“คือว่า คุณนายคะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ปาณีพูดจบก็จะหนีออกไปเลย แต่กลับโดนนรมนดึงตัวไว้ซะก่อน
“จะหนีทำไม? นภดลไม่ได้กินคนซะหน่อย ไม่ใช่ซิ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าระหว่างพวกเธอสองคนมีเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้อยู่ล่ะ? ตัวอย่างเช่น ซักกางเกงอะไรนะ?”
พอเห็นว่าสีหน้าของปาณีแดงมาก นรมนก็เอ่ยถึงหัวข้อนี้อีกครั้งด้วยจิตใจชั่วร้ายเล็กน้อย
“คุณนาย ทำไมคุณก็……”
ปาณีแทบอยากจะหารูสักแห่งมุดเข้าไปเลย
เรื่องนี้มีแต่ตัวเองกับนภดลที่รู้เรื่องไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้ลอยไปถึงหูบุริศร์กับคุณนายแล้วล่ะ?
และอีกอย่างปกติแล้วบุริศร์ก็ไม่ได้ชอบสอดรู้สอดเห็นอะไรนี่ เธอนึกภาพท่าทางตอนที่บุริศร์ดูภาพกล้องวงจรปิดไม่ออกจริง ๆ
ไม่ใช่ซิ
ตอนที่เธอซักผ้านั้นซักอยู่ในห้องตัวเองนี่?
หรือว่าในห้องตัวเองจะมีกล้องวงปิดเหรอ?
ปาณีตกใจจนหน้าขาวซีดขึ้นมาทันที
พอเห็นปฏิกิริยาของปาณี บุริศร์ก็รู้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วก็ยิ้มอ่อน ๆ และพูดขึ้นว่า “วางใจเถอะ ในห้องของคุณไม่มีกล้องวงจรปิดหรอก ที่ผมเห็นนั้นเป็นภาพกล้องวงจรปิดในห้องซักผ้า เห็นใครบางคนเอาเสื้อผ้ามาให้คุณซักเท่านั้น”
แล้วสีหน้าของปาณีก็แดงขึ้นมาอีกครั้งเลย
นภดลอยู่ที่หน้าประตูแล้วได้ยินอย่างชัดเจนทุกอย่าง จากนั้นก็เคาะประตูแล้วก็พูดขึ้นว่า “ประธานบุริศร์ คุณนาย ผู้รู้สึกว่าห้องซักผ้าไม่จำเป็นต้องติดกล้องวงจรปิดแล้วนะครับ”
ในระหว่างที่พูดเขาก็ยกเท้าก้าวเดินเข้ามาเลย
นรมนเองก็แทบจะกลั้นขำไว้ไม่อยู่แล้ว
“ทำไมล่ะ? ห้องซักผ้าก็อยู่ในขอบเขตสถานที่เฝ้าสังเกตการณ์ ถ้าเกิดมีโจรอะไรแอบลักลอบเข้ามาซ่อนอยู่ในห้องซักผ้าล่ะ?”
นภดลพูดด้วยท่าทีนิ่งเฉยขึ้นว่า “แอบดูความเป็นส่วนตัวของคนอื่น มันไม่ดีนะครับ”
“ไอ้เรื่องความเป็นส่วนตัวนั้น คือจะต้องไม่อยากให้คนอื่นเห็นถึงจะเรียกว่าความเป็นส่วนตัว แต่นายให้ปาณีเขาช่วยซักผ้าให้อย่างเปิดเผยซะขนาดนี้ ไม่ถือว่าเป็นส่วนตัวหรอกมั้ง?”
บุริศร์เม้มปากไว้แล้วจ้องมองดูนภดล เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดีมาก
นภดลจ้องมองบุริศร์ทีหนึ่ง แล้วก็มองนรมนที่มีท่าทางอยากรู้อยากเห็นอยู่เต็มหน้า จากนั้นก็มองเห็นปาณีที่มีท่าทางแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว เขาจึงรีบเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง แล้วก็ดึงตัวปาณีมา จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “พัณณิตามีธุระมาหาคุณ”
“อ่อ ได้ค่ะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
ปาณีจากไปอย่างกับว่าหนี
“จุ ๆ”
นรมนกระดกลิ้นจนเกิดเสียงขึ้นมาสองที และจ้องมองนภดลด้วยแววตาแฝงไว้ด้วยความขบขัน
นภดลพูดอย่างเรียบเฉยขึ้นว่า “ไหนคุณอยากจะเป็นแม่สื่อไม่ใช่เหรอ? ความสัมพันธ์นี้ก็คุณยังเป็นคนดึงมาเชื่อมด้วย เพราะฉะนั้นคุณนายครับ การดูตัวที่ไม่มีประโยชน์นั่นควรหยุดลงได้แล้ว”
นรมนลืมตาโตขึ้นมาทันที
“โธ่เอ๊ย ไหนนายไม่มีความรู้สึกต่อปาณีเขาไม่ใช่เหรอ? แล้วอีกอย่าง ไอ้เรื่องนัดดูตัวนี่ปาณีก็ยินยอมแล้วด้วย ฉันเองก็พูดกับอีกฝ่ายไว้แล้ว จู่ ๆ นายมาพูดว่าไม่ไปก็ไม่ต้องไปแล้วเหรอ?”
นภดลแค่มองนรมนไปทีหนึ่ง แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก แต่นรมนกลับรู้สึกว่าดวงตาของนภดลนี้มันมีความหมายอะไรอยู่หน่อยหนึ่งแล้ว
บุริศร์กระแอมไอขึ้นมาสองทีแล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องปัญหาความรู้สึกของนายจะจัดการยังไงก็ได้ แต่ว่าอย่าให้กระทบกับงานก็พอ”
“ไม่มีทางหรอกครับ”
“พอดีเลยที่นายมา มีเรื่องอะไรอยากจะคุยกับนายหน่อย”
บุริศร์จ้องมองนภดล แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “สภาพร่างกายของนรมนนายก็รู้ดี มาตอนนี้ก็มาตั้งท้องอย่างไม่คาดฝันขึ้นอีก แต่ว่าร่างกายของเธอน่าจะไม่สามารถแบกรับไหว ฉันก็เลยอยากจะถามนายสักหน่อย เลือดของนายมีประโยชน์ต่อลูกในท้องของเธออยู่นิดหน่อย เพราะฉะนั้น……”
“จะเอาเท่าไหร่ครับ?”
นภดลเข้าใจขึ้นมาทันที แล้วก็ไม่รอให้บุริศร์พูดจบก็เปิดปากพูดขึ้นมาทันที
มุมปากของนรมนกระตุกขึ้นมาครู่หนึ่ง
นี่มันคือเลือดที่อยู่ในร่างกายคนเลยนะ แต่เขาเปิดปากพูดมาก็ถามว่าจะเอาเท่าไหร่เลยเหรอ? เจ้าเด็กคนนี้นี่ช่างบ้าคลั่งเกินไปแล้วมั้ง?
“นภดล นายรู้หรือเปล่าว่าเลือดของนายมันพิเศษ?”
นรมนลองเปิดปากพูดขึ้น
“รู้ครับ”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของนภดลก็ขรึมลงมาหลายส่วน
ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะว่าเลือดที่พิเศษนี้ของเขา ตั้งแต่เล็กจนโตตัวเองก็ไม่ต้องมาโดนลักพาตัวและโดนวิจัยอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่เพื่อนรมนแล้ว เขากลับรู้สึกว่าไม่เป็นอะไรเลย
ก็แค่เลือด ดูดออกไปส่วนหนึ่งแล้วก็ยังสามารถผลิตขึ้นมาใหม่ได้
และที่สำคัญนรมนก็มีบุญคุณต่อเขา แค่ด้วยจุดนี้ เขาก็ได้ติดค้างชีวิตหนึ่งกับนรมนแล้ว แค่เลือดจะไปนับประสาอะไรได้ล่ะ?
แววตาของนภดลดูเปิดเผยจริงใจ ในใจของนรมนรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย
บุริศร์กลัวว่านรมนจะใจอ่อนแล้วพูดอะไรออกมา จึงรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่แค่เอาครั้งเดียวจบ แต่ต้องเอา400CCทุกอาทิตย์ นายดูซิว่าจะได้ไหม? สภาพร่างกายของนายจำเป็นจะต้องฝึกฝนให้มากขึ้น ต้องเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น แล้วพวกยาบำรุงเลือดและอาหารที่มีประโยชน์ ฉันจะให้ปาณีเตรียมไว้ให้เรียบร้อย”
“ไม่มีปัญหาครับ”
นภดลนึกถึงเมื่อก่อนตอนที่ดร.ฐานทัตวิจัยองค์ประกอบของเลือดของเขานั้นทุกวันต้องดูดไปเยอะมาก และมีอยู่ครั้งหนึ่งโดนดูดจนเขาเกือบจะเป็นลมไป มาตอนนี้นรมนจะเอาแค่อาทิตย์ละ400CC สำหรับเขาแล้วนี่ก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเอง
“งั้นนายก็ลงไปเตรียมตัวสักหน่อย เดี๋ยววันนี้จะดูดสักหน่อยก่อน”
“ได้ครับ”
นภดลหมุนตัวแล้วก็ออกไป
นรมนจ้องมองแผ่นหลังของเขา แล้วอยู่ ๆ ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
“บุริศร์คะ เขามาห้องฉันทำไมกันคะ?”
“มาหาปาณีไง”
มุมปากของบุริศร์คลี่ออกเล็กน้อย
เจ้านภดลที่ซื่อบื้อนี่ยังรู้จักฉลาดแล้ว ความสุขก็น่าจะอยู่ไม่ไกลแล้วมั้ง? ได้แต่หวังว่าสวรรค์คงจะดีกับคู่รักคู่นี้หน่อย
นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เพิ่งรู้สึกตัวขึ้นมา
“นี่ที่เขาเคาะประตูเข้ามาก็เพื่อมาหาปาณีเหรอคะ? ไม่ได้มารายงานเรื่องงานกับฉันเหรอ?”
“ตอนนี้คุณมีงานอะไรที่จะต้องให้เขามารายงานเหรอ? ระบบรักษาความปลอดภัยของบ้านใหญ่ตระกูลเล็กทั้งหมดได้มอบให้เขาไปคุมแล้ว นี่ถ้าเขาจะมารายงานจริง ๆ ก็คงต้องเกิดเรื่องขึ้นแล้ว”
บุริศร์ยื่นมือไปแตะปลายจมูกของนรมนเล็กน้อย จนทำให้นรมนขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“คนอย่างคุณนี่ยังไงกันคะ? ไม่ดีดหน้าผากฉัน ก็ต้องมาแตะจมูกฉัน คุณอย่ามาคิดว่าฉันตั้งท้องอยู่ก็มารังแกฉันนะ ฉันจะบอกอะไรคุณให้นะ ถ้าคุณยังมารังแกฉันอีก คุณเชื่อหรือเปล่าว่าฉันจะกัดคุณกัดคุณให้เลยนะ?”
“กัดเลย ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนคุณจะไม่เคยกัดสักหน่อย ผมว่าคุณเปลี่ยนไปเกิดปีจอไปเลยดีกว่า”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยทันที
“คุณมานี่เลยนะ”
เธอเอามือเท้าสะเอวไว้ทั้งคู่ แล้วก็ชี้นิ้วสั่งบุริศร์ด้วยใบหน้าที่วางอำนาจ
บุริศร์ยิ้มอ่อน ๆ แล้วก็เข็นรถเข็นไปข้างหน้า นรมนก็กอดคอของเขาไว้ทีหนึ่ง แล้วก็อ้าปากกัดตรงลำคอของเขาไว้ตรง ๆ เลย
ลมหายใจที่อุ่นร้อนบวกกับความเจ็บปวดไว้เสี้ยวหนึ่งกระตุ้นประสาทสัมผัสของบุริศร์ขึ้นมาทันที จู่ ๆ เขาก็จุดไฟขึ้นมากองหนึ่งทันที
“นรมน คุณพอประมาณก็พอแล้วมั้ง”
“ไม่ค่ะ!”
มือทั้งคู่ของนรมนเริ่มซุกซนขึ้นมา แล้วลูบไล้และหยิกไปเรื่อยบนตัวบุริศร์
บุริศร์รู้สึกว่าไฟร้อนแรงนั่นแผ่ขยายไปทั่วร่างกายทันที จนรู้สึกสะกดกลั้นไม่อยู่นิดหน่อยแล้ว
“นรมน หยุดเล่นเถอะ”
“ไม่!”
นรมนกำลังเล่นได้สนุกเต็มที่ โดยไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าดวงตาคู่สวยราวกับหงส์คู่นั้นของบุริศร์ตอนนี้กำลังเกิดอารมณ์เดือดพล่านขึ้นมาแล้ว
บุริศร์คว้ามือของนรมนเอาไว้แล้วดึงเข้ามาในอก จากนั้นที่ริมฝีปากที่อุ่นร้อนนั้นก็โดนอุดกั้นด้วยความอ่อนนุ่มชั้นหนึ่ง
นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็โดนจูบที่ร้อนแรงแย่งชิงลมหายใจไป
อุณหภูมิในห้องเพิ่มสูงขึ้นมาทันที
หลังจากที่ปาณีออกมาจากห้องแล้ว สายลมข้างนอกก็พัดเข้ามากระทบใส่ ถึงทำให้เธอรู้สึกว่าอุณหภูมิบนใบหน้าลดลงมาเล็กน้อย
เธอรู้ว่าเมื่อกี้นภดลตั้งใจที่จะพูดแบบนั้น เพื่อต้องการที่จะช่วยเธอหลุดออกจากความอึดอัด
ในใจก็มีความรู้สึกอบอุ่นอย่างหนึ่งพุ่งขึ้นมา แล้วปาณีก็ลงจากตึกไปด้วยมุมปากที่คลี่ยิ้มขึ้นจาง ๆ ก็เห็นพัณณิตาเดินเข้ามาหาอย่างรีบร้อนเป็นอย่างมาก
“เป็นยังไงบ้าง? คุณนายว่าอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่ได้ว่า เรื่องของวันนี้ห้ามใครพูดออกไปเด็ดขาด และยิ่งห้ามให้นภดลรู้ โดยเฉพาะเธอ พัณณิตา ได้ยินหรือเปล่า?”
อยู่ ๆ ปาณีก็เคร่งขรึมขึ้นมา จนพัณณิตาตกใจสะดุ้งขึ้นทีหนึ่ง
“มีเรื่องอะไรที่ให้ผมรู้ไม่ได้เหรอ?”
จากนั้นนภดลก็เดินลงมา น้ำเสียงที่เด่นชัดนั้นทำให้ปาณีรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
ทำไมเขาถึงได้ลงมาเร็วขนาดนี้นะ?
ดวงตาของพัณณิตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“หัวหน้านภดล”
เธอร้องเรียกขึ้นมาทีหนึ่งด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความเขินอายเสี้ยวหนึ่งแบบเด็กสาว นภดลกลับมาสนใจฟัง อย่างกับมองไม่เห็นคนคนนี้ยังไงอย่างงั้น แล้วก็เดินไปตรงหน้าปาณี แล้วถามขึ้นอีกครั้งว่า “มีเรื่องอะไรที่ให้ผมรู้ไม่ได้เหรอ?”
“เรื่องของผู้หญิง ไม่เกี่ยวกับคุณ”
ตอนนี้ปาณีแม้แต่จะเงยหน้ายังไม่กล้าเงยขึ้นมาเลย
นภดลค่อย ๆ คลี่ริมฝีปากออกเล็กน้อย แล้วอยู่ ๆ ก็ยื่นมือไปตบหลังหัวของปาณีเบา ๆ แล้วพูดเสียงต่ำว่า “คุณนายบอกว่าต่อไปให้คุณมารับผิดชอบอาหารการกินของผม ต้องลำบากด้วยนะ”
“ไม่ ไม่ลำบากหรอกค่ะ”
ปาณีรีบขยับตัวไปข้าง ๆ ทีหนึ่ง
จะพูดก็พูดไปซิ ทำไมต้องแตะเนื้อต้องตัวด้วยนะ?
คนอื่นมาเห็นเข้ายังจะนึกว่าพวกเขาสองคนเป็นอะไรกันซะอีก
และที่สำคัญตอนนี้ก็อยู่ในที่สาธารณะด้วย ปาณียังจำคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดที่บุริศร์พูดถึงก่อนหน้านี้ได้อยู่นะ เธอไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นเรื่องน่าอายแบบนั้นอีกแล้ว
ดวงตาของนภดลเคร่งขรึมลงเล็กน้อยในตอนที่ปาณีขยับตัวออกไป
“อีกเดี๋ยวคุณมีธุระอะไรไหม?”
“มี”
ปาณีรีบพยักหน้า
หัวคิ้วของนภดลขมวดขึ้นมาทีหนึ่ง
“ธุระอะไร?”
ปาณีคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้นภดลกลับมาไล่ถามให้สุดอย่างนี้ เมื่อก่อนพอเธอบอกว่ามีธุระนภดลก็จะจากไปเลย แต่วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นนะ?
พอนึกถึงคำพูดที่คุณนายตระกูลจันทรวงศ์โทรศัพท์มาพูดกับเธอแล้ว แน่นอนว่าปาณีก็ต้องไม่กล้าบอกกับนภดลว่าจะไปพบคุณนายตระกูลจันทรวงศ์อยู่แล้ว แต่ว่าในเมื่อเขามาถามแล้ว จะตอบว่ายังไงดีล่ะ?
สมองของปาณีกระตุกขึ้นทีหนึ่ง แล้วก็พูดออกไปประโยคหนึ่งว่า “ไปนัดดูตัวถือว่าเป็นธุระไหมล่ะ?”
เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอุณหภูมิรอบตัวลดลงไปทันที และใบหน้าที่สวยงามของนภดลนั้นก็มืดครึ้มอย่างกับก้อนเมฆทันที
พอนึกถึงที่นรมนพูดว่าเรื่องดูตัวนี่ปาณียินยอมแล้ว ดวงตาของนภดลก็จ้องเธอเขม็ง แล้วก็พูดขึ้นว่า “คุณนี่มีอารมณ์มาสบายอกสบายใจมากจริง ๆ เลยนะ”
พูดจบนภดลก็ยกเท้าแล้วเดินจากไป ราวกับว่าโกรธแล้วยังไงอย่างงั้น
ปาณีรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจจริง ๆ
นี่เขาโกรธแล้วเหรอ?
โกรธเรื่องอะไรล่ะ?
เพราะเธอบอกว่าจะไปนัดดูตัวเหรอ?
น่าจะไม่ใช่มั้ง นัดดูตัวครั้งที่แล้วเขายังเป็นคนเอารูปถ่ายและสถานที่นัดหมายมาบอกกับเธอด้วยตัวเองเลยไม่ใช่เหรอ?
เพราะฉะนั้นเมื่อกี้เธอยังมีจุดอื่นที่ทำผิดไปอีกเหรอ? หรือพูดอะไรผิดไป?
ปาณีคิดบทสรุปอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง
พอพัณณิตาเห็นว่าปาณีทำให้นภดลโกรธจนจากไป แล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “หัวหน้าปาณี คุณไม่ชอบหัวหน้านภดลแล้วเหรอ?”
“หมายความว่าไง?”
ปาณีรู้สึกอารมณ์ไม่ดี แล้วตอนนี้พัณณิตาก็มาถามแบบนี้อีก จึงอดไม่ได้ที่จะถามกลับไปประโยคหนึ่ง
พัณณิตาพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณชอบหัวหน้านภดลแล้วทำไมถึงยังจะไปดูตัวอีก? ผู้ชายที่หล่อเหลาอย่างหัวหน้านภดลนี้ดีกว่าพวกผู้ชายข้างนอกที่ต้องพึ่งการดูตัวถึงจะหาแฟนได้เป็นร้อยเท่าเลยนะ”
ปาณีนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มขมขื่นขึ้นเล็กน้อย
ทำไมเธอถึงจะไม่รู้ว่านภดลนั้นหน้าตาดีมากล่ะ? แต่ว่าคนเขาไม่ชอบตัวเองนี่จะทำยังไงได้ล่ะ?
ว่ากันว่าผู้หญิงจีบผู้ชายนั้นง่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่เธอจีบมานานขนาดนี้แล้ว และรู้สึกว่าถึงจะกั้นไว้ด้วยภูเขาลูกหนึ่งก็น่าจะทลายลงมาได้แล้ว แต่นภดลกลับยังคงไม่มีการแสดงออกและการตอบสนองอะไร แล้วเธอจะทำยังไงได้อีก?
ถ้ายังยืนหยัดต่อไปก็จะกลายเป็นตื้อไม่ยอมเลิก และสิ่งที่เธอเกลียดที่สุดก็คือการตื้อไม่ยอมเลิกนี่แหละ
เฮ้อ!
ปาณีถอนหายใจอยู่ในใจทีหนึ่ง จากนั้นก็เก็บอารมณ์กลับเข้าที่ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เรื่องปัญหาความรู้สึกของนภดลนั้นฉันไม่สะดวกที่จะพูดอะไรมาก แต่ว่าตอนนี้มีภารกิจมาแล้ว ช่วยรวบรวมสติทั้งหมดมาไว้ให้ฉันดี ๆ ได้ยินหรือเปล่า?”
ตอนแรกพัณณิตานึกว่าปาณีจะปฏิเสธออกมา แต่ปรากฏว่าจู่ ๆ ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป จึงทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบใจมากนัก แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ จึงทำได้แต่พยักหน้า แล้วก็ในตอนนี้เอง อยู่ ๆ นภดลก็เดินย้อนกลับมาอีก