็นอย่างมากเลย

เรื่องนี้สำหรับเธอแล้วมันเท่ากับเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงมาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ตอนนั้นเธอของบุริศร์ซะขนาดนั้น แล้วทำไมถึงได้เอาร่างกายของตัวเองมอบให้กับจณัตว์ไปได้ล่ะ?

จณัตว์เห็นคนล่อลวงเธอเหรอ? หรือจะบอกว่าตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาที่เป็นเรื่องที่ความทรงจำของเธอลบล้างไปเองอัตโนมัติเหรอ?

ในสมองของหงส์สับสนวุ่นวายมาก เธอรู้สึกว่าเธอต้องไปหาบุริศร์เพื่อถามให้ชัดเจนสักหน่อย ถึงแม้จะต้องเจอกับความเยือกเย็นของการเข้าใจผิดของนรมนเธอก็จะต้องรู้ให้ได้ว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น?

พอคิดได้แบบนี้ หงส์ก็ออกจากประตูห้องไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่เสื้อคลุมก็ยังไม่ทันได้ใส่ก็เดินไปทางห้องของบุริศร์เลย แต่อยู่ ๆ ก็เห็นเงาดำอันหนึ่งอยู่หน้าห้องบุริศร์แล้วก็หายวับไปทันที

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท