“ฉันไม่อยากกลับบ้าน! ฉันยังช็อปปิ้งไม่เสร็จ อีกอย่าง คุณไปเถอะ นรมนคงจะร้อนใจมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรหาคุณ ฉันไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีมือมีเท้า ไปช็อปปิ้งเองได้ คุณปล่อยฉันสิ”
ขวัญตาพยายามทำให้ตัวเองเหมือนเมื่อก่อน แต่สีหน้าของเจตต์เคร่งเครียด
“ขวัญตา ถ้าคุณอยากให้ผมจูบคุณตรงนี้ ผมจะทำทันที”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ขวัญตาปิดปากตัวเองทันที จากนั้นก็ซุกหน้าในอ้อมอกของเจตต์
ในหูได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นโครมคราม ไม่รู้ว่าเขาโกรธเธอหรือเปล่า
บางทีคงจะเสียใจกระมัง
โฉมหน้าของตัวเองที่จริงที่สุดถูกเขาพบแล้ว สุดท้ายแล้วเธอก็แค่ผู้หญิงขี้อิจฉาเท่านั้น
เธออิจฉานรมน แต่ไม่กล้าพูดออกมา
เธอเป็นอย่างนี้จะต้องทำให้เจตต์ผิดหวังใช่มั้ย
ในเมื่อนรมนคือรักที่ไม่มีวันลืมเลือนของเจตต์ไม่ใช่หรือ
พูดไปแล้ว เธอเพ้อฝันไป รู้ทั้งรู้ตัวเองไม่อาจเทียบกับนรมนได้ และเตรียมใจไว้แล้วเมื่อขัดแย้งกับนรมนจะถอยออกมา แต่ทำไมถึงได้ทุกข์ใจอย่างนี้ ทำไมถึงยังอยากได้มากกว่านี้ล่ะ
ขวัญตารู้ว่านรมนกับบุริศร์ดีกับเธอและเจตต์มากแค่ไหน เธอจึงไม่อาจแยกแยะดีเลวได้
ยิ่งคิดอย่างนี้ ขวัญตายิ่งเจ็บปวด เธอกัดริมฝีปากแน่น สีหน้าซีดเซียวจนน่ากลัว ตัวสั่นเทา
เห็นเธอผิดปกติเจตต์ก็ไม่พูดอะไร อุ้มเธอไปที่โรงพยาบาลของป้อง
“ช่วยตรวจให้หน่อยเธอเป็นอะไรกันแน่”
ขวัญตานึกไม่ถึงเจตต์จะพาตัวเองมาโรงพยาบาล ไม่ใช่บอกว่ากลับบ้านหรือ
เธอรีบลงจากเก้าอี้ พูดขึ้น “ฉันไม่เป็นไร ปกติดีค่ะ”
พูดจบก็จะออกไป แต่ถูกเจตต์ปิดประตูห้อง และยังล็อกด้วย
“ขวัญตา หนีไม่ใช่การแก้ปัญหา พวกเราเป็นสามีภรรยากัน! ผมเจตต์ไม่เคยเชื่อฟังอะไร และยิ่งไม่ใช่แม่ศรีเรือน คุณเข้าใจมั้ย
เป็นไปได้ที่เจตต์เข้าใจสาเหตุที่ขวัญตาผิดปกติ แต่เขารู้สึกว่าเรื่องระหว่างสามีภรรยาต้องแก้ไข การหนีหน้าไม่ใช่วิธีการ
ขวัญตาได้ยินเขาพูดอย่างนั้นสีหน้ายิ่งซีดเผือด ตัวสั่นเทารุนแรง
เขาเกลียดตัวเองหรือเปล่า
ตั้งแต่แรกเธอจีบเจตต์คอยตามเขาแจ ร้องไห้กระจองอแงจะแต่งงานกับเขา ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เบื่อแล้วหรือ
ความคิดอย่างนี้เหมือนฟางทับขวัญตา เธอกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ รู้สึกเย็นไปทั้งตัว
ป้องเห็นพวกเขาสองคนเป็นอย่างนี้ ก็อดตะลึงไม่ได้ จากนั้นก็พูดกับเจตต์ใบหน้าเย็นชา “นายออกไปก่อนละกัน”
“เธอเป็นภรรยาของฉัน”
“รู้ว่าเธอเป็นภรรยาของนายละก็งั้นก็ออกไป!”
สีหน้าของป้องเคร่งเครียด นี่ทำให้ใจของเจตต์เต้นรัว
หรือว่าขวัญตาสุขภาพมีปัญหาจริงๆ
เจตต์จู่ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
“เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“ถ้าขืนนายไม่ออกไปอีกเธอก็จะเป็นแน่”
คำพูดของป้องทำให้เจตต์รีบเปิดประตูออกไปโดยไม่ชักช้า
ในห้องเหลือแต่ขวัญตากับป้อง ในที่สุดขวัญตาก็ทนไม่ไหวพิงที่โต๊ะทำงาน ฝืนยิ้ม “คุณหมอป้อง ต้องรบกวนคุณอีกแล้ว”
“ท่าทางคุณอย่างนี้น่าจะทำให้เขารู้แล้ว”
ดวงตาของป้องซับซ้อนมาก เขายืนขึ้น ประคองขวัญตาไปนอนที่เตียงข้างๆ และหยิบเครื่องมือมาเริ่มตรวจเธอ
ทั้งหมดนี้ ขวัญตาไม่ต่อต้านเลย และคุ้นเคยทุกขั้นตอนมาก
เธอหลับตาลงเบาๆ พูดเสียงแผ่วเบา “คุณหมอป้อง ขอร้องคุณให้ยานอนหลับฉันอีกได้มั้ยคะ”
“อาศัยยานอนหลับไม่ใช่การรักษาระยะยาว อีกทั้งร่างกายของคุณก็ทนรับไม่ไหวด้วย ขวัญตา คุณเป็นโรคซึมเศร้าแล้วคุณรู้ตัวมั้ย”
คำพูดของป้องทำให้ขวัญตาลืมตาทันที
“เป็นไปไม่ได้! ฉันเป็นคนสดใสร่าเริง ปรับตัวเองได้ดีมาก คุณดูสิสภาพจิตใจฉันก็ดีมาก อย่างนั้นคุณหมอป้อง คุณกำลังขู่ฉันใช่มั้ย”
ป้องมองขวัญตาที่อยู่ตรงหน้า พูดอย่างเสียใจ “ไม่ได้มีใครกำหนดว่าคนเป็นโรคซึมเศร้าจะต้องถอนหายใจทั้งวัน จะต้องอยากฆ่าตัวตายตลอด ตั้งแต่คุณสูญเสียลูก สภาพจิตใจก็ไม่ดี นอนไม่หลับทุกคืน ต่อให้หลับก็สะดุ้งตื่นเร็ว กลัวการอยู่คนเดียว ไม่ชอบความอ้างว้าง แต่บางครั้งก็ขังตัวเองอยู่คนเดียวตลอดช่วงเช้า คุณคิดว่าตัวเองกำลังปรับอารมณ์ แต่ที่จริงคุณป่วยแล้ว ขวัญตา คุณควรจะบอกให้เจตต์รู้เรื่องทั้งหมดนี้นะครับ”
“ไม่! ให้เขารู้ไม่ได้! เขามีธุระเยอะแยะ เขา…”
“เขามีธุระอะไร ขอร้องล่ะคุณอย่าเอาแต่ยืนในมุมตัวเองตัดสินใจให้เขาได้มั้ย เขาเป็นสามีของคุณ ไม่ใช่เจ้าชีวิต คุณไม่ต้องคิดแทนเขาทุกอย่าง คุณเสียลูกไปแล้ว เดิมทีช่วงแท้งก็ซึมเศร้าอยู่แล้ว ต้องการเขาอยู่เป็นเพื่อน คุณต้องการให้เขากำจัดพิษ ส่วนตัวเองทนความเจ็บปวดจากการแท้งคนเดียว ทนความทุกข์เพราะคิดถึงลูก ทำไมคุณไม่ให้เขารู้คุณรอคอยเด็กคนนี้มากแค่ไหน ทำไมไม่ให้เขารู้คุณเสียใจแค่ไหน คุณอยากให้เขาอยู่เคียงข้างมั้ย”
“ฉันไม่อยาก!”
ขวัญตาเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ได้อีกครั้ง
“ฉันไม่อยากให้เขาอยู่ข้างฉันเพราะสงสารฉัน และยิ่งไม่อยากให้เขาเลิกกำจัดพิษในตัวเพราะฉัน เด็กไม่อยู่แล้ว ฉันกับเขายังมีหนทางยาวไกลให้เดิน ฉันไม่อยากให้เขาเกลียดฉันเพราะคิดถึงลูก เพราะนอนไม่หลับ”
“ไม่มีใครเกลียดคุณ ขวัญตา คุณมองตัวเองต่ำเกินไป ในโลกของความรักไม่ใช่คุณแบบนี้ คุณเป็นแบบนี้เจตต์ไม่มีทางรักคุณ กระทั่งเกลียดด้วยซ้ำ คุณพรากสิทธิ์การเป็นสามีไปจากเขา คุณไม่รู้สึกว่าทั้งหมดที่คิดว่าดีนั้นสำหรับเขาแล้วคือความทรมานบ้างหรือ คุณเขารู้สึกว่าตัวเองใส่ใจและอ่อนโยน รู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องห่วง แต่ขวัญตา ตัวคุณเองล่ะ ในการแต่งงานครั้งนี้ ในความรักครั้งนี้ คุณเอาตัวเองไปวางตรงไหน เดิมทีคุณอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ตอนที่เจตต์ไปเมืองห่างไกลเพราะบุริศร์มีอันตราย คุณควรจะบอกเขาตอนนั้นคุณตกเลือดกะทันหัน เกือบตาย! ออกหนังสือแจ้งอาการวิกฤติสามครั้งแล้ว คุณยังเซ็นเอง คุณเป็นผู้หญิงมีสามี ไม่ใช่ตัวคนเดียว! ผมคิดว่าจนตอนนี้เจตต์ก็ยังไม่รู้ หลังจากแท้งแล้วยังมีน้ำคาวปลาตลอดใช่มั้ย”
คำพูดของป้องทำให้ขวัญตาน้ำตาไหลพราก
เธอเงียบขรึม และเป็นการให้คำตอบป้องที่ดีที่สุด
ป้องจู่ๆ ก็ปล่อยขวัญตาไว้แล้วเดินออกไปข้างนอก ตอนที่เห็นเจตต์ ก็ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อลากเขาเข้าไปอีกห้องที่ไม่มีใคร
“นายทำบ้าอะไร”
เจตต์ถูกเขาลากมาก็โมโห สลัดตัวออกมาอย่างไม่พอใจ หน้าตาบ่งบอกว่าโกรธ
ป้องโยนข้อมูลการรักษาปึกหนึ่งไปตรงหน้าเจตต์
“นี่มันอะไร”
เจตต์แปลกใจ แต่ก็ยังหยิบขึ้นมาดู แต่สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ
นี่คือประวัติการรักษาของขวัญตา และยังมีหนังสือแจ้งอาการวิกฤติ คนที่เซ็นชื่อคือตัวเธอเอง
เจตต์ดูวันที่ ก็ตกตะลึง
ตอนที่เขาไปเมืองห่างไกลเพื่อนรมนและบุริศร์ เขาไม่รู้เลยว่าเธอกำลังยื้อตัวเองกับความตาย
ทำไมล่ะ
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมเธอไม่บอกกับเขาสักคำ
ในใจของเขา ตัวเขาเจตต์เป็นอะไรกันแน่
“ฉันจะไปหาเธอ!”
“นายห้ามไปไหนทั้งนั้น”
ป้องดึงข้อศอกเจตต์ พูดเสียงเบา “สถานการณ์ของเธอไม่ค่อยดีมาเรื่อยๆ แต่ปิดบังนายมาตลอด ตอนแรกเธอไปรักษากับหมอคนอื่น ฉันบังเอิญเห็นเข้าเธอก็เลยขอให้ฉันช่วยปิดนาย เธอบอกว่านรมนกับบุริศร์มีเรื่องหลายอย่าง นายเป็นพี่ชาย ช่วยได้ก็ต้องช่วย เธอไม่เป็นไร นายรู้มั้ย ตั้งแต่แท้งมาเธอยังมีน้ำคาวปลา นี่ผิดปกติ ผู้หญิงทั่วไปอาทิตย์เดียวก็หายแล้ว แต่นี่ตั้งสองสามเดือนแล้ว เจตต์ นายไม่สังเกตเลยหรือ”
“เธอบอกว่าไม่สบาย ทุกครั้งที่เราจะทำอะไรกันเธอก็บอกว่าไม่มีอารมณ์ ฉันนึกว่าเธอไม่มีความสุขเพราะเสียลูก ก็เลยไม่ได้บังคับเธอ”
เจตต์เสียใจแทบขาดใจ
“งั้นในห้องน้ำนายไม่เห็นผ้าอนามัยหรือไง”
“ทุกวันตอนเช้าฉันตื่นมา ขวัญตาก็ตื่นแล้ว ทำอาหารเช้าเรียบร้อย ตอนเข้าห้องน้ำ ในนั้นก็สะอาดสะอ้าน ปกติฉันไปบริษัท จะไปรู้เรื่องนี้ได้ไง”
ตอนนี้คิดแล้ว เจตต์ถึงพบว่าตัวเองมีความสุขกับสิ่งที่ภรรยาทำให้ แต่ตัวเองกลับไม่เคยใส่ใจภรรยาอย่างแท้จริง
เขาเห็นขวัญตาวันๆ มีความสุข สดใสมาก จะไปคิดได้ยังไงว่าเธอจะเป็นอย่างนี้
ป้องรู้สึกว่าตัวเองพูดเรื่องระหว่างสามีภรรยามากพอแล้ว ได้แต่ถอนหายใจ “เธอนอนไม่หลับ กลางคืนนอนไม่ได้ จิตใจไม่มั่นคง รู้สึกตลอดว่ามีเสียงเด็กร้องไห้ข้างหู เพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของนาย เธอขอยานอนหลับกับฉัน แต่ก็ไม่ได้ผลอะไร ตอนนี้เธอเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว เจตต์ ผู้หญิงท้องและแท้งเดิมทีก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวดอยู่แล้ว ตอนนี้ต้องการคนในครอบครัวเคียงข้าง ถ้าหากเรื่องนี้ดันทุรังต่อไปก็จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดทางจิตใจได้ ไม่ใช่คนที่ร่าเริงสดใสจะไม่มีทางเป็นโรคซึมเศร้า อีกอย่างร่างกายเธอก็ย่ำแย่ เลือดลมขาดอย่างหนัก และยังมีน้ำคาวปลา ฉันแนะนำให้นายวางงานทุกอย่างในมือ เป็นเพื่อนเธอรักษาทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นพวกนายสองคนคงไม่มีอนาคตแล้ว”
ป้องพูดจบก็เดินออกไป
เจตต์ตะลึงงัน
โรคซึมเศร้าหรือ
เป็นไปได้ยังไง
เขายังจำได้ขวัญตาเป็นคนร่าเริงสดใสแค่ไหน ทำไมเพิ่งแต่งงานกับเขาไม่นานก็กลายเป็นอย่างนี้
เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองดีกับขวัญตามากพอ แต่ตอนนี้เขาถึงพบว่าตัวเองมันสารเลว
ภรรยาของเขาป่วยขนาดนี้เขายังไม่รู้อะไรเลย และยังรู้สึกว่าตัวเองดีกับเธอ เขาเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน
เจตต์อยากทำร้ายตัวเองให้ตาย
เขาคิดไม่ออกเลยขวัญตานอนอยู่คนเดียวบนเตียงผ่าตัดรอคอยญาติมาเซ็นชื่อจะรู้สึกอย่างไร
แต่ตอนนั้นเขาอยู่ที่ไหน
ตอนนั้นเขาอยู่กับนรมน!
เจตต์ทรุดนั่งก้นกระแทกเก้าอี้ น้ำตาไหลจากหางตา ใจเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน
ผู้หญิงที่เขาสาบานว่าจะทะนุถนอมกลับกลายเป็นอย่างตอนนี้ แม้แต่ภรรยาตัวเองยังดูแลได้ไม่ดี ยังจะมีความสามารถไปดูแลคนอื่นได้อย่างไรกัน