“คุณหัวเราะอะไร?”
เดิมทีรเมศเต็มไปด้วยความมั่นใจ ในเมื่อนรมนทำได้ทุกอย่างเพื่อบุริศร์ไม่ใช่หรือ? แม้นรมนเป็นแบบนี้จะทำให้เขาอึดอัดมาก แต่ตราบใดที่สามารถครอบครองเธอได้ก็พอ
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือตระกูลวัชโรทัยทุ่มเททุกอย่างลงไป ไม่ใช่เพื่อนรมนหรอกเหรอ? แทนที่จะพูดว่ารเมศหลงใหลนรมน ไม่สู้พูดว่าตอนนี้เขาต้องการหาที่ระบายการตกระกำลำบากของตนเอง การฝากความหวังทางความรู้สึก กล่าวอีกนัยหนึ่งเพราะนรมนเขาถึงกลายเป็นคนบาปของตระกูลวัชโรทัย ดังนั้นนรมนจำเป็นต้องแต่งงานกับเขา
เนื่องจากเขาทุ่มเทไปมากมายก็เพราะต้องการนรมนแค่นั้นไม่จริงเหรอ?
นรมนมองรเมศอีกครั้ง ร่างกายของเขายังมีความเป็นคุณชายผู้สง่างามซะที่ไหน? ท่าทางดุร้ายไร้ยางอายทำให้คนสะอิดสะเอียนสุดๆ
“ช่วงนี้คุณชอบฟังเพลงของนักร้องPotatoเหรอ?”(ชื่อเพลง กล้าพอไหม)
“หมายความว่าอะไร?”
รเมศตะลึงงันกับคำถามอย่างกะทันหันของนรมน จึงซักถามอย่างไม่เข้าใจ
นรมนยังคงตอบด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ไม่อย่างนั้นใครทำให้คุณกล้าเอ่ยคำเหล่านี้กับฉัน?”
“นรมน!”
รเมศถึงจะตระหนักได้ว่าตนเองถูกล้อเล่น
“คุณไม่อยากช่วยชีวิตบุริศร์หรือไง?”
คำถามนี้ทำให้นรมนสีหน้ามืดมนลงหลายเท่า
“รเมศ คุณมีสิทธิ์อะไรมาข่มขู่ฉัน? คุณคิดว่าสามารถใช้บุญคุณห้าปีก่อนได้ตลอดชีวิตเหรอ?”
นรมนมองรเมศด้วยสายตาเย็นชา แต่ก่อนไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะทำให้คนเหลืออดเช่นนี้ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกขวางหูขวางตาจริงๆ
ไม่ใช่ว่าเธอกับบุริศร์จะไม่จดจำบุญคุณ และจากทุกอย่างที่รเมศทำต่อลูกๆ ของเธอ บุริศร์จะฆ่าเขาก็ไม่มากเกินไป แต่เพราะเห็นแก่ห้าปีที่เขาช่วยชีวิตจากอันตรายจึงไว้ชีวิตเขา แม้การช่วยให้พ้นจากอันตรายจะเป็นการวางแผนและกลอุบาย เธอก็ไม่สนใจ วันนี้คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าออกมาสร้างปัญหา!
“คราวก่อนนภดลหักมือหักขาของคุณ ฉันเห็นว่าตอนนี้คุณดูเหมือนคนปกติ ทำไมเหรอ? ผ่าตัดมาหรือไง? แบบนี้ก็ได้เหรอ ตระกูลวัชโรทัยพ่ายแพ้ คุณยังคงอยู่ในหมู่บ้านนี้วางอำนาจบาตรใหญ่ จนแม้แต่คิดเพ้อเจ้อท้าทายฉันอีก คุณคิดว่าฉันจะยังจดจำบุญคุณห้าปีก่อนแล้วปล่อยคุณไป? หรือตอบตกลงความต้องการของคุณเพื่อช่วยชีวิตบุริศร์? คุณคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่เกินไปหรือเปล่า? หรือคิดว่าฉันอ่อนแอมาก? รู้เอาไว้ซะ ตอนนี้ฉันคือคุณนายบุริศร์!”
เสียงของนรมนยิ่งเย็นชาขึ้น คำที่พูดออกมาไม่ยับยั้งอารมณ์สักนิดเดียว
สีหน้าของรเมศทั้งโกรธและกลัว
“ผมเคยเป็นคนยิ่งใหญ่ ถ้าไม่ใช่เพื่อจะได้คุณมา ผมจะมีจุดจบอย่างวันนี้ไหม? นรมน นี่คือสิ่งที่คุณติดค้างผม! คนเรานะ ต้องมองสถานการณ์ให้ชัดเจน สถานการณ์ตอนนี้คือคุณเป็นฝ่ายขอร้องผม ถ้าคุณไม่อยากให้บุริศร์ตาย ทางที่ดีตอบรับเงื่อนไขของผมซะ ไม่อย่างงั้น…”
“คำพูดไร้สาระของคุณเยอะจริงๆ ดูเหมือนจะมีชีวิตอยู่มานานเกินไป”
นรมนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กริชในปากกระบอกแขนเสื้อบาดลำคอรเมศทันที เลือดอุ่นๆ กระฉูดออกมา
“แก ไม่คิดว่าแกจะกล้า!”
รเมศกุมลำคอตนเอง มองนรมนที่เย็นชาเช่นนี้อย่างเหลือเชื่อ ในตอนนี้เขาถึงจะพบว่านรมนช่างแปลกหน้า แปลกหน้าเสียจนหาร่องรอยใดๆ ตอนอยู่กับเธอเมื่อห้าปีก่อนไม่เจอ
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
นรมนจิตใจงดงาม โอนอ่อนผ่อนตาม ตอนนี้ผู้หญิงที่เหมือนปีศาจคนนี้เป็นใคร?
นรมนเก็บกริชลง กล่าวอย่างเย็นชา “คุณคิดเองเออเองเกินไป การไม่ฆ่าคุณไม่ใช่เพราะจดจำบุญคุณของคุณ แต่เพราะไม่อยากให้มือของตนเองสกปรก เพราะในประเทศการฆ่าคนผิดกฎหมาย แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าคุณจะปะทะอย่างไม่เจียมตัว ยังเอาชีวิตของบุริศร์มาข่มขู่ฉัน คุณรู้ว่าบุริศร์คือขีดจำกัดของฉัน เป็นข้อยกเว้นของฉัน ยิ่งไปกว่านั้นฉันเพิ่งจะดูแผนที่ไป ที่นี่นับเป็นจุดเชื่อมต่อของสามเขตการปกครอง การฆ่าคุณทำได้อย่างราบรื่น ฉันบอกแล้ว ว่าฉันคือคุณนายบุริศร์ คุณคิดว่าอิทธิพลในนามของตระกูลโตเล็กจะหาคนเหล่านั้นที่ถูกคุณกักขังเอาไว้ในหมู่บ้านนี้ไม่เจอเลยหรือไง? และห้าปีก่อนฉันรู้จักนิสัยของคุณ รเมศ คุณไม่ออกมากระโดดโลดเต้น ฉันก็จะลืมไปแล้วจริงๆ ว่าโลกนี้มีคนอย่างคุณ ไม่ใช่ว่าคุณจะใช้ชีวิตวัยเกษียณที่นี่ไม่ได้ แต่คุณไม่ควรเลยจริงๆ ตอนที่ชีวิตสามีของฉันอยู่ในช่วงวิกฤตไม่ควรหยิบเรื่องนี้มาข่มขู่ฉันเลย”
พูดจบนรมนก็ถีบรเมศ เขาล้มไปบนพื้นอย่างไม่ยินยอม เลือดสีแดงสดไหลนองในพริบตา สร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนรอบๆ ทันที
เสียงกรีดร้องดังขึ้นไปทั่ว สายตาของคนมากมายมองนรมนไม่เหมือนเดิม
เธอจะฆ่าพวกเขาหรือเปล่า?
นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนคิดในใจ
หน้าอกของเธอเต็มไปด้วยความดุร้ายและกลิ่นคาวเลือด เธออยากจะฆ่ามากๆ แต่เธอยังมีสติอยู่ รู้ว่าตนเองเป็นแบบนี้ไม่ได้
เธอโบกมือทันที คนของอาณาจักรรัตติกาลสองคนปรากฏตัวด้านหลังเธอ
นรมนเหลือบมองพวกเขา กล่าวเสียงเบา “รีบส่งคนไปตามหาคนที่รเมศกักขังเอาไว้ พยายามรับรองความสำเร็จของการผ่าตัดของมิลิน”
“ครับ”
สองคนนั้นเดินออกไปคนหนึ่ง เหลืออีกคนเอาไว้คุ้มกันนรมน เนื่องจากการกระทำเมื่อสักครู่ของเธอทำให้คนโดยรอบหวาดกลัว หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่เอื้อประโยชน์กับนรมนเพื่อปกป้องตนเอง
นรมนถึงจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดของบาดแผล
“เอาคนไปฝัง ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นคนรู้จักกัน อย่าให้เขาตายโดยไม่ได้ฝัง ฉันรู้ว่าคุณมีวิธี คุณไม่ใช่คนของอาณาจักรรัตติกาล”
นรมนที่เงียบไปมองผู้ชายตรงหน้าและกล่าวอย่างไม่ต้องสงสัย
ฝ่ายชายอึ้งไป แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
“คุณนายบุริศร์แยกออกได้ยังไงว่าผมไม่ใช่คนอาณาจักรรัตติกาล? รู้ว่าคุณนายบุริศร์ไม่ได้มีความประทับใจต่ออาณาจักรรัตติกาลเก่ามากนัก”
“แววตา แววตาที่คนของฉันมองฉันไม่เหมือนกับคุณ อันที่จริงตอนคุณตามมาฉันก็รู้ว่าพวกคุณไม่ใช่คนของฉัน แต่รับรองความปลอดภัยของฉันมาตลอดทางฉันก็รู้ เอาใจใส่แบบนี้ แถมยังให้ความร่วมมือกับฉันช่วยชีวิตบุริศร์ นอกจากคุณชายอรรณพไม่มีคนอื่นแล้ว ฉันเคยได้ยินพฤกษ์บอกว่า คุณชายอรรณพของพวกคุณไม่สะดวกเปิดเผยสถานะ ฉันจะไม่ถามเขามีสถานะอย่างไร ฉันแค่อยากรู้ว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
นรมนฉลาดมาตลอด แค่ตอนอยู่กับบุริศร์เธอจึงขี้เกียจคิดอย่างลึกซึ้ง ส่งทั้งหมดให้บุริศร์ วันนี้บุริศร์ล้มลง เธอต้องเรียนรู้ความเด็ดเดี่ยว เนื่องจากบุริศร์ยังมีเรื่องมากมายที่ยังไม่ได้ทำ
ฝ่ายชายกล่าวเสียงเบา “คุณนายบุริศร์โปรดวางใจ คุณชายอรรณพของพวกเราถอนพ้นเขตอันตรายได้สำเร็จ และคนของพวกเราก็ทำการคุ้มครอง ประเทศ F หาหลักฐานที่คุณชายอรรณพเข้าไปพัวพันด้วยไม่เจอ แต่เพราะปัญหาเรื่องสถานะคุณชายอรรณพจึงไม่สามารถออกหน้าอย่างเป็นทางการ จึงส่งพวกผมมาปกป้องพวกคุณ คุณชายอรรณพบอกว่า ถ้าเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตคุณชายบุริศร์กับคุณนายบุริศร์ พวกผมก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่ ดังนั้นคุณนายบุริศร์โปรดใช้งานพวกผมได้อย่างวางใจ ก่อนถึงเมืองชลธี พวกผมคือทีมของอาณาจักรรัตติกาลเก่า รอถึงเมืองชลธี มั่นใจว่าพวกคุณปลอดภัย พวกผมจะจากไปอย่างเงียบๆ”
“ขอบคุณ”
นรมนรู้ คนที่ช่วยเหลือในยามยากมีน้อย คุณชายอรรณพสามารถทำถึงเช่นนี้ได้ไม่ง่ายเลย
“ให้คนของคุณกวาดล้างอำนาจที่เหลืออยู่ของตระกูลวัชโรทัยให้หมดเกลี้ยง ฉันไม่อยากเห็นปัจจัยใดๆ ก็ตามที่คุกคามบุริศร์ได้ยังคงอยู่”
“ครับ”
ฝ่ายชายออกคำสั่ง กองกำลังเริ่มทำการค้นหาหมู่บ้าน
ในไม่ช้าผู้บริจาคที่ถูกรเมศกักขังเอาไว้ก็ถูกพบเจอ และส่งไปบริจาคเลือดที่โรงพยาบาล
จำนวนคนค่อนข้างเยอะ เกือบจะสิบคน มิลินเห็นแล้วปีติยินดีสุดๆ แต่เพื่อความปลอดภัย ยังต้องให้ทุกคนตรวจเลือด หลังจากแน่ใจถึงจะเริ่มสูบเลือด
เพราะการตายของรเมศ ทั้งหมู่บ้านปกคลุมไปด้วยบรรยากาศกดดัน แต่นรมนก็ไม่คืนคำ จ่ายเงินชดเชยให้คนที่บริจาคเลือด ส่วนภาพลักษณ์ปีศาจสาวในเวลานี้ของตนเองเธอขี้เกียจอธิบาย และไม่มีกำลังวังชา
การผ่าตัดของมิลินดำเนินไปห้าถึงหกชั่วโมง พฤกษ์พาคนกลับมา เลือดที่นำกลับมาก็มีไม่เยอะ เดิมที่ยังกังวลใจ แต่เห็นนรมนหาคนบริจาคได้เยอะเช่นนี้ และบุริศร์เริ่มทำการผ่าตัด จึงอดเหลือบมองเธอไม่ได้ กล่าวเสียงเบา “คุณนาย คุณไปพักก่อนเถอะครับ รอคุณชายบุริศร์ผ่าตัดเสร็จผมจะบอกคุณ”
“ไม่”
นรมนดื้อรั้น ก่อนที่บุริศร์จะพ้นขีดอันตรายเธอหลับไม่ลง เกรงว่าตอนนี้ความสามารถในการแบกรับความกดดันของร่างกายใกล้จะถึงขีดสุดแล้ว
“คนด้านนอกมีส่วนหนึ่งเป็นคนของคุณชายอรรณพ สามารถวางใจใช้งานได้ และก่อนหน้านี้ไม่นานฉันฆ่ารเมศตายไปแล้ว ฆ่าตายบนถนน คุณไปจัดการหน่อย ฉันไม่อยากให้เรื่องนี้สร้างปัญหาให้บุริศร์ต่อจากนี้”
นรมนไม่รู้สึกผิดสักนิดกับการฆ่ารเมศ แต่เมื่อใจเย็นลงเธอถึงจะนึกถึงสถานะของบุริศร์ ตนเองทำแบบนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะบุ่มบ่ามไม่ระมัดระวังอยู่บ้าง ยังดีที่มีพฤกษ์อยู่ เขาน่าจะจัดการได้อยู่แล้ว
“ครับ ผมจะไปจัดการ”
ได้ยินว่านรมนฆ่ารเมศ พฤกษ์แปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็แค่แป๊บเดียว ก็ไปดำเนินการ
คนของคุณชายอรรณพเล่าเรื่องที่นรมนฆ่ารเมศบนถนนและฝีมือที่ว่องไวให้คุณชายอรรณพฟัง
คุณชายอรรณพตกตะลึง เขาเห็นนรมนเป็นคนอ่อนแอ อาศัยการปกป้องของบุริศร์ถึงจะมีทุกวันนี้ จนแม้แต่แอบไม่ยอมรับที่นรมนเป็นพี่สะใภ้รอง ของเขา แต่เพราะบุริศร์รักเขาจึงไม่พูดอะไร แต่การเดินทางมายังประเทศ F ครั้งนี้ทำให้คุณชายอรรณพรู้จักนรมนลึกซึ้งขึ้น
แท้จริงพี่รองมองเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
“ให้คนของพวกเราไปกำจัดร่องรอย ถึงจะมีเบาะแสอะไร พยายามดึงพวกเราเข้าไป ว่าพวกเราเป็นคนฆ่ารเมศ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร”
“ครับ คุณชายอรรณพ”
ดังนั้นเมื่อพฤกษ์ไปจัดการ คนของคุณชายอรรณพก็หาทางออกเรื่องนี้แล้ว
ในที่สุดการผ่าตัดของมิลินก็เสร็จสิ้น
ตอนนี้นรมนแม้แต่จะยืนยันทรมาน แต่ยังพยายามลุกขึ้นมา มองตรงไปที่มิลิน
เธอไม่พูดอะไร มากเสียจนหวาดกลัวที่จะพูดด้วยซ้ำไป หากผลลัพธ์ที่ปรากฏขึ้นหลังจากพูดไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการจะทำอย่างไร?
ไม่มีใครรู้ว่าฝ่ามือของนรมนมีเหงื่อซึมออกมาจนเปียกชุ่ม เพียงแค่ท่าทางภายนอกค่อนข้างสงบเท่านั้นเอง
มิลินเห็นการแสดงออกของนรมนมาตลอดทาง จึงรีบกล่าว “การผ่าตัดประสบความสำเร็จมาก แต่ผู้ใหญ่บ้านเสียเลือดเยอะเกินไป ตำแหน่งที่บาดเจ็บก็ค่อนข้างเยอะ เดาว่าจะต้องนอนพักบนเตียงเดือนหนึ่ง”