ตอนเข้ามาคนส่งดอกไม้ตื่นเต้นมาก ส่วนตอนนี้หวาดกลัวมาก เคยแต่ได้ยินข่าวลือว่าประธานบุริศร์เย็นชาเข้าถึงไม่ได้ง่ายๆ ตอนนี้ดูแล้วน่ากลัวเกินไป
เธอวางดอกไม้ลงรีบวิ่งหนีออกไป
บุริศร์มองดอกกุหลาบสีแดงสดนั้น รู้สึกไม่เข้าตาไปพักหนึ่ง น่าเสียดายที่คนส่งดอกไม้วางเอาไว้ค่อนข้างไกล ตนเองไม่สามารถโยนทิ้งได้ กลับทำให้เขาใจคอเหี่ยวแห้งยิ่งกว่าเดิม
ทำการผ่าตัดใหญ่มา ทำลายพลังชีวิตไปเยอะ บุริศร์พลิกไปพลิกมาไม่นานก็รู้สึกเหนื่อย หลับไปพร้อมกับความห่อเหี่ยวและจนปัญญา
รอห้องนอนหลักเงียบเสียงลง นรมนถึงจะลุกจากเตียง
เปรียบเทียบกันแล้วร่างกายของเธอยังถือว่าโอเค
มิลินได้ยินเสียงข้างห้อง จึงรีบเดินมา
“คุณนาย คุณต้องการทำอะไรคะ? ฉันจะช่วยคุณ”
“ไม่เป็นไร เด็กๆ ไม่รู้เรื่องที่พวกเราบาดเจ็บใช่ไหม?”
นรมนค่อนข้างกังวล
มิลินส่ายหน้า “ไม่รู้ค่ะ คุณชายเจตต์ให้พวกเราเก็บเป็นความลับ”
“ทางฝั่งประเทศ F มีข่าวอะไรส่งมาไหม? หาพี่ชายของฉันเจอหรือยัง?”
“ไม่แน่ใจค่ะ”
คำตอบของมิลินทำให้นรมนกลุ้มใจ
ไม่รู้ไม่แน่ใจไม่ใช่คำตอบที่เธอต้องการ พวกเขาตกอยู่ในที่นั่งลำบากเกินไป จนมีความเป็นไปได้ที่จะพัวพันไปถึงคนที่พวกเขาห่วงใยด้วยซ้ำไป อย่างเช่นจณัตว์ หงส์ ปัญญ์กับมายด์ออกมาทำให้เธอโล่งอกอยู่บ้าง และไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของราเชนเป็นอย่างไรบ้าง
“เตรียมรถ ฉันจะกลับบ้านของฉัน”
คำพูดของนรมนทำให้มิลินลังเล
“คุณนาย ตอนนี้คุณยังบาดเจ็บอยู่ ควรจะพักเยอะๆ”
“ฉันไม่เป็นไร หารถเข็นให้ฉันก็พอ ยิ่งไม่รู้ข่าวของพวกเขา นอนไปก็ไม่ใช่เรื่อง”
นรมนพูดแล้วก็จะลุกขึ้น มิลินรีบประคอง
เธอครุ่นคิดสักพักจึงกล่าวว่า “ถ้าคุณนายอยากทราบข่าวของพวกเขา ทำไมถึงไม่ถามผู้ใหญ่บ้านล่ะคะ? ในเมื่อเขาก็ติดตามทางนั้นอยู่”
นรมนนิ่งไปสักพัก มองมิลินอย่างเงียบๆ
ทุกคนต่างมองออกว่าเธอทำสงครามเย็นกับบุริศร์ เพียงแค่มิลินอยากให้พวกเขาทั้งสองปรับความเข้าใจและคืนดีกัน
สำหรับบุริศร์เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงประเด็นที่ผิด เธอโกรธเพราะบุริศร์ไม่เห็นคุณค่าชีวิตของตนเอง บุริศร์มีความสำคัญต่อเธอมาก หรือในใจของบุริศร์ เธอไม่สำคัญต่อเขาแล้วเหรอ?
พวกเขาเป็นสามีภรรยา ประคับประคองกันและกันก็สามารถเป็นคู่สามีภรรยาที่เดินหน้าและถอยหลังไปด้วยกันได้ อุปสรรคหนักหนามากแค่ไหนผ่านเข้ามา แต่เขายังตัดสินใจจัดการให้เธอไปก่อน ทำให้ตนเองตกอยู่ท่ามกลางอันตรายเช่นนี้ จนเธอไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าถ้าตนเองไปช้า บุริศร์จะกลายเป็นศพไปหรือเปล่า
ถ้าครั้งนี้เธอให้อภัยบุริศร์ง่ายๆ ครั้งต่อไปบุริศร์ก็จะยังคงเป็นแบบนี้
เพียงแค่เรื่องนี้นรมนไม่คิดจะพูดกับคนนอก
“ฉันคิดถึงคุณอาธรรศและอาธรณีของฉัน”
คำพูดเหล่านี้ปิดกั้นมิลินที่จะร้องขอความเมตตาให้บุริศร์ต่อ
เธอจัดแจงรถเข็นและบอดี้การ์ด คุ้มกันนรมนออกไป
นรมนพูดไม่มีผิด อาการบาดเจ็บของเธอน้อยกว่าบุริศร์มาก และเธอคือนายหญิงของบ้านหลังนี้ มิลินต้องเชื่อฟังโดยปริยาย เธอยังมีอาณาจักรรัตติกาล อยากรู้อะไรสามารถรู้ผ่านอาณาจักรรัตติกาลได้ การไปตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ก็แค่อยากออกไปสูดอากาศเท่านั้นเอง
เมื่อรถมาถึงตระกูลทวีทรัพย์ธาดา คุณอาธรรศไม่อยู่ ธรณีได้ยินว่านรมนกลับมา ก็รีบออกมาจากด้านใน เมื่อเขาเห็นนรมนนั่งบนรถเข็น ก็อดแปลกใจไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น? ไหนคุณอาธรรศของเธอบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร?”
ธรณีไม่ได้ร่วมภารกิจครั้งนี้ด้วย แค่ฟังคุณอาธรรศพูดตอนกลับมา บอกเขาว่านรมนกับบุริศร์กลับมาแล้ว ช่วงนี้เขาไม่ต้องไปหา บอกว่าพวกเขามีธุระเล็กน้อย ไม่สะดวกให้คนไปเจอ เขาจึงอดทน
แต่สภาพในตอนนี้ของนรมน ธรณีเข้าใจทันทีว่าธรรศหลอกตนเอง รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย
“ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้?”
เรื่องประเทศ F เป็นความลับทางทหาร ตอนนี้ธรณีปลดเกษียณแล้ว ครั้งนี้จึงไม่ได้เข้าร่วม เธอจึงไม่อยากเล่าให้ธรณีฟังมากเกินไปโดยปริยาย แต่คิดถึงตัวตนของจณัตว์ นรมนค่อนข้างลังเลใจ
“อาธรณี อาอย่าโทษคุณอาธรรศเลย เขาก็ไม่มีทางเลือก”
ประโยคเดียวของนรมนก็เข้าใจอะไรขึ้นมา
“เธอเข้าร่วมภารกิจครั้งนี้ด้วย?”
“อาเองก็รู้สถานะของบุริศร์ และมีบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกเราอย่างซับซ้อน ถึงฉันจะไม่อยากเข้าร่วมก็ทำอะไรไม่ได้”
นรมนรู้สึกจำใจอยู่บ้าง
แต่ไหนแต่ไรปัญหามักจะมาหาเธอ ไม่ใช่เธอเป็นคนสร้างปัญหาเสียเอง
ธรณีถอนหายใจ ไม่ได้ถามรายละเอียดปลีกย่อยมากเกินไป แค่สงสารนรมน
“ไม่กี่วันก่อนนี้จู่ๆ คุณอาธรรศของเธอก็ให้คนตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไปปฏิบัติการที่น่านน้ำสากล เพื่อเธอกับบุริศร์หรอกเหรอ?”
ถึงแม้นรมนจะไม่พูดอะไร แต่วันนี้ธรณีเห็นนรมน นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้อีกครั้ง จึงเดาได้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
นรมนพยักหน้า
“ใช่ บุริศร์บาดเจ็บหนักมาก ข้างหลังพวกเรายังมีกองกำลังของสมชัยไล่ตาม ตอนที่หมดหนทาง ฉันทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากคุณอาธรรศและพี่ชาย”
“ดังนั้นตอนนี้อาธรณีของเธอก็เป็นคนไร้น้ำยา เธอก็คิดดูถูกใช่ไหม?”
ถ้านรมนใช้แค่กำลังของธรรศ ธรณีก็จะไม่โกรธอะไร วันนี้ได้ยินว่ามีเจตต์เข้าร่วมด้วย จึงอดหดหู่ไม่ได้
นรมนรู้ว่าธรณีเข้าใจผิดทันที รีบกล่าว “อาธรณี อย่าพูดแบบนี้สิ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น แค่ตอนนั้นเหตุการณ์คับขัน ฉันกลัวอารู้แล้วจะเป็นห่วงเลยไม่ได้บอกอา อาดูสิฉันเพิ่งจะกลับมา ก็มาหาอาโดยไม่สนร่างกายของตนเอง นี่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าฉันแคร์อาหรือคะ? ฉันยังไม่ได้ไปหาคุณตาเลยด้วยซ้ำ”
นรมนพูดอย่างน่าสงสาร อีกทั้งร่างกายที่บาดเจ็บ ธรณีจึงไม่พูดอะไรอีก
เขาชำเลืองไปด้านหลัง ไม่พบบุริศร์ ก็นึกถึงคำพูดเมื่อสักครู่ของนรมน อดถามไม่ได้ บุริศร์บาดเจ็บหนักมากเลยเหรอ?
“ใช่ ช่วงนี้ลุกขึ้นมาไม่ได้ ไม่งั้นก็คงมาเจอคุณอาแล้ว”
“เล่าให้อาฟังหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? อีกอย่าง คุณอาธรรศของเธอกลับมาแล้วก็รีบร้อนออกไปอีก หน้าตาดูเครียดมาก เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เล่าสิ่งที่พบเล่าได้ให้อาฟังหน่อยสิ”
ธรณีก็รู้เรื่องข้อตกลงการรักษาความลับ จึงไม่ทำให้นรมนลำบากใจ แต่ก็เป็นห่วงความสบายใจของคนในครอบครัวมาก
พูดจบเขาก็ให้พ่อบ้านรินน้ำให้นรมนแก้วหนึ่ง ตอนนี้ร่างกายของนรมนเป็นเช่นนี้ ไม่สามารถดื่มอะไรได้อีก
นรมนจิบน้ำคำหนึ่ง จากนั้นเล่าเรื่องของจณัตว์
เรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็วธรณีต้องรับรู้ และยังมีเรื่องที่ตอนนี้คุณอาบุญทิวาอยู่กับนงลักษณ์ที่เมืองหลวง หลังจากนั้นเล่าไปเล่ามา นรมนจึงเล่าทุกอย่างให้ธรณีฟัง
ธรณีประหลาดใจอย่างยิ่ง
“เธอบอกว่าคุณอารองของเธอยังมีชีวิตอยู่? พวกเธอช่วยเขากลับมา? อยู่ที่เมืองหลวง?”
“ใช่ค่ะ”
“เธอบอกว่าคุณอารองของเธอยังมีลูกชายอีกคนหนึ่ง ตอนนี้ใกล้จะสามสิบแล้ว?”
“อืมค่ะ”
“เธอบอกว่าสัญชาติปัจจุบันของจณัตว์คือประเทศของพวกเรา และยังเป็นพันตรีด้วยซ้ำ?”
“ใช่ค่ะ”
นรมนตอบทุกคำถาม
ธรณีตบที่วางแขนบนรถเข็นทันที กล่าวอย่างโมโห “คุณอาธรรศของเธอปิดบังความจริงเก่งจังเลยนะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่บอกฉันสักคำ เขาคิดจะบอกฉันเมื่อไหร่? รอเรื่องราวสิ้นสุดลงหมดแล้วจู่ๆ ก็มีชายหนุ่มเดินมาบอกฉันว่าเป็นลูกชายของพี่รองหรือไง?”
นรมนเห็นธรณีโมโหเช่นนี้ จึงอดพูดไม่ได้ “นี่ไม่ได้ต้องเก็บเป็นความลับเพราะตัวตนของคุณอาธรรศหรือไง? ถึงอย่างไรฉันก็ไม่ใช่ทหาร แน่นอนว่าเล่าให้อาธรณีฟังแล้ว อาก็อย่าหักหลังฉันนะคะ”
“ไม่คิดว่าเธอจะเข้าร่วมเรื่องอันตรายแบบนี้ นรมน เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ? ไม่คิดว่าบุริศร์จะให้เธอเข้าร่วม”
คำพูดนี้นรมนรู้สึกไม่น่าฟัง
“อาธรณี ฉันจะไม่เข้าร่วมได้ยังไงคะ? ยิ่งไปกว่านั้นมีบางเรื่องที่ฉันอยากเข้าร่วมเหรอ? นั่นเพราะคนอื่นรังควานฉันถึงตอบโต้กลับไม่ใช่หรือไง? ภายใต้สถานการณ์แบบนี้อาคิดว่าถ้าฉันไม่เข้าร่วมจะมีชีวิตรอดกลับมาตอนนี้ไหมคะ?”
คำพูดของนรมนกลับทำให้ธรณีไม่พูดอะไรอีก
“สมชัยไม่มีทางยอมยุติเรื่องราว การที่ตอนนี้ไม่ได้ไล่ตามพวกเธอต่อแน่นอนว่าต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นในประเทศ F เขาจึงไม่สามารถปลีกตัวได้ ช่วงนี้เธออย่าออกไปไหน อยู่ในบ้านดีๆ”
ธรณีสัมผัสถึงอันตรายอย่างว่องไว
นรมนรีบพยักหน้า
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันแค่มาหาอาธรณีที่นี่ และจะถือโอกาสถามอาด้วยว่ามีข่าวจากคุณอาธรรศและพี่ชายบ้างไหม”
“คุณอาธรรศของเธอเพิ่งโทรกลับมาไม่นานนี้ บอกว่าจะกลับมาพรุ่งนี้ น่าจะหาจณัตว์เจอแล้ว ฉันได้ยินน้ำเสียงของเขาดูโล่งใจทีเดียว แถมยังมีความดีใจด้วยซ้ำ”
ธรณีเล่าข่าวใหม่ล่าสุดให้นรมนฟัง
นรมนอดถอนหายใจโล่งอกไม่ได้
“งั้นอาธรณีมีช่องทางรู้ข่าวคนอื่นหรือเปล่าคะ?”
“เรื่องนี้เนื่องจากเป็นภารกิจทางทหาร เธอคิดว่าคนของฉันสามารถแทรกแซงเข้าไปได้ไหม? เธอมาถามอา ไม่สู้ไปถามคุณชายอรรณพดีกว่า”
ถึงแม้จะมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าอรรณพเข้าร่วมด้วย แต่นรมนยังเชื่อใจธรณี เล่าเรื่องที่อรรณพช่วยชีวิตพวกเขาให้ธรณีฟังโดยปริยาย
เมื่อเป็นเช่นนี้นรมนทำได้เพียงพยักหน้า
“เธอบาดเจ็บต้องพักรักษาตัวให้ดี อย่าคิดว่าตัวเองยังสาวแล้วจะไม่เป็นอะไร เธอนี่นะ อาไม่รู้เลยว่าเธอเก่งกล้าแบบนี้? เดี๋ยวอาจะให้พ่อบ้านไปหยิบของบำรุงมาให้ เธอเอากลับไปให้คนใช้ทำให้กินนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ อาธรณี ในบ้านมีของบำรุงแล้ว”
“ของในบ้านเธอก็เป็นของบ้านเธอ เธอกินของที่อาให้ไม่ได้เหรอ?”
เห็นว่าธรณีจะโมโหอีก นรมนรีบกล่าว “ได้ค่ะๆ อาธรณีให้ต้องรับไว้แน่นอน”
“เธอนี่มันแผนการเจ้าเล่ห์เยอะจังเลยนะ อาเตือนเลยนะ ถ้ายังกล้าทำให้ตนเองบาดเจ็บอย่างนี้กลับมาอีก อาจะขังเธอไว้ในบ้านไม่ให้เธอไปไหนเลย”
นรมนกลุ้มใจทันที
“อาธรณี ไม่ต้องถึงขนาดนั้นไหม? ฉันเป็นแม่คนแล้วนะ”
“เธอยังรู้ว่าตัวเองเป็นแม่คนอยู่เหรอ? ถ้าเด็กๆ เห็นสภาพของเธอไม่รู้ว่าจะเป็นห่วงแค่ไหน? จริงด้วย เด็กๆ ล่ะ?”
ธรณีเข้าใจมาตลอดว่าพวกเขาพาเด็กๆ ออกไปเที่ยว ผลปรากฏว่าพวกเขาไปประเทศ F เช่นนั้นเด็กๆ ก็ไม่สามารถอยู่ข้างกายพวกเขาแน่นอน
นรมนรีบอธิบาย “อยู่ที่สหภาพ QT บุริศร์เป็นเฮียของสหภาพ QT”
“เฮ้อ นับวันเขายิ่งเหมือนคนสายบู๊ งั้นก็ถือโอกาสเป็นหัวหน้ามาเฟียไปเลยสิ”
“ก็ได้นะ พี่เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ก็ไม่เลว”
“นรมน!”
ธรณีคำราม นรมนรีบนั่งตัวตรง
“อาธรณี ฉันยังเป็นคนป่วยอยู่นะ อาตวาดฉันแบบนี้ หัวใจของฉันรับไม่ไหว”
“เป็นอะไรไปคะ?”
ในขณะพูด นรมนได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่ง เธอชะงักไปทันที
ในบ้านมีคนอื่นอยู่ด้วย?
และยังเป็นผู้หญิง?