บุริศร์จะเข้าใจไหม ป้องไม่สนใจแล้ว ในเมื่อตัวเองบอกเป็นนัยแล้ว เขาเข้าใจระดับสติปัญญาของบุริศร์ดี น่าจะ บางที ควรจะ เป็นไปได้ที่เขาจะเข้าใจ
ป้องคิดอย่างนี้ รีบเดินตรงออกไปขึ้นรถขับออกไป
เสียงเครื่องยนต์ทำให้บุริศร์ย่นคิ้วนิดหนึ่ง
หมอนี่ถูกหมากัดหรือไง
เผ่นไปเร็วขนาดนี้
จริงสิ!
เขามาทำอะไรกันแน่
เพื่อมาเล่าเรื่อง ปอกผลไม้งั้นหรือ
บุริศร์ย่นคิ้วนิดๆ กัดแอปเปิลคำหนึ่ง รู้สึกว่าหวานทีเดียว จากนั้นก็หยิบหนังสือพิมพ์ที่อยู่ข้างๆ มาอ่านต่อ
เพียงแต่อ่านไปได้ครู่เดียว จู่ๆ ก็คิดอะไรขึ้นมาได้
ป้องน่าจะไม่ว่างขนาดนั้น ตั้งใจมาเล่าเรื่องให้เขาฟัง และเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
บุริศร์ครุ่นคิด สีหน้าพลันเปลี่ยนไป
ควรจะ เป็นไปได้ น่าจะไม่ใช่อย่างที่เขาคิดกระมัง
บุริศร์ใจเต้นตึ้กตั้ก คิดถึงความผิดปกติของนรมนวันนี้ และยังคิดถึงเรื่องของป้อง เขาอดไม่ได้ที่จะโทรไปหาป้อง
เมื่อเห็นบุริศร์โทรมา ป้องไม่อยากจะรับแทบแย่
เขากำลังขับรถ!
อึม ไม่รับก็ได้!
ป้องปลอบใจตัวเองอย่างนี้
สายของบุริศร์ดังไม่กี่ครั้งก็ตัดไป ป้องเพิ่งจะโล่งใจ ก็มีเสียงข้อความเข้ามา
ป้องมองแวบหนึ่ง
บุริศร์พูด “ถ้านายไม่รับสายละก็ ฉันจะไปรอนายที่บ้าน คิดว่าจะหนีพ้นหรือไง”
มุมปากป้องกระตุก
เหี้ยม!
บุริศร์โหดเหี้ยมเสมอ!
เขาจำใจจอดรถริมทาง แล้วโทรกลับไปหาบุริศร์
“พูดมา เรื่องเป็นไงกันแน่”
เสียงบุริศร์เย็นชา
ป้องรู้สึกว่าตัวเองเหมือนถูกย่างบนเตาระหว่างสองคนนี้ ทำอย่างไรก็ไม่อาจทำให้ฝ่ายไหนพอใจได้ ยากลำบากเหลือเกิน
“พี่รอง นั่นไม่ใช่ความผิดของผมนะ”
“เข้าประเด็นมาเลย”
บุริศร์อดทนรอไม่ไหว น้ำเสียงเย็นชาขึ้น
ป้องรีบพูด “การผ่าตัดที่ผมทำให้พี่มีปัญหานิดหน่อย ชี้แจงก่อนนะ การผ่าตัดของผมไม่มีปัญหา แต่ว่าพี่มี หลอดนำอสุจิสองอัน นี่เป็นเรื่องที่พบได้ยากมาก ตอนนี้ผมนึกไม่ถึง ก็เลย…”
ป้องไม่ต้องพูดต่อบุริศร์ก็เข้าใจแล้ว
“นรมนท้องใช่ไหม”
ตอนที่พูดประโยคนี้ออกไป บุริศร์ก็รู้สึกใจเต้นแรง
ป้องถอนหายใจ “อึม เธอไม่รู้ควรจะพูดกับพี่ยังไงดี กลัวว่าพี่จะไม่ยอมให้เธอเก็บเด็กไว้ ก็เลยให้โพนี่มาข่มขู่ผมให้มาพูดกับพี่ พี่รอง เรื่องของพวกพี่สองคนอย่าทรมานผมได้ไหม ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“ถ้าเมียฉันไม่เป็นไรก็แล้วไป ถ้าเมียฉันเป็นอะไรละก็ ป้อง นายตายแน่”
บุริศร์พูดจบก็วางสาย
ได้ยินเสียงวางสายไปแล้ว ป้องก็กลุ้มใจสุดๆ
นี่มันเรื่องอะไรกันนี่
บุริศร์วางสายแล้วก็สับสน
นรมนท้อง!?
นึกถึงตอนนรมนอยู่ที่ประเทศFร่วมลำบากไปกับเขา นึกถึงตอนสุดท้ายที่ นรมนพาคนของอาณาจักรรัตติกาลไปช่วยเ นึกถึงนรมนบาดเจ็บ เรื่องราวทั้งหมดนี้ เหลือเชื่อเธอท้องแล้ว!
นี่คือเหตุผลที่วันนี้นรมลไปโรงพยาบาลงั้นหรือ
เธอจึงตั้งใจหนีบอดี้การ์ด ไปคนเดียวใช่มั้ย
ทำไมจู่ๆ ถึงคิดว่าตัวเองท้อง
บุริศร์จับระเบียบความคิดเรื่องทั้งหมด สุดท้ายก็พบว่าเป็นไปได้มากที่นรมนเก็บคำพูดไม่ได้ตั้งใจของกานต์ไป คิด แต่นึกไม่ถึงจะพูดถูกเผง
ตื่นเต้นมั้ย
ดีใจมั้ย
แน่นอนว่าบุริศร์ดีใจ
แต่นึกถึงสภาพร่างกายของนรมน เขาก็สับสนเป็นกังวล
บุริศร์นอนต่อไม่ได้แล้ว โทรไปเรียกมิลินให้มาหา ให้เธอช่วยพาเขาลงนั่งรถเข็น จากนั้นก็เข็นไปห้องนอนของนรมน
นรมนหลับสนิท ไม่รู้สึกตัวตอนที่บุริศร์เข้ามา
บุริศร์มองท่าทางนรมนหลับลึก มุมปากของเธอยิ้มนิดๆ สีหน้าอ่อนโยนมาก สองมือที่วางตรงหน้าอกจับกระดาษแผ่นหนึ่ง
เขาดึงออกมาเบาๆ เป็นผลอัลตราซาวด์นั่นเอง
ในกระดาษเขียนชัดเจนนรมนท้องห้าสัปดาห์ จุดดำเล็กๆ นั่นคือเด็กใช่มั้ย
ชีวิตช่างน่าอัศจรรย์ จุดดำเล็กๆ อย่างนี้เหลือเชื่อจะกลายเป็นเด็กน้อยมีเลือดมีชีวิต เรียกเขาแด๊ดดี้ ออดอ้อนในอ้อมกอดของเขา สีหน้าของบุริศร์อ่อนโยนขึ้น มุมปากยิ้มออกมานิดๆ โดยไม่รู้ตัว
เขามองนรมนแวบหนึ่ง รู้ว่านรมนอยากมีลูก คนที่แล้วถูกทำแท้ง นรมนเสียใจเจ็บปวดนานมาก
บุริศร์รู้สึกสับสนในใจ วางผลอัลตราซาวด์กลับไปในอ้อมกอดของนรมน มองท้องของเธอที่ยังแบนราบ ในใจรู้สึกขัดแย้งเหลือเกิน
สุดท้ายบุริศร์ดึงผ้าห่มมาคลุมนรมน ปรับอุณหภูมิในห้อง แล้วเข็นรถเข็นออกมา
“กำชับป้าหวาน ตั้งแต่นี่ให้เริ่มทำอาหารบำรุงเป็นหลัก”
บุริศร์สั่ง มิลินชะงักนิดหนึ่ง จากนั้นก็รีบไปทำตามคำสั่ง
เขาไปห้องหนังสือ โทรไปหาชัยยศ
“ไปตรวจสอบประวัติการรักษาของชลลี่ ผมต้องการรายละเอียดทั้งหมด”
บุริศร์เข้าใจนรมนดี
เธอหนีบอดี้การ์ดไปโรงพยาบาลธรรมดาปิดบังตัวตนตรวจร่างกาย ย่อมไม่มีทางใช้ชื่อจริง และชื่อที่เธอใช้บ่อยๆ ก็คือชลลี่ที่เคยใช้ตอนอยู่ที่เมืองใต้ดิน
ชัยยศรีบไปทำตามคำสั่ง
บุริศร์ไม่สูบบุหรี่นานแล้ว เพื่อสุขภาพของนรมน เขาแทบจะเลิกแล้ว แต่ตอนนี้เขาต้องการบุหรี่สักมวนเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง
เขาจะเป็นแด๊ดดี้อีกครั้งแล้ว
ถ้าหากตั้งใจมีลูกบางทีเขาอาจไม่ดีใจขนาดนี้ แต่นี้ผ่าตัดแล้วยังมีลูกโดยไม่คาดคิด เรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดฝันนี้ทำให้บุริศร์รู้สึกระคนปนเปทั้งดีใจและกังวลใจ
ก่อนที่จะได้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับนรมนมีลูกคนนี้ได้มั้ย เขาไม่แสดงออกและตัดสินใจอะไร
แต่เขาก็รู้ดี เมื่อชีวิตของนรมนเสี่ยงอันตราย แม้ว่าพระเจ้าจะประทานให้ แม้ว่านรมนจะเสียใจ เขาก็ไม่อาจเก็บเด็กคนนี้ไว้ได้
บุริศร์เจ็บปวดมาก
เขาจุดบุหรี่มวนหนึ่ง ควันบุหรี่ลอยจนมองเห็นหน้าเขาไม่ชัด นอกจากแสงริบหรี่ของมวนบุหรี่ เขานั่งนิ่งตรงนั้นเหมือนรูปปั้นไม่ไหวติง
ราวครึ่งชั่วโมงต่อมา ชัยยศก็โทรกลับมา
“ประธานบุริศร์ ได้เรื่องแล้วครับ”
“ส่งข้อมูลให้ผมด้วย แล้วก็เชิญคุณหมอที่ตรวจมาด้วย”
บุริศร์ดับบุหรี่ แล้วเปิดหน้าต่าง
กลิ่นบุหรี่บนตัวมากเกินไปไม่ดี และไม่ดีกับนรมน
บุริศร์อ่านข้อมูลที่ชัยยศส่งมาให้ อ่านแต่ละตัวอักษรอย่างละเอียด
ไม่นานนัก คุณหมอก็ถูกพามาที่ห้องหนังสือของบุริศร์
คุณหมอไม่เคยมาบ้านเก่าตระกูลโตเล็กรู้สึกงุนงง ถึงกับค่อนข้างกลัว
“พาฉันมาที่นี่ทำไมคะ ประธานบุริศร์เรียกฉันมาพบทำไม”
คุณหมอมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมา
บ้านเก่าตระกูลโตเล็กเชียวนะ!
ที่นี่คือบ้านเก่าตระกูลโตเล็กหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองชลธี
เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่และเศรษฐีก็ไม่แน่จะเข้ามาได้ แต่เธอถูกเชิญมาที่นี่ คุณหมอรู้สึกไม่สบายใจ
ชัยยศเพียงแต่พูดเรียบๆ “ประธานบุริศร์มีธุระจะคุยกับคุณ คุณแค่ตอบคำถามก็พอ”
“อ้อ ค่ะ”
คุณหมอเดินเข้าไปในห้องหนังสือตัวสั่น วินาทีที่มองเห็นบุริศร์ ขาแทบจะอ่อนหมดแรง
บุคลิกท่าทางของบุริศร์กดดันจนรู้สึกหายใจไม่ออก
“ประ ประธานบุริศร์”
คุณหมออึกอัก
บุริศร์โยนข้อมูลของชลลี่ให้เธอ ถามเรียบๆ “คนนี้ถ้าหากเก็บลูกไว้จะอันตรายกับตัวแม่มั้ย”
คุณหมอเห็นประวัติการรักษาก็อึ้งนิดหนึ่ง นี่คือข้อมูลของคนไข้ที่มาหาเมื่อช่วงเช้าไม่ใช่หรือ ทำไมมาอยู่ที่บุริศร์
“ประธานบุริศร์ คนนี้คือ…”
“ตอบคำถามด้วย”
สีหน้าบุริศร์เคร่งขรึม จนทำให้คุณหมอตกใจรีบตอบ “คนไข้สุขภาพไม่ดีนัก หลักๆ คือร่างกายอ่อนแอ ช่วงตั้งครรภ์ต้องบำรุงร่างกาย แต่อย่างนี้ก็อาจจะส่งผลสองทาง ก็คือผู้ใหญ่บำรุง เด็กก็บำรุงด้วย ตอนนั้นจะคลอดยาก อาจจะแนะนำให้ผ่าคลอด ดิฉันดูในข้อมูลของเธอแล้ว ครรภ์แรกก็ผ่าคลอด ครรภ์ที่สองผ่าคลอดจะดีที่สุด อย่างนี้ก็จะลดอาการตกเลือดมากตอนคลอดได้ ถ้าหากตัดสินใจผ่าคลอดละก็ อย่างนั้นเด็กตัวใหญ่หรือเปล่าก็ไม่เป็นไร อีกอย่างหนึ่งเธอเคยแท้งลูกมาก่อน ผนังมดลูกบางมาก ท้องนี้เด็กอาจจะหลุดได้ ช่วงสามเดือนแรกนอนพักผ่อนจะดีที่สุด อย่ากระเทือนอารมณ์มาก รักษาจิตใจให้เบิกบาน ไม่อย่างนั้นก็ยากที่จะรักษาเด็กคนนี้ไว้ได้”
คุณหมอตอบคำถามรวดเดียว จากนั้นก็รู้สึกโล่งใจ
บุริศร์ย่นคิ้วนิดหนึ่ง ถามต่อ “ยังมีอันตรายอย่างอื่นมั้ย พื้นฐานร่างกายเธอไม่ดีนัก ตั้งแต่ท้องจนคลอดจะมีผลอะไรกับเธอมั้ย”
“ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนคลอดลูก ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีอันตราย อีกอย่างผู้หญิงคลอดลูกเดิมทีก็คือเสี่ยงกับความตายอยู่แล้ว แต่ตอนนี้วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า ความเสี่ยงนี้จึงลดลงต่ำสุดก็เท่านั้น สภาพร่างกายของเธอไม่ค่อยเหมาะสมก็จริง พูดตามทฤษฎีแล้วสภาพร่างกายของเธอไม่เหมาะตั้งท้อง แต่ท้องแล้วก็คือสวรรค์มอบให้ไม่ใช่หรือ เพียงแค่ช่วงตั้งครรภ์ระมัดระวังอาหารการกิน ช่วงคลอดก็ระวังมากหน่อย น่าจะไม่มีปัญหาค่ะ แต่ไม่มีอะไรยืนยันได้แน่นอน เรื่องนี้ฉันก็ไม่กล้ารับประกันเต็มร้อยจะไม่มีปัญหาอะไร”
คุณหมอไม่รู้ชลลี่เป็นใครกันแน่ แต่ได้รับความสนใจจากบุริศร์ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
เธอถึงกับเสียใจที่ไม่ได้ขอเบอร์ติดต่อเธอไว้ ไม่แน่ตัวเองอาจจะได้รู้จักไฮโซ
บุริศร์ได้ยินเธอพูดจบ ก็ให้ชัยยศมอบสินน้ำใจให้เธอแล้วพาออกไป แต่เขายังไม่ค่อยวางใจ จากนั้นก็ออกจากห้องหนังสือ
มิลินต้มน้ำแกงถือเข้ามาพอดี
“ผู้ใหญ่บ้าน คุณดื่มน้ำแกงหน่อย ฉันใส่ยาจีนลงไป ช่วยบำรุงค่ะ”
“คุณไม่รู้เรื่องที่นรมนท้องหรือ”
คำพูดนี้ของบุริศร์ออกไป มิลินก็ตะลึงงัน
“คุณนายท้อง จะเป็นไปได้ไงคะ”
“สงสัยฉายายมราชของคุณคงจะขโมยมาสินะ”
สีหน้าบุริศร์ไม่สบอารมณ์
มิลินอยู่กับนรมนตลอด กระทั่งตอนที่นรมนบาดเจ็บก็เป็นเธอที่รักษา แต่เธอกลับไม่รู้ว่านรมนท้อง!
เมื่อได้ยินบุริศร์ตำหนิ มิลินก็ไม่มีทางตอบโต้ได้ เธอจำได้ดี บุริศร์ไม่อยากให้นรมนลำบาก เลือกที่จะให้ป้องผ่าตัดให้เขา ดังนั้นเธอไม่คิดในด้านนั้นเลย และยิ่งไม่ใส่ใจปัญหาเรื่องท้องนี้เลย
ตอนนี้เพราะความสะเพร่าของตัวเองทำให้บุริศร์โกรธ มิลินพูดอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษค่ะ ผู้ใหญ่บ้าน ฉันไม่ทันสังเกต”
“นับแต่นี้ไป สุขภาพนรมนก็ให้คุณดูแลละกัน ผมหวังว่าแม่ลูกจะปลอดภัย เข้าใจความหมายของผมมั้ย”
“ค่ะ”