ระหว่างที่ป้องเดินกลับไปห้องทำงาน ในหัวก็ครุ่นคิด จะบอกเรื่องนี้กับบุริศร์ดีมั้ย
เมื่อบุริศร์รู้เรื่องทั้งหมด ก็เงียบขรึมลง
เขานึกไม่ถึงอาการป่วยของขวัญตาจะร้ายแรงขนาดนี้
บางทีเขาอาจจะรู้ว่าขวัญตาเก็บทุกอย่างไว้ในใจ แต่คิดไม่ถึงการสูญเสียลูกคนหนึ่งจะกระทบกระเทือนอารมณ์ของเธอขนาดนี้
เพราะความรักลึกซึ้ง จึงยึดติดกับลูกมาก น่าเสียดายที่สวรรค์ไม่อวยพร เด็กคนนี้ตายก่อนคลอดอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในใจขวัญตาที่จริงแล้วทุกข์มาก
เธอกับเจตต์ คนหนึ่งอดทนอดกลั้น อีกคนทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่อาจบอกได้ใครถูกใครผิด เพียงแต่แต่งงานครั้งแรก มีความรักครั้งแรก ไม่มีใครเคยมีประสบการณ์ ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะต้องทนความยากลำบากเพื่อที่จะเติบโตขึ้น
บุริศร์ถอนหายใจ เดินมาที่ห้องนรมน
เขารู้ดีหากบอกเรื่องนี้กับนรมน นรมนอาจจะโทษตัวเอง แต่หากไม่บอกก็ยิ่งเป็นการไม่เคารพนรมน
นรมนเห็นบุริศร์เดินเข้ามาก็สังเกตเห็นสีหน้าเขาไม่ค่อยดี
“เป็นอะไรไปคะ นภดลมีข่าวแล้วหรือคะ”
“ยังครับ”
บุริศร์นั่งลงข้างนรมน โอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“คะ”
นรมนเอียงหน้า มองบุริศร์ท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็เงียบไป ก็อดสงสัยไม่ได้
“เรื่องอะไรคะ เห็นคุณพูดไม่ออกอย่างนี้ คงไม่ใช่จะไปรับเมียน้อยที่ไหนนะ”
“อย่าเพิ่งพูดเล่น ผมจริงจัง เรื่องนี้เกี่ยวกับเจตต์”
เมื่อได้ยินบุริศร์พูดอย่างนั้นนรมนก็อึ้งไป
“ฉันเพิ่งคุยกับเขา เป็นอะไรไปคะ”
เธอมองบุริศร์ ในใจครุ่นคิด
บุริศร์เล่าเรื่องอาการป่วยของขวัญตาให้นรมนฟัง
นรมนตกตะลึง
“ทำไมเป็นอย่างนี้คะ”
“ป้องเป็นคนบอกผมเอง น่าจะไม่ผิด อีกอย่างเจตต์ก็เพิ่งรู้เรื่องนี้”
ได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้ นรมนก็ตำหนิตัวเองทันที
“เป็นความผิดของฉันเอง หลังจากพวกเขาแต่งงาน ฉันไม่ควรขอความช่วยเหลือจากเจตต์ อีกอย่างใช่ว่าขวัญตาจะไม่รู้ความสัมพันธ์ของฉันกับเขา ผู้หญิงที่ไหนจะไม่ถือสา เพราะเธอรักมากเกินไปถึงได้ยอมเท่านั้น บางทีหลังจากพวกเขาแต่งงานกันแล้วเราไม่เข้าไปรบกวนถึงจะดีที่สุด
นรมนไม่คาดคิดเรื่องจะกลายเป็นอย่างนี้
ตอนที่ขวัญตาแท้งเธอกับบุริศร์อยู่ข้างนอกเกิดเรื่องติดพันมากมาย ร่างกายของเจตต์ต้องล้างพิษ ตอนที่เธอต้องการใครสักคน แต่กลับไม่มีใครเลย
ตอนที่เธอตกเลือดต้องการสามีอยู่เคียงข้าง เธอกลับโทรเรียกเจตต์ไปต่างประเทศ
แม้จะบอกว่าเธอไม่รู้เรื่องทั้งหมด แต่นรมนเข้าใจผู้หญิงตัวคนเดียวหมดหวังและไม่รู้จะทำอย่างไร
รักแล้ว หวังว่าตัวเองจะเป็นดวงใจของอีกฝ่าย หวังว่าตอนที่ตัวเองต้องการเขาที่สุดเขาจะอยู่เคียงข้างตัวเอง
แต่ทุกครั้งขวัญตาจำต้องเผชิญกับมันคนเดียว
เป็นพี่สะใภ้ เธออิจฉาไม่ได้ เธอต้องเข้มแข็ง เธอทำได้ดีมาก ดีมากๆ
แต่เป็นผู้หญิง เธอจะน้อยใจมากขนาดไหน
นรมนรู้สึกอยากจะร้องไห้
“เป็นความผิดฉันเองค่ะ”
นรมนเสียใจมาก
บุริศร์โอบกอดเธอ พูดเสียงแผ่วเบา “เรื่องนี้ยากจะพูดว่าใครผิดใครถูก ที่สำคัญคือเจตต์ไม่จัดการความสัมพันธ์ครอบครัวให้ดี เขาช่วยพวกเราโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเสมอ แต่งงานแล้วก็ยังเหมือนเดิม อีกอย่างขวัญตาก็อดทนกับพวกเรามาก ทำให้เขาเข้าใจผิด รู้ว่าทุกอย่างยังเหมือนเมื่อก่อน เพราะมีภรรยาใส่ใจ เรื่องครั้งนี้คงจะทำให้เขาโตขึ้นมาก”
“การเติบโตอย่างนี้ทำให้เจ็บปวดเหลือเกิน ต่อไปไม่ว่าเรื่องอะไรอย่าไปรบกวนพวกเขาจะดีกว่า”
ตอนที่นรมนพูดเช่นนี้รู้สึกเศร้าใจไม่น้อย
เธอกับเจตต์ตลอดมานี้ แม้ว่าจะไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบคู่รัก แต่ก็ผ่านเรื่องต่างๆ มาด้วยกันมากมาย และตอนนี้ยังเป็นญาติกันอีก เมื่อเธอมีเรื่องอะไรก็จะขอให้เขาช่วย แต่นึกไม่ถึงการกระทำของตัวเองจะสร้างแรงกดดันมากให้คนที่อยู่รอบข้าง
บางทีคนที่ต้องโตขึ้นไม่ใช่แค่เจตต์ แต่ยังมีเธอด้วย
คนที่จะทุ่มเทช่วยเธอได้เต็มที่มีแต่คนรักเท่านั้นแล้ว
นรมนลูบอกของบุริศร์ กระซิบ “ที่รักคะ ต่อไปคุณต้องพยายามให้หนักขึ้นแล้ว พวกเราผู้หญิงต้องฝากความหวังที่คุณแล้ว”
“ครับ สามีจะทำเต็มที่”
บุริศร์ยิ้มบาง
ตอนนี้เอง เจตต์ก็ส่งข้อความเข้ามา นรมนชะงักนิดหนึ่ง
“ฉันส่งเบอร์สายข้างในมาให้ อาจจะช่วยไม่ได้แล้ว ขวัญตาสุขภาพมีปัญหา ฉันคิดว่าจะพาเธอไปรักษาตัวที่เมืองนอก อวยพรให้เธอกับบุริศร์ปลอดภัย”
เจตต์ส่งข้อความแล้ว นัยน์ตามีแววเด็ดเดี่ยว
ตอนนี้เขามีคนสำคัญกว่าที่ต้องปกป้อง นรมนมีคนรอบตัวมากมาย มีคุณอา มีคุณตา มีสามีและลูก แต่ขวัญตามีเขาคนเดียว
นับแต่นาทีที่เขาแต่งงานกับขวัญตา เจตต์ก็ตัดสินใจแล้วจะใช้ชีวิตกับเธออย่างมีความสุข เขารักผู้หญิงคนนี้ แม้ว่าจะพูดไม่ได้ว่าเหมือนตอนที่ชอบนรมนที่เป็นเหมือนรักแรกพบ แต่เหมือนน้ำไหลในลำธารที่ไหลมาบรรจบกันในก้นบึ้งหัวใจเหมือนมหาสมุทร
ถ้าหากเมืองชลธีทำให้ขวัญตารู้สึกอึดอัด ถ้าหากการใกล้ชิดนรมน เป็นห่วงนรมนและช่วยเหลือนรมนทำให้เธอจิตใจตึงเครียด อย่างนั้นเขายอมทิ้งทุกอย่าง ไปกับเธอสุดหล้าฟ้าเขียวก็ไม่เป็นไร
ชีวิตที่เหลือจากนี้เขาจะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเธอ
เจตต์ระงับอารมณ์ ไปหาขวัญตา
ขวัญตาแทบจะไม่กล้ามองหน้าเจตต์ เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองกลายเป็นอย่างนี้ เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แต่ตอนนี้พูดอะไรไปก็ดูเหมือนไม่ค่อยดี
เจตต์มาหาขวัญตาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง สายตาอ่อนโยน
“เมื่อกี้ผมดูแล้ว ตอนนี้กรีซก็ไม่เลว ผมจำได้คุณเคยพูดกับผม ชอบเทพนิยายกรีก เป็นไง อยากไปเที่ยวกรีซมั้ยครับ”
เขาจำได้ตอนนั้นที่ช่วยชีวิตขวัญตา ในมือเธอคือหนังสือเทพนิยายกรีก
ขวัญตาถามไม่แน่ใจ “งั้นนรมนทางนั้น…”
“เธอไม่ใช่ความรับผิดชอบของผม และไม่จำเป็นต้องมีผมก็ได้ วันนี้เธอโทรมาหา เพราะต้องการเบอร์โทรศัพท์เท่านั้น อีกอย่างสามีเธอคือบุริศร์ เป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งเมืองชลธี และยังมีคุณอาตระกูลทวีทรัพย์ธาดา คุณตา พี่ชายอย่างจณัตว์ปกป้อง ไม่ต้องให้ผมบุกตะลุยเพื่อเธอ ขวัญตา คุณคิดมากไปแล้ว”
เจตต์ทัดผมของขวัญตาที่หู พูดเสียงอ่อนโยน “คุณสิคือคนที่ผมอยากจะใช้เวลาทะนุถนอมและอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต ดังนั้นอย่าทิ้งผมไว้นอกหัวใจคุณ หวังว่าตอนที่คุณต้องการผม ผมจะอยู่เคียงข้าง ถ้าหากตอนนั้นนรมนโทรมาให้ผมบินไปต่างประเทศ คุณโทรบอกผมสักคำคุณอยู่ในห้องผ่าตัด ผมไม่มีทางไปแน่ๆ”
ขวัญตาตกตะลึง
เขาพูดอะไรนะ
ไม่มีทางไปงั้นหรือ
จะเป็นไปได้ยังไง
คนนั้นคือนรมน!
คนที่เจตต์เห็นว่าสำคัญกว่าชีวิตของเธอ
“คุณไม่ต้องปลอบฉันหรอกค่ะ”
“ผมไม่ได้ปลอบใจคุณ ขวัญตา ผมเข้าใจมาตลอดว่าคุณเข้าใจความคิดของผมต่อนรมน ดูท่าผมจะประเมินสูงไปแล้ว”
เจตต์ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด พูดเสียงแผ่วเบา “ผมเคยตัดเธอไม่ขาดก็จริง ตอนที่รู้ว่าเธอเป็นน้องสาวผมจำใจวางความรู้สึกกับเธอลง บังคับตัวเองให้สวมบทบาทพี่ชายที่เป็นห่วงเป็นใยเธอ เพราะตัดใจได้แล้ว ถึงได้ยอมรับคุณ ผมเจตต์ไม่ใช่คนดี ไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับคุณเพราะเห็นใจหรือสงสาร ถ้าผมไม่เต็มใจ ต่อให้คุณเอาปืนบังคับ ผมก็ไม่มีทางยอมแต่งงาน
การแต่งงานหมายความว่าผมรักคุณ ไม่เหมือนความรักกับนรมน กับคุณคือความรักชายหญิง อยากเดินไปกับคุณจนแก่เฒ่า ผมยอมรับผมยังเคยชินกับนรมนเหมือนเมื่อก่อน ขอแค่เธอมีอันตราย หรือต้องการความช่วยเหลือ ผมก็จะเข้าไปโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น ปกป้องเธอโดยไม่สนจะต้องแลกกับอะไร แต่นั่นไม่ใช่ความรักชายหญิงเข้าใจมั้ยครับ บางทีเป็นเพราะผมไม่ได้จัดการความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวและพี่น้องให้ดี ทำให้คุณคิดมาก และเข้าใจผิดมากมาย ทำให้คุณเป็นกังวล แต่จากวันนี้ทั้งหมดเป็นของคุณ เป็นของคุณคนเดียวขวัญตา”
ขวัญตาท่าทางไม่ค่อยเชื่อสนิทใจ
“ถ้าหากนรมนต้องการความช่วยเหลือ…”
“ผมบอกแล้วไง เธอมีสามี มีครอบครัว นอกจากเรื่องที่จำเป็นต้องให้ผมลงมือถึงจะแก้ปัญหาได้ผมถึงจะไป ต่อไปไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ให้บุริศร์เป็นห่วงเถอะ ในเมื่อเธอเป็นลูกสาวที่แต่งงานไปแล้ว แต่คุณเป็นผู้หญิงที่จะอยู่กับผมทั้งชีวิต รับปากผมนะครับ จะดูแลตัวเองดีๆ รักษาร่างกาย พวกเราต่อไปยังต้องมีลูกน่ารักๆ สองคนนะ”
เจตต์ลูบจมูกขวัญตารักใคร่
ขวัญตาพลันร้องไห้โฮ
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่เคยคิดอย่างนี้ ฉัน…”
“ผมเข้าใจ ผมเข้าใจมาตลอด”
เจตต์จูบขวัญตาเบาๆ
พอนรมนได้เบอร์โทรของสายที่อยู่ข้างในบุริศร์ก็ไปจัดการต่อ ขณะเดียวกันเจตต์ก็จัดการเรื่องพาขวัญตาไปพักผ่อนรักษาตัวที่ต่างประเทศ ดูท่าสองปีนี้คงจะไม่กลับมา
เมื่อดูจากความสัมพันธ์ระหว่างนรมนกับขวัญตา ที่จริงเธอควรจะโทรไปอวยพรส่งเธอ แต่เธอกลัวว่าจะไปกระเทือนอารมณ์ขวัญตา จึงถือมือถือนานสองนานแต่ก็ไม่ได้พิมพ์อะไรสักคำ
บางทีอย่างนี้คงจะดีที่สุด
ห่างกัน ให้เจตต์กับขวัญตาได้ใช้ชีวิตของพวกเขาเอง นี่ถึงจะเป็นคำอวยพรที่จริงใจที่สุดให้กับพี่ชายและพี่สะใภ้
นรมนยิ้มที่มุมปาก สุดท้ายก็วางมือถือลง
เธอต้องยอมรับความจริงที่พี่น้องของตัวเองแต่งงานแล้วก็มีครอบครัวใหม่ ศูนย์กลางความสนใจจะเปลี่ยนไป นี่คือการเติบโต
นึกถึงหงส์กับจณัตว์ก็แต่งงานแล้ว บางทีจากนี้ไปอาจเหมือนเจตต์ที่เลือกครอบครัวของตัวเอง เช่นนั้นคนที่จะอยู่ข้างตัวเองในท้ายที่สุดก็คงจะเป็นคนที่ร่วมเรียงเคียงหมอนเท่านั้น
นรมนลากมือเปิดหน้าจอเบาๆ ส่งข้อความไปหาบุริศร์
“ที่รักคะ ชีวิตที่เหลือมีคุณ พอแล้ว”
บุริศร์ยิ้มนิดหนึ่ง ความอบอุ่นและความรักที่ปิดไม่มิดกระแทกกานต์จนนั่งแทบไม่ติดแล้ว
โลกนี้ยังไงกันแน่
มีแต่คนโชว์สวีทไปทั่ว มีใครสนใจเขากันบ้าง
ไม่ให้เด็กอย่างเขาเติบโตอย่างมีความสุขแข็งแรงหรือไง
กานต์ปิดประตูห้องหนังสือดังปัง เดินตรงกลับไปห้องนอน หยิบมือถือออกมา พบว่ามีคนชวนเขาเล่นเกมเศรษฐี เขาขมวดคิ้วปฏิเสธทันที แต่ก็ถูกอีกฝ่ายชวนอีกครั้ง และยังพูดอย่างวางอำนาจ “ถ้านายไม่รับ เชื่อมั้ยฉันจะไปถลกกางเกงนาย”