“ทำยังไงให้คนหายไป พวกนายทำบ้าอะไรกันอยู่”
บุริศร์ร้อนใจอยากจะลุกออกไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ แถมซ้ำยังทำให้บาดแผลฉีก เลือดไหลซึมผ้าพันแผล คนที่เห็นต่างตกใจ
มิลินเป็นกังวลพูดขึ้น “ผู้ใหญ่บ้าน อย่าเพิ่งร้อนใจไป แผลคุณ…”
“เมียผมหายไป ยังจะสนเจ็บไม่เจ็บอีกหรือไง”
บุริศร์สองสามวันนี้รู้สึกอึดอัดหดหู่ ตอนนี้ใช้โอกาสนี้ระบายอารมณ์เต็มที่
บอดี้การ์ดแต่ละคนยืนไม่ติด พวกเขานึกไม่ถึงนายหญิงจะจู่ๆ หลบพวกเขาขับรถหายไปคนเดียว และยังทิ้งรถตัวเองอีก
พวกเขาแทบจะพลิกทั้งเมืองชลธีหาแล้ว ก็ไม่มีข่าวคราวของนรมน อย่าว่าแต่บุริศร์ร้อนใจ พวกเขาก็เช่นกัน
“มัวยืนเซ่ออะไรตรงนี้ ออกไปตามหาสิ! วันนี้นรมนเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว ฉันจะซื้อสุสานไว้ฝังพวกแก”
บุริศร์โกรธจนตัวสั่น ไม่สนใจบาดแผลจะเป็นยังไง ลุกขึ้นยืน เจ็บปวดรุนแรงจนทำให้เขาเหงื่อไหล กล้ามเนื้อปูดโปน จนมิลินตกใจเข้าไปห้าม
“ผู้ใหญ่บ้าน คุณอย่าทำอย่างนี้! คุณนายกว่าจะช่วยชีวิตคุณได้ไม่ง่ายเลย ไม่ใช่คุณจะพูดอะไรก็ได้ ลืมแล้วหรือไงคะ ครั้งก่อนคุณไม่สนใจอะไรจนเกือบตาย ตอนนี้คุณนายยังไม่สนใจคุณ คุณคิดจะทำให้คุณนายโกรธต่อไปหรือคะ”
มิลินจำต้องอ้างถึงนรมน
บุริศร์อึ้งไปจริงๆ
เขารู้ดีว่านรมนเป็นห่วงสุขภาพของเขา แต่ตอนนี้เธออยู่ไหนล่ะ
หาไม่เธออยู่ที่ไหน เขานั่งไม่ติดแล้ว
ตอนนี้เอง ในที่สุดก็มีลูกน้องมาส่งข่าวให้บุริศร์
“ประธานบุริศร์ คุณนายกินขนมอยู่ที่ร้านขนมหวานถนนจับไม้ ครับ”
ลูกน้องยังถ่ายรูปนรมนมาให้ดูสองสามภาพ
ในภาพนรมนกินอย่างมีความสุข คิ้วงอนท่าทางน่ารัก
เขาไม่เคยเห็นนรมนมีความสุขอย่างนี้ผ่อนคลายอย่างนี้นานแค่ไหนแล้ว
ใจของบุริศร์ก็อึ้งไป ความทรงจำเมื่อนานมาแล้วแล่นเข้ามาในหัวโดยไม่รู้ตัว
ตอนเรียนมหาวิทยาลัย นรมนชอบไปกินขนมกับเพื่อนๆ ที่ถนนฟูดเซ็นเตอร์ใกล้มหาวิทยาลัย เดิมทีเขาไม่รู้เรื่องนี้ และไม่สนใจไปเดินเล่นถนนฟูดเซ็นเตอร์ ครั้งนั้นถูกคนลากไป นึกไม่ถึงจะเห็นเธอตอนกำลังกินไอศกรีมในร้านไอศกรีม
นรมนตอนนี้ก็เหมือนกับตอนนั้น
ใบหน้ามีความสุข เหมือนกำลังกินอะไรที่อร่อยที่สุดยังไงยังงั้น แค่ดูท่าทางที่เธอกินขนมและท่าทางที่มีความสุขก็ทำให้รู้สึกเบิกบานใจ
ตอนนี้เขาเห็นเธอเป็นแบบนี้อีกครั้ง ริมฝีปากของบุริศร์ก็มีรอยยิ้ม
หลายปีผ่านไป เขาคิดว่าพวกเขาเผชิญกับเรื่องราวมากมาย เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว เติบโตแล้ว แต่นึกไม่ถึงนาทีนี้จะทำให้เขาพบว่า ที่จริงเธอยังคงเป็นหญิงสาวน่ารักคนนั้นในความทรงจำของเขา
“มิลิน ให้ชัยยศเตรียมรถ”
“ผู้ใหญ่บ้าน สุขภาพของคุณต้องพักผ่อนอยู่นิ่งๆ ค่ะ”
มิลินรวบรวมความกล้าพูดขึ้น
บุริศร์ทำเหมือนไม่ได้ยิน พูดอย่างดุดัน “เตรียมรถมารับผมไป หรือไม่ผมจะเรียกรถไป เลือกเอา”
มิลินย่อมไม่กล้าให้บุริศร์เรียกรถไปคนเดียว ถอนหายใจเบาๆ รับคำสั่งไปบอกลูกน้อง
นรมนเพลิดเพลินไม่รู้เรื่องนี้ กินขนมคนเดียวมีความสุข แต่กระเพาะตัวเองเหมือนมีรูรั่ว กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม
เธอลูบท้องตัวเอง ยิ้มอ่อนหวานเหลือเกิน พึมพำกับตัวเอง “เจ้าตัวเล็ก คงจะเป็นผู้หญิงใช่มั้ย ชอบกินขนมหวานขนาดนี้ ผู้หญิงก็ดี เป็นเพื่อนกับกมล ลูกกมลเป็นเด็กดีที่สุด”
เมื่อนึกถึงกมลตอนเด็กๆ รอยยิ้มที่ริมฝีปากของนรมนก็ยิ่งอ่อนโยน
เธอคิดถึงพวกเด็กๆ แล้ว
รับเด็กๆ กลับมา ถึงตอนนั้นแม้ว่าบุริศร์จะรู้เรื่องนี้ แต่ก็คงไม่ต่อว่าเธอต่อหน้าเด็กๆ กระมัง
คิดอย่างนี้แล้ว นรมนรู้สึกว่าตัวเองฉลาดมาก
“คุณคะ ขอโดนัทอีกชิ้นค่ะ”
นรมนรู้สึกมีความสุข และเธอพบว่าหลังกินขนมหวานแล้วอารมณ์ดีขึ้นมาก ความรู้สึกหดหู่กลัดกลุ้มดูเหมือนจะหายไปแล้ว
อาหารช่วยเยียวยาทุกสิ่งได้จริงๆ
เจ้าของร้านยกโดนัทมาให้ และยังเพิ่มไอศกรีมบานานาสปลิตให้ด้วย
นรมนมีความสุขสุดๆ
ตอนที่บุริศร์มาถึง เห็นท่าทางนรมนพึงพอใจกินโดนัทไม่หยุดปาก จากนั้นก็หยิบช้อนเล็กมาตักไอศกรีมบานานาสปลิตมากิน
บางทีอาจระวังสุขภาพตัวเอง ตอนที่เธอกินไอศกรีมคำเล็กมาก กระทั่งทำให้อุ่นในปากแล้วค่อยกลืนลงไป ท่าทางมีความสุขแต่ก็ระมัดระวังน่ารักเหลือเกิน
บุริศร์เข็นรถเข็นเข้าไป
“อร่อยมั้ยครับ”
“อร่อยค่ะ”
นรมนตอบโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะรู้สึกตัว เสียงนี้ทำไมเหมือนบุริศร์จัง
เธอเอียงศีรษะหางตามองเห็นคนหนึ่งเข้ามา ก็เห็นบุริศร์จริงๆ
“กินช้าๆ หน่อย ไม่มีใครแย่งคุณ ดูคุณสิ กินจนเลอะหมดแล้ว”
ท่าทางบุริศร์รักใคร่ กระทั่งยื่นมือมาเช็ดเศษขนมที่มุมปาก ท่าทางรักใคร่อ่อนโยนทันใดนั้นทำให้ใจของนรมนรู้สึกผิด
เธอไม่สนใจแล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงทำสงครามเย็นกับบุริศร์ ตอนนี้ในหัวมีแต่เรื่องที่เธอท้อง จะบอกบุริศร์ดีมั้ย
ถ้าหากเขาไม่ยอมให้เธอเก็บเด็กไว้จะทำอย่างไร
ทำสงครามเย็นต่อไปดีมั้ย
นรมนรู้สึกสับสนจะบ้าตาย
บุริศร์เห็นนรมนท่าทางกินขนมมีความสุขมาก แต่เมื่อเห็นตัวเองก็มีท่าทางสับสนมาก คิ้วงามก็ขมวด อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปแตะหน้าผากเธอเบาๆ พูดอย่างยอมแพ้
“คุณไม่อยากเห็นหน้าผมขนาดนั้นเลยหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ”
นรมนรีบก้มหน้า และฉวยโอกาสหลบมือของบุริศร์
ตอนนี้ผู้ชายคนนี้อ่อนโยนมาก ใครจะรู้เมื่อรู้เรื่องแล้วจะไม่พอใจหรือเปล่า
ถ้าหากให้เขารู้เรื่องแม้ว่าเขาจะผ่าตัดแล้วเธอยังคงท้อง นรมนไม่กล้าคิดเขาจะมีสีหน้าอย่างไรกันแน่ จะตัดสินใจอย่างไรกันแน่
ช่างเถอะ รออีกหน่อยค่อยพูดละกัน
นรมนหลบเหมือนนกกระจอกเทศ
“ฉันกินอิ่มแล้ว
นรมนไม่อยากกินอาหารแล้ว
นัยน์ตาของบุริศร์หม่นหมอง
ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ให้อภัยเขา
ตำหนิเขา
ทำลายอารมณ์อยากกินขนมของเธอโดยไม่มีสาเหตุ
“อยากกินอะไรอีกมั้ย ให้ผมกลับไปก่อน ให้ชัยยศอยู่เป็นเพื่อนดีมั้ย”
ประธานบุริศร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยเฉียบขาด ตอนนี้ท่าทางน้อยใจเหมือนเมียน้อย แต่ก็ยังเต็มใจ
ทันใดนั้นนรมนก็รู้ว่าตัวเองดูเหมือนจะทำเกินไปหน่อย
ที่จริงบุริศร์ไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่มีความคิดผู้ชายเป็นใหญ่มากไปหน่อย แต่ก็ไม่อาจละเลยความจริงที่เขารักเธอด้วยชีวิต
ก่อนหน้านี้ข้ามช่วงเวลาสำคัญไปไม่ได้ หลังจากรู้ว่าตัวเองท้อง นรมนให้อภัยอย่างน่าประหลาด
น่าอัศจรรย์ใช่มั้ย
เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไม
นรมนมองเห็นบุริศร์ทำท่าให้มิลินเข็นตัวเองออกไป เธอรีบยื่นมือไปดึงแขนเสื้อบุริศร์
บุริศร์อึ้งนิดหนึ่ง เงยหน้าขึ้น ก็เห็นนรมนยิ้มให้พูดกับเขา “ฉันกินเยอะไปหน่อย ไปเป็นเพื่อนฉันดูหนังดีมั้ยคะ พวกเราไม่ได้ดูหนังนานแล้ว”
นรมนเป็นฝ่ายชักชวนเช่นนี้ทำให้บุริศร์ตกตะลึง
“คุณอยากดูเรื่องอะไรล่ะ”
“ไม่รู้มีหนังใหม่เรื่องอะไรบ้างนะคะ”
“ผมจะดูในมือถือ”
บุริศร์รีบหยิบมือถือขึ้นมา
หนังช่วงนี้นอกจากเรื่องทหารก็เป็นเรื่องโรแมนติก บุริศร์ไม่รู้นรมนอยากดูอะไร จึงถามขึ้น
“ดูหนังโรแมนติกมั้ยครับ”
นรมนจู่ๆ ก็คิดอย่างนี้ กลับทำให้บุริศร์อึ้ง แต่ขอแค่ภรรยายอมให้อภัยตัวเอง อย่าว่าแต่แอนนิเมชั่น เป็นการ์ตูนสอนตัวหนังสือเขาก็ยินดี
“ได้ ผมจะจองตั๋วนะ”
บุริศร์เดิมทีคิดจะเหมาโรง แต่นรมนบอกว่าอยากใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา เขาจึงซื้อตั๋วแค่สองใบ
มิลินส่ายหัว ตอนนี้อยากจะให้บุริศร์กลับไปพักผ่อนก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ดีที่ไปโรงหนัง ไม่ได้ออกแรงมาก เธอจึงไม่ได้ห้ามปรามอะไร
นรมนกับบุริศร์ไปโรงหนังใกล้ๆ แต่พวกเขาเข้าไปแล้วถึงเห็นว่าทั้งโรงเป็นเด็กหมด มีแค่พวกเขาสองคนที่เป็นผู้ใหญ่ เห็นชัดว่าไม่เข้าพวก
บุริศร์ทำตัวไม่ค่อยถูก
นรมนกลับยิ้มหวาน “เสียใจเปล่าคะ”
“ไม่ครับ ก็แค่เด็กๆ ไม่ใช่หรือ ผมจะถือว่าพวกเขาเป็นหัวผักกาดละกัน”
บุริศร์ลูบหัวนรมน ความรู้สึกที่ได้คุยเล่นกับภรรยา นั่งลงด้วยกันอีกครั้งดีจริงๆ
เขาถือโอกาสจับมือนรมน และกุมมือแน่น
นรมนนั่งข้างเขา มิลินยังใส่ใจซื้อป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มให้ด้วย
หนังฉายแล้ว เด็กๆ ตื่นเต้นกันมาก นรมนก็ดูตามไปด้วย
สายตาบุริศร์หยุดที่ใบหน้าของนรมน จู่ๆ เขาก็พบว่าตอนนี้นรมนอ่อนโยนมาก กระทั่งสายตาแปลกไป ทำให้เธอดูแล้วสงบมาก
ชีวิตเรียบง่ายก็คือภาพตรงหน้านี้เอง
นรมนตั้งอกตั้งใจ ยิ้มอยู่ตลอด เธอไม่ได้เพลิดเพลินและผ่อนคลายขนาดนี้มานานมากขนาดไหนแล้ว
ความกังวลและแรงกดดันที่ประเทศF ราวกับปลดปล่อยออกหมดแล้ว
นรมนไม่รู้ทำไมการเสียสละของบุริศร์ทำให้เธอมีปฏิกิริยามากขนาดนี้ แต่บุริศร์รู้ดี
ในที่สุดแล้วเธอไม่ใช่ทหาร ทนรับความโหดเหี้ยมและการบาดเจ็บที่เกิดจากสงครามไม่ได้
ความกังวลที่ประเทศFทำให้ความกดดันของนรมนอยู่ในสภาพตึงเครียด และเขายังบาดเจ็บหนัก บางทีตอนที่เขาถูกองครักษ์ของสมชัยลากตัวไป นรมนก็เครียดจนขาดผึงแล้ว
ดังนั้นการตอบสนองของเธอหลังจากนั้นเป็นอาการป่วยPTSD เดิมทีเขาคิดว่าพรุ่งนี้จะให้ป้องมาตรวจสภาพจิตใจของนรมน นึกไม่ถึงวันนี้นรมนดูเหมือนจู่ๆ จะจิตใจสงบขึ้นมา อารมณ์ก็มั่นคง
เขาไม่รู้ทำไมนรมนเปลี่ยนไปอย่างนี้ แต่แน่นอน เขาชอบการเปลี่ยนแปลงนี้มาก
นรมนตั้งอกตั้งใจดู แต่ก็รู้สึกถึงสายตาร้อนแรงของบุริศร์ ริมฝีปากของเธอเชิดขึ้นนิดหนึ่ง ดวงตาโตคู่สวยจู่ๆ ก็หรี่ลงนิดๆ จ้องมองดวงตาของบุริศร์
“ฉันสวยมั้ยคะ”
“สวยครับ”
บุริศร์ชมนรมนโดยไม่ลังเล
นรมนพลันยิ้มสดใสเป็นพิเศษ
“งั้นฉันมีลูกสาวให้คุณอีกคนสวยเหมือนฉันดีมั้ยคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ บุริศร์ก็ตะลึงทันที