แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1549 ช่างไร้ยางอายจริง ๆ เลย

บทที่ 1549 ช่างไร้ยางอายจริง ๆ เลย

ชมพูเป็นกังวลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เป็นห่วงว่าตอนที่ตัวเองไม่อยู่ ธเนศพลจะทำอะไรหม่ามี้เหมือนอย่างที่เบิร์ดทำหรือเปล่า เพราะฉะนั้นรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเข้ามาจะต้องรบกวนทั้งสองคนแน่ แต่เธอก็ยังเข้าแล้วมาอยู่ดี

เมื่อกี้ตอนที่คุณอาวิสุทธิ์คนนั้นขวางเธอไว้ เธอก็ยังเกิดความกลัวขึ้นมาบ้าง แต่โชคยังดีที่มีกานต์อยู่ด้วย

ชมพูรู้สึกว่ากานต์ดูมีพลังในตัวเป็นอย่างมาก ทำให้คนรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่าขอแค่มีเขาอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ไม่ต้องกลัวแล้ว เขาจะสามารถช่วยจัดการให้ได้หมดทุกอย่าง

ความรู้สึกแบบนี้เพิ่งมีครั้งแรกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ชมพูรู้ว่าตลอดว่าพึ่งคนอื่นไม่สู้พึ่งตัวเอง เพราะฉะนั้นตั้งแต่เด็ก ๆ ก็ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองแล้ว แต่ว่าพอมาเจอกานต์ เธอรู้สึกอ ยากจะพึ่งพิงเป็นอย่างมาก และอยากจะผ่อนคลายความรู้สึกลงสักหน่อย

พอธเนศพลได้ยินเสียง แล้วเห็นมือของลูกสาวถือพุทราเชื่อมเอาไว้ จึงอดไม่ได้ที่จะมีรอยยิ้มโผล่ออกมา ความรู้สึกแบบนี้มันเป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปคำนึงถึงว่าจะต้องใช้ท่าทีแบบไหนมาเผชิญหน้ากับคนแบบไหน และก็ไม่ต้องคำนึงด้วยว่าคนที่เผชิญหน้าด้วยจะต้องหวังอะไรจากตัวเองหรือเปล่า นี่คือความอ่อนโยนที่เริ่มมาจากก้นบึ้งหัวใจอย่างไม่มีอะไร เป็นความมุ่งมาดปรารถนาที่อยากจะเอาสิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมดในโลกมองให้แก่เธอ

ที่แท้นี่ก็คือความผูกพันทางสายเลือด

“ชมพู มีอะไรเหรอ?”

ธเนศพลยิ้มทีหนึ่งก็ทำให้ทุกอย่างสดใส ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นทำให้ชมพูรู้สึกชอบมากขึ้นมาทันที

“พี่กานต์ซื้อพุทราเชื่อมให้หนูค่ะ หนูอยากจะเอามาให้หม่ามี้กินสักหน่อย”

ชมพูมีความกล้าขึ้นมาเล็กน้อย

ธเนศพลมองกานต์ทีหนึ่ง แล้วก็เห็นว่าในมือของเขาก็มีอยู่ไม้หนึ่ง กลับรู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย

ในภาพความทรงจำของธเนศพลนั้น กานต์ไม่ได้ชอบกินของหวานอย่างนี้นี่ แต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่ เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

ในใจของน้ำรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แล้วก็กวักมือให้ชมพูเล็กน้อย

“หม่ามี้ รีบกินดูเร็ว หวานมากเลยนะคะ”

แววตาที่คาดหวังของลูกสาวทำให้จมูกของน้ำรู้สึกจี๊ด ๆ ขึ้นมาเล็กน้อย

เธอพยักหน้าให้เล็กน้อย แล้วกัดคำหนึ่ง “ขอบใจจ้ะลูกรัก”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

ชมพูหมุนตัวไปยื่นให้กับธเนศพล “แด๊ดดี้ จะกินสักอันไหมคะ?”

“ได้”

สีหน้าของน้ำเปลี่ยนไปทันทีเลย

ของที่ตัวเองเคยกินแล้วให้ลูกสาวไปก็ไม่เป็นไร แต่ว่าให้ธเนศพลกินนั้นมันจะดูสนิทสนมเกินไปหน่อยไหม

“คือว่า……”

น้ำยังไม่ทันได้ห้ามปราม ธเนศพลก็กัดไปแล้วอันหนึ่ง จากนั้นก็ลูบหัวของชมพูเล็กน้อยแล้วก็พูดขึ้นว่า “แด๊ดดี้มีเรื่องจะคุยกับหม่ามี้นิดหน่อย หนูไปเล่นกับพี่ชายที่ข้างนอกก่อนดีไหม?”

“ได้ค่ะ”

ตอนแรกชมพูรู้สึกเป็นห่วงหม่ามี้เล็กน้อย แต่ตอนนี้ว่าหม่ามี้ไม่เป็นอะไร แล้วธเนศพลก็อ่อนโยนขนาดนี้ ก็เลยวางใจขึ้นมาทันที และที่สำคัญตอนนี้เธออยากจะกินพุทราเชื่อมมากจริง ๆ

กานต์เองก็ไม่พูดอะไร แล้วก็พอชมพูออกมาเลย

ธเนศพลรู้สึกว่าพุทราเชื่อมที่อยู่ในปากนั้นหวานมาก หวานจนหัวใจของเขาพองโตขึ้นมาเลย

แววตาที่เขามองน้ำเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ผมแค่กินพุทราเชื่อมอันเดียวเท่านั้น คุณจะห้ามทำไม?”

มุมปากของธเนศพลคลี่ยิ้มออกเล็กน้อย

น้ำหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็รีบก้มหน้าลงไป

“ชมพูดูชอบคุณมากเลยนะคะ”

“ลูกสาวของผมไม่ให้ชอบผมจะให้ไปชอบใครล่ะ?”

ธเนศพลพูดถึงเรื่องที่ชมพูเป็นลูกสาวของตัวเองนั้นยิ่งอยู่ก็ยิ่งคล่องปากแล้ว

“เมื่อแปดปีก่อนคุณไม่เคยคิดเลยเหรอว่าแกอาจจะเป็นลูกสาวของผม?”

ธเนศพลแค่นึกถึงว่าลูกสาวของตัวเองต้องมาโดนเจ้าชั่วเบิร์ดนั่นรังแกมานานหลายปีขนาดนี้ เขาก็แทบจะอยากจะสับมันให้เป็นหมื่น ๆ ชิ้นเลย

น้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง บนใบหน้านิ่งค้างไปเล็กน้อย

ว่าแล้ว ยังไงก็ต้องพูดถึงหัวข้อนี้

“ฉันไม่เคยคิดมาก่อน”

จ้องมองหัวของน้ำยิ่งก้มก็ยิ่งต่ำ คำพูดทั้งหมดของธเนศพลก็ติดอยู่ที่ลำคอเลย

เมื่อก่อนน้ำไม่ได้เป็นแบบนี้ เธอมีความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก และสดใสร่างเริง ขอแค่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนก็จะกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งหมดเลย แต่ว่าน้ำคนปัจจุบันนี้เป็นคนน้อยเนื้อต่ำใจ และยังพยายามลดความมีตัวตนอยู่ของตัวเองลงด้วย

ใจของธเนศพลนั้นเจ็บจี๊ด ๆ ขึ้นมา เขาพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “หลายปีมานี้ผมพยายามทำให้ตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้นมา ผมใช้เรื่องราวมากมายมาทำให้ตัวเองยุ่งวุ่นวาย เพราะกลัวว่าตัวเองว่างแล้วก็จะคิดถึงคุณ แต่ว่าพอถึงกลางคืนที่ไร้ผู้คนนั้น คุณก็มักจะวิ่งเข้ามาในหัวสมองผมเสมอ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเตียงใหญ่เกินไปแล้วจะทำให้คนรู้สึกเหงาได้ น้ำ ผมไม่เคยลืมคุณเลย หลายปีมานี้ที่ไม่ได้ตามหาคุณนั้น เป็นเพราะว่าผมกลัวจะควบคุมความคิดถึงของตัวเองไว้ไม่อยู่แล้วไปแย่งคุณกลับคืนมา กว่าคุณจะมีความสุขแบบคนทั่วไปได้ ถ้าหากผมทำแบบนั้นคงจะทำให้คุณเกลียดผมไปตลอดชีวิตเลยละมั้ง แต่ว่าผมไม่รู้ว่าความสุขที่ผมคิดไว้นั้นจะเป็นแบบสภาพอย่างตอนนี้ของคุณ หนำซ้ำผมยังรู้สึกเสียใจแล้วที่หลายปีมานี้ไม่ได้ไปสืบหาข่าวคราวของคุณ”

“อย่าพูดอีกเลยค่ะ”

หัวใจของน้ำเองก็เจ็บปวดขึ้นมาแล้ว

เรื่องระหว่างพวกเขาถือว่าเป็นเรื่องอะไร?

แคล้วคลาดกันตลอด มีบุญแต่ไร้วาสนา แต่กลับมีชมพูที่เป็นตัวเชื่อมโยงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน

น้ำจิตใจว้าวุ่น มือทั้งคู่บิดขอบชายเสื้อไว้ จนรู้สึกว่าเสื้อนั้นแทบจะกลายเป็นผ้าขี้ริ้วไปแล้ว

ธเนศพลมองเห็นเธอแค่ตื่นเต้นขึ้นมาก็จะมีการกระทำเล็ก ๆ แบบนี้มา ถึงจะเป็นหาความรู้สึกคุ้นเคยได้ขึ้นมาหน่อย

อยู่ ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมา

“ได้ ไม่พูดแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปคุณเอาเรื่องทั้งหมดมามอบให้เป็นหน้าที่ผม ผมจะมาจัดการเอง คุณแค่อยู่เป็นเพื่อนชมพูไปดี ๆ ก็พอแล้ว”

“คุณจะไปแล้วเหรอคะ?”

น้ำรู้ว่าธเนศพลยุ่งมาก ตอนนี้ธเนศพลจะต้องยุ่งมาแน่ ๆ แต่ว่าจู่ ๆ เธอกลับรู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย

พอรู้สึกถึงความรู้สึกของตัวเอง น้ำก็รีบก่นด่าตัวเองขึ้นมาว่าไม่เอาไหน

ตอนนี้เธอมีสถานะอะไรอยู่?

เป็นผู้หญิงที่มีสามีคนหนึ่ง ถึงจะไม่มีความรัก แต่ว่าในทางกฎหมายนั้นก็ยังยอมรับกันอยู่ แต่เธอกำลังทำอะไรอยู่?

เธอกำลังเสียดายแฟนเก่าของตัวเองอยู่!

ช่างไร้ยางอายมากจริง ๆ

สีหน้าของน้ำขาวซีดขึ้นมาหลายส่วน

“งั้นระหว่างทางคุณระวังตัวด้วยนะคะ”

ตอนแรกธเนศพลนึกว่าน้ำจะรั้งตัวเองไว้ แต่ก็ไม่มี แต่เธอกลับบอกว่าระหว่างทางให้ระมัดระวังตัว

เปลี่ยนไปมากจริง ๆ

ธเนศพลไม่ใช่วัยรุ่นหัวร้อนอีกแล้ว แน่นอนว่าต้องรู้อยู่แล้วว่าปัญหามันติดอยู่ที่ตรงไหน และที่สำคัญเขาก็ยุ่งมากจริง ๆ ยุ่งจนแยกร่างไม่ได้เลย แต่ว่าตอนนี้เขากลับไม่อยากจะจากไปแล้ว

“ผมจะอยู่ต่ออีกสองสามวัน อยู่เป็นเพื่อนคุณกับลูกสักหน่อย”

“ห๋า?”

น้ำรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ธเนศพลจ้องมองแววตาที่มึนงงของเธอ แล้วก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณนี่มันปฏิกิริยาอะไรกัน? น้ำ เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปคุณจะต้องคุ้นชินกับการมีตัวอยู่ของผม เพราว่าตั้งแต่วินาทีที่ผมรู้เรื่องของคุณกับชมพูเป็นต้นมา ผมก็ไม่คิดว่าจะให้พวกคุณถอยออกไปจากชีวิตของผมอีกแล้ว ผมรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังกังวลอะไรอยู่ คุณเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้วใช่ไหม? แต่ว่าแล้วยังไง? คนที่ผมธเนศพลอยากจะได้ ใครจะกล้าพูดอะไร?”

คำพูดนี้จะให้วางอำนาจแค่ไหนก็ดูวางอำนาจเท่านั้น แต่ว่าน้ำก็ไม่ใช่น้ำในอดีตอีกต่อไปแล้ว เธอผ่านเรื่องราวมามากขนาดนี้ มีเรื่องมากมายล้วนไม่มีความกล้าเหมือนอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว

เธอจ้องมองธเนศพล แล้วพูดอย่างจริงจังขึ้นว่า “ธเนศพล ตอนนี้คุณเป็นองค์รัชทายาท สถานะของคุณกับของฉันมันไม่เหมาะสมกัน ที่สำคัญยังมีคนแอบจ้องคุณอยู่มากมายขนาดนั้น ถ้าเกิดคุณแตะต้องเบิร์ดขึ้นมา ไม่ต้องให้คนอื่นว่าอะไร แต่ความพยายามในหลายปีมานี้ของคุณก็อาจจะสูญเปล่าไปเลยนะ”

“แบบนั้นแล้วจะยังไง? ผู้หญิงของผมโดนมันรังแกขนานนี้ ลูกสาวของผมโดนมันเอาไปขาย ถ้าเกิดผมไม่ทำอะไรสักหน่อย ผมยังจะเป็นผู้ชายอยู่อีกเหรอ?”

ดวงตาของธเนศพลเย็นชาลงเล็กน้อย

“เอาล่ะ เรื่องนี้ผมมาจัดการเอง คุณเพิ่งกลับมา พักผ่อนให้ดี ๆ เถอะ”

ธเนศพลพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างนอกเลย

ในวินาทีนี้น้ำถึงเพิ่งจะรู้สึกได้อย่างแท้จริงว่า ธเนศพลนั้นไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วจริง ๆ เขาในตอนนี้แฝงไว้ด้วยพลังอำนาจของผู้ขึ้นครองตำแหน่ง ไม่มีทางอนุญาตให้คนอื่นมาต่อต้าน ความวางอำนาจมีมากกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก ส่วนเธอก็ไม่มีความกล้าที่จะมาขัดขืนกับเขาอีกแล้ว

ที่ข้างนอกกานต์เห็นชมพูกินอย่างมีความสุข มุมปากก็คลี่ขึ้นมาหลายส่วนเลย และเขาก็รู้สึกคิดถึงหม่ามี้ขึ้นมานิดหน่อยแล้ว

ในตอนที่ชมพูเอาพุทราเชื่อมให้หม่ามี้กินนั้น ที่จริงกานต์รู้สึกผิดนิดหน่อยนะ เหมือนกับว่าเขาจะไม่เคยคิดซื้อของกินให้หม่ามี้มาก่อนเลย เพราะมักจะรู้สึกว่ามีคุณบุริศร์อยู่ หม่ามี้จึงไม่ขาดอะไรทั้งนั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้เขามาซื้อด้วยซ้ำ แต่ว่าเมื่อกี้นี้เองที่เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่า คุณบุริศร์ซื้อก็เป็นของคุณบุริศร์นี่ ส่วนเขาที่เป็นลูกชายคนนี้ไม่ควรที่จะรู้สึกว่าทุกอย่างมันไม่มีความจำเป็นเลย

พอคิดมาถึงตรงนี้ กานต์ก็เอาโทรศัพท์ออกมา แล้วก็ส่งคำเชิญโทรวิดีโอคอลไปหานรมนสายหนึ่งเลย

พอได้ยินเสียงคำเชิญโทรวิดีโอคอล ชมพูก็อึ้งไปเล็กน้อย

พี่ชายตัวน้อยที่เย็นชาขนาดนี้กลับมีคนที่อยากจะโทรวิดีโอคอลหาด้วยเหรอ?

เธอจึงอดไม่ได้ที่จะชิดเข้าไปใกล้ตัวกานต์เล็กน้อย

กานต์มองเห็นแล้ว แต่ก็รู้สึกว่าไม่เป็นไร แต่ว่าทางด้วยนรมนก็ช้าไปครู่หนึ่งถึงจะรับโทรสาย

“ไงลูกชาย! คิดถึงหม่ามี้หรือเปล่า?”

ตอนนี้ในมือของนรมนกำลังถือมะม่วงกินอยู่อย่างสบายอกสบายใจ ส่วนในมือของบุริศร์ก็ถือกระดาษทิชชูตามอยู่ข้างหลัง และถือกระเป๋าไว้ กลับดูตลกไปอีกแบบ

ปฏิกิริยาบนใบหน้าของกานต์ผ่อนคลายลงมาทั้งหมดแล้ว

“หม่ามี้ ผมคิดถึงหม่ามี้แล้วครับ หม่ามี้นะหม่ามี้ทำไมถึงได้หนีตามคุณบุริศร์ไปล่ะ? กว่าผมจะตามคุณอาธเนศพลมาทางนี้ได้ แต่กลับไม่ได้เจอหม่ามี้เลย น่าผิดหวังจริง ๆ”

กานต์นั้นพูดเยอะแบบนี้น้อยมาก กลับทำให้นรมนรู้สึกอึ้งไปเล็กน้อยเลย แต่ว่าพอได้ยินเสียงที่ผิดหวังของลูกชาย นรมนเองก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย

“ทำไมหนูไม่โทรหาหม่ามี้ก่อนสักสายหนึ่งล่ะ? ถ้ารู้ว่าหนูจะมา หม่ามี้ก็ไม่ออกมาแล้ว”

“หมายความว่ายังไง? เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่จะมาหรือไม่มาคุณก็จะต้องออกมากับผม นรมน พวกเราสองคนออกมาท่องเที่ยวนะ จะเอาก้างขวางคอมาอันหนึ่งทำไม?”

พอบุริศร์ได้ยินว่านรมนให้ความสำคัญกับกานต์มากกว่าตัวเอง ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันทีเลย

มุมปากของกานต์กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย

บนโลกใบนี้มีพ่อแบบนี้ด้วยเหรอ?

มักจะแย่งหม่ามี้กับตัวเองไม่ว่า แถมยังพูดคำพูดที่ไร้ยางอายแบบนี้ได้อย่างหน้าตาเฉยอีก คิดว่าก็คงจะมีแต่บุริศร์คนเดียวแล้ว

“คุณบุริศร์ ก้างขวางคออย่างผม ไม่ใช่คุณเป็นคนสร้างขึ้นมาเองหรอกเหรอ?”

คำพูดนี้โต้แย้งกลับไปจนบุริศร์เกือบโดนน้ำลายตัวเองสำลักตาย

นรมนหัวเราะพรืดขึ้นมาคำหนึ่งเลย

สองพ่อลูกนี่แค่เจอหน้ากันก็แขวะกันทุกที แล้วก็ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเป็นศัตรูกันมาหรือเปล่า

“เอาล่ะ คุณจะมาพูดจาแขวะกันกับลูกชายทำไม? ไปซื้อแก้วมังกรทางโน้นมาให้ฉันอีกสองสามลูกไป ดูแล้วน่ากินมากเลย”

นรมนชี้ไปที่แผงขายที่อยู่ข้าง ๆ

บุริศร์รู้ว่านี่คือการที่ภรรยาอยากจะพูดคุยกับลูกแล้ว ถึงแม้ว่าปากจะชอบพูดแขวะกัน แต่ว่าบุริศร์ก็ยังเป็นห่วงลูกชายอยู่ จากนั้นก็เดินออกไปอย่างเชื่อฟังเลย

พอกานต์เห็นบุริศร์เดินไปแล้ว ถึงได้ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “หม่ามี้ เหมือนว่าหม่ามี้จะสวยขึ้นอีกแล้วนะครับ”

“ขอบใจจ้ะลูกชาย หม่ามี้จะต้องรักษาความงดงามไว้ซิ ต่อไปเวลาหนูพาเมียกลับมา ถ้าหม่ามี้แก่เกินไปก็จะทำให้หนูเสียหน้าได้นะซิ?”

นรมนหยอกล้อกานต์ขึ้นมา เธอไม่ใช่ว่าจะไม่เห็นชมพูที่อยู่ข้างหลังกานต์นะ

สีหน้าของกานต์แดงขึ้นมาทันทีเลย

“หม่ามี้ หม่ามี้พูดอะไรเนี่ย? ผมเพิ่งอายุเจ็ดขวบเองนะ”

“อืม อายุไม่น้อยแล้ว ในสมัยโบราณนั้นชายหญิงหลังอายุเจ็ดขวบเขาก็ไม่นั่งด้วยกันแล้ว นั่นก็หมายความว่ายังไงนะ……”

“หม่ามี้ ช่วงนี้หม่ามี้จะไปไหนต่อหรือเปล่าครับ? หรือจะอยู่ประเทศYตลอดหรือเปล่าครับ?”

กานต์รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปอย่างรวดเร็ว ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าวินาทีต่อไปหม่ามี้จะพูดคำพูดโอเวอร์อะไรออกมาอีกหรือเปล่า

จริง ๆ เลย ถึงแม้เขาจะถือได้ว่าโตเป็นผู้ใหญ่เร็ว แต่ตอนนี้มาพูดถึงปัญหานี้มันก็เร็วเกินไปหน่อยแล้วมั้ง

พอนรมนโดนลูกชายพูดขัดขึ้นแบบนี้ ก็ลืมไปเลยทันทีว่าต่อไปตัวเองจะพูดว่าอะไร แต่ว่าก็ยังพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า“น่าจะใช่มั้ง นี่ต้องดูเจตนาของแด๊ดดี้หนู ว่าแต่มีอะไรจ๊ะ?”

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท